ที่มา ข่าวสด
เหล็กใน
หลังจบรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ครั้งที่สอง
ปรากฏว่านายกฯ อภิสิทธิ์ ถูกอดีตนายกฯ ทักษิณ ซึ่งไปโผล่โฟนอินทางดี สเตชั่น หรือดีทีวี
แย่งซีนประจำวันอาทิตย์ไปเกลี้ยง
หนังสือพิมพ์วันรุ่งขึ้น ต่างจับเอาเรื่องที่อดีตนายกฯ ทักษิณพูด มาพาดหัวตัวใหญ่กว่าข่าวนายกฯ อภิสิทธิ์ ที่พูดถึงเรื่องมาตรการด้านเศรษฐกิจ
ขณะเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินนั้น ปนเปกันไปทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ
อย่างเช่น การประกาศว่าจะต่อสู้กับความอยุติธรรมทางการเมือง ซึ่งเป็นประเด็นเดิมๆ ที่มักหยิบยกขึ้นมาพูดเรียกคะแนนสงสารจากแฟนคลับทุกครั้งที่โฟนอิน
กับอีกประเด็นที่สื่อสนใจคือเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าถูกฝ่ายตรงข้ามตามล่าเอาชีวิต ถึงขนาดพูดย้ำ 2-3 ครั้งในรายการ
ไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือไม่จริง?
เพราะข่าวการลอบฆ่าผู้นำหรืออดีตผู้นำประเทศ แม้จะมีให้ได้ยินกันบ่อยๆ แต่ก็เป็นเรื่องพิสูจน์ยากในทางการเมือง
ส่วนประเด็นทางเศรษฐกิจนั้น
พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเคยได้ชื่อเป็น "เจ้าพ่อประชานิยม" ขนานแท้
ตอนนี้กำลังถูกวัดรอยเท้าจากนายกฯ อภิสิทธิ์ เจ้าพ่อประชานิยมคนใหม่โดยเฉพาะจากมาตรการแจกเงิน 2,000 บาท
พ.ต.ท.ทักษิณคงกลัวว่าจะ "โดนใจ" คนรากหญ้ามากกว่า เลยต้องรีบออกมาสกัดดาวรุ่งเสียก่อน ว่าการนำประชานิยมมาเป็นเรื่องแข่งขันทางการเมือง
อาจเป็นการผลักไสประเทศไทยกลับไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจอีกครั้ง
ถ้าใครจะมองว่าการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ มีเป้าหมายทางการเมือง มากกว่าจะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยบริสุทธิ์ใจ ก็คงไม่ผิดจากความจริงเท่าไหร่นัก
แต่จะมีผลในการปลุกระดมประชาชนให้เห็นดีเห็นงาม ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลชุดนี้ได้หรือไม่
เป็นเรื่องต้องติดตามกันต่อไป
สำคัญยังต้องตามดูด้วยว่านายกฯ อภิสิทธิ์และรัฐบาล จะหาทางช่วงชิงพื้นที่สื่อกลับคืนมาอย่างไร
ต้องยอมรับว่าพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไหนแต่ไรเป็นคนถนัดในการใช้พื้นที่สื่อเพื่อให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง ไม่ว่ากับสื่อในหรือต่างประเทศ
เรื่องนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์เองก็รู้ดี
"ดีทีวี" ที่เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับการโฟนอินของอดีตนายกฯโดยเฉพาะ น่าจะสร้างความลำบากให้รัฐบาลไม่น้อย
จะใช้กฎหมายเล่นงานข้อหาปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองก็ทำไม่ได้
ไม่เช่นนั้นก็ต้องดำเนินการกับ "เอเอสทีวี" ด้วย
"ดีทีวี" ก็เลยได้รับอานิสงส์จาก "เอเอสทีวี" ด้วยประการฉะนี้