วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2551

สุดท้าย แม้มาร์คจะแถลงนโยบายได้ ด้วยวิธีใดก็ตา่ม แต่คนเืสื้อแดงได้แสดงให้รู้ว่าไม่สงบแน่

ที่มา thaifreenews

บทความโดย...ลูกชาวนาไทย


ผมเชื่อว่า ในที่สุดแล้ว รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์หรือรัฐบาลมาร์คก็คงหาวิธีใดวิธีหนึ่งในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาจนได้ เช่น การย้ายไปแถลงนโยบายที่อื่นหรือเลื่อนออกไป ซึ่งก็คงแถลงจนได้ด้วยวิธีใด วิธีหนึ่ง

สำหรับผมแล้ว ตรงนั้นไม่สำคัญเท่าใดนัก เพราะคนเสื้อแดงได้แสดงพลังให้เห็นแล้วว่า "พวกศักดินาอำมาตยาธิปไตย" ไม่ได้ชนะในการต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้แต่อย่างใด และพลังของฝ่ายเสื้อแดงยังคงมีอยู่พร้อมมูลและพัฒนาได้รวดเร็วมาก และสามารถยกระดับการต่อสู้ไปเพื่อเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยได้แล้ว



ตอนที่พวกอำนาจใช้วิธีการอันฉ้อฉลต่ออำนาจประชาชน จนสามารถตั้งรัฐบาลของนายมาร์คได้ใหม่ๆ พวกเขาเชื่อมั่นเหลือเกินว่า ต่อไปนี้ประเทศจะสงบ พวกเขาจะได้ปกครองได้เหมือนเดิมเสียที เพราะคนเสื้อแดงเป็นม็อบจัดตั้งของทักษิณหรือเนวิน เมื่อสามารถบล๊อกแกนนำม็อบในต่างจังหวัดไม่ให้ขนคนมาได้ หรือปล่อยข่าวว่า "ทักษิณหมดเงินแล้ว" ก็จะทำให้การต่อต้านรัฐศักดินาอำมาตย์หมดไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาก็สามารถดึงสังคมกลับไปสู่ยุคก่อนปี 2540 ได้อีกเหมือนเดิม

ที่จริงพวกเขาคิดผิด สัณนิษฐานผิดแต่ต้น เพราะการต่อต้านอำนาจของพวกเขา การต่อต้านอำนาจการครอบงำสังคมของพวกศักดินาอำมาตยฯ ก็ไม่ได้หมดไปแต่อย่างใด เพราะในความเป็นจริงแล้ว คนเสื้อแดงไมได้ไม่ได้สู้เพื่อทักษิณหรือ "สู้เพื่อนายใหญ่"แต่อย่างใด อย่างที่พวกนั้นพยายามด้อยค่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดงลง แม้ทักษิณจะเป็น Idol หรือ "ผู้นำทางจิตใจ" แต่คนเสื้อแดงสู้เพื่อสิ่งที่สูงส่งกว่านั้น เราต้องการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และเราไม่ต้องการ "ให้ใครมาชี้นำทำตัวเป็นคุณพ่อที่แสนดี" กับเราอีก เราต้องการ "ประชาธิปไตยของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน” เราโตพอที่จะเรียนรู้และปกครองตัวเองกันได้แล้ว เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว

การประกาศศักดาของคนเสื้อแดงในการชุมนุมพลที่หน้ารัฐสภา คือการสื่อสารไปยังคนไทยทั้งประเทศและชาวโลกทั้งหลายว่า เราจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด เราจะต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์กลับคืนมาสู่ประเทศของเรา

หากพวก "ศักดินาอำมาตย์ฯ" ใช้วิธีการสกปรกเพื่อขึ้นสู่อำนาจ แล้วคิดว่าจะปกครองประเทศ มอมเมาประชาชนต่อไปได้ นั่นคือ การเข้าใจผิดอย่างรุนแรง และประเมินพวกเราต่ำไป เราไม่ใช่ม็อบจัดตั้งที่ขนกันมาจากต่างจังหวัด แต่เราคือคนในกรุงเทพฯ ที่ตาสว่างแล้วนี่แหละ เราพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้กับการฉ้อฉลต่อเจตนารมณ์ของประชาชน

ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอย่างไร พวกศักดินาอำมาตย์ หรือพวก Royalist ที่ดูถูกประชาชนคนรากหญ้าทั้งหลายมานานแสนนาน ก็ไม่มีทางดึงสังคมให้กลับไปสู่จุดเดิมที่มอมเมากันมานานได้แล้ว ดุลยภาพของสังคมได้เปลี่ยนไปแล้ว

สังคมนี้ไม่มีศูนย์รวมจิตใจแบบที่ พยายามสร้างภาพกันมานานอีกแล้ว สังคมนี้ เป็น "ไท" ไม่ยอมเป็น "ทาส" อย่างเดิมอีกแล้ว เราไม่ใช่ไพร่ของใครอีกต่อไปแล้ว

เราจะต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ต่อไป

คนไทยไม่มีศูนย์รวมจิตใจอีกแล้ว พวกเขาผลักเราออกมาเอง สิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในสามปีมานี้ พวกเขาสร้างมันขึ้นมาเอง และต้องได้รับผลกรรมที่ทำขึ้นนั้นด้วยตัวเองเช่นกัน



ตอนนี้ผมคิดว่าคนไทยได้แตกกันออกไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ยากที่จะมีใครรวมศูนย์ความสามัคคีได้อีกแล้ว การตั้งรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ อย่างดันทุรัง ใช้ สส.ให้ทรยศต่อประชาชน ถือว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้สิ้นความเคารพกันไปอย่างสิ้นเชิงกับหลายๆ สิ่ง หลายองค์กร ไม่ว่า สส. ศาล หรือองค์กรอื่นๆ

ตอนนี้แก้ไขอย่างไรก็ไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว

ทำยังไงได้ เขาผลักคนครึ่งหนึ่งของประเทศออกมาเอง

เพื่อนผมที่ ไม่ใช่ทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลือง เขาถามว่าสถานการณ์ตอนนี้ของเมืองไทยมันจะไปจบลงที่ใด

ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันแต่ที่แน่ๆ อิทธิพลของบางสิ่งบางอย่างได้ลดลงไปแทบหมดสิ้นแล้ว พวกเขาไม่อาจชี้นำหรือหาทางออกให้กับสังคมได้อีกต่อไป และเมื่อหาทางออกให้สังคมไม่ได้ เพราะพวกเขาไม่ได้มีความเป็นกลางอย่างแท้จริง (อย่าคิดว่าประชาชนโง่) ข้อเสนอไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ไร้พลัง และไม่ใช่ทางออก ประชาชนที่ตาสว่างแล้ว คงไม่ยอมกลับเข้า
Matrix อย่างโง่เขลากันอีกต่อไป

สุดท้ายสังคมก็อาจก้าวข้ามไป พวกเขาก็กลายเป็นซากหักพังชำรุดทางประวัติศาสตร์ ที่เรามองเห็นอย่างดาดดื่นๆ ทั่ว ๆไปที่กรุงศรีอยุธยา หรือซากปราสาทของ
Khmer Empire ที่ล่มสลายไปแล้ว

เมื่อสิ้นพลังในการชี้นำสังคม ก็เรียกได้ว่าสิ้นแทบทุกสิ่งทุกอย่างไปเลยทีเดียว

ตอนนี้สังคมต้องหาทางออกเองแล้ว
และผมเชื่อว่าสุดท้ายสังคมก็จะหาทางออกจนได้แหละครับ แต่สังคมจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ประชาชนจะตาสว่างกันไปทุกหย่อมหญ้า