วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2552

ถึงวาระ

ที่มา ไทยรัฐ

ไฟไหม้อย่าเสียดายนํ้านายกฯอภิสิทธิ์เล่นคำคมเปรียบ เปรยการแก้ไขเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ทุ่มเงินเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นคืนชีพ ทั้งนี้ก็เพราะมีการแจกจ่ายหัวละ 2,000 บาท วงเงินเกือบ 2 หมื่นล้านบาท แก่มนุษย์ เงินเดือน

จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์กันให้ขรมว่าดีกรีออกซ์ฟอร์ดคิดได้แค่เองหรือ...และยังว่าเป็นการตำนํ้าพริกละลายแม่นํ้าไม่ได้ผล เสียเงินฟรีทำนองนั้น

นายกฯก็เลยออกมาโต้ว่านี่เดินตามตำราฝรั่งเป๊ะ หลายประเทศก็ทำ อเมริกาตัวปัญหาก็ทำก็เลยเปรียบเทียบว่าไฟไหม้อย่าเสียดายนํ้า พูดอีกก็ถูกอีก หากเป็นเงินของนายกฯเองก็คงไม่มีใครว่า แต่นี่มันเงินภาษีอากรของประชาชน

อย่างไรก็ตาม ภาพโดยรวมในแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลในลักษณะประชานิยม ทุกฝ่ายต่างก็เห็นด้วยเพียงแต่ติงว่าการจ่ายหัวละ 2,000 บาท มันจะไม่ได้เสียเงินเปล่า ควรจะสร้างความคุ้มค่าให้มากกว่านี้

นโยบายการแก้ไขเศรษฐกิจของรัฐบาลยังพูดไม่ได้ว่าผิด-ถูก อย่างไรคงต้องรอผลที่จะเกิดขึ้น ซึ่งก็คงอีกไม่นานจะได้รู้กัน

พูดถึงรัฐบาลแล้วยังอยากพูดถึงพรรคฝ่ายค้านคือพรรคเพื่อไทย จากข่าวคราวที่ออกมาดูเหมือนว่าจะเกิดปัญหาภายในค่อนข้างสูง

รํ่าๆ จะแตกด้วยซํ้าไป

นั่นเพราะเกิดปัญหาชิงการนำ ไม่มีเอกภาพ ไม่มีใครใหญ่จริง บรรดาแกนนำหลักๆ ที่มีประสบการณ์มีความสามารถ มีความเขี้ยวทางการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกเว้นวรรคทางการเมือง ต่างก็ถอยกลับที่ตั้งมากกว่าจะเข้ามาร่วมหัวจมท้าย

แม้แต่พวกที่อยู่ในกลุ่มเสื้อแดง ความจริงวันนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเคลื่อนไหวเป็นอิสระมากขึ้นเพียงแต่สอดรับกันในเงื่อนไขการเมืองเท่านั้น

ว่าที่จริงแล้วพรรคเพื่อไทยนั้นมี ส.ส.เป็นอันดับหนึ่งบวกกับประชาราช, เพื่อแผ่นดินบางส่วนก็มีเสียงห่างจากฝ่ายรัฐบาลไม่เท่าใด ดังนั้นหากเล่นกันในทางสภาแล้วก็ไม่เป็นรองฝ่ายรัฐบาลแต่อย่างใด

ยิ่งหากทำงานเป็น เล่นบทฝ่ายค้านอย่างมีคุณภาพ เดี๋ยวก็ได้ เห็นดำเห็นแดงได้ รัฐบาลบริหารประเทศแค่ไม่กี่วัน แม้จะมีความมุ่งมั่นในแก้ไขปัญหา นายกฯมีภาพลักษณ์ดีได้รับการยอมรับ แต่ดูเหมือนว่าพรรคนี้มันมีลูกเหิมที่ผิดปกติเสมอๆ

เรียกว่าชอบเปิดหน้าท้าท้าย สร้างเงื่อนไขให้คู่ต่อสู้

ขณะเดียวกันจุดเปราะในรัฐบาลก็เห็นเค้าลางมากขึ้นเรื่อยๆ เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานมันก็ต้องขัดกันจนได้ โครงการใหญ่ๆ รถเมล์เช่า รถไฟฟ้า สปก.4-01 ถนนไร้ฝุ่น และอะไรต่อมิอะไรที่จะตามมาและเกิดขึ้นใหม่ ต่างๆเหล่านี้ถึงวาระหนึ่งอาจจะยอมกันได้ แต่อีกวาระหนึ่งก็ยอมกันไม่ได้

หากพรรคเพื่อไทยหยุดแค้น หยุดยึดติดคนเพียงคนเดียว ทำหน้าที่ของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย น่าจะเกิดประโยชน์ ต่อพรรคและนักการเมืองในพรรคนี้มากกว่า ข้อสำคัญเกิดประโยชน์ต่อชาติและประชาชนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล

อย่างน้อยๆ ก็เป็นตัวแทนของชาวรากหญ้าที่ให้การสนับสนุน

ที่สำคัญก็คือต้องจัดรูปขบวนภายในพรรคกันใหม่อย่างที่มี ส.ส.บางคนให้ความเห็นว่าจากนี้ไปพรรคเพื่อไทยจะต้องไม่ขึ้นกับคนใดคนหนึ่ง แต่จะต้องมีการกำหนดโครงสร้างพรรคใหม่ การการบริหารและจัดการที่เปิดกว้างกว่านี้

แค่ตั้งผู้นำฝ่ายค้านยังทำไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นตำแหน่งสำคัญมีความหมายทางการเมือง แม้จะเป็นฝ่ายค้านก็ตาม แต่สามารถแสดงบทบาทในฐานะผู้ตรวจสอบที่ได้รับความเชื่อถือ

หรือว่ากำลังจะถึงวาระทางใครทางมันเสียแล้ว.

สายล่อฟ้า