บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

คลิปร้อนๆจากพี่น้องเสื้อแดงเสือปืนไวมาแล้วจ้า

ที่มา thaifreenews

โดย namome

คลิป .งานแถลงข่าวอัมเตอร์ดัม.31.01.2011

thaitiger

http://www.konthaiuk.info/forum/index.php?topic=15420.0

http://www.internetfreedom.us/thread-11287.html


VDO Link โรเบริด อัมสเตอร์ดัม 31/01/11

fujiko2

http://www.youtube.com/watch?v=dCQStp5suyc&feature=player_embedded

http://www.internetfreedom.us/thread-11297.html


เทป นปช. ฟ้องศาลโลก โดย Robert Amsterdam 31-01-54

seiko

เทป นปช. ฟ้องศาลโลก โดย Robert Amsterdam 31-01-54

ไฟล์ wmv
http://www.mediafire.com/?80innc5ksmkgqcm


http://www.internetfreedom.us/thread-11299.html

กระชากหน้ากากฆาตกร: เปิดคำฟ้อง 294 หน้าของสำนักกฎหมายโรเบิรต์ อัมเตอร์ดัม

ที่มา Thai E-News

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
31 มกราคม 2554


ที่มา Nipaporn Freedom

31 ม.ค.54 โรเบิร์ต อัมสเตอร์อัม แถลงข่าวสดจากญี่ปุ่น โดยมีสื่อมวลชนญี่ปุ่นเข้าฟังอย่างคึกคัก ถ่ายทอดทั้งภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่นและไทยซึ่งคาดว่าจะมีสื่อมวลชนจากทั่วโลกนำไปแปลเป็นภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี เกาหลี และอื่นๆ ต่อจากนี้ เนื้อหาในการแถลงข่าว สรุป


@ เมื่อคืนนี้ 31 ม.ค.54 สนง.ทนายความอัมสเตอร์ดัมได้ส่งคำฟ้องไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศแล้ว โดยมีรายละเอียดชัดเจนว่า ระหว่างการประท้วงของคนเสื้อแดงเมื่อเดือน เม.ย.และ พ.ค.ปีที่แล้ว ได้มีการใช้กระสุนจริงในการสลายการชุมนุมอย่างชัดเจนและมีการยิงฆ่าอย่างมีหลักฐานชัด โดยได้แบ่งความผิดเป็นข้อๆ ดังนี้

1.กองทัพจงใจสลายการชุมนุมเข่นฆ่าประชาชน โดยเฉพาะแกนนำ เมื่อ 10 เมษายน

2.กองทัพจงใจสลายโดยเข้าสลายจากทุกจุดพร้อมกัน จงใจปิดล้อมจงใจฆ่าหมู่ไม่มีช่องทางให้หนีออกไปได้
3.เมื่อไม่สำเร็จก็ใช้สไนเปอร์ิยิงจากระยะไกล มีการใช้สไนเปอร์อย่างเป็นทีมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีคำสั่งให้ใช้สไนเปอร์เป็นทีมตั้งแต่ 10-19 พ.ค.

4.การใช้อาวุธต่างๆ ได้มีหลักฐานวิดิโอทั้งหมด ซึ่งเป็นวิดิโอจากกองทัพ

5.กรณีชายชุดดำ รัฐบาลพยายามบอกว่าชายชุดดำคือคนเสื้อแดง แต่ไม่เคยจับชายชุดดำได้เลยแม้แต่คนเดียวทั้งที่มีภาพข่าวและหลักฐานทางโทรทัศน์มากมาย

6.มีหลักฐานและพยานมากมายว่าผุ้ชุมนุม ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ

7.การทำลายล้างโดยทหารและ ศอฉ. เกิดขึ้นจริง และมีการทำลายหลักฐานในสถานที่เกิดเหตุทั้งหมดโดยรัฐฯ (เช่นที่วัดปทุมฯ ทีทุบพื้น เทปูรอบโบสถ์ลบรอยกระสุนทิ้งทั้งหมด)

8.มีหลักฐานในมือแล้วว่าคนเผาตึกเซ็นทรัลเวิร์ล ไม่ใช่คนเสื้อแดง เป็นชายชุดดำที่เตรียมการ ทั้งชุดและอุปกรณ์อย่างดี โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐให้การช่วยเหลือ

9.การพิจารณาคดีในประเทศไทยนั้น ยาวนานเกินไป และหยุดนิ่งมานานเกินควรแล้ว
http://www.go6tv.com/


@ ดูการถ่ายทอดสด ได้ที่ช่อง Asia Update
http://www.asiaupdate.tv/live

@ อ่านรายละเอียดการคำบรรยายฟ้องได้ที่นี่ค่
http://www.scribd.com/doc/47833346/Red-Shirts-Application-to-the-International-Criminal-Court-to-Investigate-Crimes-against-Humanity-in-Thailand

โผล่แล้ว ทหารเอี่ยวพันธมิตรปลุกกระแสคลั่งชาติ

ที่มา Thai E-News


โดยทีมข่าว ไทยอีนิวส์
31 มกราคม 2554

หลายประเทศเริ่มทลายพรมแดนและทุบกำแพงที่กางกั้นประชาชนออกจากกัน โดยเฉพาะต้นแบบที่ยุโรป ที่คนกว่า 500 ล้านคนเคลื่อนย้ายไปมาระหว่าง 27 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า และแทบไม่ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองใดๆ ทั้งสิ้น

เมืองไทยอย่ายอมให้พวกล้าหลังพันธมิตรคลั่งชาติ ไดโนเสาร์ เต่าล้านปี จับมือกับทหารหัวโบราณที่อยู่แต่ในกะลาครอบ มายุยงปลุกปั่นให้ไทยทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน

ประเทศไทยต้องสลายเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่งเสริมการไปมาหาสู่กัน และการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน ทั้งด้านการค้า วัฒนธรรม และมนุษยธรรม

แต่ม๊อบพันธมิตร "โคตรอภิสิทธิชน" ได้ทำลายการเมืองระบอบประชาธิปไตยไทยมาหลายครั้ง สร้างความรุ่นแรงเพื่อปูทางให้ทหารปฏิวัติในปี 2549 จนทำให้เกิดการหยุดนิ่งของการพัฒนาประเทศมากว่า 5 ปี กำลังจะเรียกร้องให้ทหารหัวโบราณปฏิวัติอีกครั้ง

อย่าเชียวนะ เพราะครั้งนี้ทหารไม่ได้รับดอกไม้ น้ำหวาน และสาวอะโกโก้ แน่นอน . . เราเตือนคุณแล้ว


ที่มา เวบ manager.co.th


เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.อ.อ.เทิดศักดิ์ สัจจารักษ์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า เขมรคิดผิดแล้วว่าทหารไทยจะงอมืองอเท้า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา วันนี้เราให้เกียรติน้องๆ ทหารไทย เราให้เกียรติรัฐบาล ตอนนี้เราเรียกร้องให้รัฐบาลทำ 3 ข้อ ท่านอย่าดีแต่พูดต้องลงมือทำเขมรถึงจะหุบปาก

ตนคิดว่าถึงเวลาที่ต้องพูดกับน้องๆ และรัฐบาล อยากแสดงความรู้สึกของพ่อแม่พี่น้องโดยเฉพาะทหารแก่ๆ อย่างตนว่า รู้สึกอย่างไรที่ไทยกำลังเสียดินแดน รับว่ายังไม่สบายใจต่อการแสดงออกของท่าน ที่ท่านผู้บัญชาการทหารบกมั่นใจว่า “ทหารต้องอยู่อยางมีเกียรติและศักดิ์ศรี”

ต้องขออภัยที่ตนต้องขอพูดว่า ยังไม่เชื่อท่านจนกว่าท่านได้แสดงออกให้กัมพูชายุติการกระทำที่ก้าวร้าวนี้ ทหารเราในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ได้สูญเสียความมีศักดิศรีและความมีเกียรติยศโดยทหารเลวบางคน อย่างกรณียึดพื้นที่คืนที่สถานีโทรคมนาคมที่ปากเกร็ด ทหารเดินออกมามือเปล่าเหมือนโดนถูกปลดอาวุธแล้วอาวุธมันก็เอาไป ที่สี่แยกคอกวัวก็เช่นเดียวกัน ท่านคิดและทำได้อย่างไร เราไม่โทษทหารชั้นผู้น้อย เพราะนายสั่งให้ไปสู้มือเปล่าให้มัดมือไปสู้กับเขา เขาก็ต้องไปเพราะเขาเป็นผู้มีวินัย แต่คนที่เป็นผู้บังคับบัญชาท่านต้องรับผิดชอบ

วันนี้ไม่ใช่เป็นกรณีคนไทยที่สวมเสื้ออะไรก็แล้ว แต่มันเป็นทหารกัมพูชาที่ก้าวร้าว กล้าข่มขู่ว่าท่านไม่ทำอะไรดีแต่พูดเท่านั้น แล้วจะให้ตนที่เป็นทหารเก่าเชื่อมั่นได้อย่างไร เราไม่ได้คลั่งชาติแต่เรารู้ว่ามีหน้าที่ป้องกันชาติ วันนี้ตนจึงมาบอกน้องๆว่าอย่าพูดเลย ถึงเวลาแล้วเมื่อรัฐบาลไม่ทำคุณต้องทำ

พล.อ.อ.เทิดศักดิ์กล่าวต่อว่า ลำพังแค่ทุบป้ายบนเขาวิหารมันแค่เรื่องขี้เล็บ ส่วนธงชาติถ้าคิดจะทำก็แค่พริบตา ดังนั้น กัมพูชาอย่าได้มาแหยม กองทัพอากาศรู้ดีว่าเครื่องบิน 4 ลำของเขมรมันบินไม่ได้ บินเมื่อไรก็รู้เพราะเรดาร์มันเสีย จะส่งไปซ่อมหนึ่งลำก็ไม่มีเงิน แล้วจะมากำแหงทำไม ส่วนที่มีคนบอกว่ากัมพูชามีจรวดแซม 2 แซม 7 นั้น มันเป็นเครื่องตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ปัจจุบันศักยภาพไม่ต่างจากบั้งไฟแม้จะนำวิุถีด้วยความร้อน เพราะเครื่องบินของเราปัจจุบันมีเรด้าเตือนว่าเราถูกจับด้วยเรด้าของจรวดแซม แล้ว แล้วเราก็มีวิธีทำให้กระสุนมันเปลี่ยนวิถีออกไปทางอื่น ดังนั้นพี่น้องอย่าไปกลัวจรวดของที่เขมร

อีกอย่างเพราะไทยเราก็มีจรวดนำวิถี เราถึงได้รูว่าการดูแลรักษามันยาก ต้องเอาไว้ในห้องแอร์ กัมพูชาไม่มีปัญญาทำห้องแอร์หรอกปล่อยให้ตากแดดตากฝน แล้วเคยเช็คหรือป่าวก็ไม่รู้ว่าจรวดยิงแล้วไปตกที่ไหน ไม่ใช่ยิงแล้วไปตกบ้าน ฮุนเซน แล้วจะมาโทษไทยอีก แต่ของพี่ไทยนะแน่นอนต่อให้ฮุนเซนหนีไปนั่งในส้วม ถ้ารู้ว่าอยู่ในส้วมเราเอาเลเซอร์ไกด์บอมบ์ยิงลงไปมันไปลงตรงโถส้วมเลย ดังนั้น บอกทหารเขมรด้วยหากคิดรบกับคนไทย ไปคิดให้ดีก่อน หากรบแล้วอาจอยู่ในเขมรไม่ได้ อาจเป็นเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะพี่น้องกัมพูชาเขาจ้องอยู่แล้ว หากคนไทยแตะเมื่อไรเขาถีบส่งทันที

พล.อ.อ.เทิดศักดิ์กล่าวถึงนายกฯ รูปหล่อว่า ให้เวลามา 2 ปี เคยชื่นชมและเขียนหนังสือเตือน กล้าๆ หน่อยท่านนายกฯ ถึงวันนี้ไม่เห็นท่านกล้าเลย นอกจากไม่กล้าแล้วยังแสดงความปลอดอีกต่างหาก ไม่เคยมียุคสมัยใดในเรื่องของระหว่างประเทศ ที่ชาติไทยจะดูถูกดูแคลนจากชาวชาติ ซึ่งมันเกิดขึ้นในสมัยของนายอภิสิทธิ การประชุมที่พัทยามีผู้นำอาเซียนมามากมาย สุภาษิตไทยพูดว่า “ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ” แต่นายอภิสิทธิ์ และนายกฯ ฝ่ายความง่อนแง่น ต้อนรับด้วยการให้หนีตายอย่างกับหมูกับหมา ขออภัยที่พูดเช่นนี้เพราะต้องการให้เห็นภาพ จนถึงยุคปราบปรามเสื้อแดงก็ไม่รู้ว่ากลัวอะไร สั่งให้ทหารปฎิบัติการณ์ไม่ถูกต้องตามยุทธวิธี ทำใหมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก อย่าไปโทษทหารอย่าโทษประชาชน ต้องโทษรัฐบาล

“ท่านพูดมามากแล้ว ท่านต้องหยุดพูดกรณี 7 คนไทยถูกจับ พฤติกรรมของท่านไม่ต่างจากพระสวดนั่งอันดับออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคน ไทยรุกล้ำเขมร ตนไม่เชื่อไม่มีผู้นำประเทศใดจะพูดเช่นนี้ พูดไปพูดมาก็ไม่เหมือนกันสักวัน พฤติกรรมอย่างนี้มันหน่อมแน้ม และที่ท่านปฏิเสธข้อเรียกร้องพันธมิตรฯ ว่า มีอำนาจอะไรไปสั่งรัฐบาล ประเด็นนี้ก็เพราะพวกเราเป็นเจ้าของประเทศไง เมื่อพวกท่านไม่ทำเราก็จะไล่ท่านออกไป อย่างไรก็ดี ท่านยังพอมีเวลาหายใจเราจะให้โอกาส ท่านต้องทำอย่าดีแต่พูดเพราะพูดแล้วเราเสียดินแดน พูดแล้วประชาชนเขาไม่ฟังท่าน และเมื่อเขาเบื่อเขาออกมากๆ

ก็ดูเอาอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจที่สุดที่ประเทศไทยเคยเป็น มีกองทัพตำรวจ ทหาร มีเงินไม่รู้กี่หมื่นล้าน พี่น้องมือตบยังทำจนได้บันทึกไว้ในกินเนสส์บุ๊ก ไล่คนที่คิดว่าไล่ไม่ได้ออกไปแล้วและไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกหรือไม่

ทังนี้หากนายอภิสิทธิ์หรือรองนายกความง่อนแง่น มั่นใจว่าจะกำจัดพวกเราได้ แนะนำให้เตรียมขนเงินไว้ จะไปประเทศไหนก็เตรียมไว้ แต่ตนเชื่อว่าท่านไม่ได้ไปแน่เพราะคนที่นี่จะไปเอาตัวท่านไว้” พล.อ.อ.เทิดศักดิ์กล่าว

พล.ต.อ.มนัส ครุฑไชยันต์ อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวว่า มั่นใจว่าแค่กองทัพอากาศกองทัพเดียว ก็สามารถผลักดันเขมรออกไปได้ ทหารอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่นักบิน ได้ข่าวว่าครึ่งวันก็จบ จำเป็นที่จะต้องยกเลิกเอ็มโอยู 43 จำเป็นต้องใช้กำลังผลักดันเพื่อเอาแผ่นดินของเราคืนมา พอกันทีสำหรับเรื่องนี้หากมีเขตแดนชัดเจนแล้วให้เอาทหารกลับแล้วเอาประชาชน ไปอยู่ตลอดเขตแนว เมื่อกัมพูชารุกล้ำเข้ามาอีกก็ไม่ต้องพูดจากันแล้วจัดการทันที ที่มาพูดตนไม่อยากเด่นอยากดัง ไม่ได้อยากเป็นรัฐมนตรี แต่ต้องมาเพื่อชาติและบ้านเมือง ตราบใดที่สังขารยังอำนวยแม้จะต้องนั่งรถเข็นมาก็พร้อมจะมาร่วมกับพี่น้อง

พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตรองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก กล่าวว่า พี่น้องคนไทยที่ออกมาปกป้องชาติวันนี้ป็นสิ่งที่ควรกระทำ ซึ่งเป็นสันดานของคนไทยที่แท้จริงและสันดานของคนไทยควรเป็นเช่นนี้ทุกคน อ้ายอีคนไหนที่กล่าวร้ายเราไม่ต้องไปสนใจมัน มันพยายามเอาความชั่วมาหุ้มห่อหอกแหลมไม่ให้ปักอกมัน ไม่มีวันมึงตายแน่ ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้พูดคำหยาบพ่อขุนรามคำแหงสอนอย่างนี้ ตนก็เป็นคนอย่างนี้ไม่ว่าศัตรูหน้าไหนของชาติตนไม่เคยเอาไว้ คนทรยศขายชาติไม่เคยเก็บไว้ให้รกสายตา ฉะนั้น ลมปากของคนชั่วมันก็แค่เศษขี้ตีน ไม่ต้องไปฟังมันเราทำดีต่อไป ทุกคนถือหอกพุ่งหอกไปข้างหน้า ชัยชนะมาแล้ว กระทรวงการต่างประเทศช่วยเอาประกาศของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา มารัดคอรัฐบาลโดยเฉพาะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เรียบร้อยแล้วจะลงไปดีๆ หรือจะแขวนตัวเองด้วยเชื่อกที่ตัวจะต้องผูกคอตายเอง

“สัจธรรม พลังแห่งคุณธรรม พลังแห่งความจริง ชนะความชั่วความเท็จทั้งปวง เวลาชัยชนะแห่งพวกเรามาถึงแล้ว อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แผ่นดินไทยกำลังจะถูกกวาดล้างไปด้วยความดี ความดีจะกวาดล้างความชั่วให้หมดไปจากแผ่นดิน น้องดาว์พงษ์ ตกลงกับพี่ไว้แล้ว อย่าลืมสัจจะนะ” พล.อ.ปรีชากล่าว

บรรยากาศม๊อบที่ผู้จัดการบอกว่าคนล้นหลาม



รายการระดมทุน เป็นเรื่องหลักของม๊อบพันธมิตรเช่นทุกครั้ง งานนี้ม๊อบกิติมศักดิ์ระดมทุนซื้อเกาอี้นั่งสู้กันเลยทีเดียว

ที่มา ยอดรับบริจาคและค่าใช้จ่าย “กองทุนฯ ทวงคืนเขาพระวิหาร” (ตั้งแต่ 21/1/54)

การ์ตูนเซีย 17 - 31 ม.ค.54

ที่มา thaifreenews

โดย tongtata

เรื่องของ โผๆเมๆ ทะเลาะกัน?? . .



แล้วเมก็ไม่ยอมมาเยี่ยมโผอีกเลย!! . .

เรื่องที่โผเมทะเลาะกัน เป็นเรื่องที่เมไปถือหางเจ็กให้ออกมาด่า ร้านสีฟ้า ของโผ
โผสั่งห้ามทุกคนไปสนับสนุนเจ๊ก แต่งานนี้ เมก็ไม่ยอมโผง่ายๆ เหมือนกัน
เมต้องการให้ยึดอำนาจ . . และกวาดล้าง เพราะ มันง่าย และเร็วดี
แต่โผไม่ต้องการ เพราะโผอยากให้ มีการเลือกตั้งโดย โผจะสนับสนุน ห้อยกับมาก
มาร่วมกันจัดตั้ง เพราะโผมั่นใจว่า มากนอนมาแน่ๆ!!?? . .

เสื้อแดงยื่นแล้ว คำร้องศาลอาญาระหว่างปท.คดี91ศพ

ที่มา ข่าวสด



อัมสเตอร์ดัมชี้สถานการณ์อียิปต์ไม่ต่างไทย

เมื่อ 31 ม.ค. นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความบริษัทบริษัทอัมสเตอร์ดัม แอนด์ พีรอฟฟ์ ในนามตัวแทนของกลุ่มนปช. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศเพื่อขอให้อัยการเปิดการสอบสวนสถานการณ์ในประเทศไทย ว่ามีการทำผิดกฎหมายว่าด้วยอาชญากรรมระหว่างประเทศ ช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.2553

"หากเราเปรียบเทียบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอียิปต์ตอนนี้กับสิ่งที่รัฐบาลไทยทำกับกลุ่มเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้ว จะเห็นว่าตั้งแต่การสังหารไปจนถึงการจับกุมหมู่เพื่อสร้างหลักฐานเอาผิดเหยื่อนั้นมีรูปแบบเดียวกัน คดีนี้เป็นโอกาสทางประวัติศาสตร์สำหรับความยุติธรรมระหว่างประเทศที่จะเผชิญกับรัฐบาลที่สั่งการเคลื่อนกำลังทหารเพื่อให้ความรุนแรงต่อประชาชนของตนเอง" อัมสเตอร์ดัม กล่าวที่กรุงโตเกียว

สำหรับคำยื่นฟ้องดังกล่าวของกลุ่มเสื้อแดง มีรายละเอียดการสอบสวนอย่างละเอียด รวมถึงรายงานของผู้เชี่ยวชาญ โจ เรย์ วิตตี อดีตนายทหารสหรัฐ และผู้เชี่ยวชาญควบคุมฝูงชนในสังกัดหน่อยสว็อตของสำนักงานตำรวจนครลอสแองเจลิส ที่ระบุว่า ปฏิบัติการของทหารไทยเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553นั้น เป็นการใช้วิธีทหารที่มีลักษณะสังหารพลเรือนเพื่อปราบปรามการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง นอกจากนี้รายงานดังกล่าวยังมีเนื้อหาที่น่าตกตะลึงว่า การขว้างระเบิดใส่กองกำลังทหารในวันที่ 10 เม.ย.2553 อาจเป็นฝีมือของหน่วยกองทัพเอง เพื่อปูทางให้เริ่มยิงใส่ผู้ชุมนุมได้

การประกัน

ที่มา thaifreenews

โดย RED DRAGON

การประกัน

การประกัน ท่านลองคิด มันเป็นสิทธิ์ ขั้นพื้นฐาน
ตุลาการ โปรดพิจารณา อย่าเฉไฉ
ทีพวกเหลือง ข้อหาก่อ ก็เหมือนกัน ท่านไม่อาย
ท่านคลี่คลาย ความเดือดร้อน ผ่อนประกัน
เราพวกแดง ก็คนไทย ใช่หรือไม่
ท่านไม่ให้ ปล่อยชั่วคราว เราเสียขวัญ
ลูกเมียน้อย ไม่ไต่ถาม เอาความกัน
ขังพวกมัน กรงตะข่าย ตายทั้งเป็น
มอบตัวให้ ไม่หนีหลบ งบไม่อั้น
ขอประกัน ท่านไม่สน คนเขาเห็น
ถูกใส่ร้าย ใครก็รู้ กูใจเย็น
ทำไม่เห็น แอบอ้างซ้ำ ย้ำโทษตาย
อยุติธรรม สองมาตรฐาน ตุลาการเสื่อม
ความใสเลื่อม จะถดถอย ค่อย ๆ หาย
รีบแก้ไข ให้ประกัน จะผ่อนคลาย
ความเสียหาย จะลดน้อย ถอยลงเอย

900ศพเอง!?

ที่มา ข่าวสด

เหล็กใน

สมิงสามผลัด




โอ้โห คิดได้ยังไงเนี่ย !?

สะดุ้งโหยงขึ้นมาทันทีที่ได้ดูการตอบกระทู้สดของนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย เรื่องปัญหาไฟใต้

ชี้แจงทำนองว่าไฟใต้ในยุคพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาล 2 ปี

มีผู้เสียชีวิตแค่ 900 ศพเอง!!

กระทู้สดนี้เริ่มจากนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.เพื่อไทย ถามนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลางสภา

เพราะเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้แก้ไขปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ผิดทาง

ยังมีประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกลอบฆ่ารายวัน

แถมยังใช้งบประมาณไปนับแสนล้านบาท แต่ยังไม่เห็นผลว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดี

นายถาวร ซึ่งได้รับมอบหมายให้ชี้แจงแทนนายกฯอภิสิทธิ์ กลับตอบแบบที่เกริ่นไว้ข้างบน

ทั้งยังบอกให้ไปคิดเอาเองด้วยว่าอีก 3 พันกว่าศพที่นอกเหนือจาก 9 ร้อยศพ เกิดขึ้นในรัฐบาลไหน !?

ส่วนเรื่องงบประมาณนับแสนล้านก็ให้ฝ่ายค้านไปยื่นป.ป.ช.ตรวจสอบ หรือไม่ก็ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

อ้าว ตกลงตอบไม่ตรงกระทู้เลย

แล้ว 900 ศพที่สูญเสียไป ไม่ได้สะท้อนถึงความล้มเหลวของรัฐบาลชุดนี้เลยหรือไง ??

ความจริงแล้วก็ไม่แปลกใจเลยที่นายถาวรจะตอบกระทู้สดในลักษณะนี้

เพราะเป็นวิธีคิดปกติของพรรคประชาธิปัตย์

ก่อนหน้านี้หากยังจำกันได้

คดีสลายม็อบแดง 91 ศพที่นปช.เตรียมฟ้องร้องศาลอาญาระหว่างประเทศ

ให้เอาผิดกับนายกฯอภิสิทธิ์ และศอฉ.

รองนายกฯสุเทพ เทือกสุบรรณ กลับบอกว่าคดีฆ่าตัดตอนยาบ้า 2 พันศพยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ไม่เห็นมีใครไปฟ้องร้องศาลโลกเลย

อ้าว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคดีสังหารหมู่ประชาชน 91 ศพ!?

ย้อนกลับไปที่ปัญหาไฟใต้

ความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นเรื่องใหญ่

แต่นายอภิสิทธิ์เคยรับปากตอนที่เข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ๆ ว่าจะแก้ปัญหาไฟใต้ให้ทุเลาเบาบางลง

ตามนโยบาย "99 วันเราทำได้"

ตอนนี้ผ่านไปแล้วกว่า 700 วันก็ยังไล่ฆ่า วางระเบิดกันแทบทุกวัน

ความรุนแรง ไม่แตกต่างไปจาก 5 ปี ก่อนนายอภิสิทธิ์จะเป็นรัฐบาล

ต้องย้อนถามรัฐบาลว่าหลัก "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" มีการนำไปใช้ให้เป็นรูปธรรมหรือเปล่า

เคยมีการเสนอให้ตั้งรัฐมนตรีขึ้นมาเฉพาะแก้ปัญหาไฟใต้

แต่ก็ยังไม่ทำเลย

"99 วันเราทำได้"ใช้ไม่ได้ผลกับปัญหาไฟใต้

ดูจากเวลาที่ผ่านมา 700 กว่าวัน

ถ้าวัดสถิติแบบที่ประชาธิปัตย์นิยมใช้

บอกได้เลยว่ายิ่งกว่า"ล้มเหลว"

เสียยี่ห้อประชาธิปัตย์ ขวัญใจคนภาคใต้จริงๆ

ล้านคำบรรยาย การ์ตูนเซีย วันที่ 31/01/54

ที่มา thaifreenews

โดย blablabla



เขาก็พวก เดียวกัน นั่นแหละเหวย
เก่าก่อนเคย เคล้าคลอ พนอขวัญ
สุขดูดดื่ม ปลื้มฤดี ทุกวี่วัน
ความสัมพันธ์ อิงแอบ แนบกลางใจ....

น้ำต้มผัก เคยหวาน สะท้านจิต
เคยแนบชิด สนิทฝัน จนหวั่นไหว
เคยบอกรัก สลักปลื้ม ลืมหรือไร
ถึงเปลี่ยนไป เป็นถีบส่ง สนงงงัน....

จะเลือกใคร ไหนหนา อย่ายึกยัก
ธงที่ปัก ชูเด่น เห็นไหมนั่น
สั่งปลดลง เร็วสิโว้ย อย่าโบ้ยกัน
ทำปากกล้า ขาสั่น อย่างหวั่นกลัว....

เล่นละคร จุดชนวน ชวนท้ารบ
เพื่อจะกลบ เรื่องตน เหล่าคนชั่ว
แล้วลุกลน งุ่นง่าน เผาบ้านตัว
ด้วยเมามัว แห่งอำนาจ อุบาทว์คน....

ไฟเลยจุด ไม่ติด เพราะผิดคาด
ดับอนาถ เผยธาตุแท้ แพ้อีกหน
คิดห้าวหาญ หวังตบตา ประชาชน
ด้วยเล่ห์กล แสนชั่ว มั่วสิ้นดี....

ตั้งสติ ให้มั่น อย่าหวั่นไหว
หนทางใกล้ เข้ามา อย่าหน่ายดี
ถึงเวลา แล้วครับ พวกอัปรีย์
กรรมหนนี้ มาไว ทันใจจัง....


blablabla32@hotmail.co.th
http://www.facebook.com/profile.php?id=100001177832717
วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

หลวงตามหาบัวดับแล้วซึ่งกิเลส เหลือแต่ตัณหา

ที่มา thaifreenews

โดย loginname



มีทั้งหมด 8 ตอน ท่านสามารถกดเลือกดูตอนใดตอนหนึ่งก็ได้ ตอนที่มันที่สุดอยู่ในตอนที่ 5-7
หรือจะกดดูรวดเดียวก็ได้ ความยาว 1.50 ชั่วโมง


บันทึกลับ แม่ชีจอยกับตาบัว

คลิปนี้ถ่ายโดยลูกศิษย์ ตาบัว ที่รู้ว่าแม่ชีจอย ขึ้นหา ตาบัวตอนดึกทุกคืน แต่ตาบัวกลับตัดสินว่าตนไม่เห็น จึงให้ชีจอยอยู่ในวัดต่อ คณะศิษย์ทนไม่ได้จึงค้นรังชีจอย พบเงินสด 3,000,000 บาท รวมเช็คด้วยนับ 10 ล้าน จึงขับไล่ ชีจอยออกจากวัดตาบัวเลย ไม่มีคนมาป้อนยายามดึกทำให้อาการทรุดลงและก็เป็นอย่างที่เห็น

http://ftp://baygon1.no-ip.org/savefiles/watpabantad_1.wmv
http://ftp://baygon1.no-ip.org/savefiles/watpabantad_2.wmv

Re:

ไล่พ้นวัด

- คณะศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ขับไล่นางศุภรัตน์ แซ่จิว หรือแม่ชีจอย อายุ 41 ปี ออกจากวัด เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2553

...เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 ก.ค. 53 พ.ต.ท.ปริญญา หาพรหม สว.สส.สภ.เมือง จ.อุดรธานี รับแจ้งว่าที่วัดป่าบ้านตาด มีคณะลูกศิษย์ของพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พระอาจารย์ชื่อดัง ประมาณ 200 กว่าคน ล้อมกุฏิของแม่ชีจอย หรือนางศุภรัตน์ แซ่จิว อายุ 41 ปี เพื่อขับไล่ให้ออกจากวัดไป เพื่อจะได้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการต่างๆ ภายในวัด โดยเฉพาะการดูแลรักษาอาการอาพาธของหลวงตามหาบัว

... ต่อมา พ.ต.ท.ปริญญา นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบคณะศิษย์ปีนเข้าไปในกุฏิของแม่ชีจอย แล้วพังประตู ตรวจค้นภายในห้องพบเงินสด 3,000,000 บาท ฝ่ายแม่ชีจอย และพรรคพวกประมาณ 20 คน พยายามจะเอาคืน แต่คณะศิษย์ไม่ยอม โดยแม่ชีจอยอ้างว่าเป็นเงินที่ญาติโยมศรัทธาแม่ชีแล้วบริจาคมา และจะนำไปซื้อวัว ปลา และเต่า มาให้หลวงตามหาบัวนำไปปล่อย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ขวางไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกัน ก่อนที่ฝ่ายแม่ชีจอยจะขับรถตู้พาตัวออกจากวัดไป

นายธนากร ธนากรโชติกุล อายุ 58 ปี หนึ่งในลูกศิษย์ของหลวงตามหาบัว กล่าวว่า "แม่ชีจอยติดตามพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งมาจาก จ.สุพรรณบุรี และมาอยู่ที่วัดป่าบ้านตาดตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 ตลอดเวลาคณะศิษย์ของหลวงตามหาบัว สงสัยพฤติกรรมต่างๆ มานานแล้ว โดยเฉพาะในช่วงที่หลวงตามหาบัวอาพาธอยู่ในขณะนี้ และมักลักลอบมาที่กุฏิของหลวงตา อีกทั้งยังจัดยา วิตามิน และอาหารเสริมให้หลวงตาฉัน คอยกีดกันแพทย์ พระและลูกศิษย์อื่นเข้าไปดูแล ทั้งที่ตัวเองไม่มีความรู้ด้านการแพทย์เลย"

... ต่อมาเวลา 15.30 น. หลวงตามหาบัว เดินทางกลับมาถึงวัดป่าบ้านตาด หลังจากนั้นคณะศิษย์เข้าชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งนำเงินสด 3,000,000 บาทที่ยึดมาได้ไปถวาย และในเวลาต่อมา แม่ชีจอยและพวกก็เดินทางมาที่วัดอีกครั้ง เพื่อเข้าไปเอาข้าวของในกุฏิ

http://kunginternews.blogspot.com/
http://kunginternews.blogspot.com/

เหตุเกิดที่มติชน : เสียงร้องเรียนแด่เพื่อนร่วมวิชาชีพ

ที่มา ประชาไท

ได้รับทราบจากเพื่อนในแวดวงสื่อมวลชนว่า กำลังเกิดความระส่ำระสายอย่างหนักในหมู่พนักงานบริษัท มติชน จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ความระส่ำระสายดังกล่าวไม่ใช่เกิดการโยกย้ายระดับบริหารครั้งใหญ่ในบริษัทเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่เกิดจากการออกระเบียบบริษัทซึ่งเป็นข้อตกลงสภาพการจ้างที่มีการเปลี่ยนแปลงและเอาเปรียบพนักงานอย่างรุนแรง
ในปี 2547 พนักงานมติชน รู้สึกยินดีและชื่นชมผู้บริหารบริษัทเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ได้ออกประกาศระเบียบว่าด้วยการเกษียณอายุพนักงานบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)และบริษัทในเครือซึ่งมีสาระสำคัญคือ
1.พนักงานอายุ 60 ปีซึ่งเกษียณอายุ ให้มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จและเงินค่าชดเชย โดยเกณฑ์การจ่ายเงินบำเหน็จ ให้นำระยะเวลาการทำงานคิดเป็นจำนวนปี คูณอัตราเงินเดือนสุดท้ายเมื่อครบเกษียณอายุ ทั้งนี้ จะต้องไม่น้อยกว่า 6 เท่าของอัตราเงินเดือนสุดท้าย (เงินชดเชยที่จ่ายให้ให้ถือว่า เป็นส่วนหนึ่งของเงินบำเหน็จด้วย)
2.กรณีที่พนักงานรายใดมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และประสงค์จะพ้นสภาพการเป็นพนักงานด้วยการเกษียณอายุก่อนกำหนด สามารถกระทำได้โดยแจ้งความจำนงล่วงหน้ากับผู้จัดการทั่วไป ไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยพนักงานผู้นั้นจะได้รับสิทธิในเงินบำเหน็จตอบแทนการทำงานเช่นเดียวกับพนักงานที่อายุครบ 60 ปีบริบูรณ์คือให้นับจำนวนปีที่ทำงานบวกจำนวนปีของอายุที่เหลือจนครบ 60 ปีบริบูรณ์ แล้วนำไปคูณอัตราเงินเดือนสุดท้าย
จากระเบียบดังกล่าว อธิบายให้เข้าใจง่ายๆว่า พนักงานคนหนึ่งทำงานมานาน 30 ปี จนเกษียณอายุ มีเงินเดือน(รวมเงินอื่นๆ เช่น ค่าครองชีพ ที่จ่ายเป็นรายเดือน 50,000บาท) ก็ได้จะบำเหน็จ จากบริษัทรวมทั้งสิ้น 1.5 ล้านบาท( 30 ปีคูณ 50,000 บาท )
สำหรับผู้ที่อายุครบ 55 ปี ที่ต้องการเกษียณก่อกำหนด สมมุติว่า ทำงานมา 25 ปี เงินเดือน 50,000 บาท ก็จะได้รับเงินบำเหน็จทั้งสิน 1.5 ล้านบาทเช่นกัน (25+5 ปี คูณ 50,000บาท)
การออกระเบียบดังกล่าว นอกจากชื่นชมยินดีแล้ว พนักงานยังมีกำลังใจที่จะทุ่มเททำงานเพื่อบริษัทเพราะเมื่อถึงบั้นปลาย ก็ยังมี “เงินก้อน” สุดท้ายในชีวิต แม้ไม่มากนัก เนื่องจากเงินเดือนของพนักงานมติชนทั่วไปค่อนข้างต่ำ เช่น ผู้สื่อข่าวทำงานมานาน 15 ปี ยังมีเงินเดือนประมาณ 20,000 บาท
อย่างไรก็ตาม เงินก้อนดังกล่าว นอกจากนำไปชำระหนี้สิน(สำหรับบางคน)แล้ว ก็คิดว่ายังเหลือพอ สามารถนำไปลงทุนให้เกิดดอกผลเพื่อนำไปเลี้ยงชีพยามชราได้
แต่แล้ว ความหวังและความยินดีดังกล่าวได้พังทลายจนหมดสิ้น เมื่อบริษัทได้ออกประกาศระเบียบว่าด้วยการเกษียณอายุพนักงานบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)และบริษัทในเครือฉบับใหม่ ลงวันที่ 17 มกราคม 2554(มีการอ้างถึงระเบียบบริษัทในเรื่องเดียวกันฉบับที่ 3 และฉบับที่ 2 แต่ไม่เคยมีการติดประกาศให้พนักงานทราบว่า มีการออกระเบียบดังกล่าวเลย) ยกเลิกการจ่ายบำเหน็จให้แก่พนักงานที่เกษียณอายุ 60 ปีและขอพ้นสภาพพนักงานเมื่ออายุครบ 55 ปีและให้จ่ายเป็นเงินค่าชดเชยการเลิกจ้างเพียงอย่างเดียวโดยอ้างว่า ระเบียบเดิมที่มีการจ่ายบำเหน็จนั้น ไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน และเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบริษัท จึงขอแก้ไขระเบียบการจ่ายเงินชดเชยสำหรับผู้ที่เกษียณอายุ ดังนี้
1.พนักงานซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ1 ปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน
2.พนักงานซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน
3.พนักงานซึ่งทำงานติดต่อกันครบ3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน
4.พนักงานซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ10 ปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 240 วัน
5. พนักงานซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 10 ปีขึ้นไป ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน
สำหรับผู้ที่ต้องการขอพ้นสภาพพนักงาน เมื่ออายุครบ 55 ปี ก็จะได้รับสิทธิในเงินค่าชดเชยเช่นเดียวกับพนักงานที่เกษียณอายุ ถ้าได้รับการอนุมัติจากผู้จัดการทั่วไป (มีการแก้ไขจากระเบียบฉบับแรกที่พนักงานจะได้รับสิทธิทันทีเมื่อยื่นขอลาออกครบ 30 วัน)
จากระเบียบดังกล่าว อธิบายได้ง่ายๆว่า เงินค่าบำเหน็จที่บริษัทเคยออกระเบียบว่า จะจ่ายให้แก่พนักงานเมื่อเกษียณอายุ(เพื่อตอบแทนพนักงานที่ช่วยกันทำงานกับบริษัทมายาวนาน)หรือขอพ้นสภาพการเป็นพนักงานเมื่ออายุครบ 55 ปี ถูกยกเลิกทั้งหมด
แต่ให้จ่ายเป็นเงินค่าชดเชยเพียงอย่างเดียวซึ่งเป็นอัตราขั้นต่ำสุดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน(ที่บอกว่า เป็นอัตราขั้นต่ำสุดนั้นก็เพื่อคุ้มครองลูกจ้าง ไม่ให้ถูกนายจ้างเอาเปรียบ แต่ถ้าบริษัทใดเห็นใจและต้องการเพิ่มสวัสดิการให้พนักงานก็สามารถจ่ายเงินมากกว่าเงินชดเชยตามกฎหมายได้ เช่น เงินบำเหน็จ)
จากตัวอย่างที่พนักงานเกษียณอายุ ทำงานมานาน 30 ปี มีเงินเดือน 50,000 บาท แทนที่จะได้เงินบำเหน็จ(รวมค่าเงินชดดชย)ตามระเบียบเดิม 1.5 ล้านบาท ก็จะได้รับเงินชดเชยอย่างเดียวเหลือเพียง 5 แสนบาท
เท่ากับเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตหาย(ถูกปล้น?)ไปทันที 1 ล้านบาท
เมื่อเป็นเช่นนี้พนักงานที่อายุ 50 ปีขึ้นไป อายุใกล้ 50 ปี กว่า 55 ปี หรือเกือบ 60 ปีจะไม่ระส่ำระสายได้อย่างไร
แม้แต่ผู้ที่มีอายุกว่า 40 ปี และหวังฝากผีฝากไข้ไว้กับบริษัทก็อยู่ในสภาพที่เกิดคำถามว่า ทำไมผู้บริหารและเจ้าของจึงโหดร้ายกับพนักงานเช่นนี้ ออกระเบียบมาบังคับพนักงานฝ่ายเดียวโดยไม่ผ่านการปรึกษาหารือกับพนักงานแม้แต่น้อย
ระเบียบดังกล่าวไม่เพียงแต่บังคับกับพนักงานทั่วไปเท่านั้น แม้แต่กับพนักงานที่อายุใกล้ 60 ปีและยื่นขอพ้นสภาพพนักงานก่อนที่จะออกระเบียบเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2554 ก็ถูกดึงเรื่องไว้ไม่อนุมัติเพื่อให้เข้าเกณฑ์ของระเบียบใหม่ ทั้งๆ ที่พนักงานผู้นี้ทำงานมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมานานกว่า 30 ปี
โครงการการระดมทุนช่วยน้องสำหรับฟื้นฟูห้องสมุดที่ถูกน้ำท่วมที่ออกโฆษณากันใหญ่โตของเครือมติชน อาจทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดูดีว่า ต้องการมีส่วนช่วยเหลือดูแลสังคม
แต่สำหรับชะตากรรมของพนักงานมติชนนั้น กำลังถูกทอดทิ้ง เอารัดเอาเปรียบและกดขี่อย่างหนักและไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร

โสภณ พรโชคชัย: บันทึกบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตรเมื่อ 29 ม.ค.54

ที่มา ประชาไท

ผมไม่ใช่พันธมิตร และก็ไม่ใช่เสื้อแดง แต่สนใจกิจกรรมทางการเมืองของทั้งสองฝ่าย เย็นวันเสาร์ที่29 มกราคม 2554 ผมเลยไปสังเกตการการชุมนุมของพี่น้องฝ่ายพันธมิตร โดยเดินทางไปคนเดียว ลองดูนะครับ จะได้เห็นภาพบรรยากาศ ซึ่งหลายท่านคงไม่คิดจะย่างกรายผ่านไป หลายท่านอาจอยากไปแต่ไม่มีโอกาสได้ไป การดูไว้อาจทำให้เขาเข้าใจและเข้าถึงความรู้สึกนึกคิดของพี่น้องคนไทยอีกกลุ่มหนึ่ง
ผมได้เห็นคุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ กำลังแจกลายเซ็นให้แฟน ๆ แล้วจากนั้นก็ถ่ายรูปหมู่กัน ผมก็เลยขอเข้าไปร่วมถ่ายด้วย นอกจากนั้นยังพบมหาจำลองกำลังขี่มอเตอร์ไซค์คันเล็ก ๆ ผมได้ถ่ายรูปท่านไว้เหมือนกัน แต่รูปดังกล่าว ไม่มีผมอยู่ด้วย ผมเลยไม่ได้นำมาลงไว้ในที่นี้ (ฮา)
ฝ่ายพันธมิตรก็กลัวจะมีคนแปลกปลอมเข้ามาในที่ชุมนุม มีการค้นกระเป๋าถือ แม้แต่กระเป๋าของสุภาพสตรี เพราะก่อนหน้านี้ก็พบระเบิดแบบที่ใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นระเบิด 2 จังหวะ คือจังหวะแรกหลอกให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจ แล้วจะมีจังหวะที่ 2 กดบึมตอนเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ ไม่ทราบว่าเป็นการค้นพบวัตถุระเบิดเพื่อขู่ฝ่ายพันธมิตรไม่ให้ไปชุมนุมหรือเปล่า
อย่าว่าแต่ฝ่ายพันธมิตรจะกลัวเลยครับ แม้แต่ฝ่ายรัฐบาลก็กลัวจะถูกบุกทำเนียบเหมือนครั้งรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ดังนั้นในวันนี้จึงมีรั้วลวดหนามหลายชั้น แน่นหนาเป็นพิเศษเพื่อป้องกันภัย (ฮา) นอกจากนั้นยังมีทหาร-ตำรวจเดินกันขวักไขว่ พร้อมกับมีการจัดกองกำลัง และมีแท่งคอนกรีตคอยรับมือการบุกทำเนียบอีกชั้นหนึ่ง ด้านในทำเนียบยังมีลำโพงขนาดใหญ่ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเครื่องเสียงสลายการชุมนุม (Long Rang Acoustic Device: LRAD) หรือไม่
บรรยากาศบนเวที
ณ เวทีใหญ่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ในช่วงเวลาประมาณ 17:30 น. แม้แดดร่มลมตกแล้ว แต่ก็มีประชาชนเข้าร่วมไม่มากนัก ผมได้พบเห็นแฟน ๆ พันธมิตรบางคนนั่งแท็กซี่มาบ้าง ขับรถมาบ้าง บางคนถึงขนาดนั่งรถเข็นมาชุมนุมก็ยังมี แต่จำนวนคนโดยรวมยังมีน้อย ยกเว้นในช่วงด้านหน้าของเวที ที่มีแฟน ๆ นั่งเก้าอี้พับ หรือนอนฟังการปราศรัยอยู่หนาแน่นพอสมควร แต่ส่วนใหญ่จะนั่งอยู่ห่าง ๆ กัน
ยิ่งเวทีสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ซึ่งเป็นที่ ๆ ท่านโพธิรักษ์ ศูนย์รวมใจของกลุ่มสันติอโศก กำลังปราศรัยอยู่ ณ เวลา 18:15 น. นั้น ยิ่งมีจำนวนน้อยมาก ทั้งนี้คงเป็นธรรมดาที่คนไทยไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม คงไม่ค่อยอยากฟังธรรมะมากนัก คงเป็นเพราะไม่เร้าใจตามกระแสการชุมนุมทางการเมือง อย่างไรก็ตามสำหรับศิษย์สันติอโศก ก็ยังพอมีนั่งฟังอยู่ประปราย
การกินอยู่หลับนอน
กลุ่มสันติอโศกรับหน้าที่ในการจัดหาอาหารการกิน สังเกตดูตามภาพจะเห็นคนเดินเท้าเปล่าในส่วนของคนทำอาหาร คาดว่ากลุ่มสันติอโศก คงพาชาวบ้านในเครือจากสำนักต่าง ๆ ทั้งหมดมาร่วมในการนี้ หลังจากทำเสร็จก็นำไปแจกจ่ายตามพื้นที่ต่าง ๆ ของการชุมนุม โดยมีเตนท์ขนาดใหญ่ที่เป็นที่แจกอาหารมังสะวิรัติ หากดูตามภาพคงต้องทำอาหารต่อเนื่องเพื่อเลี้ยงผู้เข้าชุมนุม
แต่นอกจากอาหารคาวหวานแล้ว ยังมี แม่ยกฝ่ายพันธมิตร พาโรตี ลอดช่อง ขนมครก หรือแม้แต่สับปะรด มาให้ทานเป็นจุด ๆ อีกด้วย ผมในฐานะที่ไปร่วมชุมนุม ก็ได้รับอานิสงส์ได้ทานสับปะรดปอกสด ๆ จากพี่น้องพันธมิตรนครปฐมเช่นกัน รสชาติก็ดีครับ แต่นี่เป็นน้ำใจของ แม่ยกที่ร่วมชุมนุม ซึ่งก็สามารถสร้างความอิ่มเอมให้กับผู้ชุมนุมได้ระดับหนึ่ง
เท่าที่สังเกต ม็อบนี้มีเตนท์นอนที่สวยงามโดดเด่น และมีเตนท์นอนอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนมากเป็นเตนท์ขนาดเล็ก ๆ คาดว่าคงใช้นอนเตนท์ละคนเป็นสำคัญ และที่สำคัญที่สุดก็คือเตนท์จำนวนมาก ๆ เช่นนี้ก็กินเนื้อที่ถนนและพื้นที่แถวนั้นไปเป็นอันมาก ทำให้แลดูเป็นการชุมนุมขนาดใหญ่ แม้ว่าจะยังมีผู้มาเข้าร่วมไม่มากนักก็ตาม
ดูความน่ารัก
สำหรับผู้ที่มาชุมนุมแล้วเกิดความเมื่อยล้า ก็สามารถใช้บริการนวดแผนโบราณได้ สนนราคาถูก ผู้เข้าร่วมชุมนุมมาใช้บริการเป็นระยะ ๆ สังเกตดูผู้ให้บริการซึ่งเป็นสาวใหญ่ก็มีอารมณ์ดี สนุกสนาน และที่สำคัญยังได้เงินอีกด้วย คาดว่าจะเป็นกิจการที่ดีมากในการชุมนุมลักษณะนี้ เมื่อวันก่อนผมผ่านวัดพระยาไกร เห็นติดป้ายค่านวดตกชั่วโมงละ 70 บาท ก็แทบหาคนนวดไม่ได้ แต่ที่นี่คงมีผู้ใช้บริการต่อเนื่อง
และเพื่อให้เกิดภาวะร่วมสมัย (Intrend) ณ ซุ้มหนึ่งของการชุมนุมจึงมีการแต่งตัวชุดนักโทษกัมพูชา มาเพื่อขอล่ารายชื่อ 20,000 ชื่อเพื่อประเด็นอะไรบางอย่างที่ผมฟังไม่ถนัดเกี่ยวกับกัมพูชา ซึ่งกิจกรรมนี้นำโดย ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ ซึ่งเคยล่ารายชื่อ 20,000 ชื่อ เพื่อคัดค้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนี้ดูไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าที่ควร
สำหรับภาพข้างต้นนี้ ไม่ทราบว่ากัมพูชาจะหาว่าไทยละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ประการหนึ่งก็คือ ชุดนักโทษกัมพูชา ดูดีกว่านักโทษไทย ที่ยังต้องมีโซ่ตรวน และเป็นแบบขาสั้น แขนสั้น สีตุ่น ๆ อย่างไรก็ตามหากให้ผมใส่ ผมก็คงไม่ขอใส่หรอกครับ (ฮา)
แหล่งเงินทุน
อาจกล่าวได้ว่ากลุ่มสันติอโศกเป็นแหล่งคนและแหล่งเงินทุนใหญ่ที่สุด ตามภาพการบริจาค จะเห็นได้ว่ามหาจำลองบริจาคมากที่สุด ณ วันที่แสดง ที่สำคัญที่สุดก็คือ ผู้เข้าชุมนุมจำนวนมาก หรืออาจดูเป็นคนส่วนใหญ่ก็คือชาวสันติอโศก ซึ่งมีชุมชนชาวสันติอโศกอยู่หลายแห่งในภูมิภาคต่าง ๆ ทำให้การย้ายครัวเรือนมาอยู่อาศัยในพื้นที่ชุมนุมทำได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตามภาพที่เป็น สันติอโศกอาจทำให้ผู้ที่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรบางส่วนอาจรู้สึกแปลกแยกไปจากตนก็เป็นได้ อาจส่งผลให้จำนวนผู้ชุมนุมไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควรมีมาก่อน หรืออาจจะเป็นเพราะประเด็นการเรียกร้องยังไม่แรงเท่าที่ควรหรืออย่างไร ก็คงต้องให้ผู้สันทัดกรณีให้คำอรรถาธิบายต่อไป แต่สำหรับผม คงให้ภาพในฐานะผู้สังเกตการเท่านั้น
เพลงสุดท้ายของแผ่นดิน
ในระหว่างสังเกตการณ์ชุมนุมพี่น้องเสื้อเหลือง ฝ่ายพันธมิตร ณ เวลา 18:00 น. เสียงเพลงชาติไทยดังขึ้น ทุกคนที่ชุมนุมก็พร้อมใจกันร้องเพลงชาติ ผมเคยไปสังเกตการณ์ชุมนุมของพี่น้องเสื้อแดง ก็พบปรากฏการณ์เดียวกัน ผมจึงเชื่อว่าเพลงชาติไทย คงเป็นเพลงสุดท้ายในแผ่นดินไทยที่ทั้งพี่น้องเสื้อเหลือง และพี่น้องเสื้อแดงจะร่วมร้องกันได้
ดีครับ อย่างน้อยเราก็มีความรักในชาติ ขอให้แตกต่างแต่อย่าแตกแยก คือ แตกต่างในความคิดได้ แต่อย่าได้แตกแยกกันมากกว่านี้ในหมู่คนไทยเลยครับ ผู้ที่กดขี่ขูดรีดประชาชนจะยิ่งสบายนะครับ

กวีประชาไท:บทกวีถึง "กองทัพประชาชน"

ที่มา ประชาไท

อานนท์ นำภา

ไฟการเมือง สุมเมือง ระเคืองป่า

สัตว์ตระหนก วกหา ฤาษีเหลือง

กองทัพป่า จึงจากป่า มาสู่เมือง

จ่อปืนเปลื้อง ประชา ธิปไตย

โค่นอำนาจ แน่หมาย ได้อำนาจ

เข็ญอำมาตย์ ขี้เหม็น ขึ้นเป็นใหญ่

ฆ่าคนเพื่อ เพียงคน คนเดียวไป

กอบโกยสัก เท่าไหร่ ไม่เคยพอ

นิติรัฐ ถูกมัดมือ บนขื่อแขวน

นิติกร เปลี่ยนแกน มาร่วมก่อ

ร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเหล่ากอ

เร่งวันรอ รัฐประหาร บนพานทอง

หรือกองทัพ ถูกทับ ด้วยกับดัก

จึงหารหัก ประชาชน คนทั้งผอง

นั่นภาษี ที่เซ่น อยู่เป็นกอง

ที่อิ่มท้อง ทนโท่ โถเงินใคร

หรือกองทัพ มาป่วย ด้วยโรคร้าย

เหื่อนกระหาย สงคราม ถาม-สงสัย

หรือสำคัญ ความคิิด ผิดเพี้ยนไป

ว่าผู้ใด เป็นเจ้าของ ให้ตรองดู

ประวัติศาสตร์ อาจสิ้น เมื่อดินกลบ

เพียงซากศพ ทบธง ตรง "นักสู้"

ประวัติศาสตร์ ก็เพียรสอน ให้รับรู้

ว่าเตะหมู เข้าปากหมา อย่างน่าอาย

เขาหลอกใช้ ให้เชื่อง ด้วยเรื่องเกียรติ

เสี้ยมให้เหยียด หยามราษฎร์ ไม่ขาดสาย

พอเสร็จศึก ซมซาน ก็พาลตาย

เฉกวัวควาย สิ้นหน้านา ก็ฆ่าแกง

ขอสาธก ยกภาพ ให้ทราบสิ้น

กี่แผ่นดิน กี่ผลัด ที่ขัดแข่ง

ใครเล่าผู้ เพลิดเพลิน เดินพรมแดง

ใครเล่าแฝง ร่างฝัง ยังธรณี

เมื่อบ้าใบ้ ไม่ยิ้ม อยากลิ้มเลือด

บัญชาเชือด เดือดแดง เป็นดงผี

กองทัพเถื่อน เกลื่อนทุ่ง กฎมภี

เราจึงมี ตาสว่าง อย่างเต็มตา

เถิดทหาร ของประชา ทำหน้าที่

กู้ศักดิ์ศรี รั้วของชาติ ที่ปรารถนา

หากยังฝืน ยืนผิดข้าง อย่างเป็นมา

ก็ถึงครา ถึงสงคราม ประชาชน !

: เขียนที่มุกดาหาร ท่ามกลางกระแสข่าว "ปฏิวัติ" หนาหู

อานนท์ นำภา 28 มกรา 54

อียิปต์ปิดสำนักงานอัลจาซีรา ถอนใบอนุญาตทำงานนักข่าว

ที่มา ประชาไท

เว็บไซต์อัลจาซีรา รายงานว่ารัฐบาลอียิปต์ปิดสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราสาขาอียิปต์และเพิกถอนใบอนุญาตการทำงานของเจ้าหน้าที่สถานีในวันนี้ ขณะที่โฆษกของอัลจาซีราระบุ นี่คือการบีบคั้นและคุกคามเสรีภาพในการรายงานข่าวของผู้สื่อข่าว
สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลอียิปต์ประกาศว่า รัฐบาลอียิปต์ถอนใบอนุญาตออกอากาศของสถานีอัลจาซีร่าจากประเทศอียิปต์ และจะปิดสำนักงานของอัลจาซีราในกรุงไคโร
"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข้อมูลข่าวสารสั่งให้สถานีอัลจาซีราหยุดดำเนินการชั่วคราวและสั่งเพิกถอนในอนุญาตของพนักงานสถานีทั้งหมดในวันนี้โฆษกของมีนานิวส์ กล่าวในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวอัลจาซีราได้ออกแถลงการณ์ประณามการปิดสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราสาขาไคโรโดยรัฐบาลอียิปต์
โฆษกของอัลจาซีรากล่าวว่า ทางบริษัทจะเดินหน้ารายงานข่าวต่อไปอย่างไม่เกรงกลัว
"อัลจาซีราเห็นว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นการบีบคั้นและคุกคามเสรีภาพในการรายงานข่าวของผู้สื่อข่าวของพวกเรา"
"ในภาวะที่เกิดความปั่นป่วนโกลาหลขึ้นในสังคมอียิปต์เช่นนี้ เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่เสียงของทุกฝ่ายจะต้องถูกรับฟัง การปิดสำนักงานของเราโดยรัฐบาลอียิปต์นั้นมีจุดประสงค์เพื่อจะปิดกั้นและทำให้เสียงของประชาชนชาวอียิปต์เงียบลง
"อัลจาซีรา ขอให้คำมั่นกับผู้ชมทั้งในประเทศอียิปต์และทั่วโลกว่าเราจะยังคงนำเสนอรายงานสถานการณ์ในอียิปต์แบบเจาะลึกและรอบด้านต่อไป
"ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีราได้นำเสนอรายงานซึ่งหาได้ยากจากทั่วทุกมุมของอียิปต์โดยต้องเผชิญหน้ากับความอันตรายและสถานการณ์ที่ไม่ปกติ อัลจาซีราถูกข่มขู่จากรัฐบาลอียิปต์ด้วยการทำลายเสรีภาพในการรายงานข่าวสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอียิปต์
ด้านBlognone รายงานว่าสำนักข่าวอัลจาซีราจากประเทศกาตาร์ เคยประกาศเปิดคลังวิดีโอของตัวเองให้ผู้อื่นนำไปใช้ ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons มาก่อนแล้ว
ในเหตุการณ์ประท้วงใหญ่ที่ประเทศอียิปต์ อัลจาซีราอาศัยข้อได้เปรียบที่เป็นนักข่าวมุสลิมด้วยกัน และส่งทีมเข้าไปในกรุงไคโรถึง 7 ทีม รวมถึงนักข่าวในจังหวัดอื่นๆ ของอียิปต์อีกมาก จึงมีเนื้อหา ภาพถ่าย วิดีโอ บทสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประท้วงมากมาย
และเมื่ออียิปต์ตัดการสื่อสารหลายๆ ชนิดกับโลกภายนอก สำนักข่าวอื่นๆ จึงรายงานข่าวจากอียิปต์ได้ค่อนข้างจำกัด ทาง Al Jazeera ที่มีเนื้อหาข่าวพวกนี้พร้อมอยู่แล้ว จึงเปิดเนื้อหาบางส่วนออกมาเป็น Creative Commons เพื่อให้สำนักข่าวอื่นๆ นำไปใช้ต่อได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ขอเพียงอ้างที่มาจากอัลจาซีรา เท่านั้น

ทักษิณโฟนอินแดงEU:แค่เห็นคนจูงหมามาก็รู้นิสัยเจ้าของหมา ลั่นถึงผมจะนอนใกล้ตายที่รพ.ก็จะสู้

ที่มา Thai E-News

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
31 มกราคม 2554


พ.ต.ท.ทักษิณ,เจ๊ดา กับแกนนำเสื้อแดงในเยอรมนี และแกนนำเสื้อแดงสหภาพยุโรป(ที่มา:แฟ้มภาพไทยอีนิวส์)

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ามาร่วมงานตาสว่างกลางยุโรป ซึ่งจัดโดยนปช.สหภาพยุโรป ที่เมือง Wuppertal ประเทศเยอรมันนี เมื่อวันเสาร์ที่ 29 มกราคม 2554 ฟังคลิปเสียงตามลิ้งค์ http://www.4shared.com/audio/U_woBaR_/2954.html

โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญดังต่อไปนี้

"พวกเราคงเห็นสิ่งที่เกิดในประเทศตูนีเซีย ที่ประชาชนขับไล่ผู้นำเผด็จการออกนอกปรระเทศ เรื่องนี้มีสาเหตุ 2-3 ประการ คือ

ประการแรก ผู้ปกครองประเทศไม่ใส่ประชาชน สนใจแต่ความสุขส่วนตัว เห็นคนจนปล่อยปละละเลย

ประการที่2 ชนชั้นปกครองอายุมากแล้ว ในขณะที่โลกก้าวไปถึงไหนไม่รู้ ไม่ยอมปรับตัว แต่ก็พยายามลากประเทศให้ล้าหลังเอาไว้ แต่โลกทุกวันนี้มันเปิด คนได้รับข้อมูลข่าวสารทั่วโลก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่อายุซัก 30 เขาก็ได้เปรียบเทียบว่า ทำไมประเทศตัวเองล้าหลัง ทำไมประเทศอื่นไปไกล

ผู้ปกครองเป็นเผด็จการ อย่างตูนีเซีย หรืออย่างอียิปต์นั้น ตอนแรกก็แก้ไขโดยประธานาธิบดีมูบารักไปสั่งให้รัฐมนตรีมนตรีลาออก แต่ก็ตั้งพวกที่เป็นเผด็จการเข้ามาแทน เพราะชนชั้นปกครองมีจิตใจเผด็จการรวบอำนาจ ประชาชนก็รับไม่ได้ คนรุ่นใหม่เขารับข้อมูลเยอะ มีความสามาถสูง ชอบท้าทาย แต่ผู้นำไม่มีประสิทธิภาพ ยิ่งอยู่มากยิ่งคอรัปชั่น

อย่างรัฐบาลไทยอยู่อ2ปีกว่า แต่คอรัปชั่นมากกว่าทุกรัฐบาล ระบบทุกอย่างพัง ขณะที่คนรุ่นใหม่อยากเปลี่ยนแปลง

หากใครติดตามกรณีทีมฟุตบอลศรีษะเกษมาเตะที่นครปฐม เมื่อ 3-4 เดือนก่อน แข่งไปแข่งมาขัดแย้งกัน กรรมการไปเป่าลูกหวีดก่อนหมดเวลา คนดูไม่ยอมจบเลยได้ตีกัน

เวลานี้คนไทยเรา คนเป็นผัวเมียกัน เพื่อนกันทะเลาะกัน เพราะแบ่งสีแดงสีเหลือง แทนที่จะแก้ไขปัญหา ก็ได้ทะเลาะกัน เพราะกติกาไม่เป็นธรรม ผู้รักษากติกาไม่เป็นธรรมโปร่งใส เลือกข้างชัดเจน ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง
หากรักษากติกาได้ประเทศก็จะไปได้ เวลานี้บ้านเมืองเราถอยหลังไป 30 ปี เป็นเผด็จการ ระบบยุติธรรม องค์กรอิสระ ระบบราชการก็พัง พวกเราก็ต้องเรียกร้องให้บ้านเมืองกลับไปสู่ไปสภาวะปกติ เราก็ได้แต่กดดันเรียกร้องให้บ้านเมืองได้กลับไปถูกต้องเสียที ก็ต้องขอบคุณทุกคนในต่างประเทศได้ช่วยกดดันเรียกร้อง เพราะรัฐบาลนี้ทำให้เกิดความเสียหายมาก จะได้รู้ว่าประชาชนทั้งในและต่างประเทศได้รู้

ที่ผ่านมารัฐมนตรีต่างประเทศคุณกษิต ภิรมย์ ก็เดินสายทุกวันตามล่าตัวผม ต่างประเทศที่เขาไม่รู้ก็เห็นว่าเป็นคนที่มีตำแหน่งหน้าที่สถานะเชื่อก็เสียหายกัน ผมก็เดินทางไปหลายประเทศ บางประเทศเขาบอกว่า มีจดหมายจากประเทศไทยว่า ผมมีหมายจับจากประเทศสิงคโปร์ เขาก็ให้ผมรอแล้วเช็กไปเวบไซต์ตำรวจสิงคโปร์ ปรากฎไม่มี

เขาก็ว่า ทำไมประเทศไทยกล้าใช้สถาบันโกหกขนาดนี้ เขาก็เชิญผมเข้าประเทศ นี่คือสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่า คนๆเดียวลากสถาบันของประเทศเสียหายมาก คนแบบนี้คือคนที่อภิสิทธิ์ชอบใจ

ผมถึงบอกว่า เวลาเราเห็นคนจูงหมามา เราก็ต้องรู้ว่านิสัยเจ้าของหมาเป็นยังไง

วันนี้เราต้องอดทนและสู้ต่อไปเราต้องทำให้บ้านเมืองเรากลับไปสู่ความสันติสงบสุข

คำถามเรื่องเกิดรัฐประหารจะทำอย่างไร หากเกิดปฏิวัติรัฐประหาร พวกเราคนไทยในต่างประเทศต้องไปยื่นหนังสือต่อยูเอ็น และทุกประเทศว่า เราคนไทยในต่างแดนขอประท้วงไม่เห็นด้วย ทำให้ไทยเสียเกียรติยศขอให้ทุกประเทศกดดันไทยกลับไปสู่ประชาธิปไตยให้เร็วที่สุด

ได้ยินข่าวว่าจะยุบสภาเดือนเมษายนแต่ผมก็ยังไม่เชื่อ

คนเสื้อแดงนปช.สหภาพยุโรปถามว่า คนเสื้อแดงสู้เต็มที่อึดอยู่แล้ว ว่าแต่ทักษิณจะอึดแค่ไหน? พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า"โอ้โห บอกได้เลยว่า สมมุติว่ากำลังจะตายอยู่ในโรงพยาบาล ก็จะโทรศัพท์มาสู้เขาอยู่"


ในงานเดียวกันยังมีการโฟนอินจากอีกหลายคน คือนายจตุพร พรหมพันธุ์ http://www.4shared.com/audio/J8Hzl3TR/2954.html

คลิปเสียงอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง โฟนอิน http://www.4shared.com/audio/kwIitNPT/2954.html

คลิปเสียงคุณเบ็นจามิน (นปช.USA) http://www.mediafire.com/?2fonhwhv1dchhf7

คลิปเสียงคุณเป๋ คลองเตย http://www.mediafire.com/?gwzi88sp9i3l7yb

กี้ร์-ใจ:ลมหายใจผู้ไม่แพ้ปลุกแดงสวีเดนสู้เพื่อมาตุภูมิ

ที่มา Thai E-News

โดย Thai Red Sweden ♥ แดง สวีเดน
30 มกราคม 2554


ชมวีดีโอลิ้งค์คุณ อริสมันต์ งาน Thai Red Sweden


คนเสื้อแดงในสวีเดน ได้จัดงานเสวนารากหญ้าสังคมนิยมขึ้นในสวีเดน เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีตแกนนำนปช.แดงทั้งแผ่นดิน ที่ทางรัฐไทยต้องการตัวมากที่สุดรองลงมาจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วิดิโอลิ้งค์เข้ามาร้องเพลง"ลมหายใจผู้ไม่แพ้แด่วีรชน"และกล่าวเรียกร้องคนไทยทั่วโลกร่วมกดดันเรียกร้องให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง

ขณะที่รศ.ใจ อึ๊งภากรณ์ เสื้อแดงสังคมนิยม ซึ่งอยู่ระหว่างลี้ภัยการเมืองที่อังกฤษเข้าร่วมกิจกรรมเสวนาครั้งนี้
โดยกล่าวนำเสวนาด้วย (ดูคลิปด้านบน โดยคลิปนำเสวนาของใจนั้นเป็นตอนแรกส่วนฉบับสมบูรณ์และสัมภาษณ์เพิ่มเติมจะนำเสนอในโอกาสต่อไป)

วีดีโอการบรรยายของอาจารย์ใจ อึ้งภากรณ์

ภาพบรรยากาศในงาน









เปิดรายชื่อทหารที่สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง พร้อมพื้นที่ปฏิบัติการ และรายชื่อเหยื่อสังหาร

ที่มา Thai E-News

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
30 มกราคม 2554

ที่มา บอร์ดInternet freedom

กระดานสนทนาการเมืองInternet freedom ได้เปิดเผยเอกสารรายชื่อทหาร-หน่วยงานที่ได้รับคำสั่งเข้าสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง พร้อมพื้นที่ปฏิบัติการ และเหยื่อสังหาร ซึ่งรวมทั้งเสธ.แดง พลตรีขัติยะ
สวัสดิผล ดังต่อไปนี้



อย่างไรก็ดียังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมายอมรับหรือปฏิเสธเอกสารที่"หลุด"ออกมาแต่อย่างใด

1.)พล.ม.2รอ.กับเหยื่อสังหารนักข่าวญี่ปุ่นและเหยื่อ 10 เมษาฯ

เอกสารแผ่นแรกเปิดเผยรายชื่อผู้เสียชีวิต 19 รายรวมทั้งนักข่าวรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น ในเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 พล.ม.2รอ.มีชื่อเต็มๆว่า กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ปัจจุบันนี้มีพล.ต. สุรศักดิ์ บุญศิริ เป็น ผบ.พล.ม.2 รอ.


พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้รับผิดชอบเหตุการณ์แยกคอกวัว เคยไล่เสธ.แดงออกจากกองทัพมาแล้ว

พ.อ.ธรรมนูญ วิถี ผู้รับผิดชอบบริเวณถนนดินสอ ที่นักข่าวญี่ปุ่นเสียชีวิต และนายวสันต์ ภู่ทอง ถูกยิงกระโหลกเปิด แต่พ.อ.ธรรมนูญก็บาดเจ็บจากการนี้ ซึ่งได้รับพรระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จทรงเยี่ยมอาการบาดเจ็บด้วย (ภาพข่าว:เดลินิวส์)

2.)พล.ม.2รอ.,พล.1รอ.และพล.ร.9กับ10เมษาและกรณีสังหารพลทหารณรงค์ฤทธิ์
เอกสารแผ่นทื่2เปิดเผยถึงเหตุการณ์เหยื่อสังหาร10เมษาอีกรายบริเวณสะพานมัฆวานฯมีพล.1รอ.รับผิดชอบ,เหตุการณ์ระเบิดที่สีลม22เม.ย.และเหตุการณ์เสื้อแดงเคลื่อนไปตลาดไทย เป็นเหตุให้พลทหารณรงค์ฤทธิ์สาละ เสียชีวิต เวลานั้นสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าถูกฝ่ายเจ้าหน้าที่ด้วยกันยิง

พล. 1 รอ. ย่อมาจาก กองพลที่ ๑ รักษาพระองค์ ส่วนพล ร.9 ย่อมาจาก กองพลทหารราบที่ 9 กาญจนบุรี

3.)พล.ม.2รอ.กับการตายของตำรวจและเหยื่อ
เอกสารแผ่นที่3กล่าวถึงการเสียชีวิตของตำรวจ 2 นาย ผู้ชุมนุม 1 ราย คือนายชาติชาย ซาเหลา โดยมีพล.ม.2รอ.รับผิดชอบภายใต้การบังคับบัญชาของ พ.อ.จุมพล จุมพลภักดี

4.)สังหารเสธ.แดงและ 6 ศพวัดปทุม-พล.ม.2รอ.,พล.1รอ.,ร.31 พัน 2 รอ.และกองพันรบพิเศษที่ 1 กรมทหารรบพิเศษที่3(ลพบุรี)

เอกสารแผ่นที่4กล่าวถึงการสังหารเหยื่อในวันที่ 15 พ.ค.บริเวณซอยงามดูพลี,แยกบ่อนไก่,ซอยสุวรรณสวัสดิ์ มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ มีพล.ม.2รอ.ใต้บังคับบัญชาของ พ.อ.เพชรพรม โพธิ์ชัย รับผิดชอบ
เอกสารแผ่นนี้กล่าวถึงการสังหาร6ศพวัดปทุมฯรวมทั้ง"น้องเกด"เหตุเกิดวันที่ 19-20พ.ค.2553 มีพล.1รอ.ภายใต้การบังคับบัญชาของ พ.ท.ยอดอาวุธ พึ่งพักตร์ นศล.ภายใต้บังคับบัญชาของ พ.อ.ณรงค์ฤทธิ์ คำภีระ และรบพิเศษที่ 3 ลพบุรี มีพ.ต.นิมิต วีระพงศ์ กับ จสอ.สมยศ ร่มจำปา (ในภาพ) เป็นผู้บังคับบัญชา

เอกสารแผ่นนี้ยังกล่าวถึงการยิงสังหารเสธ.แดงในระยะไกลด้วยว่ามีพล.ม.2รอ.ภายใต้การบังคับบัญชาของ
พ.ต.สุรพงษ์ กาญจนโพธิ์ พ.ต.ณัฐพล บุญกระพือ ร.อ.จิรจำนง โกษาวัง และร.อ.ศันศนะ เพ็ชรสุข

5.)พล.ม.2รอ.กับเหตุการณ์สังหาร14-17เมษายน
เอกสารแผ่นนี้กล่าวถึงเหตุการณ์สังหารที่บริเวณถนนวิทยุ,สนามมวยลุมพินี,ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่,ซอยปลูกจิต,สวนลุมพินี,แยกศาลาแดงระหว่างวันที่ 14-17พ.ค.2553 นอกจากพ.อ.เพชรพนม โพธิ์ชัยแล้ว มีพ.ท.โกญจนาท ธูปเทียนรัตน์ และพ.ท.วิฑูร โพธิ์ร่มรื่น เป็นผู้บังคับบัญชา
6.)พล.ม. 2 รอ.
เอกสารแผ่นนี้กล่าวถึงเหตุการณ์ระหว่างวันที่15-19พฤษภาคม ซึ่งเป็นเหตุให้ช่างภาพชาวอิตาลีเสียชีวิต พร้อมผู้ชุมนุมที่ตกเป็นเหยื่อสังหารอีก 7 ราย อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของพล.ม.2 เหตุการณ์นี้มีผู้บังคับบัญชาคือพ.อ.ถนัดพล โกษยเสวี , พ.อ.ไตรเทพ ศรีพันธุ์วงศ์ ,พ.ท.ฉัตรชัย ดวงรัตน์,พ.อ.เพชรพนม โพธิ์ชัย


7.)พล.ม.2รอ.กับเหตุสลายม็อบราชประสงค์
เอกสารแผ่นสุดท้านนี้เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย โดยกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์เป็นผู้รับผิดชอบนอกจากพ.อ.ไตรเทพแล้วมี พ.อ.ธัชพล เปี่ยมวุฒิ เป็นผู้บังคับบัญชา (บุคคลในภาพ)
รู้จักกองพลทหารม้าที่2รักษาพระองค์ (พล ม.2 รอ.) เวบไซต์ของกองพลทหารม้าที่ 2รักษาพระองค์
http://cav2div.rta.mi.th/index0.htm ซึ่งมีคำขวัญประจำกองพลว่า"รวดเร็ว รุนแรง เด็ดขาด"

เวบบอร์ดของพล ม2 รอ. http://board.yimwhan.com/board.php?user=25000u&Cate=1

จดหมายจากแกนนำ นปช ถึงผู้พิพากษาทั่วประเทศไทย

ที่มา Thai E-News

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
30 มกราคม 2554


เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
เลขที่ 33 ถนนงามวงศ์งาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900

วันที่ 28 มกราคม 2554
เรียน ท่านผู้พิพากษาที่เคารพ

ด้วยกระผมแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน(ดังรายนามที่ปรากฏท้ายจดหมายฉบับนี้)ผู้ต้องหาคดีร่วมก่อการร้าย จากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2553 ซึ่งถูกควบคุมตัวและจำขังเป็นเวลากว่า 8 เดือนตั้งแต่ยุติการชุมนุมและยังไม่ได้รับสิทธิ์ประกันตัวจนถึงขณะนี้ มีความทุกข์ทั้งทางร่างกายและจิตใจจากการไร้อิสรภาพ ทั้งยังรู้สึกคับแค้นไร้ที่พึ่งจากกระบวนการยุติธรรมในคดี

จึงเขียนจดหมายมาปรับทุกข์กับท่าน เพื่อให้ความจริงดังจะกล่าวต่อไปนี้ปรากฏต่อผู้ทรงภูมิรู้ทางกฎหมายแล กระบวนการยุติธรรมหากท่านจะกรุณามีข้อคิดเห็นหรือคำแนะนำอันเป็นประโยชน์ ทั้งต่อพวกกระผมและประชาชนอีกกว่า 100 ชีวิตที่ยังคงถูกจำขังจากเหตุการณ์เดียวกันก็จะน้อมรับด้วยความยินดี หรือหากเพียงท่านจะรับทราบความเป็นมาแห่งความทุกข์ของประชาชนในกรณีนี้ก็น่าจะเกิดประกายแห่งแสงสว่างมิให้ประเทศไทยมืดมนจนเกินไปนัก

1. การตั้งข้อกล่าวหา แม้จะยินดีเข้าสู่กระบวมการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามพยานหลักฐาน แต่พวกกระผมก็ยังมิอาจทำใจยอมรับข้อกล่าวหาก่อการร้ายได้ เพราะการชุมนุมของ นปช.เป็นการต่อสู้ทางการเมืองโดยมีอุดมการณ์สูงสุดคือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง โดยยึดหลักสันติวิธีในการต่อสู้ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงทั้งรูปแบบ วิธีการ และเป้าหมายของขบวนการก่อเหตุใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ นปช. ถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายขณะที่กลุ่มผู้ก่อเหตุในพื้นที่ภาคใต้เป็นเพียงผู้ก่อความไม่สงบ ตลอดช่วงเวลาหลังยุติการชุมนุมรัฐบาลใช้วาทกรรม “ผู้ก่อการร้าย” เป็นเครื่องมือในการจับกุม คุมขัง คุกคาม และลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดข้อสงสัยว่าข้อหาก่อการร้ายตั้งขึ้นอย่างถูกต้องเหมาะสมตามหลักกฎหมาย หรือตั้งขึ้นเพื่อความถูกใจของรัฐบาลเพื่อใช้จัดการกับผ่ายตรงข้ามทางการ เมืองเท่านั้น

2. การสั่งฟ้องคดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ ในฐานะพนักงานสอบสวนแถลงข่าวรายวัน ยืนยันตลอดเวลาว่าสั่งฟ้องคดีนี้อย่างแน่นอน ทั้งที่ขณะนั้นขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานยังไม่แล้วเสร็จ ถือเป็นการปักธงคดี ไว้ล่วงหน้าโดยไม่แคร์สายตาประชาชน ทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาคย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมทำหนังสือราชการถึงสำนักงานอัยการสูงสุด เร่งรัดให้เจ้าพนักงานอัยการพิจารณาสั่งฟ้องให้ทันก่อนครบกำหนดฝากขังซึ่ง ไม่เคยปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนในกระบวนการยุติธรรมชั้นอัยการ ในที่สุดเจ้าพนักงานอัยการก็มีความเห็นสั่งฟ้องในวันที่ 11 สิงหาคม 2553 ตามกรอบเวลาที่รมว.ยุติธรรมกำหนด ทั้งที่ทนายจำเลยยื่นร้องขอความเป็นธรรมให้สอบปากคำพยาน เพิ่มเติมแต่กลับไม่ได้รับการพิจารณาแม้แต่ปากเดียว ซึ่งแน่นอนว่าหากมีการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมตามที่จำเลยร้องขอก็จะสั่งฟ้องคดีไม่ทันตามนโยบายของ รมว.กระทรวงยุติธรรม ระหว่างความยุติธรรมตามข้อกฎหายกับนโยบายของผู้มีอำนาจการพิจารณาสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้องคดี ต้องยึดหลักเกณฑ์ใด

สำนวนฟ้องของดีเอสไอ ระบุว่าการชุมนุมของ นปช. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพแต่ในการแถลงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2554 ดีเอสไอ ระบุว่าเหตุเสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย เชื่อได้ว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐส่วนสาเหตุที่ยังไม่ได้มีการฟ้องร้องฝ่ายเจ้าหน้าที่เพราะต้องส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชันสูตร พลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

หากยึดตามประมวลกฎหมายดังกล่าวโดยเฉพาะมาตรา 129 วรรคท้าย “ถ้าการชันสูตรพลิกศพยังไม่เสร็จห้ามมิให้ฟ้องผู้ต้องหายังศาล” การมิได้ชันสูตรพลิกศพอย่างถูกต้องและครบถ้วน จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่แล้วเสร็จนั้น ส่งผลให้การสั่งฟ้องพวกกระผมในคดีนี้ชอบด้วยกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมหรือไม่

ในการแถลงวันเดียวกันอธิบดี ดีเอสไอ กล่าวด้วยว่า “เหตุการณ์เสียชีวิตที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่เกิดท่ามกลางการจลาจลเป็นเหตุสับสนวุ่นวายอย่างวิกฤต การแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความจริงจึงมีข้อจำกัดเป็นอย่ายิ่ง” (มติชน 21 ม.ค. 2554)

นับเวลาจากวันที่สั่งฟ้อง 11 สิงหาคม 2553 ถึงวันแถลงข่าว 20 มกราคม 2554 รวมเวลากว่า 5 เดือน ดีเอสไอ ยังระบุว่าการรวบรวมพยานหลักฐานเป็นไปอย่างยากลำบากน่าสนใจอย่างยิ่งว่า ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2553 พวกกระผมถูกสั่งฟ้องด้วยหลักฐานใด และหลักฐานที่มีอยู่ขณะนั้นเพียงพอต่อการสั่งฟ้องในคดีก่อการร้ายหรือไม่

3. กระบวนการพิจารณาคดี มีการนัดตรวจพยานหลักฐานครั้งแรกในวันที่ 27 กันยายน 2553 จำเลยทุกคนไปศาลแต่เนื่องจากบัญชีพยานหลักฐานของทั้ง 2 ฝ่ายมีเป็นจำนวนมากไม่อาจหาข้อยุติได้ในวันดังกล่าว ศาลจึงเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานออกไปเป็นวันที่ 27 ธันวาคม 2553 เป็นที่ทราบในทางปฏิบัติว่าช่วงเวลาก่อนและหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่มักจะไม่มีการดำเนินการะบวนการพิจารณาคดีนอกจากเป็นงานธุรการทั่วไปของศาลเท่านั้น ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเบิกตัวจำเลยมาศาลแต่ศาลไม่อนุญาต และเมื่อถึงวันนัดก็สั่งเลื่อนการตรวจพยานหลักฐานไปเป็นวันที่ 17 มกราคม 2554 ด้วยเหตุผลว่าผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนติดภารกิจ 17 มกราคม 2554

ศาลอนุญาตให้เบิกตัวจำเลยตามคำร้องของทนายแต่ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนไม่อนุญาตให้นำตัวจำเลยมายังหน้าบัลลังก์ศาล จำเลยจึงต้องนั่งรอบริเวณใต้ถุนศาลอาญารัชดา ทนายจำเลยร้องขอให้เบิกตัวจำเลยขึ้นมาเพื่อได้มีโอกาสปรึกษาหารือหากมีการ ปรับลดหรือเปลี่ยนแปลงบัญชีพยานหลักฐานแต่ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตทั้งยังระบุว่าจะดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีโดยไม่ต้องให้จำเลยมาศาลหากจะนำสืบจำเลยคนใด ก็ให้เบิกมาเฉพาะบุคคล พร้อมทั้งสั่งเจ้าหน้าที่ให้ตรวจบัตรประจำตัวประชาชนผู้เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดีและเชิญผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกห้องพิจารณา มีการจดรายชื่อเอาไว้และบอกว่าคราวต่อไปไม่ให้มาร่วมฟังการพิจารณาอีกคง เหลือแต่บุตร-ภรรยาจำเลยเท่านั้น

ในที่สุดก็เลื่อนนัดตรวจพยานอีกครั้งเป็นวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 คดีนี้มีอัตราโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตและอยู่ในความสนใจของประชาชนทั้งชาว ไทยและต่างประเทศ กระบวนการพิจารณาและผลการตัดสินคดีจะเป็นอย่างไรย่อมถูกบันทึกไว้ใน ประวัติศาสตร์ แต่จำเลยกลับไม่มีโอกาสเข้าร่วมกระบวนการพิจารณาคดี ประชาชนผู้สนใจซึ่งแน่นอนว่าจะเพิ่มมากขึ้นในขั้นตอนนำสืบพยานโจทก์ และจำเลยก็มีแนวโน้มถูกจำกัดสิทธิ์ในการติดตามการพิจารณาคดีเช่นเดียวกัน หากเป็นเช่นนั้นการตัดสินคดีไปเลยจะรวบรัดกว่าหรือไม่

นับจากวันนัดตรวจพยานหลักฐานวันแรก 27 กันยายน 2553 ถึงวันกำหนดนัดครั้งที่ 4 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 รวมเวลากว่า 5 เดือนการพิจารณาคดียังไม่มีอะไรคืบหน้า แล้วชะตากรรมของพวกกระผมจะเป็นอย่างไรต่อไป

4. สิทธิการประกันตัว พวกกระผมเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่โดยทราบชัดเจนว่าถูกออกหมายจับในคดีก่อการ ร้ายและจากประวัติการต่อสู้ทางการเมืองในสถานการณ์ที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่หลังการยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 จนถึงปัจจุบันก็ไม่เคยปรากฏพฤติการณ์หลบหนีในทุกคดีที่ถูกกล่าวหา และหากพิจารณาเหตุผลตามข้อกฎหมายว่าด้วยการปล่อยตัวชั่วคราว ก็ไม่น่าเป็นอุปสรรคใดๆในการได้รับสิทธิ์ประกันตัว แต่พวกกระผมก็ยังคงถูกจำขังทั้งที่ยื่นขอประกันตัวไปแล้วทั้งศาลชั้นต้น และอุทธรณ์รวมหลายครั้ง

ในขณะที่นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช. จำเลยที่ 1 ได้รับสิทธิ์ประกันตัวจากการไต่สวนและลงมติของที่ประชุมใหญ่ศาลอุทธรณ์โดย ศาลกำหนดเงื่อนไขการประกันตัวไว้หลายข้อและนายวีระ ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด นายวีระ ได้รับการประกันตัวด้วยเหตุผลใด และทำไมจำเลยคนอื่นซึ่งมีสถานะรองจากนายวีระในองค์กร นปช. จึงไม่ได้รับโอกาสจากกระบวนการยุติธรรมแบบเดียวกัน

ยิ่งไปกว่านั้นคือกรณี นายสมชาย ไพบูลย์แกนนำ นปช. อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีปลุกปั่นยุยงให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี ก็ยื่นประกันตัวไปแล้วหลายครั้งแต่ไม่ได้รับอนุญาตเช่นเดียวกัน พวกกระผมควรทำความเข้าใจกรณีเหล่านี้อย่าไร นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอจากหลายองค์กรทั้งในและต่างประเทศในเรื่องการให้ อนุญาตประกันตัวผู้ต้องหาในคดีนี้เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการคลี่คลายความขัดแย้งและสร้างความปรองดองในชาติ โดยเฉพาะคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อความปรองดอง คอป. ซึ่งยืนยันเรื่องนี้มาโดยตลอด เช่นเดียวกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่มีข้อเสนอในเรื่องเดียวกัน

แม้กระทั่ง ศอฉ. ก็เคยออกหนังสือลงนามโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธาน ศอฉ. ในขณะนั้น ระบุว่า ไม่ขัดข้องหากศาลอนุญาตให้ประกันตัว รัฐบาลเองก็มีความมั่นใจในสถานการณ์โดยการประกาศยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน การชุมนุมของกลุ่ม นปช.ทุกครั้งที่ผ่านมาก็อยู่ในความสงบเรียบร้อยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ จากทั้งหมดที่กล่าวมาจึงสรุปเป็นคำถามได้ว่า แล้วพวกกระผมต้องทำอย่างไรจึงจะได้รับสิทธิ์ประกันตัว

5. สิ่งที่เรียกว่า 2 มาตรฐาน ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมามีการวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมมากขึ้นเป็นลำดับจนวาทกรรม “2มาตรฐาน”กลายเป็นสาระหลักอย่างหนึ่งเมื่อพูดถึงสาเหตุของความขัดแย้งที่ ยังไม่เห็นช่องทางยุติในสังคมไทย รูปธรรมของ 2 มาตรฐาน มีหลากหลายตามความสนใจและความเข้าใจของผู้ที่จะหยิบยกมาอธิบาย

ในที่นี้จะขอเปรียบเทียบแนวปฏิบัติของกระบวนการยุติธรรมต่อกลุ่ม นปช. และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพอให้เกิดความเข้าใจ ดังนี้

  • แกนนำ นปช. ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย มีการจำขังทันทีจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการประกันตัว แต่แกนนำพันธมิตรถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายมากว่า 2 ปี คดียังอยู่ในชั้นตำรวจ ทุกคนได้ประกันตัวและสามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองชุมนุมขับไล่รัฐบาลได้โดยสะดวก ส่วนที่ไม่มอบตัวถูกออกหมายจับ เช่น นายการุณ ใสงาม ก็สามารถเดินทางผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองไปเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้ผู้ถูก คุมขังที่ประเทศกัมพูชาแล้วกลับเข้าประเทศโดยที่หมายจับไร้ศักดิ์ศรีทาง กฎหมายอย่างสิ้นเชิง
  • นายวีระ สมความคิด อีกหนึ่งผู้ถูกออกหมายจับคดีก่อการร้ายสามารถร่วมคณะกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไปเกิดปัญหาที่กัมพูชา ไม่มีแกนนำพันธมิตรคนใดถูกจับกุมคุมขังในเรือนจำประเทศไทย ต้องใช้ความพยายามดิ้นรนในระดับนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ จึงจะได้ใช้ชีวิตในเรือนจำ และในที่สุดในวันที่ 27 มกราคม 2554 นายไชยวัฒน์ สินสุวงค์และนาย สมบูรณ์ ทองบุราณก็ได้รับการประกันตัวไปเรียบร้อยแล้วโดยใช้หลักทรัพย์ประกันเป็นเงินสดรวมสำหรับ 2 คน 8 แสนบาท ข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้นจริงหรือ
  • ผู้ชุมนุมพันธมิตรขับรถทับเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ในเหตูการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ศาลพิพากษาจำคุกแต่ให้รอลงอาญา การ์ดพันธมิตรหลายสิบคนบุกเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ NBT ศาลพิพากษาจำคุกแต่อนุญาตให้ประกันตัวครบทุกคน ผู้ชุมนุม นปช. โดนข้อหาฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ปิดเส้นทางจราจรก่อความวุ่นวาย ศาลตัดสินจำคุก 6 เดือน 1 ปี หรือ 1 ปี 6 เดือนไม่ได้รับการประกันตัว ขณะนี้อยู่ในเรือนจำหลายจังหวัด

จากตัวอย่างเพียงเล็กน้อยที่หยิบยกมาท่านผู้พิพากษาเห็นว่า 2 มาตรฐาน ที่ประชาชนพูดกันโดยทั่วไปมีจริงหรือไม่ หากมีจริงเราจะนำพาสังคมไทยออกจากภาวะตกต่ำเช่นนี้ได้อย่างไร มีเสียงเรียกร้องสันติภาพจากทุกมุมของประเทศแต่ถ้าไม่มีความยุติธรรมเป็น พื้นฐานสันติภาพนั้นจะเกิดได้อย่างไร

การเอาตัวอาชญากรมาจำขังไว้ย่อมได้ผลในการลดอาชญากรรม แต่การเอาตัวผู้ต้องหาทางการเมืองมาจำขังจะได้ผลตรงกันข้าม นั่นคือเป็นการเพิ่มความขัดแย้งให้ขยายตัวมากขึ้น สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้มิได้ส่งผลให้ประชาชนหมดทางสู้ หากแต่จะทำให้ประชาชนไม่มีทางเลือก ท่านผู้พิพากษาคิดว่าท่านจะมีส่วนผลักดันให้เกิดประชาธิปไตยแท้จริงใน ประเทศไทย และมีความเท่าเทียมกันภายใต้กรอบแห่งกฎหมายเพื่อคลี่คลายวิกฤตแห่งความขัด แย้งนี้ได้หรือไม่

พวกกระผมมั่นใจว่าท่านทำได้ จึงเขียนจดหมายมาปรับทุกข์ในวันนี้

ด้วยความเคารพ

แกนนำ นปช. รายนามแกนนำ

นาย ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ
นาย เหวง โตจิราการ
นาย ก่อแก้ว พิกุลทอง
นาย นิสิต สินธุไพร
นาย ขวัญชัย สาระคำ
นาย วิภูแถลง พัฒนภูมิไทย
นาย ยศวริต ชูกล่อม รวมทั้ง
นาย สมชาย ไพบูลย์
และผู้ต้องหา นปช. คดีอื่นๆที่ยังไม่ได้รับการประกันตัว


ขอบคุณภาพจาก the Nation Photogallery

ขอบคุณภาพจาก the Nation Photogallery



ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker