วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2552

รัฐสภานัด 26 ม.ค.ประชุมแก้ รธน.

ที่มา ไทยรัฐ

เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ออกหนังสือเชิญ ส.ส.และ ส.ว.เข้าประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 26-27 ม.ค.นี้ โดยระเบียบ วาระการประชุมเรื่องด่วนที่ 1 คือร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ. ...ที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 71,543 คน เป็นผู้เสนอเรื่องด่วนที่ 2-20 เป็นการพิจารณากรอบความร่วมมืออาเซียน ส่วนวาระเรื่องที่เสนอใหม่คือร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งสาธารณรัฐ เกาหลีและกระทรวงแรงงานไทยว่าด้วยการจัดส่งแรงงานไทยไปเกาหลี ภายใต้ระบบการจ้างแรงงานแห่งชาติ เชื่อว่าเขาน่าจะเข้าใจ

กลุ่มเสื้อแดงชุมนุมหน้าสภา

อีกเรื่อง วันเดียวกัน ที่รัฐสภา กลุ่มคนเสื้อแดง ในนามกลุ่มคนรักประชาธิปไตยสนามหลวง ร่วมกับเครือข่ายรักประชาธิปไตย 4 ภาค และศูนย์กลางประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย หรือ ศ.ป.ป.ท. เปิดเวทีปราศรัยโจมตีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ พุ่งเป้าไปในเรื่องการหลบเลี่ยงเกณฑ์ทหาร และมีกิริยาไม่บังควรระหว่างเข้าเฝ้าฯ จากนั้นนายนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล และพระครูสังฆรักษ์ แกนนำกลุ่ม ศ.ป.ป.ท.ยื่นหนังสือถึงนายชัย ชิดชอบ ผ่านเจ้าหน้าที่สำนักงานประธานสภาผู้แทนฯ เรียกร้องให้ถอดถอนนายอภิสิทธิ์ โดยกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมไม่บังควร ทั้งนี้ นายนพรุฒระบุว่า การกระทำของนายอภิสิทธิ์แสดงออกถึงความไม่จงรักภักดี หลังจากนี้ทางกลุ่มยื่นหนังสือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักพระราชวัง องคมนตรี ป.ป.ช. ฯลฯ เพื่อกดดันให้นายกฯรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำขึ้น

นายกฯแหยงม็อบสลับรถเข้าสภาฯ

ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อมาประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญทั่วไป แต่เมื่อรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้วิ่งเข้ามาจอดที่บริเวณชั้น 2 ทางเชื่อมเข้าห้องประชุม อาคารรัฐสภา 1 ปรากฏว่าคนที่นั่งอยู่ในรถกลับเป็นนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ สร้างความงุนงงแก่ผู้สื่อข่าวที่รอสัมภาษณ์เป็นจำนวนมากว่า ทำไมนายอภิสิทธิ์ไม่นั่งรถประจำตำแหน่งเข้ามาเอง ซึ่งนายศิริโชค ชี้แจงว่าเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากมีกลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมอยู่หน้ารัฐสภา หลังจากนายศิริโชคมาถึงได้ 5 นาที นายอภิสิทธิ์ได้เดินขึ้นมาทางขึ้นลงรถยนต์รัฐมนตรี และ ส.ส. บริเวณหลังอนุสาวรีย์ ร.7 โดยมีนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ติดตามมาด้วย โดยนายสาธิตเปิดเผยว่า นายกฯได้นั่งรถตู้โฟล์คส่วนตัวของนายธนญ ตันติสุนทร อดีต ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากกลุ่ม ส.ส.ชลบุรีและระยอง ได้ไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล จึงนั่งรถเข้ามารัฐสภาพร้อมกัน

เปิดประชุมสภาฯสมัยสามัญ

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญทั่วไปนัดแรก โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและ ครม.ได้เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง สำหรับที่นั่ง ส.ส.ได้มีการสับเปลี่ยน โดยย้ายพรรคฝ่ายค้าน คือพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาราช มาอยู่ทางที่นั่งของพรรคฝ่ายค้านซึ่งอยู่ซ้ายมือของห้องประชุม ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ย้ายไปนั่งทางขวามือของห้องประชุม จากนั้นที่ประชุมได้รับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯประกาศพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา สมัยประชุมสามัญทั่วไป พ.ศ.2552 และให้ ส.ส.ใหม่ 20 คนปฏิญาณตนก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่

ส.ส.เพื่อไทยเรียงหน้าจวก “ชัย”

หลังจากนั้น ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายค้านเป็นครั้งแรก ได้เรียงหน้าขึ้นมาขอหารือประธานฯทันที กรณีที่ย้ายสถานที่ประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลไปเป็นที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา อาทิ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย ส.ส.สมุทรปราการ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา เป็นต้น โดยนายสุนัยกล่าวว่า การอ่านพระบรมราชโองการถือเป็นเรื่องสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งการโปรดเกล้าฯนายกรัฐมนตรี ครม.ต้องประกาศในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คือสภาแห่งนี้ ตนเชื่อในเรื่องโชคลาง อย่าทำอะไรล่วงเกินประเทศ เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วันก็เกิดไฟไหม้ตาย 59 คน และเหตุการณ์อื่นตามมาเรื่อยๆ

นายประเสริฐ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะขอแต่งชุดดำประท้วงลัทธิและการได้มาซึ่งการปกครองประเทศด้วยวิธีการที่ไม่ชอบธรรมเช่นนี้ และคนแก่เป็นผู้ใหญ่จะทำอะไรควรทำให้ดี มิใช่แก่แบบกะโหลกกะลา ขณะที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การย้ายสถานที่ประชุมถือเป็นวีรกรรมและประวัติศาสตร์ของประเทศ ที่นายชัย ถือเป็นผู้เสียสละทำเพื่อบ้านเมืองช่วยเหลือให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล วีรกรรมเช่นนี้จึงน่าจะลาออกจากตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรได้แล้วเพื่อความสง่างาม

ด้านนายชัยได้ชี้แจงว่าทราบว่าพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นคำร้องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว จึงอยากรอคำพิพากษาของศาลก่อนเพื่อให้ได้ข้อยุติ ถ้าผิดตนก็คงต้องออกจากตำแหน่งหรืออาจติดคุก แต่ถ้าทำถูกก็ทำหน้าที่ประธานต่อไป

ส.ส.บางตาโดนดีนับองค์ประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังการหารือก่อนที่นายชัยจะเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมคือเรื่องรับทราบรายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 ประจำปี งบประมาณ 2551 ซึ่งค้างมาจากการประชุมสมัยที่แล้วนั้น ปรากฏว่าเมื่อเห็นที่ประชุมมี ส.ส.รัฐบาลนั่งประชุมกันบางตา ทำให้นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย เสนอให้นับองค์ประชุมทันทีเมื่อเวลา 15.15 น. ทำให้นายชัยต้องกดออดเรียกสมาชิกเข้ามาแสดงตนนานกว่า 5 นาที ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็รีบวิ่งเข้าห้องประชุมกันอย่างจ้าละหวั่น รวมทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.อีกหลายคน ทั้งนี้ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์หลายคนพยายามยื้อเวลานับองค์ประชุมออกไปเพื่อรอสมาชิกเข้ามากดบัตรแสดงตน โดยนายสุวโรช พะลัง ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอให้รอก่อนเพราะ ส.ส.ยังประชุมกรรมาธิการอยู่ในห้องต่างๆขณะที่นายธนิตพล ไชยนันทน์ ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเช่นเดียวว่า ขอให้พักการลงคะแนนออกไปสัก 20-30 นาที ทำให้นายชัยตอบกลับด้วยสีหน้าเซ็งๆว่า

“ส.ส.มีหน้าที่ต้องเข้าประชุม ถ้าไม่สนใจหรือองค์ประชุมไม่ครบก็ต้องเลื่อนการประชุมออกไป ตอนนี้กดจนเมื่อยมือแล้ว ผมว่ามันเป็นกงกรรมกงเกวียน”

หวุดหวิดอีกโดนนับรอบสอง

อย่างไรก็ตาม ผลการลงคะแนนปรากฏว่า มี ส.ส.กด บัตรแสดงตนจำนวน 235 ซึ่งถือว่าองค์ประชุมครบเกินกึ่งหนึ่ง คือ 228 เสียง เกินมาเพียง 7 เสียง จากนั้นก็เข้าสู่ระเบียบวาระทันที โดยนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้โต้ตอบนายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กันไปมา

นายสุนัยจึงเสนอให้มีการนับองค์ประชุมรอบสองทันทีในเวลา 15.55 น. ผ่านการนับองค์ประชุมรอบแรกไปไม่ถึง 30 นาที โดยอ้างว่ามองแล้ว ส.ส.เหลือกันอยู่น้อยมาก โดยผลการนับองค์ประชุมรอบสองมีผู้อยู่กดบัตรแสดงตนเพียงแค่ 233 คน เกินกึ่งหนึ่งเพียงแค่ 5 เสียง เท่านั้น จากนั้นนายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอให้มีการนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อเพราะเกรงว่าจะมีการลักไก่เนื่องจากคะแนนเกินมาไม่กี่เสียง

นายกฯวิ่งวุ่นเข้าห้องประชุมถึง 2 รอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่ฝ่ายค้านขอให้นับองค์ประชุมครั้งแรก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีซึ่งกำลังนั่งหัวโต๊ะ เป็นประธานการประชุมเตรียมการอาเซียน ซัมมิท อยู่ที่ห้องประชุมชั้น 2 ต้องลุกพรวดพราดออกมาจากห้อง เพื่อเข้าไปร่วมโหวตในห้องประชุมสภา โดยการประชุมต้องหยุดชะงักลง จากนั้นเมื่อมีการขอนับองค์ประชุมอีกครั้ง ซึ่งนายอภิสิทธิ์อยู่ระหว่างการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพี ก็ต้องยกเลิกการให้สัมภาษณ์ ทันทีเพื่อมาร่วมโหวตอีกครั้ง เมื่อโหวตเสร็จจึงกลับไปให้สัมภาษณ์ต่อจนจบ อย่างไรก็ตาม หลังจากเสร็จการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศแล้ว นายอภิสิทธิ์ได้เรียกแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ประชุมเป็นการด่วนที่ห้องรับรองนายกฯ

ถกแกนนำ ปชป.รับมือฝ่ายค้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ได้หารือร่วมกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ที่ห้องรับรองนายกฯ นานประมาณ 20 นาที โดยแสดงความเป็นห่วงต่อบรรยากาศที่เกิดขึ้นในสภาฯ เพราะรัฐบาลไม่คิดว่าฝ่ายค้านจะตีรวนตั้งแต่เปิดประชุมวันแรกจึงไม่ทันตั้งตัว และได้มีการกำชับให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ต้องมาประชุมสภาฯให้ครบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาไม่ครบองค์ประชุม และประเมินว่าฝ่ายค้านคงใช้วิธีการนี้เพื่อทำให้การประชุมสภาฯเป็นไปด้วยความไม่ราบรื่น แต่เชื่อว่าการกระทำของฝ่ายค้านจะเป็นการทำลายความชอบธรรมของฝ่ายค้านเอง เพราะวิธีการที่ให้นับองค์ประชุมแตกต่างจากที่พรรคประชาธิปัตย์เคยดำเนินการ ทั้งเนื้อหาและเหตุผลในการนับองค์ประชุม อีกทั้งนายอภิสิทธิ์ยังเชื่อว่า ผลงานของรัฐบาลจะเป็นเกราะคุ้มกันถึงแม้จะถูกตีรวนในสภาฯก็ตาม

วอน พท.ผ่านกรอบประชุมอาเซียน

เมื่อเวลา 18.45 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านพยายามปั่นป่วนรัฐบาลในการประชุมสภาฯโดยเสนอให้ประธานรัฐสภาฯนับองค์ประชุมถึง 2 ครั้ง ว่าไม่มีอะไรทุกอย่างเรียบร้อยดี และองค์ประชุมก็ครบ อีกทั้งรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในแต่ละเรื่องก็ลุกขึ้นชี้แจงไปตามวาระ ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะรัฐมนตรีและ ส.ส.จะได้ตื่นตัวพร้อมทำหน้าที่รับผิดชอบต่อการประชุมสภาอยู่ตลอด รัฐบาลต้องพยายามทำให้ ส.ส.เข้าร่วมประชุมอย่างครบองค์ อีกทั้งจะเป็นการเตือนให้ ส.ส.ทุกคนช่วยกันดูแลให้เกิดความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มองว่าเป็นกงเกวียนกำเกวียนตามที่ประธานสภาฯระบุ แต่ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่แต่ละฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเอง โดยฝ่ายค้านมีสิทธิ์ตรวจสอบองค์ประชุม ส่วนรัฐบาลมีหน้าที่มาประชุมให้ครบ ทั้งนี้ ตนอยากขอความร่วมมือกับฝ่ายค้านในการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณากรอบข้อตกลงอาเซียนและร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมประจำปีงบ ประมาณ 2552 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะได้ช่วยกันทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ และประเทศไทยเกิดความ เชื่อมั่นในสายตาของทั่วโลก ส่วนเรื่องอื่นๆนั้นรัฐบาลเปิดโอกาสให้เต็มที่อยู่แล้ว ทั้งนี้ ตนจะประสานหารือกับประธานวิปฝ่ายค้านในเรื่องนี้อีกครั้งในวันที่ 22 ม.ค.นี้

กลุ่มเสื้อแดงปิดวัดไล่ “ประดิษฐ์”

วันเดียวกัน ที่ จ.เชียงใหม่ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง และภรรยา เดินทางไปเป็นประธานทำบุญบูรณะซ่อมแซมยอดฉัตรพร้อมปิดทององค์พระธาตุและทำพิธีสะเดาะเคราะห์เสริมดวงเสริมบารมี ณ วัดอุปคุต ถนนท่าแพ ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ หลังเสร็จพิธีปรากฏว่ามีกลุ่มรักเชียงใหม่ 51ประมาณ 70 คนสวมเสื้อแดง นำโดยนางกัญญภัค มณีจักร ได้ชูตีนตบปิดประตูทางเข้า-ออกของวัด เพราะรอใช้ตีนตบไล่ รมช. คลัง โดย พ.ต.อ.ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ นำกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้ามาป้องกันเหตุและกันไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงเข้าไปในวัด แต่ในที่สุดกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ก็ไม่ได้พบกับนายประดิษฐ์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้พาออกไปทางประตูหลังวัดและขึ้นรถไปสนามบินเชียงใหม่กลับกรุงเทพฯทันที

เสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ 31 ม.ค.

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานบริษัทเพื่อนพ้อง น้องพี่ จำกัด ชั้น 6 ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว บรรดาแกนนำคณะผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์ดีทีวี กลุ่มความจริงวันนี้ และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ พร้อมนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ร่วมกันแถลงประกาศ จัดชุมนุมใหญ่ต่อต้านรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ ท้องสนามหลวง ในวันที่ 31 ม.ค. ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป โดยระบุว่า ตั้งแต่หลังการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี การแถลงนโยบายของรัฐบาล จนถึงการเตรียมดำเนินการด้านต่างๆที่รัฐบาลไม่ได้ให้ความใส่ใจกับสาระ สำคัญของปัญหาความไม่ชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะมีการแต่งตั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ โดยที่ไม่ถูกดำเนินคดี ขณะ เดียวกันรีบเร่งการโยกย้ายและเตรียมโยกย้ายข้าราชการ ซึ่งสวนทางกับนโยบายสมานฉันท์ของรัฐบาล รวมถึงความ พยายามแจก สปก. 4-01 และการแจกปลากระป๋องเน่า ดังนั้น จึงเป็นวาระสำคัญที่คนเสื้อแดงจะมาชุมนุมกัน และ ในวันนั้นจะมีการขอมติจากประชาชนว่าเราจะทำอย่างไร เพื่อให้ปัญหายุติก่อนที่ประเทศชาติจะเสียหายไปกว่านี้

ไม่มีความขัดแย้งในกลุ่มคนเสื้อแดง

อย่างไรก็ตาม ทั้งนายวีระ นายจตุพร และนายณัฐวุฒิ ต่างปฏิเสธข่าวความขัดแย้งของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยอ้างว่า การชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงในวันที่ 31 ม.ค. ที่ท้องสนามหลวง จะเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความขัดแย้งเกิดขึ้นจริงตามที่เป็นข่าวหรือไม่ “ไม่จำเป็นที่จะต้องมาพูดถึงเรื่องนี้อีก ไม่ทราบว่าคนที่พูดเรื่องนี้ไป รับจ้างใครมาสร้างความเสียหาย แตกแยกในกลุ่มคนเสื้อแดง” นายณัฐวุฒิระบุพร้อมกับกล่าวอีกว่า ในเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ม.ค.นี้ หลังจากรายการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโฟนอินมาออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ดีทีวีเพื่อร่วมสนทนากับตน พร้อมด้วยนายจตุพรและนายวีระ ถึงปัญหา และทางออกของเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของประเทศในมุมมอง พ.ต.ท.ทักษิณ

รัฐบาลเมิน “ทักษิณ” จ้อดีทีวี

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโฟนอินเข้ามาในรายการสถานีโทรทัศน์ดีทีวี หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯอภิสิทธิ์” ว่า เป็นสิทธิ ตามรัฐธรรมนูญที่สามารถสื่อสารได้ ไม่ได้กังวลว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินและติดต่อกับผู้ชุมนุมเป็นระยะ เป็นเรื่องปกติที่คนรู้จักกันจะติดต่อพูดคุย แต่จะเชื่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชน ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเน้นคุยเรื่องวิสัยทัศน์ นโยบายรัฐบาล เกรงหรือไม่ว่าจะถูกนำมาเปรียบเทียบ นายสาทิตย์ตอบว่า เป็นเรื่องดี อยากให้นำมาเปรียบเทียบ จะทำให้รัฐบาลทำงานระมัดระวังมากขึ้น เมื่อถามว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะโฟนอิน เพราะมีสถานะเป็นนักโทษหนีคดี นายสาทิตย์ ตอบว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงคิดได้เอง ส่วนผู้จัดรายการที่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณมาออกรายการ ต้องมีความรับผิดชอบ หากมีการนำเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม

เชื่อแค่เกมกุข่าวสร้างสีสัน

เมื่อถามว่า ส.ส.ที่ประสานให้ พ.ต.ท.ทักษิณมาร่วมรายการต้องรับผิดชอบทางกฎหมายหรือไม่ เพราะเข้าข่ายรู้ที่อยู่ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่แจ้งให้ตำรวจดำเนินการ นายสาทิตย์ตอบว่า ส.ส.ที่ยังติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ เข้าใจว่ายังมีความผูกพันกันอยู่ แต่ ส.ส.ควรคิดได้เองว่า การดำเนินการอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมหรือไม่ ขณะนี้บ้านเมืองต้องการความสงบ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณแค่แสดงความคิดเห็นผ่านโทรทัศน์ก็ทำได้ แต่ถ้ามีสิ่งใดนอกเหนือขอบเขตดังกล่าวต้องรับผิดชอบ เมื่อถามว่าการออกรายการของ พ.ต.ท.ทักษิณมีจุดประสงค์เพื่อต้องการสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล นายสาทิตย์ตอบว่า ไม่มีใครรู้จุดประสงค์ในการออกรายการ ส่วนจะสั่นคลอนรัฐบาลได้หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราไม่กังวล และไม่จำเป็นต้องจับตาดูเรื่องนี้เป็นพิเศษ เป็นการดำเนินการตามปกติของคนกลุ่มดังกล่าว เพียงแต่ต้องการสร้างข่าวให้มากขึ้น จึงต้องพูดให้มีสีสัน ชวนติดตาม ซึ่งประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดในรายการจะถูกบันทึกเป็นหลักฐาน ถ้าไปละเมิดสิทธิและพาดพิงบุคคลอื่นต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย

วิปรัฐบาลเล็งหารือตั้ง กมธ.ใหม่

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดสรรตำแหน่งกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎรว่า กรรมาธิการได้หารือเบื้องต้นว่า คณะกรรมาธิการที่ยังดำรงตำแหน่งขณะนี้สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ แต่เนื่องจาก ส.ส.มีการเปลี่ยนแปลงจากการถูกยุบพรรคและการเลือกตั้งซ่อม ทางประธานสภาผู้แทนราษฎรจะทำหนังสือถึงหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค เพื่อให้ไปดำเนินการพิจารณาผู้ที่เหมาะสมมาเป็นกรรมาธิการ เพราะโดยหลักการทั่วไปกรรมาธิการที่เป็นสัดส่วนของแต่ละพรรคก็ถือว่าหมดสภาพไปด้วย เพราะ ฉะนั้น ส.ส.ที่ไปสังกัดพรรคใหม่จะต้องมาดำเนินการตามข้อบังคับ โดยประธานสภาผู้แทนราษฎรจะต้องกำหนดสัดส่วนของกรรมาธิการใหม่ตามจำนวนของ ส.ส. จากนั้นตนจะเชิญวิปฝ่ายค้านและตัวแทนของพรรคการเมืองทุกพรรคมาพูดคุยกันอีกครั้งว่าจะเสนอชื่อตั้งกรรมาธิการทั้งหมดอย่างไร

ดักคออย่าเพิ่งด่วนอภิปราย

เมื่อถามถึงการเตรียมรับมือการอภิปรายไม่ไว้ วางใจของฝ่ายค้าน นายชินวรณ์ตอบว่า อยู่ที่ฝ่ายค้านที่จะคำนึงถึงข้อมูลและความเหมาะสม แต่อยากให้ฝ่ายค้านให้เวลารัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดินสักระยะหนึ่ง ส่วนตัวไม่อยากให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องประเพณี จึงจะได้รับการยอมรับว่าไม่ได้นำสภามาเป็นเกมการเมือง การประชุมร่วมของรัฐสภาที่จะต้องให้ความเห็นชอบบันทึกข้อตกลงในกรอบความร่วมมืออาเซียน 43 ฉบับ และการพิจารณางบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 2552 และตนจะเชิญตัวแทนวิป 3 ฝ่ายประชุมหารือในวันที่ 22 ม.ค. เวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา ส่วนเรื่องการพิจารณางบประมาณนั้น วิปรัฐบาลจะประชุมในวันที่ 23 ม.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล

จี้บรรจุญัตติแก้ รธน.ฉบับ คปพร.

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.45 น. ที่รัฐสภา คณะกรรมการประชาชนเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (คปพร.) นำโดย นพ.เหวง โตจิราการ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ยื่นหนังสือต่อประธานรัฐสภา โดยมีนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนรับเพื่อขอให้นำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของ คปพร.เข้าสู่ การพิจารณาของสภาโดยด่วนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งเป็นการนำเนื้อหาสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 กลับคืนมา รวมถึงแก้ไขให้มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้ วางในรัฐมนตรีได้ง่ายขึ้น