ที่มา Thai E-News
ที่มา บทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อาซาฮีชิมบุน
หมายเหตุจากไทยอีนิวส์:อาซาฮีชิมบุน สื่อสิ่งพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นตั้งคำถามหลังการเปลี่ยนขั้วการเมืองไปสู่ฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า เมืองไทยจะสามารถคืนเสถียรภาพทางการเมือง เช่นครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าที่สุดในอาเซียนได้หรือไม่ ตลอดจนตั้งคำถามถึงสถาบันสำคัญของประเทศว่าควรเปิดเวทีถกแถลงเกี่ยวกับบทบาทกรอบเขตของสถาบันได้แล้วหรือยัง ตลอดจนเตือนว่า รัฐบาลไทยจะต้องทำงานเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ธุรกิจของชาวญี่ปุ่นในไทยจะต้องทบทวนยุทธศาสตร์ระยะยาวใหม่
บทความตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเวลาสองปีแล้วนับตั้งแต่การทำรัฐประหาร กันยา 49 แต่ความสมานฉันท์ระหว่างคนสองฟากในไทย ดูเหมือนจะยิ่งแตกแยก หน้าที่เร่งด่วนจึงเป็นของนายกฯคนใหม่ในการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในชาติ
สื่อญี่ปุ่นฉบับดังกล่าวยังทราบด้วยว่า ทางกองทัพแท้จริงแล้วเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง และดันนายอภิสิทธิ์ขึ้นมา อีกทั้งยังได้แนะนำว่า ภายใต้หลักพื้นฐานของประชาธิปไตย นายอภิสิทธิ์ควรที่จะยุบสภา และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นมาใหม่ เนื่องจากรัฐบาลของเขาไม่ใช่รัฐบาลที่ได้รับเสียงข้างมาก อย่างไรก็ดี สื่อยุ่นก็ไม่เชื่อว่าอภิสิทธิ์จะทำตามคำแนะนำดังกล่าว เนื่องจากการเลือกตั้งในประเทศไทยหลายครั้งที่ผ่านมา ล้วนแต่เป็นพรรคฟากของคุณทักษิณที่กำชัยชนะไว้ ในขณะที่พรรคฝ่ายต่อต้านคุณทักษิณไม่สามารถได้รับชัย รวมไปถึงการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาด้วย
บทความชี้ว่า เครดิตความเชื่อถือของเมืองไทย ได้ลดต่ำลงอย่างมากในสังคมโลก โดยเฉพาะหลังการปิดสนามบิน และความกังวลที่มีต่อพระพลานามัยของกษัตริย์ไทย รัฐบาลไทยจะต้องทำงานเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ธุรกิจของชาวญี่ปุ่นในไทยจะต้องทบทวนยุทธศาสตร์ระยะยาวใหม่ รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องสื่อสารไปยังนายอภิสิทธิ์ถึงเรื่องดังกล่าวนี้
บทความได้เรียกร้องให้นายกฯไทยคนใหม่นี้ ได้ดำเนินการอย่างกล้าหาญ ในการที่จะขจัดความยากจนในภาคอีสานเพื่อที่จะลดช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวย ปิดกั้นโอกาศในการแต่งตั้งกลุ่มคนที่ต่อต้านคุณทักษิณขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ในขณะเดียวกับที่เปิดการเจรจากับคนฟากคุณทักษิณ
บทความได้เรียกร้องให้รัฐบาลและประชาชนชาวไทย มีส่วนร่วมในการเปิดเวทีถกปัญหาเกี่ยวกับบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการเมือง เพื่อที่จะเป็นการสร้างพื้นฐานประชาธิปไตยในระยะยาว ประชาชนไทยจะต้องไม่แก้ปัญหาที่เกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมือง เพียงการพึ่งพิงพระมหากษัตริย์ในการแทรกแซงเมื่อเกิดวิกฤต
ท้ายสุดได้กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของญี่ปุ่น และหวังว่าไทยจะสามารถออกมาจากความยุ่งยากดังกล่าวโดยเร็วที่สุด
ก่อนหน้านั้นทูต6ชาติรวมทั้งญี่ปุ่น สหรัฐ สหภาพยุโรปได้ยื่นแถลงการณ์ต่อไทยให้ดำเนินคดีกับพันธมิตรตามกฎหมาย ส่วนพันธมิตรต้องให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ปิดสนามบินอีก เพราะกระทบต่อชาวต่างประเทศด้วย