ที่มา มติชนออนไลน์
สภาหอการค้าผิดหวัง ครม."มาร์ค" ยี้ชื่อ รมว."พาณิชย์-อุตฯ" บอกไม่ใช่เวลาให้มือใหม่หัดขับ แต่อยากได้คนรู้จริง "โอฬาร"ฝาก รบ.ใหม่ สานต่อรูปแบบงบฯ 1 แสนล้าน เพื่อความรวดเร็ว ยันใช้งบฯอัดฉีดกระตุ้น ศก.ได้ผลกว่าลดภาษี แนะเรียกต่างชาติ 3 แสนคน ที่เคยตกค้างตอนปิดสนามบินให้มาเที่ยวไทยใหม่ สร้างความมั่นใจ
สภาหอการค้าไทย ยี้ครม."มาร์ค"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกรณ์ จาติกวณิช ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางไปที่สภาหอการค้าไทย เพื่อหารือกับเกี่ยวกับมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม โดยมีนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้า ให้การต้อนรับ ใช้เวลาหารือนานกว่า 1 ชั่วโมง
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังการการหารือว่า มาพบกับสภาหอการค้าไทยเพื่อแลกเปลี่ยนปัญหา เป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะมาแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ โดยข้อเสนอนโยบายต่างๆ สอดคล้องกับแนวคิดนโยบายรัฐบาลที่กำลังเตรียมอยู่ รวมทั้ง ยังสอดคล้องกับการพบปะกับกลุ่มอื่น ทั้งสภาอุตสาหกรรม สภาการท่องเที่ยว ยังได้เปิดใจคุยกันเรื่องโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งสภาหอการค้าสะท้อนมาว่า รู้สึกผิดหวังกับครม.ชุดนี้ โดยตนจะรับไปพิจารณา และได้อธิบายไปว่า เข้าใจเสียงสะท้อนความรู้สึกนี้ดี และเป็นเรื่องที่ตนได้อธิบายว่าการทำงานทางการเมือง เป้าหมาย และวิธีการ เพราะขณะนี้ตนมีหน้าที่จะต้องหาความสมดุลในการบริหารการเมืองให้เดินได้ เพื่อให้ตนเข้าไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ดังนั้นจะทำให้ดีที่สุด ขณะนี้รายชื่อที่เป็นข่าวยังไม่ได้ดำเนินการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ก็รับเสียงสะท้อนนี้ โดยไม่โต้แย้งและเชื่อว่า ไม่ใช่เฉพาะทางนี้พูด แต่เสียงสะท้อนผ่านสื่อมวลชนเข้ามา ตนมีหน้าที่หาความสมดุลและดำเนินการต่อไป
"ประมนต์"ชี้ไม่มีเวลามือใหม่หัดขับ
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวงว่า ภาคเอกชนแสดงความเป็นห่วงและผิดหวังสำหรับการตั้งคณะรัฐบาลในบางกระทรวง น่าจะมีการทบทวน โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรม เนื่องจากเอกชนไม่ค่อยรู้จัก ในภาวะเศรษฐกิจที่ต้องการการฟื้นตัวโดยเร็วและรอไม่ได้แล้ว ต้องการคนที่มีความรู้จริงเข้ามาช่วยเหลือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่มีเวลาซ้อมมือหรือมือใหม่หัดขับ อีกทั้งรัฐบาลและเอกชนก็ต้องมีการประสานงานกันได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็เข้าใจ และเปรยว่าเป็นข้อจำกัดบางประการ
นายกรัฐมนตรีก็น่าจะรับทราบแล้ว และรับเป็นการบ้านที่จะไปพิจารณา ซึ่ง 2 กระทรวงเศรษฐกิจสำคัญ คือกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ โดยคุณสมบัติของรัฐมนตรีว่าการที่เห็นว่าเหมาะสมจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งไทยและต่างประเทศ เพราะต้องจัดการประชุมอาเซียน ซัมมิตในปีหน้า รัฐมนตรีพาณิชย์ก็จะเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งหมดนี้ควรจะใช้เวลาไม่เกิน 2-3 เดือนนับจากนี้ แต่หากถามในใจ รายชื่อก่อนหน้านี้อย่างเช่นนายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายเกียรติ สิทธิอมร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถือว่ารับได้ เป็นที่รู้จักของสังคมและมีฝีมืออยู่Ž นายประมนตร์กล่าว
นายประมนต์ กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอของสภาหอฯ นั้น นายกฯรับหลักการ และเห็นว่าสอดคล้องกับนโยบายรัฐ แต่อาจต้องปรับวิธีการปฎิบัติ หากได้นำมาปฎิบัติจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจภายใน 2-3 เดือน
ครม.ขี้เหร่เพราะตั้งตามโควต้า
แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปปัตย์ กล่าวว่า การกำหนดตำแหน่งรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดใหม่ ล่าสุดเป็นการดำเนินการตามโควตา เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าทางการเมือง เห็นจากการตั้งนายเกียรติ สิทธิอมร ไปทำหน้าเป็นผู้แทนการค้าไทย (TTR) แทนที่จะรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ตามความคาดหวังของภาคเอกชน ทั้งที่การตั้ง TTR ไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย เพราะโครงสร้างการบริหารและกฎหมายของไทยไม่เหมือนสหรัฐฯ ที่ต้องมีสำนักงานผู้แทนการค้า (USTR) เพื่อดำเนินนโยบายการค้าระหว่างประเทศโดยฝ่ายบริหาร และให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ดูแลการค้าภายใน
"ทั้งหมดนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจร่วมกัน เพราะจากการหารือก็เห็นชัดว่าเอกชนไม่ได้รับการยอมรับจากภาคเอกชน โดยเฉพาะตำแหน่งรมว.พาณิชย์ และรมว.อุตสาหกรรม เพราะต่างมีความกังวลใจว่าการเลือกตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาลมือใหม่ ขาดประสบการณ์ จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าทางเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาเร่งด่วน และจะไม่ได้รับการยอมรับจากต่างชาติ โดยเฉพาะในปีหน้าไทยจะต้องเป็นประธานอาเซียน และจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAM SUMMIT) ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ได้"
นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถูกคาดหมายว่าจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางพรรคอาจจะมีการปรับลดตำแหน่งรมช.พาณิชย์ เหลือเพียงตำแหน่งเดียว โดยจะปรับให้นายมานิต นพอมรวดี รมช.พาณิชย์จากพรรคมัชฌิมาธิปไตย ไปเป็นรมช.กระทรวงอื่นแทน
ยันนโยบายไม่ก็อปปี้ประชานิยม
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมการยกร่างนโยบายของรัฐบาล แถลงภายหลังประชุมร่วมกับนางพรทิวา นาคาศัย เลขาพรรคภูมิใจไทย น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ตัวแทนพรรคร่วมใจไทยชาติพัฒนา นายอรรคพล สรสุชาติ ตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา ว่า เป็นการประชุมครั้งที่ 2 จากนั้นจะมอบให้เลขานุการคณะกรรมการฯไปปรับตามความเห็นของทุกพรรค น่าจะได้ร่างที่เกือบสมบูรณ์ในวันที่ 21 ธันวาคม หากในวันที่ 23 ธันวาคมมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะนำร่างนโยบายเข้าสู่ที่ประชุม และหากเป็นไปได้จะแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 29 ธันวาคมนี้
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนนโยบายส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้มองเป็นประชานิยม แต่สอดคล้องกับนโยบายหลักของประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ถือว่านโยบายของพรรคร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ จะมีการแบ่งนโยบายออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ 1.นโยบายเร่งด่วนดำเนินการในปีแรก ซึ่งหลายเรื่องต้องทำให้เสร็จภายใน 2-3 เดือน ส่วนนโยบายเร่งด่วนคือ จะมุ่งให้ประเทศมุ่งออกจากวิกฤต อาทิ วิกฤตเศรษฐกิจ และแก้วิกฤตความขัดแย้งเน้นความปรองดองโดยถือหลักกฎหมาย หลักนิติรัฐ นิติธรรม ความเสมอภาคเป็นธรรม จะช่วยลดความขัดแย้งและไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ และการแก้ปัญหาความสงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจัดตั้งองค์กรแก้ปัญหาจะเน้นให้มีกฎหมายรองรับเน้นการมีส่วนร่วมของภาครัฐเอกชน ผู้นำศาสนา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขณะที่อีกนโยบายคือต้องทำในระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลคือ 3ปี
ไม่แก้รธน.แต่ปฏิรูปการเมือง
"การแก้ปัญหาเศรษฐกิจเรามีทั้งนโยบายที่แก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจนอกประเทศและผลกระทบภายในประเทศโดยเน้นการสร้างความเชื่อมั่น เช่น การเลื่อนการประชุมอาเซียน ซัมมิทให้เร็วขึ้น การแก้สภาพคล่องในระบอบเศรษฐกิจ การส่งออก การแก้ปัญหาผลกระทบจาการท่องเที่ยว แก้ปัญหาราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ และโครงการเมกกะโปรเจ็กต์ โครงการรถไฟฟ้า และการลงทุนด้านการศึกษา" นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนนโยบาย 99 วันของพรรคที่เคยหาเสียงจะบรรจุในนโยบายรัฐบาลแน่นอน เช่น เรื่องเรียนฟรี รักษาฟรี เบี้ยยังชีพคนชรา เบี้ยตอบแทนอาสาสมัคร (อสม.) กองทุกเศรษฐกิจพอเพียง ประกันพืชผล โฉนดชุมชุน ธนาคารที่ดิน ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการบรรจุ นโยบายการแก้รัฐธรรมนูญในนโยบายหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ได้มีการบรรจุในเรื่องรัฐธรรมนูญ แต่นโยบายการเมืองจะบรรจุในเรื่องของการส่งเสริมในระบอบประชาธิปไตยเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเมือง เมื่อถามว่า จะสร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มเพื่อนเนวินหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเพราะพูดตั้งแต่การประชุมครั้งแรกว่าอะไรบรรจุอะไรได้หรือไม่ได้
"โอฬาร" ให้เร่งแก้นักท่องเที่ยวหนี
ที่สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง นายโอฬาร ไชยประวัติ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวชี้แจงผลการทำงาน ชื่อว่า รองนายกฯ 8 สัปดาห์ ว่า ได้กำหนดแนวทางโครงการใช้จ่ายงบกลางปี 2552 ที่จะเพิ่ม 1 แสนล้านบาทนั้น ได้มีการกำหนดรูปแบบโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า ไว้หมดแล้ว เหลือเพียงแค่การจัดสรรงบประมาณแต่ละโครงการ หากรัฐบาลชุดใหม่ต้องการจะใช้ประโยชน์จากโครงการให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ก็สามารถที่จะนำแนวทางที่วางไว้มาดำเนินการได้โดยไม่ต้องไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีก
นายโอฬาร กล่าวว่า สิ่งที่อยากฝากรัฐบาลชุดใหม่ ให้เร่งดำเนินการคือการเรียกความมั่นใจของประเทศกลับคืนมา โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ที่ต้องทำเป็นแพคเกจ ตั้งแต่การจัดงานขอโทษครั้งใหญ่ ด้วยการทำหนังสือขอโทษนักท่องเที่ยวกว่า 3 แสนคน ที่ตกค้างจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และเชิญให้กลับมาท่องเที่ยวที่ไทยอีกครั้ง ภายใต้โปรโมชั่นพิเศษ ลดแลกแจกแถม ทั้งสายการบิน รวมทั้งให้การดูแลอย่างดี นอกเหนือจากการจ่ายเงินช่วยเหลือจำนวน 2,000 บาทต่อคนต่อวันที่ดำเนินการไปแล้ว
แนะอัดฉีดงบได้ผลดีกว่าลดภาษี
ส่วนการลดดอกเบี้ยนั้น นายโอฬาร กล่าวว่า การลดดอกเบี้ยควรทำอยู่แล้ว เพื่อลดต้นทุนผู้ประกอบการ แต่ไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ หากไม่มีการดำเนินมาตรการเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมและอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบิน รวมทั้งธุรกิจส่งออกบางประเภท ที่ยอดคำสั่งซื้อลดลง 30-40% จากปัญหาเศรษฐกิจโลก และอีก 15% ไม่สามารถส่งออกได้จากการปิดสนามบิน โดยต้องประคับประคองให้ธุรกิจกลุ่มนี้อยู่ได้ 1-2 ปีนับจากนี้ด้วยการให้เงินกู้ดอกเบี้ยผ่อนปรน ทั้งนี้ปี 2552 โดยหากรัฐบาลได้ดำเนินการแก้ปัญหาอย่างครบวงจร รวมทั้งให้สินเชื่อขยายตัวไม่ต่ำกว่า 5% จะทำให้ให้เศรษฐกิจขยายตัว 0-1% แต่หากไม่ทำอะไร ก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจจะหดตัว
"ส่วนการลดภาษีนั้น ส่วนตัวยืนยันว่าไม่เห็นด้วย เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ขณะนี้มีความกังวลเรื่องการใช้จ่าย ต่อให้ลดภาษีก็ไม่ช่วยให้คนใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนบริษัทที่ได้ลดภาษี ก็จมีกำไรมากขึ้นและเก็บไว้โดยไม่ทำอะไร ซึ่งมีบทเรียนจากทั่วโลกแล้ว ผมอยากเห็นการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบเพื่อให้คนมีกำลังจับจ่ายใช้สอยได้ น่าจะเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ตรงจุดมากที่สุด" นายโอฬารกล่าว และว่า ในส่วน 6 เดือน 6 มาตรการ ที่มีการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลิตรละ 3 บาท ไม่จำเป็นต้องขยายเวลาที่จะสิ้นสุดในเดือนมกราคม 2552 เนื่องจากราคาน้ำมันต่ำลงมาก และได้มีการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันและเชื้อเพลงในอัตราเท่ากันแล้ว
หวังรบ.ใหม่อยู่นานกว่า8สัปดาห์
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีคนจากรัฐบาลชุดใหม่ ติดต่อให้มาร่วมบริหารงานหรือไม่ นายโอฬาร กล่าวว่า ตนคงไม่ทำแล้ว แต่อยากให้รัฐบาลชุดนี้ มีระยะเวลาการทำงานที่นานมากกว่า 8 สัปดาห์ เพื่อจะได้แก้ปัญหาวิกฤตที่มีความรุนแรง เพราะถ้ามีอายุอยู่ได้ไม่นาน ก็จะเป็นปัญหาของประเทศ ส่วนทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ ยังทราบว่ามีใครบ้าง แต่เท่าที่ได้ยินชื่อก็พบว่า ทุกคนก็มีหน้าตาในสังคมดี แต่ต้องดูไปก่อนความสวยความหล่อไม่พอ ส่วนชีวิตของตนเองหลังจากนี้ ก็คงจะหันไปทำงานวิจัยทั่วไป