วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552

ถอดยศ

ที่มา ไทยรัฐ

จดหมายแสดงความคิดเห็นทางการเมืองระยะนี้จะมากเป็นพิเศษ มีทั้งด่าทั้งชม แต่โดยสรุปแล้วผมว่าคนไทยที่มีหัวใจเป็นธรรม ยังเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ ว่ากันตามจริงแล้ว ส่วนหนึ่งก็ไม่ได้หลับหูหลับตาเชียร์คุณทักษิณ เพียงแต่อยากเห็นความเป็นธรรมหลงเหลืออยู่บ้างเท่านั้น

อะไรๆดูลำเอียงเกินไปก็ไม่ชอบ

ส่วนตัวผมเห็นว่า การเมืองวันนี้เล่นกันเลยเถิด ไม่ใช่เรื่องของคุณทักษิณ หรือของใครคนใดคนหนึ่ง แต่วิกฤติการเมืองที่กลายเป็นวิกฤติบ้านเมือง กำลังจะแบ่งประเทศไทย คนไทย และการปกครอง

มีจดหมายฉบับหนึ่งพูดถึงเรื่องการตั้งท่าถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการปิดสนามบิน ยึดทำเนียบ หรือคดีความที่ร้ายแรงกว่าการถูกลงโทษจำคุก 2 ปี ดูจงใจไปหน่อย

จองกฐินเอาไว้ล่วงหน้า

การกลับเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในเวลาที่คาบเกี่ยวระหว่างตำแหน่งรักษาการนายกฯกับ รมว.มหาดไทย ของคุณชวรัตน์ ชาญวีรกูล ยังไม่ชัด ดูทะแม่งชอบกล

ในพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 26 การแต่งตั้งยศตำรวจชั้นสัญญาบัตรเป็นกรณีพิเศษ อาจกระทำโดยประกาศพระบรมราชโองการ และ (1) ตั้งแต่ยศพลตำรวจตรีขึ้นไป ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง

สังคมไปคิดเอาเอง

และในกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เจ้าของจดหมายให้แนวคิดมาว่า พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ระบุชัดเจนว่า เป็นกฎหมายฉบับเดียวให้ครอบคลุมทุกเรื่องที่เกี่ยวกับข้าราชการตำรวจ

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ลาออกจากข้าราชการตำรวจมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองนานแล้ว ไม่มีสถานะใดที่จะพิจารณาได้ว่าเป็นข้าราชการตำรวจและไม่อาจอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับนี้

จะถอดยศได้หรือไม่

ผมว่าเรื่องทำนองนี้ หลักกฎหมายก็ส่วนหนึ่ง ความเป็นธรรมในการบังคับใช้กฎหมาย ก็อีกส่วนหนึ่ง การพิจารณาคดีในกระบวนการยุติธรรม ยังต้องยึดคำพิพากษาฎีกาเป็นหลักในกรณีที่กฎหมายไม่ได้ให้ความกระจ่างชัดเอาไว้

ส่วนการบังคับใช้กฎหมายจะเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม วัดได้ง่ายนิดเดียว เมื่อมีคำวินิจฉัยไปแล้ว ได้รับการยอมรับโดยดุษฎีจากทุกภาคส่วนของสังคมก็ถือว่ายุติธรรมแล้ว

เนื่องจากตามกฎหมาย การให้ออกจากว่าที่ยศตำรวจชั้นสัญญาบัตร หรือการถอดยศร้อยตำรวจตรีขึ้นไปแต่ไม่สูงกว่ายศพันตำรวจเอก ให้ ผบ.ตร. เป็นผู้สั่ง เผือกร้อนจึงตกที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ

ที่จะต้องแบกรับไปทั้งชีวิต.

หมัดเหล็ก