บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552

"เสื้อแดง"เน้นสู้ใต้ดิน หลังทบ.เดินสายแจงสลายฒ้อบ "สงกรานต์เลือด" แกนนำ"โคราช"จวกรัฐเล่นเกมล้างสมอง

ที่มา มติชนออนไลน์

"ทหารบก"ส่งทีมเดินสายแจงข้อเท็จจริงสลายชุมนุม ผู้นำท้องถิ่นอีสาน 4 จว. กว่า 4 พันคน นปช.โคราชโวยเกมล้างสมอง ระดมแกนนำรุกเกมใต้ดิน "เสื้อแดง"ไม่เลิก นัดชุมนุมลพบุรี-เชียงใหม่ พร้อมประชุมแกนนำแดงทั่วปท.7 มิ.ย.นี้

ทบ.เดินสายแจงผู้นำอีสาน 4 พันคน


วันเดียวกัน ที่อาคารสุพัฒน์ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา เวลา 11.00 น. พล.ท.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ ในฐานะผู้อำนวยการนโยบายและแผนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) พร้อมนายชาญวิทย์ วสยางกูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ชี้แจงการปฏิบัติภารกิจในการรักษาความสงบเรียบร้อยกรณียุติการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และการสลายการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ก่อความไม่สงบ ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 เมษายน ให้แก่นายอำเภอ ผู้บริหาร อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านใน จ.นครราชสีมา ประมาณ 4,000 คน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการบรรยายและฉายภาพการปฏิบัติหน้าที่ของทหารต่อกลุ่มผู้ชุมนุมและผู้ที่ก่อความไม่สงบ ชี้แจงมาตรการ คำสั่งในการปฏิบัติภารกิจ เพื่อให้ไปเผยแพร่ไปสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง จากนั้นจะตระเวนประชุมชี้แจงใน จ.เลย อุดรธานี และหนองคาย โดยเฉพาะที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย จ.เลย มีการพบปะกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดเลยและหนองบัวลำภู มีนายก อบจ.เลย นายอำเภอทุกอำเภอ นายกเทศมนตรี นายก อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านรวม 1,500 คนเข้ารับฟัง


พล.ท.ดาวพงษ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า นำข้อมูลมาเสนอต่อประชาชนให้รับรู้อย่างทั่วถึง ว่าข้อมูลใดเป็นข้อมูลที่แท้จริง หรือข้อมูลเท็จ ประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นผู้ที่จะต้องพิจารณาด้วยตัวเอง สิ่งที่สำคัญที่สุด คือประเทศไทยนั้นจะไม่สามารถยืนยัดอยู่ได้หากไร้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์


แกนนำแดงโคราชโวยหวังล้างสมอง


นายฉลอง แสงราษฎร์เมฆินทร์ หรือน้อยแสง แกนนำเคลื่อนไหวกลุ่มเสื้อแดง คนโคราชรักประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาจะมีหน่วยงานที่ดูแลความมั่นคงในเขตอีสานพยายามสกัดกั้นทุกวิถีทาง อีกทั้งจัดกิจกรรมเดินสายไปหลายจังหวัด ปัญหานี้ทางแกนนำที่กรุงเทพฯทราบดีว่า รัฐบาลกำลังเล่นเกมล้างสมองผู้นำชุมชน และผู้บริหาร อปท. ด้วยเหตุนี้ทางกลุ่มเสื้อแดงจึงต้องจัดประชุมรับมือ ล่าสุดนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ตอบรับมาร่วมประชุมวันที่ 30 เมษายนนี้ และได้เปลี่ยนแปลงจัดประชุมที่โรงแรมดิไอยรา ถนนจอมพล ข้างไนท์บาซาร์วัดบูรพ์ เขตเทศบาลนครราชสีมา จะมีระดับแกนนำ นปช.เขตอีสานใต้ จากนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ สระบุรี และขอนแก่น ไม่ต่ำกว่า 300 คนเข้าร่วม


"ถ้าสู้บนดินไม่ได้ก็ต้องเป็นใต้ดิน เพราะสถานีวิทยุชุมชนของคนเสื้อแดงถูกอำนาจรัฐคุกคามทุกรูปแบบ และการเคลื่อนไหวด้วยสัญลักษณ์เสื้อสีแดงอาจจะต้องเปลี่ยนเป็นสีอื่นๆ" นายฉลอง กล่าว

เสื้อแดงนัดชุมนุมลพบุรี-เชียงใหม่


ที่ห้องเพทาย โรงแรมรัตนโกสินทร์ เวลา 13.30 น. กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดย นพ.เหวง โตจิราการ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายสุรชัย ด่านวัฒนา (แซ่ด่าน) นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำเสื้อแดงรุ่น 1-2 ร่วมกันแถลงข่าวเรื่องคลิปวิดีโอวันสลายการชุมนุมที่เพชรบุรีซอย 5-7 ที่กล่าวหามีคนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เข้าร่วมอยู่เหตุการณ์ด้วย


นายสมยศ กล่าวว่า ในเหตุการณ์ที่เพชรบุรีซอย 5-7 มีบุคคล อย่างน้อย 3คนของ พธม.เข้าไปเกี่ยวข้อง คือนายนิติธร ล้ำเหลือ ทีมทนายความของ พธม. จุดยืนของ นปช.ยังยื่นขอให้รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลมีมติที่ชัดเจนผ่านร่างแก้ไข รธน.ของ คพปร. และสร้างการสมานฉันท์ให้กับสังคมอย่างแท้จริง และต้องยุติการกระทำสองมาตรฐาน


"ในวันที่ 9 พฤษภาคมจะจัดชุมนุมที่โรงเรียนพระนารายณ์ จังหวัดลพบุรี ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. จะเรียกร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีและหน่วยงานของรัฐทั้งหมด ดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ไปเข้าร่วมการชุมนุม ถ้ามีการแทรกแซงประการใดถือว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล และก็วันที่ 10 พฤษภาคมจะไปชุมนุมที่ตลาดธารเกษตร อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เวลา 17.00-22.00 น."


7 มิ.ย.ประชุมแกนนำแดงทั่วปท.


นายจรัล กล่าวว่า ทาง นปช.จะจัดประชุมสมัชชา ผู้แทนกลุ่มคนเสื้อแดงทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ และจะจัดในช่วงวันที่ 7 มิถุนายน การประชุมครั้งนี้จะมีความหมายทางการเมือง มีคนคิดว่ากลุ่มเสื้อแดงพ่ายแพ้แล้ว แต่ไม่ใช่ เสื้อแดงส่วนใหญ่ยังอยู่เหมือนเดิม การต่อสู้ยังเหมือนเดิม ในวันที่ 16-17-18 พฤษภาคม ครบรอบเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งเหตุการณ์มีความเหมือนกับวันที่ 13 เมษายน 2552 จะเริ่มพิธีไว้อาลัย รำลึกถึงวีรชนพฤษภาทมิฬ

ผู้ว่าฯอุดรปลุก"อปท."จับตาป่วน


ด้านนายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวในการประชุมผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่นว่า รับรายงานจากฝ่ายการข่าวว่าในพื้นที่อุดรธานี มีพฤติกรรมจาบจ้วง ให้ร้ายสถาบันสูงสุด ไม่เชื่อว่าที่อุดรธานีจะมีเกิดขึ้น รู้สึกเป็นห่วงบ้านเมืองมาก อยากให้ อปท.ช่วยกันติดตามสถานการณ์ หาทางแก้ไข คนไม่กี่คนเอาชื่อเสียงไปทำลาย โดยพวกเรากลับอยู่เฉยๆ ไม่ยอมทำอะไรบ้าง ตนนิ่งต่อไปไม่ได้อีกแล้ว พร้อมรับฟังวิธีการของทุกคนตลอดเวลา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการประกาศของ นปช.รุ่น 2 จะมาเปิดเวทีที่สนามทุ่งศรีเมือง วันที่ 2 พฤษภาคมนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า เพราะนายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ประกาศไม่เข้าร่วมผ่านทางวิทยุชุมชนไปแล้ว และมีจะเปิดเวทีที่สนามทุ่งศรีเมือง วันที่ 9 พฤษภาคมแทน ในส่วนกองทัพบกชี้แจงการสลายการชุมนุมวันที่ 30 เมษายนนี้ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

ฝ่ายค้านขอพิจารณาวาระ"ตู่"ก่อน


นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 29 เมษายน ถึงผลการประชุมวิปรัฐบาล ว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 30 เมษายน ประธานวิปฝ่ายค้าน ประสานขอให้เลื่อนระเบียบวาระที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย (พท.) ไปดำเนินคดีอาญาในคดีที่เป็นแกนนำคนเสื้อแดงสร้างความวุ่นวาย กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นมาพิจารณาก่อน ซึ่งวิปรัฐบาลเห็นว่า ฝ่ายค้านต้องเป็นผู้เสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมสภาเอง


"ที่ประชุมจะพิจารณาอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้านายจตุพรจะแสดงความกล้าหาญและแสดงความรับผิดชอบในฐานะแกนนำไม่ขอเอกสิทธิ์คุ้มครองก็เป็นสิ่งที่นายจตุพรต้องมาแสดงเหตุผลให้สภาฟัง จะใช้เหตุผลอะไรในการขอความคุ้มครอง" นายชินวรณ์ กล่าว


"จตุพร"ถามหามาตรฐานสภา


ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ถึงตำรวจทำหนังสือขอตัวไปดำเนินคดี ว่า ทุกคนที่ถูกขอตัวไปดำเนินคดีอย่างนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะแกนนำกลุ่มพันธมิตร รวมถึงกรณีที่ศาลอาญาได้ทำหนังสือขอตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ รวมถึงนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ไปฟังคำพิพากษาที่ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกฯ ฟ้องหมิ่นประมาท ในวันที่ 27 เมษายน แต่นายชัย (นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร) ไม่ยอมเอาคำร้องของศาลเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนฯและวิปรัฐบาลก็ไม่ยอมเข้าร่วมประชุมกำหนดวาระการประชุมกับประธานสภา ศาลจึงเลื่อนการตัดสินไปในวันที่ 11 มิถุนายน


"วันนี้ไม่ได้กลัวอะไรเพราะตำแหน่ง ส.ส.ใช้ประกันตัวได้อยู่แล้ว จึงจะขอให้ ปชป.ยกมือให้เอาตนไปดำเนินคดีเลย และพรรคฝ่ายค้านไม่ต้องช่วย เนื่องจากต้องการให้มีมาตรฐานว่าวันที่ ปชป.และพรรคร่วมเป็นเสียงข้างน้อย เมื่อมีกรณีอย่างเดียวกับผมสภาก็จะอนุมัติไปดำเนินคดี ต้องการพิสูจน์รัฐธรรมนูญ ทำไมนายอภิสิทธ์ใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองตามมาตรา131 ได้และทำไมผมใช้ไม่ได้" นายจตุพรกล่าว


มท.2 ขู่ฟ้องกลับหาชักใยเสื้อน้ำเงิน


นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวกรณี พท.เตรียมแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายชวรัตน์ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน เพราะอยู่เบื้องหลังกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินนั้น ว่า ไม่เกี่ยวกับตน นายบุญจง หรือนายเนวิน ยืนยันว่าทั้งหมดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน ยินดีที่จะชี้แจงหากมีการแจ้งความ


นายบุญจง กล่าวว่า หาก พท.จะดำเนินการขอให้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม และหากข้อกล่าวหานั้นทำให้เสียหาย ก็จะขอใช้สิทธิตามกฎหมาย แจ้งความดำเนินคดี หรือฟ้องกลับผู้ที่ทำให้เสียหาย


พท.ไม่เลิกบี้ทหารสลายม็อบ


วันเดียวกัน คณะกรรมาธิการการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยเป็นประธาน ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนของนายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์และนายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษก พท. ที่ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายกรัฐมนตรีสั่งให้ทหารพร้อมอาวุธสงครามเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดงเมื่อวันที่ 13 เมษายน ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตการเข้าสลายการชุมนุมด้วยวิธีการใช้ความรุนแรง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รองเสนาธิการทหาร และ พล.ต.องอาจ พงษ์ศักดิ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้เข้าชี้แจงว่าใช้กำลังเป็นตามหลักสากลทุกขั้นตอนและเป็นไปตามกรอบการปฏิบัติงานตามแผนกฎการอัยการศึกปี 2541 และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฉุกเฉิน 2548 ทุกประการ


อ้างแจ้งความ"มาร์ค-สุเทพ-ผบ.สส."


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการชี้แจง พล.ต.องอาจ นำคลิปวิดีโอที่บันทึกภาพเหตุการณ์ทะเลาะกันระหว่างผู้หญิงเสื้อแดงและสื่อมวลชน กระทั่งมีการผู้ชายเสื้อเขียวออกมากระชากผม ทำให้ ส.ส.เพื่อไทยหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเหตุดังกล่าวทหารยืนอยู่ในระยะกระชั้นชิดแต่กลับไม่ยอมช่วยผู้หญิง ทำให้ พล.ต.องอาจต้องฉายคลิปวิดีโออีกครั้ง


ระหว่างนั้นนายพร้อมพงศ์ได้แย้งว่าบุคคลที่เข้ามาช่วยผู้หญิงไม่ได้เป็นทหารแต่เป็นผู้หวังดี ที่ขณะนี้ได้เข้าเป็นพยานและเข้าแจ้งความที่ สน.ดินแดนเอาผิดนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. แล้ว ทั้งนี้รู้ข้อมูลมาว่าคนที่เสื้อเขียวที่กระชากผมผู้หญิงเป็นการ์ดพันธมิตร และเคยขึ้นเวทีพันธมิตรหลายครั้ง

รหัสแดง?

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ เหล็กใน



"เมื่อคืนนายก มานอนบ้านแม่ทัพด้วย วันนี้ความคิดถึงกำลังก่อ ตัวเป็นก้อนเมฆ เพื่อจะลอยไปหาที่รัก LOVE เหมียวที่สุดในโลก ความรักที่ให้ทุกวัน มั่นคงเหมือนดวงจันทร์ส่องแสงตลอดทั้งคืน"

ไม่น่าเชื่อว่าข้อความตื่นเต้นระคนหวาน จะเป็นเอสเอ็มเอสสุดท้ายของชีวิต ของพลฯอภินพ เครือสุข ทหารเกณฑ์บ้านนอกจากเมืองเลย

พลทหารรับใช้ในบ้านพักนายทหารระดับแม่ทัพ

เนื่องจากพลฯอภินพเสียชีวิตหลังจากเหตุการณ์ปราบม็อบเสื้อแดง และเผอิญเป็นคนที่รู้ว่าคืนก่อนจะมีการสั่งทหารออกมานั้น

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ นอนที่บ้านพักของพล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1

มีการระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากการลื่นล้มในห้องน้ำ แล้วซื้อยามากินเอง ตอนเช้าก็เสียชีวิต

โรงพยาบาลพระมงกุฎฯที่ระบุว่าคอหัก และมรณบัตรที่ส่งให้ญาติก็ระบุว่าคอหัก

แต่ผลการชันสูตรศพของคณะแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช ระบุว่ามีรอยช้ำที่บริเวณต้นคอด้านหลังค่อนมาทางด้านซ้าย ฐานกะโหลกศีรษะด้านซ้ายส่วนหลังมีรอยแตกร้าว ตำแหน่งที่ใกล้กับช่องไขสันหลังซึ่งต่อเนื่องกับรอยแตกร้าวที่ฐานกะโหลกศีรษะด้านซ้าย

ส่วนหลัง มีรอยแตกยุบเล็กน้อย เป็นรอยต่อเนื่องกัน ความยาว 6-7 ซ.ม. ทำให้มีเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มไขสันหลังบริเวณลำคอ เนื้อสมองด้านซ้ายส่วนหลังมีรอยกดยุบลึก 2.5 ซ.ม.

สาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตคือกะโหลกศีรษะส่วนหลังแตก เลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนาที่กดเนื้อสมอง เกิดได้จากศีรษะกระทบของแข็งหรือของแข็งมากระแทกอย่างรุนแรง ทำให้มีรอยแผลเดียว แต่มีรอยยาว

อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของพลฯอภินพ ฝ่ายค้านได้นำไปพูดกันในสภาว่าเป็นการตายอย่างมีเงื่อนงำ

จนนำมาสู่การผ่าพิสูจน์โดยแพทย์มืออาชีพ

น่าเสียใจตรงที่โฆษกกองทัพบก ที่ไม่ยอมสลัดคราบโฆษกคมช. พยายามออกมาพูดว่าเป็นเรื่องการเมือง แถมยังระบุว่านายทหารผู้ใหญ่รักพลฯอภินพเหมือนลูกหลาน

ถ้าไม่ไว้วางใจก็คงไม่ได้มาเป็นทหารรับใช้

นอกจากนี้ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าฝ่ายค้านหากินกับศพ พยายามโยงประเด็นการเสียชีวิตของพลทหารให้เป็นเรื่องการเมือง

ทั้งๆ ที่พรรคตัวเองก็เพิ่งจะทำมา

เป็นเรื่องน่ายินดีที่นายอภิสิทธิ์บอกจะต้องทำให้กระจ่าง

การเสียชีวิตของพลฯอภินพ ทำให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง A FEW GOOD MEN ซึ่งกินใจอย่างมาก

เพราะออกมาฉายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535

รัฐบาลต้องทำให้ชัดว่าพลทหารคนนี้ไม่ได้เสียชีวิตเพราะ "รหัสแดง" แบบ 2 พลทหารอเมริกันในหนังเรื่องนี้

กลัดกระดุมผิด

ที่มา เดลินิวส์

สองโพลสำคัญ สวนดุสิตโพล และ เอแบค เรียลไทม์โพล สะท้อนความต้องการของประชาชนที่จับต้องได้ สวนดุสิตโพล สำรวจ 24-26 เม.ย. 52 คนอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ 3,079 ตัวอย่าง พบ 75.15% เห็นด้วยกับการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่เห็นด้วย 24.85% เห็นด้วย แก้รัฐธรรมนูญ 68.75% ไม่เห็นด้วย 31.28% เห็นด้วยนิรโทษกรรม 64.89% ไม่เห็นด้วย 35.11%

ขณะที่เอแบค เรียลไทม์โพล สำรวจ 17 จังหวัดทั่วประเทศ 25 เม.ย. จำนวน 1,346 ครัวเรือน ต่อการเคลื่อนไหวของนปช. พบ 68.9 % สนับสนุน หากนปช.ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และ 51.9% ต้องการให้รัฐบาลทำตามข้อเรียกร้องของนปช. แต่เป็นข้อเรียกร้องที่เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง ไม่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ไม่เอื้อประโยชน์ต่อคนใดหรือกลุ่มใด ขณะที่ 30.6% เห็นว่าไม่จำเป็นทำตาม ข้อเรียกร้องใด ๆ

ประชาชนนั้นมีความเป็นธรรมในหัวใจ ขอคารวะจริง ๆ แม้ยังห่างไกลกับการทำประชามติ

แต่ 2 โพลบอกได้ว่า คนไทย ต้องการให้บ้านเมืองคืนสู่ความสันติสุข ไม่อยากเห็นการแตกแยกของคนในชาติ ที่กำลังหยั่งรากลึกจนยากที่จะแก้ไขขึ้นทุกที ข้อเสนอของนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เสนอก่อนหน้านี้

ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ และนิรโทษกรรมทางการเมือง

ถือว่ามาถูกที่ ถูกเวลา ตรงกับความต้องการของประชาชน ทั้งที่การแก้ไขปัญหาวิกฤติชาติครั้งนี้ ทฤษฎีการเมืองฝั่งตะวันตก บอกว่า หากกลัดกระดุมเสื้อโค้ตผิดไป 1 เม็ด ก็จะทำให้การกลัดกระดุมเสื้อโค้ตผิดไปทั้งตัว

การจะแก้ ไม่ง่ายหรอก เพราะต้องเริ่มปลดกระดุมที่กลัดผิดตั้งแต่เม็ดล่างสุดออกทีละเม็ด ๆ นกว่าจะแกะออกหมดทุกเม็ด หลังจากนั้นจึงจะเริ่มต้นกลัดกระดุมใหม่ได้ แล้วก็ต้องไล่กลัดไป ทีละเม็ด ๆ ใหม่

ปัญหาบ้านเมืองตอนนี้ก็ไม่ต่างหรอก กลัดกระดุมผิดตั้งแต่ คิดตื้น ๆ แค่ลากรถถังออกมาปฏิวัติยึดอำนาจ 19 ก.ย. 49 แล้วทุกอย่างจะจบสวยงาม แต่พิสูจน์แล้ว ทุกอย่างตรงข้ามหมด ปัญหาชาติมีแต่ดำดิ่งลึกลงทุกวัน

แต่คนทำก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย !!!

การที่นายกฯเริ่มเปิดฉากให้แก้รัฐธรรมนูญและนิรโทษกรรมทางการเมือง ก็ขอให้จริงใจ อย่าทำแค่ให้ดูเท่ เล่นการเมืองไปวัน ๆ แบบที่คนในพรรคหลายคนถนัดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ก็แล้วกัน

นายกฯ เริ่มเดินถูกทาง แต่พวกชมรม ส.ส.ร., ส.ว.ลากตั้ง ที่ยังต้านการแก้ไขรธน.ปิศาจคาบไปป์ ทุกวิถีทาง เห็น ขยันเอาสีป้ายคนอื่น เป็นทาสคนนั้น คนนี้ ดีนัก แล้วตัวเองล่ะ ทาสใคร รู้ทั้งรู้ รธน.ฉบับนี้เต็มไป ด้วยอคติ ขัดหลักนิติศาสตร์เห็น ๆ แค่ ม.237 มาตราเดียวก็เห็นแล้ว ทำผิดคนเดียว ประหารทั้งพรรค

พูดกันนักต้องใช้ “ยาแรง” กำจัดนักการเมืองเลว ก็เอาสิแต่ใช้ให้เสมอภาคสิ ไม่ใช่มุ่งทำลายศัตรูการเมือง กรรมเดียวกัน วาระเดียวกัน กก.บริหารพรรคร่วมแจกตั๋วหนังกับลูกทีม คนอื่นโดนหมด ใบเหลือง ใบแดง แต่กก.บริหารขาวจั๊วะโด่เด่อยู่คนเดียว เลยไม่ต้องถูกยุบพรรค

แล้วมันยุติธรรมตรงไหน รธน.ฉบับ นี้ จึงสมควรโละทิ้ง แล้วเอา รธน.ฉบับ ประชาชน 2540 มาใช้ นั่นล่ะถูกต้องที่สุด อย่ามาบอกโละทิ้งไม่ได้ ก็ฉีกทิ้งมาแล้ว 17 ฉบับ จะฉีกอีกฉบับเป็นไร ทำประชามติกันไปเลย

ยังไม่นับ ม.309 ที่ถึงขนาดเขียนในรัฐธรรมนูญ ให้นิรโทษกรรมความผิดตัวเองทุกกรณี ชนิดไม่เคยมีมาก่อน แต่พอมีข่าวจะมีนิรโทษกรรมทางการเมืองให้นักการเมืองบ้าง กลับออกมาต่อต้านเสียงขรม ทั้งที่ยังไม่ตั้งไข่

ไม่รู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบกับวิกฤติที่เกิดขึ้นบ้างเลยหรือไร???

ดาวประกายพรึก

เอ็นจีโอติงรัฐอย่าปิดปาก ปชช.

ที่มา เดลินิวส์

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครือข่ายพลเมืองเน็ต คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) คณะกรรม การรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย และเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ร่วมกันจัดงานเสวนา “วิพากษ์ผลกระทบกฎหมายและการเมือง ต่อสิทธิมนุษยชนพลเมืองเน็ต” โดยนายจอน อึ๊งภากรณ์ ผอ.โครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน กล่าวว่า พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์มีปัญหาจำกัดสิทธิการแสดงความคิดเห็นหลายมาตรา เพราะมีความเข้าใจผิดว่าให้เจ้าของเว็บ ไซต์ต้องรับผิดชอบเนื้อหาที่โพสต์ในเว็บ โดยที่ไม่เข้าใจว่าเว็บไซต์เป็นเสรีภาพในการแสดงออก จึงต้อง แก้ไข พ.ร.บ. นี้ ส่วนการปิดเว็บไซต์นั้น ไทยไม่มีความ สามารถในเรื่องนี้เท่าไร ตนมองว่าเรื่องนี้เหมือนกับการไปตั้งเครื่องมือที่สนามบิน คอยตรวจจับว่าใครเป็น ไข้หวัดหมู ซึ่งมันไม่ได้ผลแต่รัฐบาลก็ยังทำ ขณะนี้ประชาชนกำลังถูกลูกหลงจากสงครามระหว่าง 2 ฝ่าย มันคือสัญลักษณ์ของบรรยากาศการเมืองที่ไม่ปกติ โดย สงครามนั้นหัวข้อใหญ่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ซึ่งเป็นเรื่องอ่อนไหวของสังคมไทย ไม่ว่ารัฐบาลพลังประชาชน หรือรัฐบาลประชาธิปัตย์พยายามจะบอกว่าเรากำลัง ปกป้องสถาบันอย่างมีประสิทธิภาพ

“วิธีที่จะทำให้ประเทศสงบได้และสถาบันยังอยู่ด้วยคือทุกฝ่ายต้องทำให้สถาบันกษัตริย์อยู่เหนือ การเมืองจริง ไม่มีใครเอามาใช้เป็นเครื่องมือ ทั้งนี้ เราต้องแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 เรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพให้เป็นกลไกปกติของการดำเนินการ” นายจอน กล่าว

ด้าน น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ตัวแทนเครือข่ายพลเมืองเน็ต กล่าวว่า การปิดกั้นเว็บไซต์ เพิ่มขึ้นหลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 กว่าร้อยละ 50 แม้ตาม พ.ร.บ. นี้ การปิดเว็บไซต์ต้องผ่านขั้นตอนของศาลก่อนแต่ช่วงประกาศกฎอัยการศึกยังมีการปิดเว็บไซต์ได้ จึงมีการถกเถียงว่าขัดต่อสิทธิเสรีภาพหรือไม่ ซึ่งกรณีทั้งหมดเกิดจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วไปในเรื่องการใช้สิทธิเสรีภาพ จึงต้องแก้กฎหมายให้มีมาตรฐานและสิทธิเสรีภาพดีขึ้น.

ไม่เอาเสนาะ ปชป.ดัน สสร.แก้รธน.

ที่มา ไทยรัฐ

ปชป.ตีกัน "เสนาะ" นั่งประธานรวบรวมประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ พร้อมแพลมไต๋ลากเกมยาวตั้ง ส.ส.ร. "บรรหาร" เห็นด้วยไม่ต้องรีบเร่งแก้ รธน. พรรคชาติไทยพัฒนาเสนอชำแหละ 3 กรอบใหญ่ ย้ำจุดยืนปล่อยผีเหยื่อยุบพรรค ภูมิใจไทยได้ข้อสรุป 8 ประเด็น เน้นเลือกตั้งเขตเดียวเบอร์เดียว-จัดตั้งศาลเลือกตั้ง ส่วนนิรโทษกรรมต้องผ่านประชามติ เพื่อแผ่นดินขอใช้ ฉบับปี 50 เป็นต้นร่าง แถมแฉ ปชป.จ้องดัน "บัญญัติ" นั่งหัวโต๊ะคุมเกม ขณะที่พรรคเพื่อไทยเชียร์ "ป๋าเหนาะ" เหมาะสมกว่า แถมเล่นแง่ขอให้ตั้ง กมธ.สอบเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดงก่อน 40 ส.ว.ป่วนล้มโต๊ะรายชื่อที่ผ่านมติวิปวุฒิฯ "กษิต" เดินตามรอย "อภิสิทธิ์-เทพเทือก" นั่งรถกันกระสุนบ้าง

กรณีที่วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา มีมติร่วมกันเสนอให้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อความปรองดองสมานฉันท์ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่รวบรวมข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นต่างๆภายใน 15 วัน ขณะเดียวกันมีข่าวว่า นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา พยายามผลักดันให้นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เป็นประธานคณะกรรมการชุดดังกล่าวนั้น

ปชป.ห่วง 15 วันรวมประเด็นไม่ทัน

เมื่อเวลา 10.35 น. วันที่ 27 เม.ย. ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อความปรองดองสมานฉันท์และแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า คาดว่านายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา จะตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ภายในวันที่ 29 เม.ย. เพื่อให้คณะกรรมการได้วางกรอบการพิจารณา เลือกประธาน และตำแหน่งอื่น ส่วนเงื่อนเวลาที่นายชัยกำหนดไว้เบื้องต้น 15 วันนั้น อาจดำเนินการไม่ครบถ้วน เพราะคณะกรรมการต้องรวบรวมประเด็นอย่างรอบคอบและรับฟังความเห็นให้กว้างขวางก่อนนำเสนอต่อรัฐสภา

ตีกัน "เสนาะ" นั่งประธาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายชัยเสนอชื่อนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เป็นประธานคณะกรรมการฯ นายชินวรณ์ตอบว่า ยังไม่ชัดเจน ยังไม่มีการพูดถึงตัวบุคคล ควรให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการ แต่บุคคลที่จะเป็นประธานต้องได้รับการยอมรับจากสังคม สามารถขับเคลื่อนให้คณะกรรมการดำเนินการไปตามเป้าหมายได้ เมื่อถามย้ำว่าคุณสมบัติของนายเสนาะเหมาะสมพอหรือไม่ นายชินวรณ์ตอบว่า ไม่อยากก้าวล่วง ให้คณะกรรมการไปเลือกกันเอง

ดึงเกมยาวตั้ง ส.ส.ร.

เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ นายชินวรณ์ตอบว่า ยังเป็นเพียงขั้นตอนให้แต่ละพรรคไปรวบรวมประเด็น การจะนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 291 คือสมาชิกรัฐสภาจำนวน 1 ใน 5 เข้าชื่อเสนอเป็นญัตติ โดยมีข้อสังเกตว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาทั้งปี 2534 หรือปี 2540 ก็เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม รวมถึงรัฐธรรมนูญ 2550 ก็เปิดให้ทำประชามติ จึงมีข้อสังเกตในส่วนนี้ที่จะเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้รับการยอมรับ เมื่อถามว่ามีคนตั้งข้อสังเกตว่าการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวขึ้นมาอาจเป็นมวยล้ม นายชินวรณ์ตอบว่า เชื่อว่าคณะกรรมการชุดนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อตั้งส.ส.ร.ขึ้นมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเป็นก้าวแรกที่นำไปสู่เป้าหมายตามที่สังคมต้องการได้

ยังไม่เคาะประเด็นเสนอแก้ รธน.

ต่อมาในช่วงบ่ายมีการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ที่ประชุมได้หารือกันถึงข้อเสนอตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อความปรองดองสมานฉันท์และแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีการพูดคุยใน 2 ประเด็น คือ 1. องค์ประกอบของคณะกรรมการ 2. ขอบข่ายอำนาจหน้าที่ เราไม่ติดใจในขอบข่ายอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ แต่ติดใจเรื่ององค์ประกอบที่ประกอบด้วย ส.ส. และ ส.ว. 30 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ 10 คน จะเห็นว่าส่วนใหญ่มาจากภาคการเมือง มีภาคประชาชนน้อยมาก จึงอาจไม่มีความเป็นอิสระจากการเมือง อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมพรรคมีมติเห็นด้วยกับการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าว เพราะจะสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้ โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ข้อคือ 1. รวบรวมประเด็นปัญหาทางการเมืองเพื่อนำมาศึกษาแก้ไข 2. รวบรวมประเด็นปัญหาความขัดแย้งของรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การแก้ไข 3. ให้ทุกภาคส่วนร่วมมือนำไปสู่ความสมานฉันท์ปรองดองของคนในชาติ สำหรับประเด็นที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติ โดยเห็นว่าควรรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการชุดดังกล่าวก่อน

เปิดชื่อ 8 ขุนพลร่วมทีมแก้วิกฤติ

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และประธานวิปรัฐบาล เปิดเผยว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ชื่อบุคคล 8 คน ที่จะส่งไปเป็นกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองแล้ว โดยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นผู้คัดเลือกจากผู้เสนอตัว ประกอบไปด้วยนายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ ส.ส.สัดส่วน นายถวิล ไพรสณฑ์ ส.ส.กทม. นายนิพนธ์ วิสิษฎ์ยุทธศาสตร์ ส.ส.สัดส่วน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช นางผุสดี ตามไท ส.ส.สัดส่วน นายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และนายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิอีก 2 คนในสัดส่วนโควตาพรรคนั้น ที่ประชุมหารือได้เพียงกรอบของบุคลากรที่มีความชำนาญด้านกฎหมายของสถาบันต่างๆเท่านั้น เพราะต้องนำไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งประสานไปยังพรรคฝ่ายค้านด้วย เพื่อไม่ให้ตัวบุคคลซ้ำซ้อนกัน คาดว่ารายชื่อทั้งหมดจะส่งถึงมือนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ภายในวันที่ 29 เม.ย. ในเบื้องต้นมีชื่ออยู่แล้ว 2 คือนายสมบัติ ธำรงค์ธัญวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยนิด้า และนายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า

ชทพ.ย้ำปล่อยผีเหยื่อยุบพรรค

เช้าวันเดียวกัน นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคชาติไทยพัฒนาสนับสนุนการปฏิรูปการเมือง โดยเห็นควรให้แก้ไขมาตรา 190 และมาตรา 237 ภายใต้หลักการที่ให้คนที่ไม่ได้กระทำความผิดพ้นผิด ใครไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐธรรมนูญ 2550 จะต้องได้รับความเป็นธรรม ส่วนวิธีการจะเป็นอย่างไรนั้น มีหลากหลายเช่น อาจเขียนลงบทเฉพาะกาล หรือออกกฎหมายลูกเป็นการเฉพาะ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะมีการแก้ไขในประเด็นที่พรรคชาติไทยพัฒนาเสนอ นายชุมพลตอบว่า ไม่มีปัญหา แก้ได้ก็ได้ แก้ไม่ได้ก็จบไป เราไม่ติดใจ แต่วันหนึ่งความเป็นธรรมต้องคืนมาไม่ว่าในรูปแบบไหนก็ตาม ไม่ได้เร่งรัด ถ้าเกิดกระแสไม่ยอมรับในสังคมก็ถอยไป อย่าไปแก้ให้เกิดวิกฤติในบ้านเมือง เมื่อถามว่าจำเป็นต้องทำประชามติหรือไม่ นายชุมพลตอบว่า ไม่จำเป็น ตอนปี 2550 ไปลงประชามติกันถึงได้มีปัญหารัฐธรรมนูญกว่า 300 มาตรา ชาวบ้านไม่รู้เรื่องเลย อ่านยังไม่รู้เรื่องเลย

ตกผลึกแยกเสนอ 3 กรอบใหญ่

ต่อมาในช่วงเย็น นายชุมพลให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังการประชุมพรรคชาติไทยพัฒนา ถึงความคืบหน้า ในการสรุปประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ทางพรรคได้หารือและสรุปประเด็นคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะเสนอประเด็นแก้ไข 3 ฉบับเตรียมเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยฉบับแรกมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม คุยกันตกผลึกแล้วเห็นว่าควรจะเสนอแก้ไขมาตรา 190 มาตรา 237 มาตรา 265 และมาตรา 266 ประเด็นเหล่านี้พรรคอื่นก็เห็นด้วย ส่วนฉบับที่สองคือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับที่มาของ ส.ส.และ ส.ว. สำหรับฉบับที่สามจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับองค์กรอิสระทั้งหมด

"เติ้ง" ระบุไม่ต้องเร่งรีบ

นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ว่า การที่วิป 3 ฝ่ายเสนอให้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อความปรองดองสมานฉันท์ และแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ถือเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาระดับหนึ่งที่จะมีความก้าวหน้าไปได้ แม้จะไม่สามารถแก้ไขได้ อย่างเด็ดขาด แต่หากแก้ไขได้ส่วนหนึ่งก็ถือว่ายังดี ทั้งนี้ต้องดูว่าปัญหาอยู่ตรงไหนแล้วแก้ไขตรงจุดนั้น เหมือนเช่นที่นายกรัฐมนตรีพูดไว้ว่าเมื่อมีปัญหาเรื่องการเมืองก็ต้องเอาการเมืองเข้าไปแก้ไข ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เสนอให้นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เป็นประธานคณะกรรมการ นายบรรหารตอบว่า ไม่มีความเห็นเรื่องนี้ ส่วนกรอบระยะเวลา ที่กำหนดให้ไว้ 15 วัน หากไม่พอก็น่าจะขยายออกไปได้ ไม่ต้องเร่ง และไม่คิดว่าจะเป็นการซื้อเวลาของรัฐบาลอย่างที่หลายฝ่ายวิจารณ์

เชียร์ช่วย "ทักษิณ" หลุดคดีการเมือง

เมื่อถามว่า หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าจะมีการนิรโทษกรรม ที่อาจจะรวมไปถึงกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายบรรหารตอบว่า คงไม่มีเรื่องคดีอาญา แต่อาจจะมีแค่เรื่องการเมืองเท่านั้น อย่างไรก็ดีคิดว่า จะเป็นแนวทางที่จะทำให้ปัญหาในบ้านเมืองคลี่คลาย ลงไปได้ คนอยู่ใต้ดินก็เอามาบนดินเสีย ก็คงจะทำให้ คลี่คลายปัญหาไปได้

ภูมิใจไทยสรุปเสนอ 8 ประเด็น

อีกด้านหนึ่ง นางศุภมาส อิศรภักดี รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงหลังการประชุมพรรคว่า พรรคภูมิใจไทยมีข้อสรุปเกี่ยวกับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 8 ข้อคือ 1. ต้องเป็นประเด็นสาธารณะ 2. ให้มีการเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว 3. ที่มาของ ส.ว.ต้องมาจากการเลือกตั้ง 4. ให้ ส.ส.สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ เช่นที่ปรึกษารัฐมนตรีหรือเลขานุการรัฐมนตรี 5. แก้มาตรา 190 เรื่องการทำหนังสือสัญญากับต่างประเทศ 6. การสรรหาองค์กรอิสระต้องเพิ่มตำแหน่งของ ส.ส.เข้าไปเป็นกรรมการสรรหาด้วย 7. เรื่องการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง โดยให้ กกต. ทำหน้าที่เฉพาะจัดการเลือกตั้ง และรวบรวมหลักฐานการทุจริตส่งให้ศาลเป็นผู้ตัดสินเท่านั้น และเห็นว่าน่าจะมีศาลเลือกตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 8. เรื่องการยุบพรรค

ถ้าจะนิรโทษกรรมต้องผ่านประชามติ

นางศุภมาสกล่าวว่า ทุกประเด็นที่จะแก้ไขต้องผ่านการทำประชมติก่อน เพื่อเป็นการหาคำตอบจากประชาชนว่าต้องการให้มีกติกาแบบไหน สำหรับการนิรโทษกรรมนั้นพรรคไม่มีการพูดถึง เพราะเป็นประเด็นเฉพาะตัวบุคคล จะไม่แตะต้องเรื่องนี้ แต่หากพรรคอื่นเสนอมา ขอให้ผ่านประชามติเพื่อเป็นการแสดงว่าเห็นด้วยก่อน
นายประกิจ พลเดช ประธานคณะทำงานพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคมีมติให้นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม เป็นตัวแทนพรรคไปเป็นกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯ สำหรับประเด็นการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนั้น ยังคงให้มีการเพิกถอนสิทธิผู้ที่กระทำผิด 5 ปีเหมือนเดิม แต่ถ้ามีใครคนหนึ่งทำผิด ขอให้เป็นความผิดเฉพาะบุคคล ไม่ควรลงโทษไปถึงกรรมการบริหารพรรคคนอื่นหรือยุบพรรค

"เนวิน" ประเมินรัฐบาลอยู่ไม่เกิน 2 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมพรรคภูมิใจไทยครั้งนี้ ทางพรรคได้สั่งให้ ส.ส.แต่ละคนต้องรวบรวมรายชื่อสมาชิกพรรคมาแสดงอย่างน้อย 500 รายชื่อ โดยระบุว่าหากใครไม่สามารถรวบรวมรายชื่อสมาชิกได้ตามจำนวนหรือรวบรวมได้น้อยเกินไปอาจจะมีผลต่อการพิจารณาส่งลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งต่อไป และ ส.ส.ทุกคนต้องซื้อเสื้อน้ำเงินของพรรค 400-500 ตัว ราคาตัวละ 50 บาท เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้นายเนวิน ชิดชอบ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรค และนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางในการวางแผนการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียวแน่นอน และประเมินว่าจะมีการเลือกตั้งในอีกไม่เกิน 2 ปี จึงกำชับให้ ส.ส.ขยันลงพื้นที่

เพื่อแผ่นดินขอใช้ รธน.50 เป็นต้นร่าง

นพ.อลงกต มณีกาศ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงภายหลังการประชุมพรรคว่า ที่ประชุมมีมติว่าควรมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นรายมาตรา แต่ต้องไม่นำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาเป็นแม่แบบ เช่นต้องแก้ไขมาตรา 190 เรื่องการทำสัญญากับต่างประเทศ มาตรา 237 เรื่องการยุบพรรค เนื่องจากอยากให้มีการเอาผิดเป็นรายบุคคล และมาตรา 265 มาตรา 266 ที่ ส.ส.ไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ส่วนประเด็นการนิรโทษกรรมนั้น พรรคเห็นด้วย เพราะที่ผ่านมากฎหมายถูกบังคับใช้ จนเป็นเหตุให้พรรคการเมืองถูกยุบ และกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ ทั้งๆที่ไม่ได้กระทำความผิด แต่ไม่เห็นด้วยหากจะให้มีการนิรโทษกรรมความผิดทางคดีอาญา โดยเฉพาะคดีการทุจริตต่างๆ

แฉ ปชป.ดัน "บัญญัติ" นั่งประธาน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เสนอชื่อนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดินตอบว่า คงเป็นไปได้ยาก เพราะพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯเช่นกัน

นายไชยยศ จิรเมธากร เลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ทางพรรคได้ส่งชื่อนายสุเทพ เจตนาการณ์กุล อดีตประธานศาลอุทธรณ์ภาค 2 และรองศาสตราจารย์นพนิธิ สุริยะ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไปเป็นกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯในโควตาสัดส่วนของพรรค โดยส่งรายชื่อทั้งสองคนไปถึงประธานรัฐสภาแล้ว

พท.เล่นแง่ให้ตั้ง กมธ.สอบสลายม็อบ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธุ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยนายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงการสลายการชุมนุมของรัฐบาล เมื่อวันที่ 13 เม.ย. และมีมติให้ตั้งคณะทำงานเพื่อยื่นเรื่องตรวจสอบการสลายการชุมนุม โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน เป็นประธานคณะทำงาน เพื่อยื่นเรื่องต่อองค์การสหประชาชาติ องค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ ป.ป.ช. นอกจากนี้จะมีการรวบรวมหลักฐานการกระทำของกลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงิน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวินด้วย ถ้าสภาไม่มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดดังกล่าวขึ้นมา พรรคเพื่อไทยจะไม่ร่วมสังฆกรรมในทุกเรื่องกับรัฐบาล รวมถึงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ หรือการตรวจสอบการทำงานต่างๆ

รีบชงเข้าที่ประชุมสภาทันที

ผู้สื่อข่าวถามถึงรายชื่อตัวแทนที่จะร่วมในคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯ นายพร้อมพงศ์ตอบว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่ขอพูดถึง เราขอพูดเรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบการสลายการชุมนุมก่อน ขอดูความจริงใจของรัฐบาล หากไม่จริงใจแล้ว เรื่องต่างๆก็จะไม่เกิดขึ้น ทุกเรื่องเราจะไม่ร่วมด้วย ทั้งนี้นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน แจ้งต่อที่ประชุมพรรคว่า วันที่ 29-30 เม.ย.นี้จะเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อตรวจสอบการสลายการชุมนุมขึ้นต่อที่ประชุมสภาฯ

เชียร์ "เสนาะ" คุมเกมแก้ รธน.

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เสนอชื่อนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯว่า นายเสนาะมีความเหมาะสมที่สุด เพราะเป็นผู้ใหญ่ มีความอาวุโสทางการเมือง เป็นคนกล้าพูดเตือนสติได้ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่รู้ทันเกมการเมือง ใครก็ต้มไม่ได้ ทั้งนี้ถ้า ส.ว.ขึ้นเป็นประธานก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่กลัวตามเกมการเมืองไม่ทัน ส่วนคนจากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่ควรเป็นประธาน มิฉะนั้นเหตุการณ์จะวุ่นกันไปใหญ่ ตอนนี้ทุกฝ่ายต้องจริงใจถึงจะไปได้ ถ้าไม่ จริงใจก็เกมโอเวอร์ทันที

"ไพบูลย์" ถอนตัวไม่รับมติวิปวุฒิ

ส่วนความเคลื่อนไหวของ ส.ว.เพื่อสรรหาตัวแทนไปร่วมเป็นกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อความปรองดองสมานฉันท์และแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ จำนวน 7 คนนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมตัวแทนวิปวุฒิสภาได้ประชุมและมีมติเสนอชื่อนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ในฐานะประธานวิปวุฒิสภา นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ส.ว.สุราษฎร์ธานี นายสุพจน์ โพธิ์ทองคำ ส.ว.สรรหา นายวิทยา อินาลา ส.ว.นครพนม และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา เป็นคณะกรรมการชุดดังกล่าว แต่ปรากฏว่านายไพบูลย์ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. ประกาศถอนตัว โดยให้เหตุผลว่ากระบวนการเสนอชื่อไม่ถูกต้อง และไม่เห็นด้วยกับการตั้งธงจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของฝ่ายการเมือง ทำให้ตัวแทนวิปวุฒิสภาเตรียมเสนอชื่อนายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา มาแทนนายไพบูลย์

"ประสพสุข" ผวาล้มโต๊ะเลือกใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุดังกล่าวทำให้ตลอดทั้งวัน กลุ่ม 40 ส.ว.ได้โทรศัพท์เข้าไปต่อว่านายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ถึงความเร่งรีบในการเสนอชื่อโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา ทำให้นายประสพสุขต้องสั่งการไปยังเลขาธิการวุฒิสภาให้เรียกประชุม ส.ว.เป็นวาระพิเศษในวันที่ 29 เม.ย. เวลา 13.00 น. เพื่อลงมติเลือก ส.ว.ที่จะไปร่วมเป็นกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯ จำนวน 7 คน และให้รายชื่อเดิมทั้ง 7 คนถือเป็นโมฆะ ซึ่งคำสั่งดังกล่าวทำให้ ส.ว.อีกส่วนหนึ่งไม่พอใจกลุ่ม 40 ส.ว.ที่ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่

"ประวิตร" นำ ผบ.เหล่าทัพถกเขมร

เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักรกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงษ์ ผบ.ทอ. และคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมเดินทางไปประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทยและกัมพูชา ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 28-29 เม.ย. ที่ จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะมีการหารือกันใน 3 ด้าน 17 ประเด็น เกี่ยวกับเรื่องทั่วไปตามแนวชายแดน เน้นเรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการพูดถึงเรื่องการถอนกำลังตามแนวชายแดนเพื่อลดความตึงเครียดหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คงต้องคุยกันว่าจะทำอย่างไร แต่ จุดประสงค์ใหญ่คืออะไรที่อยู่ในพื้นที่ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ ก็คงต้องอยู่ร่วมกันและทำงานร่วมกันในทุกเรื่อง จะไปชี้ชัดไม่ได้ เพราะต่างคนต่างถือแผนที่กันคนละฉบับ

ออกรอบตีกอล์ฟกับ "เตีย บันห์"

ขณะเดียวกันสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างการเปิดเผยของ พล อ.เนียง พัต นายทหารระดับสูงของกัมพูชาว่า พล อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหมของไทย และ พล อ.เตีย บันห์ รมว.กลาโหมกัมพูชา ออกรอบตีกอล์ฟร่วมกันที่เสียมราฐ โดยมีนายทหารอื่นๆร่วมก๊วนด้วย ซึ่งการใช้กีฬานำการทูตด้วยการออกรอบตีกอล์ฟครั้งนี้มีขึ้นก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเปิดการเจรจาเรื่องปัญหาพรมแดนในวันที่ 29 เม.ย.นี้ ขณะที่นายวาร์ คิม ออง ประธานคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา เผยว่า การเจรจาจะมุ่งเน้นเรื่องทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับกรณีพิพาทริมพรมแดน

ลุ้นคดี "บุญจง"-เงินบริจาค ปชป.

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย แจกเงินของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ พร้อมนามบัตร ได้ไต่สวนข้อเท็จจริงสรุปสำนวนเสร็จแล้ว คาดว่าจะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม กกต. ชุดใหญ่พิจารณาได้ภายในสัปดาห์นี้ กรณีดังกล่าวจะครบกำหนดลงมติในวันที่ 6 พ.ค.นี้ ส่วนคดีเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาท ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนมาให้ดำเนินการสอบสวนในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์นั้น สำนวนมีทั้งหมดประมาณ 4 พันหน้า โดยระบุว่าอาจจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองนั้น ขณะนี้คณะทำงานของ กกต. พิจารณาเรียบร้อยแล้ว จะบรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาของ กกต.ชุดใหญ่ได้ภายในสัปดาห์นี้เช่นกัน ยืนยันว่าคดีนี้การทำงานของ กกต.ไม่ได้มี 2 มาตรฐานเพื่อช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์

ตั้งทีมสางปัญหาบ้านเอื้ออาทร

บ่ายวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมได้พูดถึงการสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นจากโครงการบ้านเอื้ออาทร ซึ่งคาดการณ์ว่าทำให้การเคหะฯขาดทุนเกือบหมื่นล้านบาท ครม.จึงมอบให้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อสะสางว่าจะแก้ไขปัญหาโครงการนี้อย่างไร

ไม่บังคับใส่สีน้ำเงินร่วมงาน 5 พ.ค.

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังได้หารือเรื่องการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันฉัตรมงคล 5 พ.ค. โดยจะจัดงานในช่วงเย็น มีเวทีหลักอยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าและมีเวทีย่อยอีกหลายเวทีตลอดเส้นทางถนนราชดำเนินไปจนถึงสนามหลวง รัฐบาลถือเป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดี และมาทำกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในลักษณะที่จะช่วยทำให้บรรยากาศของบ้านเมืองเป็นบรรยากาศของความปรองดองผ่อนคลาย ผู้สื่อข่าวถามว่า การจัดงานเฉลิมพระเกียรติที่กระทรวงมหาดไทยวางไว้จะให้ผู้เข้าร่วมงานใส่เสื้อสีน้ำเงิน จะเป็นแบบนั้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ วันนี้ได้เรียนในที่ประชุม ครม.ชัดเจนว่าจะไม่มีเรื่องของสี และอยากเชิญชวนประชาชนแต่งตัวได้ทุกสีมาร่วมงาน

ตั้ง "สุเทพ" คุมจัดงานเฉลิมพระเกียรติ

นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี แถลงว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสครบรอบปีที่ 60 พระบรมราชาภิเษก โดยให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ให้รองนายกฯทุกคนเป็นรองประธานกรรมการ ให้รัฐมนตรีทุกคนรวมถึงอธิบดีที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ การจัดงานดังกล่าวถือเป็นพิธีใหญ่ที่รัฐบาลเป็นเจ้าภาพ จะมีการจัดกิจกรรมทั้งในส่วน กทม.และต่างจังหวัดทุกจังหวัดควบคู่กัน

สั่ง จนท.นับหมื่นดูแลความปลอดภัย

ต่อมาเวลา 15.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสครอบรอบปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก ภายหลังการประชุม นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า การจัดงานจะเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. วันที่ 5 พ.ค. โดยประชาชนทุกหมู่เหล่าจะพร้อมกันที่ลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) เพื่อวางพานพุ่มถวายสักการะ ขณะที่ในต่างจังหวัดจะพร้อมกันหน้าศาลากลางจังหวัด จากนั้นเวลา 20.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประกอบพิธีถวายพานพุ่ม และถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อแสดงความจงรักภักดี โดยจะมีกิจกรรมมหรสพบนเวที 9 จุด ตั้งแต่ลานพระราชวังดุสิตจนถึงท้องสนามหลวง ทั้งนี้ นายสุเทพมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปจัดทำแผนการจราจร และแผนรักษาความปลอดภัย ก่อนเสนอที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการฯอีกครั้งในวันที่ 1 พ.ค.

ด้านนายสุเทพกล่าวเสริมว่า รับรองว่าการจัดงานครั้งนี้ปลอดภัยแน่นอน ได้ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่าหมื่นคนไปดูแล ตนจะยอมพลาดหลายทีในชีวิตนี้ได้อย่างไร

"กษิต" เอาบ้างใช้รถกันกระสุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางมาร่วมประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯในครั้งนี้ด้วย โดยได้นำรถยนต์กันกระสุนยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์เงิน ที่ใช้ราชการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จาก จ.นราธิวาส มาเป็นรถยนต์ ประจำตำแหน่ง เช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เปลี่ยนไปใช้รถกันกระสุนแล้วก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามนายกษิตปฏิเสธให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกระแสข่าว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือพาสปอร์ตของกัมพูชา โดยกล่าวสั้นๆว่า "วันนี้ผมไม่อยากให้สัมภาษณ์ ใดๆ ขอโทษนะ"

"สนธิ" เตรียมเปิดใจหลังรอดชีวิต

ด้านความเคลื่อนไหวของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว นายสนธิยังเก็บตัวเงียบอยู่ที่บ้านพระอาทิตย์ โดยในช่วงบ่ายได้มีเครือข่ายศิลปินแห่งประเทศไทย นำโดยนายวสันต์ สิทธิเขตต์ น.ส.วรรณพร ฉิมบรรจง นายประทีป ขจัดพาล เดินทางเข้าเยี่ยมสอบถามอาการ โดยนายสนธิกล่าวขอบคุณที่ให้กำลังใจ และได้บอกว่า ในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 1 พ.ค. แกนนำพันธมิตรฯจะนัดประชุมประเมินสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น จะเปิดแถลงข่าวในเวลาประมาณ 12.30 น. โดยตนจะเปิดใจถึงเหตุการณ์การลอบสังหารอย่างเป็นทางการครั้งแรก

แจกโบนัสข้าราชการ 1.5 ล้านคน

อีกเรื่องหนึ่ง นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.เห็นชอบข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และรับทราบการดำเนินการของสำนักงาน ก.พ.ร.ในการประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ และการจัดสรรเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ 2551ของส่วนราชการ จังหวัด สถาบันอุดมศึกษา ให้ ก.พ.ร.ประสานสำนักงบประมาณเพื่อจัดงบประมาณ 6,735 ล้านบาทเป็นเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ 2551 แก่หน่วยงานเพื่อจัดสรรให้ผู้ปฏิบัติงานจำนวน 6,142.5 ล้านบาท และเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหารจำนวน 592.5 ล้านบาท ซึ่งจะมีข้าราชการ 1.5 ล้านคน ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรเงินรางวัล เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนในการตั้งใจปฏิบัติ หน้าที่ในการทำงาน นอกจากนี้ ยังอนุมัติให้เงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหารปีงบประมาณ 2551 แก่นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผอ.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วงตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. 2549-30 ก.ย. 2550 เสมือนรองปลัดกระทรวงมหาดไทยด้วย

เสื้อแดง เปิดคลิป เชื่อพันธมิตรฯ มีเอี่ยวเหตุเพชรบุรี ซอย7

ที่มา ประชาไท

29 เม.ย. ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายแพทย์เหวง โตจิราการ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน แถลงเปิดคลิปวีดีโอ ที่ระบุว่าเป็นเหตุการณ์ที่เพชรบุรี ซอย 5 และซอย 7 โดยปรากฏภาพนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายชนะ ผาสุขสกุล ผู้ดูแลการ์ดพันธมิตรฯ และภาพชายอีกคนหนึ่งซึ่งแกนนำ นปช.ระบุว่าอยู่ใน สน.พันธมิตรฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมยศ ได้เปิดคลิปวีดีโอภาพเคลื่อนไหวเพียงสั้นๆ และกล่าวอ้างว่าคลิปวีดีโอมีภาพบุคคลที่มีอาชีพเป็นทนายความซึ่งกำลังดูแลกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุหน้ามัสยิดซอย 7 ซึ่งเชื่อว่าเป็นชนวนทำให้ชาวบ้านโกรธแค้น และยังสงสัยว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายดังกล่าวถูกสร้างขึ้น และมีผู้แทรกแซงอย่างน้อย 3 คน ประกอบด้วย นายนิติธร และอีก 2 คนมีชื่อย่อ น. และ ส. ซึ่งได้รับทราบจากตำรวจชั้นประทวนของ สน.พญาไท ว่ามีนาย น. และ นาย ส. อยู่บริเวณนั้นในวันที่เกิดเหตุด้วย

เรากำลังสงสัยว่ามีคนในกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างน้อย 2-3 คน มีส่วนกระตุ้นความโกรธชองชาวบ้านนายสมยศกล่าว

นายจรัล กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ซอย 5 ซอย 7 ซึ่ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เอาไปพูดว่าคนเสื้อแดงยิงมัสยิด นั้น ความจริงแล้วมีข่าวลือตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวันเกิดเหตุว่าจะมีการยิงเข้าไปในมัสยิดและจะเผามัสยิด ขณะที่ก็มีเสื้อแดงบางคนซึ่งเป็นมุสลิมจะไปละหมาดที่ซอย 7 แต่ถูกโห่ อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่าที่นางเลิ้งและเพชรบุรีซอย 5 และ 7 ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพันธมิตรฯ และผู้นิยมพรรคประชาธิปัตย์

อย่างไรก็ตาม นปช.จะจัดชุมนุมใหญ่ วันที่ 17 พ.ค.เพื่อรำลึกเหตุการณ์พฤษภาทมิฬด้วย

ส่วน น.พ.เหวง กล่าวว่า นปช. ขอเรียกร้องต่อ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ใน 2 ประเด็น ประกอบด้วย ให้ใช้ครรลองของรัฐสภา ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพราะข้อมูลที่ปรากฏมักเอียงข้างใส่ร้ายว่าเสื้อแดงไม่ดี นอกจากนั้น ขอให้ประธานรัฐสภารับเอาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 นำเข้าพิจารณาทันที

เมื่อถามว่าขณะนี้ยังมีขบวนการคอมมิวนิสต์ที่เข้ามามีส่วนร่วมกับกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ นายจรัล กล่าวว่า เท่าที่ตนได้พบปะกับคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่ชอบคอมมิวนิสต์ แดงส่วนใหญ่ไม่เชื่อคอมมิวนิสต์ แต่ทุกคนก็มีเสรีภาพที่จะบอกว่าตนเองเชื่อคอมมิวนิสต์ เพราะขณะนี้ไม่มีกฎหมายห้ามแล้ว

ด้านนายสุรชัย กล่าวว่า พรรคคอมมิวนิสต์ยังมีอยู่และส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเสื้อเหลือง (พันธมิตรฯ) และตอนนี้พรรคหมดสภาพไปแล้ว

นอกจากนั้นนายสุรชัย ได้ตำหนิสื่อมวลชนว่าสร้างความแตกแยก ไม่ควรดึงเบื้องสูงมาเป็นประเด็น และไม่ควรถามถึงเรื่องเบื้องสูง โดยผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่าในการซักถามขณะนั้นยังไม่มีสื่อมวลชนคนใดตั้งคำถามดังกล่าวแต่อย่างใด

ขณะที่นายสมยศ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรเอาเรื่องแบบนี้มาเบี่ยงเบน เพราะหัวใจของ นปช. อยู่ที่ข้อเรียกร้องประชาธิปไตย

WSJ: ความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจ คือปัจจัยเร่งให้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลกลับมา

ที่มา ประชาไท

แปลจาก “Economic Pain Spurs Thai Opposition”

เขียนโดย JAMES HOOKWAY จาก THE WALL STREET JOURNAL, 27 เมษายน 2552 http://online.wsj.com/article/SB124077549003556939.html

เชียงใหม่-ในขณะที่วิกฤติการเมืองที่นี่ สงบนิ่งลงไป แต่ภาวะหดตัวของเศรษฐกิจไทยกำลังเร่งเร้าความไม่พอใจให้แก่ผู้ประท้วงมากยิ่งขึ้น

ในเชียงใหม่เมืองที่เป็นบ้านเกิดของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรและเป็นพื้นที่ของฝ่ายสนับสนุนที่เรียกว่าฝ่าย เสื้อแดง ซึ่งมีจลาจลในกรุงเทพฯ เมื่อต้นเดือนนี้ เป็นพื้นที่ซึ่งเศรษฐกิจถดถอยปรากฎชัดเจน โดยหอการค้าจังหวัดฯ ระบุว่าประมาณ 35% ของเศรษฐกิจเมืองเชียงใหม่ขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยว และขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือ แรงงานข้ามชาติจำนวนมหาศาลผู้ที่ทำงานอย่างหนักหน่วงในโรงงานทีทำการผลิตเพื่อส่งออก ทั้งในเมืองเชียงใหม่และในจังหวัดรอบ ๆ กรุงเทพฯ พวกเขาได้ส่งเงินที่ได้มากลับบ้านเกิดด้วย

ภายใต้ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกรวมกับความตึงเครียดทางการเมืองของไทยส่งผลให้รายได้ของประเทศไทยทั้งสองส่วนข้างต้นหดหายไป นักธุรกิจท้องถิ่นบางส่วนได้เข้าร่วมกับผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล เพื่อระบายความอึดอัดคับข้องใจออกมา

เล หลวงเจริญ อายุ 44 ปี เขาเคยทำธุรกิจ พวงกุญแจตุ๊กตาไม้ เพื่อขายในร้านรอบนอกเมืองเชียงใหม่ แต่ก็เลิกไปเมื่อเร็วๆ นี้ เขาได้เริ่มทำธุรกิจนี้เมื่อ 17 ปีก่อนหลังจากที่เขาได้เก็บสะสมเงินที่ได้จากการขับรถแท็กซี่ในกรุงเทพ แต่ธุรกิจเริ่มหมดสภาพลงตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจโลกเสื่อมถอย และต่อมา ผู้ประท้วงเสื้อเหลืองต่อต้านทักษิณได้บุกรุกและยึดครองสนามบินในกรุงเทพ เป็นเวลานับสัปดาห์ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหลายแสนคนต้องติดค้างอยู่ในประเทศ พร้อมกับที่ได้ทำลายชื่อเสียงของประเทศไทยอย่างแสนสาหัสในฐานะที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและน่าไว้วางใจ ในขณะเวลาเดียวกัน ก็บีบให้รัฐบาลผสมที่สนับสนุนทักษิณต้องเป็นอันล้มไป

ในปัจจุบัน เขามีหนี้สิน 12 ล้านบาท เขาได้ผันตัวเองไปเป็นดีเจและเป็นดาวของสถานีวิทยุฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลในเชียงใหม่ โดยเขาได้พูดเร้าให้ผู้ฟังสนับสนุนการประท้วงต่อต้านรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

รัฐบาลประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะทำให้เกิดภาวะการนำ ซึ่งเราจำเป็นต้องออกไปจากความย่ำแย่ทางเศรษฐกิจนี้เขากล่าว

ส่วนนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในปัจจุบันประเทศไทย กลับสู่ภาวะปกติ หลังจากความรุนแรงทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดได้เกิดขึ้นในประเทศไทยในรอบ 16 ปี ผู้ประท้วงจำนวนมากซึ่งต้องการนำทักษิณผู้ที่ถูกโค่นล้มด้วยการรัฐประหาร กลับคืนมา ได้ชิงรถประจำทาง จุดไปเผา และขู่ว่าจะระเบิดที่บรรจุแก๊สเหลว

รัฐบาลยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันศุกร์ แต่ผู้ชุมชุมต่อต้านรัฐบาลก็กลับมาชุมชุมกันอย่างสันติในกรุงเทพในวันเสาร์ โดยมีผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 5, 000 คนที่ท้องสนามหลวง แกนนำการชุมนุม 3 คนในการชุมนุมครั้งที่แล้วได้รับการประกันตัวหลังจากที่ถูกจับด้วยข้อหาชุมนุมโดยผิดกฎหมายและข้อหาชักชวนให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย แต่ในการชุมนุมเมื่อวันเสาร์ แกนนำทั้ง 3 คนไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุม แกนนำอีกคนหนึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนฯ เขาใช้สิทธิคุ้มครองในฐานะ ส.ส. ส่วนอีกคนหนึ่ง จักรภพ เพ็ญแข เขาได้หนีไปก่อนที่จะถูกจับกุม ในตอนนี้เขากำลังซ่อนตัวอยู่

แกนนำรุ่นใหม่เกิดขึ้น หนึ่งในจำนวนนั้นคือ สมยศ พฤกษาเกษมสุข เขากล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงมีความหวังที่จะนำไปสู่การประท้วงหลาย ๆ แห่งทั่วประเทศ ก่อนที่จะกลับมาชุมนุมในกรุงเทพอีกครั้งในกลางเดือนพฤษภาคมนี้

ส่วนนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาเต็มใจที่จะรับฟังข้อเรียกร้องบางประการของผู้ชุมนุม และได้เสนอให้รีบเร่งแก้ไขในรัฐธรรมนูญเพื่อลดอำนาจทางตุลาการ อันเป็นประเด็นที่ผู้สนับสนุนทักษิณเห็นว่า เป็นการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมในกรณีการยุบพรรคการเมือง และเป็นความเห็นใจที่มีต่อต่ออดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ที่ต้องอยู่นอกประเทศ และในตอนนี้ เขาเดินทางอยู่ในอาฟริกาและในตะวันออกกลางเพื่อหลีกเลี่ยงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนรวมทั้งการถูกจับกุมคุมขังในข้อหาคอรัปชั่น

การเร่งกอบกู้กฎระเบียบกลับมาสู่ประเทศที่ประกอบด้วยประชาชน 64 ล้านคนเป็นเรื่องรีบเร่ง แต่ปัญหาส่วนหลักๆ ของเศรษฐกิจยังไม่คลี่คลายไปในทางที่ดี กรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง กล่าวที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ในปีนี้ ผลผลิตมวลรวมประชาชาติของประเทศอาจจะหดตัวถึง 4.5 เปอร์เซ็นต์ เนื่องมาจากปัญหาความยุ่งเหยิงทางการเมือง

ประเทศอื่นๆ ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ดูเหมือนกำลังเผชิญปัญหาคล้ายๆ กัน นาจีบอับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของมาเลเซีย ได้ประกาศทบทวนนโยบายที่ใช้มาหลายทศวรรษ อันเป็นนโยบายที่ให้ประโยชน์แก่คนเชื้อสายมาเลย์ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ การเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนมากขึ้น แต่เสี่ยงต่อการต่อต้านจากประชาชนผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว

ส่วนประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศหลักของศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกสำหรับบริษัทต่างๆ กำลังเผชิญความเสี่ยงอย่างสูง อาทิ บริษัทโตโยต้า บริษัทฟอร์ดมอเตอร์ทิม คอนดอน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ กลุ่ม ไอเอ็นจี ในสิงคโปร์ กล่าวว่า หากปัญหาการเมืองไทยยังดำเนินอยู่ต่อไป เมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้น ประเทศไทยอาจสูญเสียการลงทุนจากต่างประเทศไปให้ประเทศคู่แข่ง เช่น มาเลเซียและเวียดนาม

มีความอันตรายจริง ๆ ที่ชนชั้นกลางในประเทศไทยอาจจะสูญเสียโอกาสไป นาย คอนดอน กล่าว

ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังตอกย้ำความรู้สึกนึกคิดของกลุ่มผู้ประท้วงเสื้อแดงที่หวังจะเห็นการปกครองประเทศในแบบที่เขาต้องการ

นักกิจกรรมหลายคนในเชียงใหม่ กล่าวว่า พวกเขาอยากเห็นรัฐบาลอภิสิทธิ์นำนโยบายประชานิยมที่ถูกผลักดันโดยทักษิณมาใช้ เพื่อกระตุ้นความต้องการภายในประเทศ พวกเขายังแสดงความกังวลอีกว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่วางแผนกันอยู่ในกรุงเทพจะมาไม่ถึงเชียงใหม่ ถึงแม้ว่านายอภิสิทธิ์ และรัฐมนตรีในรัฐบาลได้กล่าวแล้วว่า แผนของรัฐบาลในระยะ 3 ปีด้วยงบประมาณ 44 ล้านเหรียญสหรัฐจะนำมากระตุ้นความต้องการซื้อภายในประเทศ และในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ ก็ตาม

ณรงค์ คงประเสริฐ ประธานหอการค้าเชียงใหม่กังวลว่า ไม่ว่านโยบายรัฐบาลเป็นไปในทิศทางใด การท่องเที่ยวในเมืองเชียงใหม่ยังคงต้องประสบปัญหาความยากลำบากต่อไป หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาการแบ่งแยกได้ เราเห็นว่า สิ่งต่างๆ กำลังจะเลวร้ายมากขึ้น เขา กล่าว

ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา คนเสื้อแดงได้รวมตัวกันในเชียงใหม่เพื่อคุ้มกันโรงแรมแกรนด์ วโรรส ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีวิทยุรักเชียงใหม่ เอฟเอ็ม 92.50 เจ้าหน้าที่สั่งให้ปิดเครื่องส่งสัญญาณของสถานีวิทยุ และรัฐบาลก็ได้ปิดสถานีวิทยุที่ต่อต้านรัฐบาลอีกหลายแห่ง รวมถึงสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่สนับสนุนทักษิณด้วย ตำรวจต้องการนำเจ้าของโรงแรม เพชรวัฒน์ วัฒนพงศ์สิทธิกุล ผู้ดำเนินการรายการของสถานีวิทยุมาสอบสวน แต่ว่าเขากำลังหลบซ่อนตัวอยู่

ณรงค์ ณ. พัทลง คนขับรถลีมูซีน กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ยั่งยืน หากการเปลี่ยนแปลงนั้นนำมาซึ่งเสถียรภาพที่ดีกว่าเดิม ในตอนนี้ผมมีลูกค้าน้อยมาก ผมรู้สึกว่า ผมต้องออกมาและต้องแสดงจุดยืน นาย ณรงค์ กล่าว พร้อมด้วยผู้ฟังวิทยุที่รวมตัวกันเพื่อคอยฟังการออกอากาศอยู่ที่นั่น

ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 30 เมษายน 2552

ที่มา ประชาไท

การเมือง

ไม่เคยเปิดประตูรับทักษิณ “เตีย บันห์” บอกเอง ปัดให้พาสปอร์ตหลบหนี

เว็บไซต์ไทยรัฐ - พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าววันนี้ (29 เม.ย.) ถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้รับพาสปอร์ตจากประเทศกัมพูชาในการหลบหนีเข้าประเทศว่า ไม่มี กัมพูชาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หลบเข้ามาอยู่บริเวณเกาะกง พล.อ.เตีย บันห์ กล่าวว่า ไม่มี ไม่ว่าจะเป็นเกาะกงหรือเกาะอื่นๆของกัมพูชาก็ไม่มี เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยเข้ามาในบริเวณประเทศกัมพูชา

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ มีปัญหาขัดแย้งกับสมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้มีการทำความเข้าใจหรือยัง พล.อ.เตีย บันห์ แสดงสีหน้าไม่สบายใจ ก่อนกล่าวว่า เรื่องมันแล้วไปแล้ว ไม่มีอะไร

ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านหยิบยกประเด็นพลทหารเสียชีวิตในบ้านพักรับรองแม่ทัพภาคที่ 1 ว่า ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย ซึ่งต้องสืบสวนสอบสวนกันไป ไม่มีปัญหาอะไร ต้องว่ากันตามกฎหมาย

เทพไทชี้ ทักษิณโฟนอินเข้าข่ายผิดกม.16 ครั้ง

เว็บไซต์ – วันนี้ (29 เม.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า มีการใส่ร้ายรัฐบาลหลายเรื่อง เช่น การอ้างว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังคนเสื้อแดง อ้างว่ายึดสันติวิธี และอ้างว่ารัฐบาลยั่วยุ โดยเฉพาะที่กล่าวว่าจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอีก ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณให้คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวต่อไป อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์มีการรวบรวมการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณไว้ และพบว่ามีพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย ถึง 16 ครั้ง ในการปลุกระดมให้มีการใช้ความรุนแรง

ผบช.น.ชี้เสื้อแดงชุมนุมได้ แต่ต้องไม่เข้าข่ายยุยง

เว็บไซต์เดลินิวส์ - วันนี้(29 เม.ย.) พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ประกาศจะมีการรวมตัวเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ยังไม่กำหนดวันเวลาที่ชัดเจน ว่า หากเป็นการชุมนุมโดยสงบตามกรอบกฎหมาย ก็สามารถทำได้ แต่หากเข้าข่ายยุยง ปลุกปั่น ต้องดำเนินการตามขั้นตอน

นอกจากนี้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาดำเนินคดี เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างสมัยประชุม ว่า ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสภา หากมีมติส่งตัว ต้องเข้าสู่กระบวนการของพนักงานสอบสวนต่อไป

เลื่อนสั่งคดี “จักรภพ-สนธิ”

สยามรัฐ - ที่สำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 29 เม.ย.52 นายกายสิทธิ์พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่านคดีอาญา แถลงความคืบหน้าคดีนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช.ผู้ต้องหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งอัยการนัดฟังการสั่งคดีในวันนี้ แต่ผู้ต้องหาส่งทนายความขอเลื่อนนัดอ้างว่าติดภารกิจอยู่ต่างประเทศนั้น อัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าคดียังอยู่ระหว่างการสั่งคดี อีกทั้งผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม และคณะทำงานอัยการได้สั่งให้พนักงานสอบสวนไปสอบเพิ่มเติมบางประเด็นเกี่ยวกับการแปลภาษาจากมหาวิทยาลัย 2 แห่ง จึงอนุญาตให้เลื่อนฟังการสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 15 มิ.ย.52 เวลา 10.00 น.และหากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องนายจักรภพยังไม่มารายงานตัว ก็จะเรียกนายประกันให้ส่งตัวหากไม่นำตัวมาส่ง ก็จะขอให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับจากศาลต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการออกหมายจับแล้ว จะยากต่อการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ นายกายสิทธิ์ กล่าวว่า การขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน จะทำได้ต่อเมื่ออัยการสั่งฟ้องก่อน แต่ตอนนี้อัยการยังไม่ได้สั่งคดี จึงยังตอบไม่ได้ว่าจะขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่

นายกายสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนคดีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงกรณีนำคำปราศรัยของนางดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล หรือดา ตอร์ปิโด ไปเผยแพร่ซ้ำบนเวทีพันธมิตรฯอัยการได้เลื่อนสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 30 มิ.ย.52 เวลา 10.00 น.เนื่องจากนายสนธิอยู่ระหว่างการพักรักษาตัวหลังถูกลอบยิง

ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ กล่าวถึงคดี 9 แกนนำพันธมิตรฯ ตกเป็นผู้ต้องหาฐานสมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และบุกรุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีว่า สัปดาห์หน้าจะนำพยานทยอยเข้าให้การกับเจ้าหน้าที่จนครบทุก

นำทหาร-พลเรือนต้องสงสัยยิง “สนธิ” สอบเซฟท์เฮาส์

เว็บไซต์ไทยรัฐ - จากเหตุสะเทือนขวัญกราดยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ จนทำให้ได้รับบาดเจ็บ นั้น ความเคลื่อนไหว ล่าสุด เมื่อช่วงค่ำ วันนี้ (29 เม.ย.) จากการสอบถาม พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว ได้ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดถึงความคืบหน้า โดยระบุเพียงว่า เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่

ด้าน พล.ต.ท. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกคน ได้ลงพื้นที่ตามที่ได้รับมอบหมาย แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ขณะเดียวกัน ชุดเฉพาะกิจที่ได้รับมอบหมายให้สืบสวนสอบสวนคดีนี้ ซึ่งแกนหลักเป็นตำรวจกองปราบปราม ได้ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนตลอดทั้งวันในหลายจังหวัด อาทิ ราชบุรี กาญจนบุรี และ ลพบุรี และสามารถรวบตัวผู้ต้องสงสัย ได้ เป็นทั้งทหารและพลเรือน จากนั้นได้นำตัวมาสอบสวนที่เซฟท์เฮาส์ ในกรุงเทพมหานครแล้ว โดยยังไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหา พร้อมทั้งได้นำอาวุธปืนต้องสงสัยมาตรวจสอบด้วย

จตุพรท้า ปชป. รีบเอาตัวไปดำเนินคดี

เว็บไซต์เดลินิวส์ วันนี้ (29 เม.ย.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำหนังสือขอตัวไปดำเนินคดีว่า ส่วนตัวไม่กลัว เพราะตำแหน่ง ส.ส.ใช้ประกันตัวได้อยู่แล้ว ดังนั้นขอให้พรรคประชาธิปัตย์นำตนไปดำเนินคดีได้ทันที โดยพรรคฝ่ายค้านไม่ต้องช่วยเหลือ เนื่องจากต้องการให้มีมาตรฐานว่า วันที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเสียงข้างน้อย เมื่อเกิดกรณีเดียวกับตน สภาฯ ก็จะอนุมัติไปดำเนินคดี

“ผมต้องการพิสูจน์รัฐธรรมนูญว่า ทำไมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง ตามมาตรา 131 ได้ แต่ทำไมผมใช้ไม่ได้ แล้วมีอะไรดีกว่าผม เงินเดือน ส.ส.ก็เท่ากัน และคนอย่างผมเหรอจะขอความกรุณาพรรคประชาธิปัตย์ ชาติหน้าเถอะ” นายจตุพร กล่าว

นอกจากนี้ นายจตุพร ยังกล่าวถึงคดีของนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพวก ซึ่งถูกดำเนินคดีเหมือนกับตน แต่ ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ให้ประกันตัวโดยไม่มีเงื่อนไข ซ้ำยังกลับไปเคลื่อนไหวในสถานที่ที่ตัวเองบุกยึดว่า นี่หรือกระบวนการยุติธรรม และตำรวจใช้มาตรฐานอะไร หรือคิดว่าปิดปากด้วยหมายจับแล้วทุกคนจะหยุด

เศรษฐกิจ

เล็งออก “พ.ร.ก.กู้เงิน” กระตุ้นจีดีพี

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วานนี้ (29 เม.ย.) ว่า การลงทุนโครงการภายใต้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ระยะ 3 ปี หรือปี 2553-2555 วงเงิน 1.56 ล้านล้านบาทนั้น รัฐบาลจะไม่แก้กฎหมายหลักๆ ที่เกี่ยวกับการเพิ่มปรับเพดานการก่อหนี้สาธารณะ แต่จะใช้วิธีการเสนอออกกฎหมายในลักษณะ พ.ร.บ. หรือ พ.ร.ก.ที่ให้อำนาจรัฐบาลในการกู้เงิน ซึ่งเคยมีการดำเนินการมาแล้วช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ และจะเสนอกฎหมายดังกล่าวให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาด้วย

ส่วนจะเสนอออกกฎหมายในรูปแบบ พ.ร.บ.หรือ พ.ร.ก.นั้น ต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงว่าจะเลือกใช้กฎหมายรูปแบบใด ซึ่งหากออก พ.ร.ก.ก็ต้องเป็นกรณีฉุกเฉินเร่งด่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น โดยต้องไปดูว่าความจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วนมีมากน้อยแค่ไหน

“เราจะดูว่าวิธีที่ทำ จะไม่ไปแก้กฎหมายหลัก แต่จะทำเหมือนในอดีตที่ออกกฎหมายให้อำนาจรัฐบาลกู้เงิน อาทิเช่น ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ก็มีการออกกฎหมายให้อำนาจรัฐบาลกู้เงิน และปี 2545 ก็เคยออกกฎหมายให้รัฐบาลกู้เงินเช่นกัน ซึ่งต้องกำหนดวงเงินและกรอบเวลาให้ชัดเจน ความตั้งใจ คือ เราจะลงทุนในโครงการด้านพัฒนา โดยจะต้องเสนอให้สภาได้เห็นรายละเอียดของโครงการต่างๆ ด้วย ซึ่งจะมีการระบุไว้ในกฎหมาย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้ งบลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ระยะ 3 ปี จะไม่ได้มาจากเงินกู้ทั้งหมด ส่วนหนึ่งจะใช้งบประมาณ และส่วนหนึ่งลงทุนร่วมกับเอกชนในลักษณะ PPP ขณะที่วงเงินกู้ที่จะใช้ลงทุนนั้น จะต้องไปทำตัวเลขออกมาอีกครั้ง ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ รับทราบการรายงานตัวเลขเงินลงทุนเบื้องต้น และแหล่งเงินลงทุนของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ระยะ 3 ปี วงเงิน 1.56 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณ 6.13 แสนล้านบาท เงินกู้ 6.92 แสนล้านบาท และรายได้และอื่นๆ 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการภายใต้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดโครงการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนเม.ย.นี้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจด้านต่างๆ อาทิเช่น การเงิน การคลัง ภาวะแรงงาน ท่องเที่ยว และผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งโดยรวมพบว่า มีดัชนีชี้วัดบางตัวปรับตัวดีขึ้น อาทิเช่น ตัวเลขการขอรับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานของผู้ประกันตนในเดือนมี.ค.ปรับตัวดีกว่าเดือนก.พ.

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังไม่ได้นิ่งนอนใจ และจะจับตาดูตัวเลขเดือนเม.ย. เพราะในแง่ตัวเลขการผลิตในภาคส่งออกและนำเข้า ยังน่ากังวลอยู่พอสมควร ยกเว้นกรณีอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ดูดีขึ้น

“ผมสั่งให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปเจาะดูตัวเลข โดยพิจารณาผลกระทบทั้งภายในและนอกว่าจะมีผลกระทบรุนแรงแค่ไหน เพื่อประเมินตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้ที่ชัดเจนอีกครั้ง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการประเมินการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ว่า ตนยังไม่ปักใจเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวไตรมาสที่ 4 ปีนี้ เพราะตัวเลขบางตัวยังไม่ดีขึ้น เพียงแต่ตัวเลขการเลิกจ้างและลาออก ซึ่งเป็นตัวเลขที่เรากังวลเป็นอันดับแรกปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการชะลอการเลิกจ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะมีมาตรการลักษณะนี้ได้ตลอดไป

กทม.เล็งรีดเงินคนกรุงเก็บภาษีนำมัน-บุหรี่-ทำสลากพิเศษ

เว็บไซต์คมชัดลึก - นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า เขาเตรียมที่จะเข้าหารือกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลเรื่องบประมาณของกทม. ในเรื่องงบประมาณที่รัฐบาลจะต้องอุดหนุนให้กับกทม. หลังจากที่ขณะนี้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปี 2553 จะขาดหายไปกว่า 15 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม ในการจัดเก็บรายได้ของกทม. ในปี 2553 เขากังวลว่า จะไม่สามารถจัดเก็บได้ตามเป้า ทั้งนี้ได้หารือกับคณะที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ถึงมาตรการหาเงินเข้าคลังของกทม. ใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การจัดเก็บภาษีน้ำมัน อัตราลิตรละ 5 สตางค์ ในกทม. คาดว่า จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะผู้บริหารและเตรียมเข้าสู่การพิจารณาเห็นชอบของสภากรุงเทพมหานครในช่วงของการเปิดสมัยประชุมสามัญสมัยหน้า

2.จัดเก็บภาษีบุหรี่ มวนละ 1 บาท คิดเป็นซองละ 20 บาท โดยในแต่ละเดือนมีประชาชนสูบบุหรี่ถึง 15 ล้านซอง คิดเป็นรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 3,000 กว่าล้านบาท และ 3.ทำสลากพิเศษ

นอกจากนี้ ยังมีช่องทางที่จะสร้างรายได้คือ ส่วนแบ่งรายได้จากโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลม ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร จากสถานีตากสินถึงสถานีวงเวียนใหญ่ ซึ่งคาดว่า แนวทางทั้งหมด หากทำได้จริง ก็จะมีเม็ดเงินเข้ามาประมาณ 1 , 000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2553

นายธีระชน กล่าวด้วยว่า มาตรการทั้ง 4 ข้อนั้น เขามองว่า การทำสลากพิเศษ จะสามารถทำได้เห็นผลทันที เพราะหากได้รับการเห็นชอบจากคณะผู้บริหารกทม. กทม.ก็จะทำเรื่องเพื่อขออนุญาตไปยังกระทรวงการคลัง หากกระทรวงการคลังอนุมัติ ก็แจ้งให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ดำเนินการได้ เบื้องต้นคาดว่า จะเป็นการทุนเพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ของกทม

คุณภาพชีวิต

พาณิชย์รื้อสูตรคิดราคาหมู

สยามรัฐ - นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ สมาคมผู้ค้าชำแหละสุกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยและผู้ขายปลีกว่า ได้มีการหารือในเรื่องการปรับเปลี่ยนสูตรการคำนวณราคาหมูใหม่ทั้งระบบจากสูตรเดิมคูณ 2 บวก 2เป็นการคิดราคาจากราคาหมูเป็นบวกผลกำไรของแต่ละช่วงคือ ราคาหมูซีกจะบวกกำไรเพิ่มขึ้นจากต้นทุนได้ 10% และราคาหน้าเขียงจะบวกกำไรเพิ่มได้อีก 7% จากราคาหมูซีก

“ขณะนี้ราคาสุกรมีชีวิตอยู่ที่ 61-65 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อส่งไปยังสมาคมชำแหละเป็นหมูซีกจะบวกได้ 10% ทำให้สุกรชำแหละอยู่ที่ 70-80 บาทต่อกิโลกรัมและจะส่งไปยังเขียงตามตลาดสดขายปลีกบวกเพิ่มอีก 7% ทำให้ราคาหมูหน้าเขียงเฉลี่ยอยู่ที่ 116-124บาทต่อกิโลกรัมลดราคาคงได้ 5-10 บาท เมื่อเทียบจากการใช้สูตรเดิม ซึ่งสูตรใหม่เป็นเพียงราคาแนะนำไปยังผู้ค้าไม่มีการบังคับ เพราะจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดและเชื่อว่าราคาดังกล่าว ผู้บริโภคยังยอมรับได้ ซึ่งขณะนี้ราคาสุกรในตลาด มีราคาเฉลี่ย 120-130 บาทต่อกิโลกรัม”

นายยรรยงกล่าวต่อว่า จะเร่งช่วยเหลือผู้บริโภค โดยจะขอความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าและตลาดสด รวมทั้งผู้ประกอบการจำหน่ายเนื้อหมูตามโครงการธงฟ้า ซึ่งภายใน5-6เดือนจะมีการจัดงานประมาณ 20ครั้ง ซึ่งจะนำหมูราคาถูกประมาณ 70-80 บาทต่อกิโลกรัมไปจำหน่าย

นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า ทางผู้เลี้ยงหมูซึ่งเป็นต้นน้ำจะพยายามตรึงราคาหมูหน้าฟาร์มให้อยู่ที่ 61-65 บาทต่อกิโลกรัมไว้ให้นานที่สุดเพื่อตรึงราคาหมูขายปลีกได้ เป็นการลดภาระผู้บริโภคทางหนึ่ง

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ในฐานนะกระทรวงที่ดูแลด้านการนำเข้าส่งออก ไม่สามารถระงับการนำเข้าเครื่องในหมูและผลิตภัณฑ์อื่นๆ พันธกรณีขององค์การการค้าโลกและการเปิดเขตเสรีการค้า(เอฟทีเอ)ได้ เนื่องจากเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ หากจะระงับการนำเข้าจะต้องมีผลตรวจทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าทีการพบเชื้อโรคในผลิตภัณฑ์นำเข้าดังกล่าวจริง

9 รพ.กทม.รับมือหวัดหมู

เว็บไซต์ไทยรัฐ - นายแพทย์สราวุธ สนธิแก้ว รอง ผอ.สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เมื่อ วันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา สำนักการแพทย์ กทม.ได้จัดประชุมฉุกเฉินโดยมีผู้เข้าร่วมเป็นแพทย์พยาบาลและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมแผนรองรัยสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดหมูโดยมีมาตรการรองรับดังนี้ 1.โรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ทั้ง 9 แห่ง มีการจัดทำแนวทางในการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ไข้หวัดหมู (Swine influenza) ที่ชัดเจน 2.โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร ทุกแห่งมีจุดคัดครองและห้องแยกผู้ป่วยต้องสงสัยเป็นไข้หวัดหมู โดยแยกห้องผู้ป่วย (Negative Pressure) 3.โรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ทุกแห่งเตรียมพร้อมด้านเวชภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการป้องกันไข้หวัดหมู อาทิ ยาต้านไวรัส Oseltamivir ชุดทดสอบหาเชื้อไข้หวัดหมู หน้ากาก 95 ชุดกาวน์ และอุปกรณ์อื่นที่จำเป็นต้องใช้

4. ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน กรุงเทพมหานคร จัดอบรมเจ้าหน้าที่รถพยาบาลด้านการปฏิบัติกรณีการช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยต้องสงสัยไข้หวัดหมู 5. โรงพยาบาลสิรินธร สังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานครวางแผนเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยต้องสงสัยไข้หวัดหมูที่ถูกส่งตัวมาจากสนามบินสุวรรณภูมิตามนโยบายผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ที่ต้องการให้โรงพยาบาลสิรินธรพร้อมรองรับสถานการณ์ทางการแพทย์จากสนามบินดังกล่าว 6.โรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานครทุกแห่งจะมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารสถานการณ์โรคไข้หวัดหมูอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ได้รับทราบสถานการณ์ปัจจุบันของโรค และการเตรียมความพร้อมได้แก่ เสียงตามสาย (โดยระวังไม่ให้เกิดความตระหนกตกใจ) เน้นวิธีการป้องกันในรูปแบบการรณรงค์ป้องกันโดยวิธีต่างๆ การให้ความรู้โดยแผ่นโปสเตอร์ และแผ่นพับ การให้ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ และระบบอินเตอร์เน็ต เป็นต้น

อุตุเตือนรับมือปีนี้ฝนหนัก!เจอแน่-น้ำท่วม

ไทยโพสต์ - นายสมชาย ใบม่วง ผู้อำนวยการสำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า จากการคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูฝนของไทย พบว่าปีนี้จะมีฝนตกหนัก เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญาที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งขณะนี้มีกำลังอ่อนลงไปแล้ว แต่ยังคงมีผลให้เกิดฝนได้ รวมทั้งปัจจัยจากอุณหภูมิผิวน้ำทะเลและกระแสน้ำ ทำให้ฤดูฝนจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมนี้ โดยเฉพาะในช่วงต้นฤดู ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะเริ่มพัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุม มีร่องฝนในเขตพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ซึ่งจะส่งผลทำให้มีฝนตกหนักจนถึงเดือนมิถุนายน

นอกจากนี้ ยังพบว่าโอกาสที่พายุหมุนเขตร้อนอย่างน้อย 2-3 ลูก ที่ก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือด้านตะวันตก หรือจากทะเลจีนใต้ ที่อาจเคลื่อนตัวผ่านมาทางทิศตะวันตก และขึ้นฝั่งที่เวียดนามเข้าสู่ไทยตอนบน หรืออาจเคลื่อนตัวผ่านอ่าวไทยเข้าสู่ภาคใต้ของไทย โดยมีแนวโน้มสูงสุดที่จะเคลื่อนผ่านไทยในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน และผ่านภาคใต้ในเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนได้ ดังนั้น จึงมีโอกาสสูงที่ไทยจะเผชิญภาวะน้ำท่วมจากฝนตกหนัก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้า

กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายลักษณะอากาศของประเทศไทย ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม 2552 ดังนี้ ประเทศไทยตอนบนอยู่ในช่วงเปลี่ยนฤดู จากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน ในช่วงต้นเดือนลักษณะอากาศจะแปรปรวน จากนั้นร่องความกดอากาศต่ำจะพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง กับจะมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยเกือบตลอดเดือน โดยจะมีกำลังแรงเป็นระยะๆ ทำให้มีฝนตกต่อเนื่องเกือบตลอดเดือน โดยเฉพาะในระยะครึ่งหลังของเดือน ปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น

พฤษภาคม อยู่ในช่วงต้นฤดูฝน ในระยะครึ่งแรกของเดือน ร่องความกดอากาศต่ำจะพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากนั้นจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศจีนตอนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะพัดปกคลุมประเทศไทยตลอดเดือน โดยจะมีกำลังแรงเป็นระยะๆ ทำให้มีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ส่วนมากในระยะครึ่งแรกของเดือน สำหรับในช่วงปลายเดือนปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง

กรกฎาคม อยู่ในช่วงกลางฤดูฝน ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านประเทศจีนตอนใต้ จะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ในระยะครึ่งหลังของเดือน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตลอดเดือน โดยจะมีกำลังแรงเป็นระยะๆ ทำให้ปริมาณและการกระจายของฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในระยะครึ่งหลังของเดือน

ภาคใต้ พฤษภาคม มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ทะเลในอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

มิถุนายน ภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกมากกว่าฝั่งตะวันออก เนื่องจากเป็นด้านรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทะเลในอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรกฎาคม ภาคใต้ฝั่งตะวันตกยังคงจะมีฝนตกมากกว่าฝั่งตะวันออก เนื่องจากเป็นด้านรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทะเลในอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ปริมาณฝนต่ำกว่าค่าปกติเล็กน้อย

หมายเหตุ เดือนพฤษภาคมอาจมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงก่อตัวขึ้นบริเวณทะเลอันดามัน ซึ่งอาจทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลน และมีแนวโน้มการเคลื่อนตัวทางทิศเหนือค่อนไปทางตะวันออกเข้าใกล้ด้านตะวันตกของประเทศไทย ส่งผลให้ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้น

เดือนมิถุนายนและกรกฎาคม อาจมีพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือด้านตะวันตก และอาจเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ ทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น เป็นผลให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก

ต่างประเทศ

อียิปต์สั่งฆ่าหมูทั้งหมดทั่วประเทศ ป้องกันไข้หวัดหมู

เว็บไซต์ไทยรัฐ - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ แถลงวันนี้ (29 เม.ย.) หลังทราบข่าวมีผู้เสียชีวิต เพราะไข้หวัดเม็กซิโกรายแรก ในสหรัฐฯ ว่า การแพร่ระบาดของไข้หวัดเม็กซิโกในสหรัฐฯ เป็น “สถานการณ์ร้ายแรง” จำเป็นต้อง “ระมัดระวังไว้ก่อนให้ถึงที่สุด” เขายังเรียกร้องให้โรงเรียนที่มีผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ ปิดการเรียนการสอน และให้เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด ด้านนายฮาเตม เอล-กาบาลี รมว.สาธารณสุขของอียิปต์ ประกาศผ่านสำนักข่าวมีนะ ว่า รัฐบาลอียิปต์ได้สั่งให้ฆ่าสุกรในประเทศทิ้งทั้งหมด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดหมู หรือไข้หวัดเม็กซิโก

ขณะที่นางนีนา ปาปาดูลาคี โฆษกของคณะกรรมาธิการยุโรป แถลงว่า ต่อไปสหภาพยุโรป (อียู) จะเรียกไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกนี้ว่า “ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดใหม่” (Novel Flu Virus) เพื่อลดความเสียหายในภาคอุตสาหกรรมผู้เลี้ยงหมู เพราะการเรียกว่า “ไข้หวัดหมู” (Swine Flu) ทำให้ผู้คนเข้าใจผิด ว่ามันเป็นเชื้อโรคที่มาจากสัตว์ จึงลดเลิกการบริโภคเนื้อหมู แต่ในกรณีนี้ เชื้อไวรัสติดต่อจากคนสู่คน จึงเป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ ไม่ใช่ในสัตว์ อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ยังใช้คำว่า Swine Flu หรือไข้หวัดหมูอยู่

ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำเมืองฮิวส์ตัน ในรัฐเท็กซัส เปิดเผยว่า เด็กวัย 23 เดือนที่เสียชีวิต เพราะไข้หวัดเม็กซิโกเป็นชาวเม็กซิกัน ที่พ่อแม่พาเดินทางมารับการรักษาในสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขของแอฟริกาใต้ รายงานว่า พบผู้ต้องสงสัยติดเชื้ออย่างน้อย 2 คน แต่อยู่ระหว่างรอการยืนยัน ซึ่งถ้าให้ผลเป็นบวก จะถือเป็นผู้ติดเชื้อรายแรกในแอฟริกา

มังกรเปิดทาง ไต้หวันร่วมวง ประชุม WHO

ไทยโพสต์ - ไทเป - จีนประกาศยอมเปิดทางไต้หวันร่วมประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลกในเดือนหน้า ส่งสัญญาณความสัมพันธ์เริ่มดีขึ้น

“ไต้หวันจะเข้าร่วมประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลก (WHO) ครั้งนี้ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ภายใต้ชื่อไชนีสไทเป” นายเหย่ชิงฉวน รัฐมนตรีสาธารณสุขไต้หวัน กล่าวกับผู้สื่อข่าวพร้อมกับอวดจดหมายเชิญเข้าร่วมประชุมจาก WHO

ด้านโฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีนให้สัมภาษณ์เพียงว่า รัฐบาลปักกิ่งมีความเห็น “ด้านบวก" ต่อประเด็นนี้

ทั้งนี้ จีนซึ่งถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตน จะต้องให้การรับรองบทบาทของไต้หวันในการประชุมครั้งนี้ก่อน ไต้หวันจึงจะได้รับเชิญจาก WHO อย่างเป็นทางการได้ ที่ผ่านมา ทางการปักกิ่งได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตร 170 ประเทศทั่วโลก รวมถึงบรรดาชาติมหาอำนาจ คัดค้านการสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลกของไต้หวัน ซึ่งมีเงื่อนไขว่าไต้หวันต้องมีสถานะเป็นประเทศ

ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและจีนเริ่มพัฒนาดีขึ้น สองฝ่ายส่งคณะผู้แทนเจรจาระดับสูงหารือกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากันแล้วหลายรอบ นับตั้งแต่นายหม่าอิงจิ่วเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว

นายหม่ากล่าวแสดงความยินดีหลังทราบข่าว "เรื่องนี้ไม่เพียงเกี่ยวพันกับประเด็นการเมือง แต่ที่สำคัญกว่าคือประเด็นสิทธิมนุษยชนและสิทธิด้านสุขภาพอนามัยของคนไต้หวัน 23 ล้านคนไม่ควรถูกเมินเฉยอีกต่อไป" เขาระบุ

ไต้หวันบอกมาตลอดว่าการถูกปิดกั้นไม่ให้เป็นส่วนหนึ่งของ WHO ส่งผลกระทบต่อความสามารถของไต้หวันในการรับมือกับโรคระบาด รวมถึงวิกฤติโรคซาร์สเมื่อปี 2546

อย่างไรก็ดี เมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่ของทางการจีนยืนยันว่าจะร่วมมือกับทางการไต้หวันควบคุมการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก ซึ่งคร่าชีวิตชาวเม็กซิโกไปแล้วมากถึง 159 ราย

จีนอ้างอธิปไตยเหนือไต้หวันตั้งแต่ปี 2492 เป็นต้นมา และเคยประกาศว่าหากไต้หวันคิดจะแยกตัวจากจีน ก็อาจจำเป็นต้องใช้กำลัง

โสมแดงขู่ทดสอบนุกตอบโต้UN

ไทยโพสต์ - โซล - เกาหลีเหนือขู่ฟ่อใส่นานาชาติอีกครั้ง ประกาศจะทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และยิงทดสอบขีปนาวุธหากว่าคณะมนตรีความมั่นคงยังไม่ยอมขอโทษที่เพิ่มความเข้มงวดต่อมาตรการคว่ำบาตรตน ที่สืบเนื่องจากกรณียิงจรวดพิสัยไกลที่อ้างว่าเพื่อปล่อยดาวเทียมสื่อสาร

ท่าทีข่มขู่รัฐบาลเกาหลีเหนือเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์บางรายหวั่นเกรงกันว่าเกาหลีเหนือมุ่งมั่นจะสร้างคลังอาวุธนิวเคลียร์ของตนอย่างแน่นอน และยังสุมความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่คุโชนเพิ่มขึ้นนับแต่เกาหลีเหนือปล่อยจรวดพิสัยไกลข้ามทวีปที่สหรัฐและรัฐบาลชาติพันธมิตรระบุว่าเป็นข้ออ้างที่ใช้ปิดบังการยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป จนถูกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติตอบโต้ด้วยการออกแถลงการณ์ประณามและบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรที่มีอยู่เดิมอย่างเข้มข้นขึ้น

ในวันพุธ สำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) กระบอกเสียงของรัฐบาลคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือรายงานอ้างคำกล่าวโฆษกกระทรวงการต่างประเทศที่อ้างว่า หากคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นไม่กล่าวขออภัยต่อเกาหลีเหนือโดยทันทีจากกรณีมติคว่ำบาตรดังกล่าว เกาหลีเหนือก็จำเป็นต้องใช้มาตรการป้องกันตนเองเพิ่มเติมเพื่อปกป้องผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ “มาตรการเหล่านี้จะรวมถึงการทดสอบนิวเคลียร์และยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป” เคซีเอ็นเออ้างคำพูดโฆษก

เกาหลีเหนือเลือกเวลาออกคำขู่ได้เหมาะเจาะกับการเดินทางเยือนปักกิ่งของนายกฯ ทาโร อาโซะ ซึ่งมีกำหนดจะพบหารือกับนายกฯ เวินเจียเป่าของจีนในเวลาต่อมา

จีนนับเป็นชาติพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของเกาหลีเหนือ แต่การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อาจบั่นทอนเสถียรภาพของภูมิภาคนี้และน่าจะสร้างความเป็นปรปักษ์กับจีน อย่างไรก็ดียังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้คำขู่จากรัฐบาลจีนหรือเกาหลีเหนือ ส่วนรัฐบาลญี่ปุ่นเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่สงบนิ่ง

คณะมนตรีฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพื่อลงโทษการยิงทดสอบขีปนาวุธเมื่อเดือนกรกฎาคม 2549 และการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ในอีก 2 เดือนให้หลัง ภายหลังการยิงจรวดพิสัยไกลที่เกาหลีเหนืออ้างว่าเพื่อปล่อยดาวเทียมสื่อสารสู่วงโคจรเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา คณะมนตรีฯ ได้เรียกร้องให้มีการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเดิมนี้ให้เข้มงวดขึ้น

รัฐบาลเปียงยางโกรธแค้นท่าทีของคณะมนตรีฯ อย่างรุนแรง และประกาศบอยคอตการเจรจา 6 ฝ่ายที่มีเป้าหมายเพื่อให้เกาหลีเหนือล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์ พร้อมกับขู่เดินหน้ารื้อฟื้นโรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของตน

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือคุยว่าตนได้เริ่มกระบวนการสกัดพลูโตเนียมจากแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วที่โรงงานนิวเคลียร์แห่งหนึ่งของตน คำคุยนี้เกิดไม่กี่ชั่วโมงไล่หลังคณะกรรมาธิการของคณะมนตรีความมั่นคงขึ้นบัญชีดำบริษัทเกาหลีเหนือ 3 แห่ง ฐานให้ความช่วยเหลือโครงการมิสไซล์และนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

จางเลียงกุย ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือจากวิทยาลัยพรรคกลางในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า ข้อเท็จจริงมูลฐานคือเกาหลีเหนือมุ่งหมายจะเป็นมหาอำนาจทางนิวเคลียร์ให้ได้ และเพื่อให้เป็นไปดังความต้องการ ก็จำเป็นต้องมีการทดสอบนิวเคลียร์เพิ่มอีก “การทดสอบนิวเคลียร์แค่ครั้งเดียวยังไม่พอ จะต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมอีกหลายๆ ครั้ง” เขากล่าว

ครบรอบ 1 ปีไซโคลนนาร์กิส ผู้เชี่ยวชาญหวั่นเหยื่อถูกลืม

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - ผู้เชี่ยวชาญ กล่าววานนี้ (29 เม.ย.) ว่า ในวาระใกล้ครบรอบ 1 ปีไซโคลนนาร์กิสในวันที่ 2-3 พ.ค. บรรดาผู้รอดชีวิตเสี่ยงที่จะถูกทอดทิ้ง โดยนายริชาร์ด ฮอร์ซีย์ อดีตโฆษกสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า หากโลกไม่บริจาคสิ่งของที่จำเป็น ก็เท่ากับเป็นการทอดทิ้งเหยื่อ ที่ผ่านมา ผู้รอดชีวิตได้รับความช่วยเหลือเพียง 1 ใน 10 ของความช่วยเหลือที่ชาวอาเจะห์ได้รับช่วงเกิดสึนามิเมื่อปี 2547

นายฮอร์ซีย์ กล่าวว่า ความช่วยเหลือที่ได้รับเมื่อปีที่แล้วมีจำนวน 315 ล้านดอลลาร์ แต่ผู้บริจาคบางรายไม่พร้อมให้ความช่วยเหลืออีก เพราะเกรงผลกระทบทางการเมือง ทั้งนี้ พม่ายังถูกสหรัฐและสหภาพยุโรปคว่ำบาตร

“ความช่วยเหลือก็เหมือนทุกอย่างในพม่า ที่กลายเป็นการเมือง” นายฮอร์ซีย์ กล่าวพร้อมเตือนว่าอย่าคาดหวังอย่างไม่ตรงกับความจริง หลังจากมีการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เข้าไปเมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว และบางคนหวังว่าการเปิดประเทศรับความช่วยเหลือ อาจนำไปสู่การเปิดกว้างทางการเมือง

ทั้งนี้ หลังจากเกิดพายุ ได้มีการตั้งหน่วยงานประกอบด้วยตัวแทนรัฐบาลพม่า สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยูเอ็น เพื่อประสานการให้ความช่วยเหลือและอนุญาตให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เข้าไปในพม่าภายใน 3 วัน แต่เมื่อเดือน มี.ค. พม่ากล่าวว่าถึงเวลากลับไปเข้มงวดการออกวีซ่าแล้ว

ทางด้านหน่วยงานบรรเทาทุกข์วิจารณ์รัฐบาลพม่าว่าไม่ได้ทำอย่างเพียงพอ เพราะไม่ได้ช่วยเหลือเจ้าของที่ดินที่ได้รับผลกระทบ ในการฟื้นฟูชีวิตใหม่ ขณะที่ครอบครัว 130,000 ครอบครัวยังอยู่ในค่ายพักแรม และคน 350,000 คน ยังต้องอาศัยอาหารที่ได้รับแจก เพื่อยังชีพ

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker