วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2551

รอสัญญาณ

“ยุบพรรค” คือเหตุใหญ่ ต้องลุ้นกันสุดเหวี่ยง แม้กระทั่ง ปชป. มาทีหลังก็ยังเสียว

จับตา พปช.จะแตกหรือจะใหญ่อีกไม่นานก็รู้ อยู่ที่การส่งสัญญาณว่าด้วย “ทุน” และชนะเลือกตั้ง

ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้แม้อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวหนีศาลหลบไปตั้งหลักที่ประเทศอังกฤษ

ใครที่มองว่าจะทำให้สถานการณ์การเมืองดีขึ้น คลี่คลายไปทางที่ดี

แต่อีกหลายคนก็มองว่านั่นเป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราว แต่ความจริงทางการเมืองแล้วยังไม่สงบ แต่จะลุกโชนขึ้นมาอีกเมื่อใดก็ได้

เผอิญที่ว่าปัญหาเฉพาะหน้า ณ วันนี้คือเรื่อง “ยุบพรรค” ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของพรรค การเมืองต่างๆ ไล่แต่ชาติไทย มัชฌิมาธิปไตย พลังประชาชน เพื่อแผ่นดิน

และยังมีประชาธิปัตย์พรรคใหญ่ พรรคเก่าแก่อีกพรรคหนึ่งที่ต้องลุ้นกันหนัก เนื่องจาก กกต.กำลังจะพิจารณา “ใบแดง” นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.อุบลฯ ที่เกี่ยวโยงกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา ด้วยข้อหาให้ตั๋วหนังแก่ประชาชนให้ไปเลือกคนของพรรค

เรียกว่าใช้ “ตั๋วหนัง” เป็นแรงจูงใจ

มีการต่อสู้ทำนองว่าถูกกลั่นแกล้งและนายวิฑูรย์ก็ไม่ได้เป็นคนแจกเอง

หาก กกต.ชี้ขาดว่าทำผิดจริง และแจก “ใบแดง” ประชาธิปัตย์ก็จะเป็นอีกพรรคการเมืองหนึ่งที่มีสิทธิ์ถูกยุบพรรคไม่ต่างจาก 4 พรรคที่กล่าวมาแล้ว

อะไรไม่ว่าหากประชาธิปัตย์ถูกยุบพรรคมีปัญหาแน่ เพราะปรากฏว่าบุคคลที่ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค 49 คนนั้นล้วนแต่ระดับ “มือกระบี่” ทั้งนั้น

ถือว่าเป็นการ “ล้างบาง” เลยทีเดียว

“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะได้ครองเก้าอี้นายกฯ ก็ต้องรอไปอีกนานทั้งๆที่ในยามที่พรรคคู่แข่งกำลังเพลี่ยงพล้ำและมีโอกาสมากที่สุด

แต่ถ้าถูกเว้นวรรค 5 ปี ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสหรือเปล่า

ขณะเดียวกันย่อมส่งผลต่อพรรคทันที เพราะเมื่อบุคลากรสำคัญของพรรคมีปัญหา การดำเนินงานของพรรคก็จะยาก ต้องตั้งพรรคใหม่ ต้องหาคนมาร่วมงานใหม่

ก็คงจะไม่ต่างไปจากไทยรักไทยที่ถูกยุบไปแล้ว หรือพลังประชาชนที่กำลังจะมีการลงมติของ กกต. หากเห็นว่าต้องยุบก็ต้องส่งให้อัยการเพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดต่อไป

มีการตั้ง “ธง” กันเลยว่า หลังวันที่ 5 ธ.ค. 51 จะมีคำตอบ

พรรคการเมืองอื่นที่อยู่ในข่ายจะถูกยุบพรรคดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวมากนัก เพียงแต่รอคำสั่งเท่านั้น และอีกทางก็คือ รอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

มีแต่พรรคพลังประชาชนเท่านั้นที่ดูจะมีความเคลื่อนไหวมากที่สุด มีการเตรียมรับมืออย่างเต็มที่ มีการเตรียมพรรคการเมืองรองรับเอาไว้แล้ว

คือพรรค “เพื่อไทย”

หากถูกยุบและลูกพรรคยังยืนยันที่จะต่อสู้ร่วมกันต่อไป พรรคการเมืองใหม่นี้ก็คงไม่ธรรมดาและยังมีสิทธิ์ชนะเลือกตั้งอีกด้วย

แต่จะทำยังไงให้อยู่ร่วมกันต่อไป ไม่มีกลุ่มไหน ก๊กไหนแยกไปตั้งพรรคใหม่ หรือไปรวมกับพรรคการเมืองอื่น

นี่คือเป้าหมายสำคัญ!!!

อยู่ที่ว่าจะทำได้หรือไม่ จะประสานและประนีประนอมกันได้หรือไม่ ทุกอย่างยังเป็นคำถาม แต่ยังไม่มีคำตอบ แม้ทุกคนปากบอกว่า “ยังรักแม้ว” ไม่เปลี่ยนแปลงก็ตาม

เหตุของเหตุก็คือ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณขอลี้ภัยอยู่ต่างประเทศและคงจะดูแลพรรคและคนของพรรคยากขึ้น จึงต้องใช้รูปแบบตัวแทน

แน่นอนว่า วันนี้ “เนวิน ชิดชอบ” ช่วงชิงการนำไปแล้ว และมี ส.ส.ในมือและเครือข่ายเกินร้อย พร้อมกับอ้างว่า “นายใหญ่” ส่งไม้ให้แล้ว

แต่ดูเหมือนว่ากลุ่มการเมืองอื่นในพรรคจะไม่เชื่อและไม่ยินยอมจนเกิดปัญหาขัดแย้งภายใน พยายามที่จะอ้างเช่นเดียวกับนายเนวิน

อยู่ที่ว่าจะเอาอยู่หรือไม่ แต่การเมืองนั้น แม้วันนี้จะยังไม่ชัด แต่ถ้ามีสัญญาณชัดเจนก็อาจจะแก้ปัญหาได้

สำคัญยิ่งก็คือ “ทุน” และ “โอกาส” ที่จะชนะเลือกตั้ง!!!

"ลิขิต จงสกุล"