วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552

สะพัดใบสั่งอุ้มโจรยึดสนามบิน ให้มันยุ่งเข้าไว้เตะถ่วงอีกเดือน

ที่มา Thai E-News


ที่มา ประชาทรรศน์
19 มกราคม 2552

ส่อมวยล้มต้มคนดู ทีมสอบ"พันธมาร"ยึดสนามบิน! ฟันธง "จงรัก"ขีดเส้น 1 เดือนปิดบัญชีโกหกทั้งเพ หลังทำพิลึกตั้งกก.ชุดพิเศษรื้อสอบใหม่หมด แถมรวบสำนวน 2 สนามบินเข้าด้วยกัน ทั้งที่ผลสอบ"ดอนเมือง"ใกล้ยุติ พร้อมตั้งข้อสังเกตหวั่นเตะถ่วงตามใบสั่งการเมือง ขณะเดียวกัน "อัยการ"จ่อส่งฟ้อง 9 แกนนำพธม.ย่ำยีทำเนียบฯ ข้อหาซ่องโจรภายใน 2-3 วันนี้ ส่วนทีมสอบเหตุมิคสัญญี 7 ตุลาฯ เตรียมขอหมายจับแกนนำม็อบเหลือง ข้อหากบฏอีกครั้ง


วันนี้ (19 ม.ค.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบพยานอยู่เรื่อยๆ จนกว่าจะได้ความชัดเจน ซึ่งคาดว่าภายใน 1 เดือน คงจะมีความคืบหน้าในทุกๆ คดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีกับทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง ส่วนคดีที่กลุ่มพันธมิตรฯบุกยึดทำเนียบรัฐบาล ได้ส่งสำนวนให้อัยการรับไปดำเนินการฟ้องร้องแล้ว โดยครอบคลุมในทุกข้อหายกเว้นข้อหากบฏ เนื่องจากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ถอนหมายจับไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนกรณีการยึดสนามบิน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนพยาน ซึ่งคงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง จึงอยากให้รอฟังผล เพราะต้องใช้ความรอบคอบในการสอบสวน และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยไม่ได้หยุดพัก

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับสูงใน สตช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีของกลุ่มพันธมิตรฯว่า คดีความเกี่ยวกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีความคืบหน้ามากที่สุด คือ กรณีผู้ชุมนุมบุกยึดทำเนียบรัฐบาล โดยอัยการกำลังพิจารณาส่งฟ้อง 9 แกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหาชุมนุมขัดรัฐธรรมนูญและข้อหาซ่องโจร ภายใน 2-3 วันนี้ ส่วนกรณีเหตุการณ์มิคสัญญี 7 ตุลาฯ ทางเจ้าพนักงานเตรียมขอหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหากบฏต่อศาลในเร็วๆ นี้

"แต่ที่น่าสังเกตุคือในคดีที่กลุ่มพันธมิตรฯ บุกยึดท่าอากาศยานดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากในส่วนคดีที่เกี่ยวเนื่องกับท่าอากาศยานดอนเมือง มีความคืบหน้าไปถึง 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งน่าจะสรุปสำนวนส่งฟ้องได้ในเร็ววันนี้ แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมคณะกรรมการสอบสวนคดีความอันเกี่ยวเนื่องกับการยึดสนามบินทั้ง 2 แห่ง ที่มี พล.ต.อ.จงรัก เป็นหัวหน้าชุด กลับสั่งให้รวมสำนวนของทั้ง 2 สนามบินเข้าด้วยกัน และส่งหลักฐานให้คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาใหม่ตรวจสอบหมด แทนที่จะส่งสำนวนของท่าอากาศยานดอนเมืองให้อัยการสั่งฟ้องก่อน"แหล่งข่าว ระบุ

แหล่งข่าวคนเดิม เปิดเผยอีกว่า โดยในรายละเอียดของสำนวนที่เกี่ยวข้องกับการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ค่อนข้างซับซ้อนและแยกย่อยออกเป็นหลายคดี และมีทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ถ้าหากรอให้สรุปสำนวนทั้ง 2 สนามบินพร้อมกันแล้วค่อยส่งให้อัยการสั่งฟ้อง ตนเชื่อว่าต้องใช้เวลานานมาก ซึ่งกรณีที่ พล.ต.อ.จงรัก ระบุว่า จะสรุปสำนวนให้เสร็จภายใน 1 เดือน คิดว่าคงไม่ทันเวลาแน่นอน ซึ่งตรงนี้ อยากตั้งข้อสังเกตุว่า เป็นใบสั่งการเมืองหรือเปล่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีความที่เกี่ยวเนื่องกับการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองนั้น มีข้อหาใหญ่แบ่งออกเป็น 3 กรณีโดยในข้อหาที่เกี่ยวกับคดีอาญาเป็นข้อหาก่อการร้ายและข้อหากบฏ ส่วนข้อหาที่เป็นคดีแพ่ง คือ กรณีที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกลุ่มพันธมิตรฯเป็นจำนวน 200,000 ล้านบาท เพื่อนำไปชำระค่าเสียหายจากการละเมิดสัญญาองค์กรการบินระหว่างประเทศ จากการปิดสนามบินนานาชาติ

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญารัชดา มีคำสั่งเลื่อนนัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธเนศร์ คำชุม กับพวก ซึ่งเป็นนักรบศรีวิชัยรวม 82 คน ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหาอื่นรวม 9 ข้อหา จากกรณีที่จำเลยทั้ง 82 คน ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(NBT) เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ของทางราชการ รวมทั้งความผิดเกี่ยวกับคดียาเสพติด

ทั้งนี้ ทนายความของจำเลยทั้ง 82 คน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานออกไปก่อน เนื่องจากติดว่าความที่ศาลจังหวัดอุดรธาณีไม่สามารถเดินทางมายังศาลได้ ประกอบกับจำเลยที่ 12 ไม่ได้เดินทางมาที่ศาล เนื่องจากถูกคุมขังอยู่ในคดีอื่นและไม่ได้เบิกตัวมา จากนั้น ศาลสอบถามจำเลยแล้วไม่คัดค้าน กรณีมีเหตุอันควรให้เลื่อนคดีออกไปเป็นวันที่ 16 มี.ค.นี้

วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แกนนำพันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 29/2551 เรื่อง"คำเตือนก่อนเข้าสู่อำนาจ" โดยระบุว่า การชุมนุมตลอด 193 วันของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง พร้อมยื่นข้อเรียกร้อง 13 ข้อ ต่อรัฐบาลว่า สถานการณ์ตอนนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ กำลังขี่คอพรรคประชาธิปัตย์ และยังพูดอย่างชัดเจนอยู่เสมอว่า ถ้าไม่มีกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ไม่มีประชาธิปัตย์ ซึ่งการแต่งตั้งคนในกลุ่มพันธมิตรฯ เข้ามานั่งในรัฐบาลถือเป็นการต่อรองระหว่างกลุ่มคนที่ต้องการโค่นล้มพรรคประชาธิปัตย์ จึงทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่กล้าที่จะขัดใจ เพราะหากจะทำอะไรก็เกรงว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะออกมาแฉ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าพรุ่งนี้จะต้องมีการแต่งตั้งคนในกลุ่มพันธมิตรฯ เข้ามารับตำแหน่งในรัฐบาลอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงขณะนี้ดูเหมือนกำลังรอการเคลื่อนไหว นายจตุพร กล่าวว่า เนื่องจากกลุ่มเสื้อแดงมีความคิดที่แตกต่างจากกลุ่มพันธมิตรฯ โดยจะใช้การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯเป็นบทเรียน สำหรับการเคลื่อนไหวโดยต่อไปจะให้เสื้อแดงแตกหน่อกันเองไม่จำ เป็นต้องมีแกนนำ โดยสิ้นเดือนจะมีการชุมนุมใหญที่ท้องสนามหลวง