ที่มา ข่าวสด
หักทองขวาง
หากฟังจากปากของ นายกษิต ภิรมย์ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาก็ราบรื่นเหมือนกับยืนอยู่บนยอดเขา
เพราะ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ก็รับปาก
เพราะ นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็รับปาก
การเดินทางไปเยือนกัมพูชาของ นายกษิต ภิรมย์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จึงประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
งดงามเหมือนกับการบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลเมื่อเดือนสิงหาคม 2551
งดงามเหมือนกับการบุกเข้ายึดสนามบินดอนเมืองแล้วรุกคืบไปยังสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551
เป็นความงดงามบนพื้นฐานแห่ง อาหารอร่อย ดนตรีเพราะ
กระนั้น หากพิจารณาจากการเดินทางเข้ายื่นหนังสือของเครือข่ายประชาชนชาวไทยต่อนายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2552 เน้นประเด็นลงไปยังสถานะของปราสาทพระวิหารอันเป็นมรดก
ก็ไม่แน่ใจเท่าใดนักว่าจะสามารถประเมินความสำเร็จในการไปเยือนกัมพูชาของ นายกษิต ภิรมย์ ว่าเป็นอย่างไร
น่าสนใจก็ตรงที่ข้อเสนอซึ่งเครือข่ายประชาชนชาวไทยยื่นต่อนายกรัฐมนตรี
(1) อย่าขึ้นทะเบียนร่วมกับกัมพูชาไม่ว่ากรณีใดๆ หากการปักหลักเขตแดนของ 2 ประเทศบริเวณปราสาทพระวิหารยังไม่แล้วเสร็จ
(2) ห้ามหน่วยราชการใดๆ ให้ความร่วมมือ หรือจัดหาเอกสารแผนบริหารจัดการบริหารปราสาทพระวิหารเพื่อส่งมอบให้กัมพูชา คือ
2.1 เขตอนุรักษ์ (Buffer Zone)
2.2 แผนพัฒนา (Development Zone)
2.3 แผนบริหารจัดการ (Management Plan) ตามมติคณะกรรมการมรดกโลก
(3) ขอให้หลีกเลี่ยงการเจรจาใดๆ ที่เข้าข่ายตามข้อ (2)
(4) ให้ปลด นายปองพล อดิเรกสาร คณะกรรมการมรดกโลกฝ่ายไทย ออกจากตำแหน่ง
(5) เสนอคณะกรรมการมรดกโลกสากลผ่านองค์กรยูเนสโกเพื่อพิจารณาระงับและเพิกถอนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
น่าสนใจก็ตรงกับที่พรรคประชาธิปัตย์และ นายกษิต ภิรมย์ ก็เคยตั้งประเด็นเอาไว้
ถึงอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์ และ นายกษิต ภิรมย์ ก็มิอาจหลีกพ้นไปจากสิ่งที่ตนเคยกระทำเคยเคลื่อนไหวในกาลอดีต
ไม่ว่าจะเป็นอดีตซึ่งพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในฐานะฝ่ายค้าน
ไม่ว่าจะเป็นอดีตซึ่ง นายกษิต ภิรมย์ เคยขึ้นปราศรัยบนเวทีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
หรือที่ นายกษิต ภิรมย์ เคยเสนอความเห็นผ่านสื่อหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์
เป็นอดีตที่พรรคประชาธิปัตย์และ นายกษิต ภิรมย์ เห็นตรงกันว่า ปราสาทพระวิหาร เป็นของไทย
บรรยากาศที่ปรากฏเมื่อเดือนมิถุนายน 2551 เป็นบรรยากาศแห่งแนวคิดชาตินิยม เป็นบรรยากาศอย่างเดียวกับที่ปรากฏผ่านคำปราศรัยและแถลงการณ์ของรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
เลือดรักชาติระอุร้อน แสดงความพร้อมกระทั่งจะทวงคืนเอาปราสาทพระวิหารคืนมาจากกัมพูชา
ตรงนี้เองที่เครือข่ายประชาชนสำแดงออกอย่างสอดรับกับความรู้สึกในอดีต
อดีตแห่งความร้อนแรงไม่ว่าของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าของ นายกษิต ภิรมย์ เช่นนี้อย่าคิดว่าจะจางหายไปจากความรู้สึกของคนไทย และความรู้สึกของกัมพูชา
อย่าลืมเป็นอันขาดของเอกภาพระหว่างคำพูดกับการกระทำ เพราะหากลืมก็เท่ากับพล่อยพูด
เมื่อเป็นฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์เคยพูดอย่างไร เมื่อปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายกษิต ภิรมย์ แสดงอารมณ์และความต้องการทางการเมืองเยี่ยงไร
เมื่อท่านพูด ประชาชนจะฟัง เมื่อท่านลงมือทำตามที่พูด ประชาชนจะเชื่อถือ