วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

พท.ฮึ่มยืนสอบ"มาร์ค" ซุกรถหรู เมียกรณ์แจง-เป๋า1.4ล

ที่มา ข่าวสด

ยืนยันแจ้งกับปปช.แล้ว แกนนำเพื่อไทย-นปช.คึก บินพบ"ทักษิณ"ที่ฮ่องกง




เยือนอิเหนา - ประธานาธิบดีสุสีโล บัมบัง ยุทโธโยโน นำนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ระหว่างผู้นำไทยเยือนประเทศอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 20 ก.พ. โดยป?ญหาโรฮิงยาเป็นประเด็นสำคัญในการหารือ

เพื่อไทยฮึ่มยื่นสอบ"มาร์ค" สงสัยจงใจซุกรถฮอนด้า โอดิสซี่ย์ที่เคยแจ้งกับป.ป.ช. ตอนสมัยเป็นส.ส. แต่พอมาเป็นนายกฯกลับไม่มีแจ้ง นอกจากนี้ยังสอบผู้ถือครองรถคันเดียวกันนี้ก็พบว่าไม่ปรากฏในสารบบว่าใครเป็นเจ้า ของ ด้านเมียกรณ์ จาติกวณิชแจงยื่นแจ้งทรัพย์สินกระเป๋าแอร์เมสใบละ 1.4 ล้านต่อป.ป.ช.แล้ว ส่วนที่ไม่ได้แจ้งอาจเป็นของแม่ ด้านเทพไทอ้างโทร.คุยนายกฯแล้ว พร้อมชี้แจงกรณีซุกรถหลังกลับจากเยือนชวา ส่วน ส.ส.เพื่อไทย-แกนนำนปช.แห่บินไปพบแม้วที่ฮ่องกง "สาก"เผยแค่ไปเยี่ยม-พูดคุยธรรมดา "อภิสิทธิ์"เผยคุยประธานวิปฝ่ายค้าน-ประธานรัฐสภาแล้ว เตรียมให้ สถาบันพระปกเกล้าเป็นเจ้าภาพถกปฏิรูปการเมือง

พท.ยื่นหลักฐานเพิ่มเอาผิดบุญจง

เวลา 10.45 น.วันที่ 20 ก.พ. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้มายื่นซีดีและเอกสารเป็นหลักฐานเพิ่มเติม กรณีกล่าวหานายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย แจก เงินงบประมาณของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) พร้อมแนบนามบัตรของตัวเอง ให้กับคณะกรรมการป.ป.ช. ผ่านนายวิทยา อาคมพิทักษ์ ผอ.สำนักการข่าวและประเมินผล สำนัก งานป.ป.ช. โดยนายพร้อมพงศ์กล่าวว่าพรรคได้ยื่นหลักฐานเพิ่มเติมมายื่นต่อคณะอนุกรรมการป.ป.ช. โดยหลักฐานที่นำมายื่นครั้งนี้เป็นวีซีดีที่มีความชัดเจน ซึ่งมั่นใจได้ ชนิดไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอหรือพิสูจน์เสียง เพราะมีความชัดเจนมากว่านายบุญจงแจกเงิน เป็นการกระทำผิดกฎหมายตามมาตรา 157 ในฐานะใช้อำนาจโดยมิชอบ และเป็นการหาเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า

เมื่อถามว่าการมายื่นหลักฐานเพิ่มเติมหลายครั้ง เพราะต้องการกดดันการทำงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ใช่หรือไม่ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่าไม่ได้กดดัน แต่มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่คณะอนุกรรมการไต่สวน และสอบถามความคืบหน้าของคดี โดยพรรคได้ติด ตามทุกเรื่องที่ร้องเรียนไป และจะติดตามไปเรื่อยๆจน กว่าจะมีการชี้มูลตัดสิน เมื่อถามว่าการมาติดตามเรื่องบ่อยครั้ง เพราะไม่มั่นใจการทำหน้าที่ของป.ป.ช. ใช่หรือไม่ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่าการนำหลักฐานเพิ่มเติมมายื่นให้กับป.ป.ช. ถือว่าช่วยงานป.ป.ช. ไม่ใช่การกดดัน

สงสัยอภิสิทธิ์ซุกรถ-ไม่แจ้งปปช.

นายคารม พลทะกลาง ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เพื่อขอให้ตรวจสอบทะเบียนรถและชื่อผู้ครอบครอง หรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ เนื่องจากตรวจสอบพบว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯอาจจงใจปกปิดการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ซึ่งตนได้ตรวจสอบการแสดงบัญชีทรัพย์สินฯของนายอภิสิทธิ์ที่ยื่นไว้ตอนรับตำแหน่งส.ส.เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2551 ซึ่งยื่นต่อป.ป.ช. เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2551 พบว่านายอภิสิทธิ์เป็นเจ้าของรถยนต์ 2 คัน คือรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี หมายเลขทะเบียน วณ 4533 กทม. และรถยนต์ฮอนด้าโอดีสซี่ย์ หมายเลขทะเบียน 9ฬ-2733 กทม. แต่เมื่อตรวจสอบการแสดงบัญชีทรัพย์สินฯครั้งรับตำแหน่งนายกฯเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2551 และได้ยื่นต่อป.ป.ช. เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีการแสดงทรัพย์สินรถยนต์ไว้ 2 คันคือ รถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี หมายเลขทะเบียน วณ 4533 กทม. กับรถยนต์มิตซูบิชิ สเปซวากอน หมาย เลขทะเบียน ฌง 5317 กทม. จึงน่าแปลกใจว่าทำไมจึงไม่ยื่นรายการรถยนต์ฮอนด้าโอดีสซี่ย์

นายคารมกล่าวว่า ตนจึงตรวจสอบทะเบียนรถ ชื่อผู้ครอบครองและผู้ถือกรรมสิทธิ์คันดังกล่าว พบว่าไม่ปรากฏอยู่ในสารบบว่าใครเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครอง แสดงว่าเป็นรถนินจา จึงอาจเป็นไปได้ว่านายอภิสิทธิ์ไม่แสดงรายการบัญชีทรัพย์สินรถยนต์คันดังกล่าว หรืออาจถือได้ว่านายอภิสิทธิ์ จงใจแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินฯอันเป็นเท็จต่อป.ป.ช. เมื่อตนยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังอธิบดีกรมการขนส่งทางบกแล้ว หากมีหลักฐานเพิ่มเติมชัดเจนมากขึ้นกว่านี้ จะนำมายื่นร้องเรียนต่อป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ต่อไป

เมียกรณ์ยันแจ้งแล้วกระเป๋า1.4ล.

วันเดียวกัน นางวรกร จาติกวณิช ภริยานายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวถึงกระแสข่าวแจ้งรายการบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.ไม่ครบ โดยเฉพาะกระเป๋ายี่ห้อแอร์เมสจำนวน 2 ใบๆละ 1.4 ล้านว่า ทำไมจะไม่แจ้ง มิเช่นนั้นข่าวจะออกมาได้อย่างไรว่ามีกระเป๋าดังกล่าว แต่ไม่ได้มี 2 ใบอย่างที่กล่าวหา ตนมีเพียงใบเดียวเท่านั้น โดยสามีเป็นผู้ซื้อให้ ถ้าคนอื่นเห็นว่ามีหลายใบ ขอเรียนว่าไม่ใช่ของตน อาจเป็นของคุณแม่ ถ้าวันใดแม่ตนยกให้จะรีบไปแจ้งต่อป.ป.ช. เรื่องนี้สามารถไปตรวจสอบที่ป.ป.ช.ได้ ยืนยันว่าการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน ตนปฏิบัติตามกฎหมายป.ป.ช.ทุกประการ ทรัพย์สินใดที่ราคาเกิน 2 แสนบาทจะแจ้งทุกชิ้น มีรูปถ่ายเป็นหลักฐานแสดงไปด้วย แต่บางครั้งข่าวก็มั่ว สินค้ายี่ห้อนี้บางชิ้น เช่น รองเท้า กางเกง ราคาต่อชิ้นไม่ถึง 2 แสน ไม่มีความจำเป็นต้องแจ้ง แต่กลับไปเสนอข่าวว่าตนจงใจปกปิดข้อมูล แย่มากๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเลยกลายเป็นว่าคนแจ้งมีปัญหา แต่คนไม่แจ้งกลับถือครองได้สบาย ที่ผ่านมาภรรยารัฐมนตรีหลายคนใช้กระเป๋ายี่ห้อนี้ เช่น คุณหญิงพจมาน ชินวัตร อดีตภรรยาพ.ต.ท.ทักษิณก็สะพายจนโดนโจรฉกในห้างสรรพสินค้ามาแล้ว ถามว่าเคยแจ้งต่อป.ป.ช.เหมือนตนบ้างหรือเปล่า

"เป็นเรื่องตลกสิ้นดี ไม่มีอะไรจะทำกันแล้วหรือถึงต้องเพ่งเล็งมาที่ดิฉันด้วย แต่คงห้ามปากเขาไม่ได้ การเมืองวันนี้แม้จะมีความพยายามดิสเครดิตคุณกรณ์ แต่จะไม่ทำให้ดิฉันและสามีท้อแท้เด็ดขาด เพราะเชื่อมั่นว่าเราทำในสิ่งถูกต้อง ปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง" นางวรกรกล่าว

"เทพไท"จี้3หน่วยงานตามจับ"แม้ว"

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงส.ส. พรรคเพื่อไทยจะไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เกาะฮ่องกงว่า ประเทศจีนมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนมายังประเทศไทย จึงเป็นหน้าที่ของ 3 หน่วยงาน คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องประสานอัยการสูงสุด(อสส.) และกระทรวงการต่างประเทศ แต่จากการสอบถามสตช.พบว่ายังไม่มีการขอตัวพ.ต.ท. ทักษิณ กลับประเทศไทยเลย และขอเรียกร้องพ.ต.ท. ทักษิณ ว่าขอให้ยุติการอยู่เบื้องหลังของกลุ่มที่เคลื่อน ไหว หากกลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนไหวในช่วงนี้ จะสร้างความเสียหายต่อประเทศโดยเฉพาะการประชุมอาเซียนซัมมิต ที่สื่อต่างชาติจะเดินทางมาไทยจำนวนมากเพื่อรายงานความเคลื่อนไหว กระจายข่าวไปทั่วโลก

นายเทพไทกล่าวถึงร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระบุร่วมกินข้าวกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์โดยเสนอพร้อมเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเพราะไม่พอใจพรรคร่วมรัฐบาลว่า จากการสอบถามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เลขาธิการพรรค และแกนนำพรรคหลายคน รวมถึงสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ต่างปฏิเสธไม่เคยร่วมรับประทานอาหารกับร.ต.ท.เชาวริน จึงถือเป็นการกุข่าวให้เกิดความแตกแยกในพรรคร่วม เป็นกระบวนการที่ร.ต.ท.เชาวรินถนัด ตั้งแต่การสร้างตำนานขุดทองที่ถ้ำลิเจีย หลอกคนทั้งประเทศ ซึ่งไม่มีใครเชื่อ มีแต่พ.ต.ท.ทักษิณที่เชื่อถึงขนาดจะเอาดาวเทียมไปสำรวจดูการกระทำของร.ต.ท.เชาวรินเป็นการสร้างละครหลอกพ.ต.ท.ทักษินอีกครั้งหนึ่ง

"ยืนยันว่าประชาธิปัตย์กับพรรคร่วมรัฐบาลมีความเหนี่ยวแน่น มีความสุขในรัฐบาล ทำงานร่วมกันเป็นทีม ไม่มีวี่แววความแตกแยก ดังนั้น การสร้างข่าวของ ร.ต.ท.เชาวรินจึงเป็นเพียงฝันกลางวันของคนสติเฟื่อง" นายเทพไทกล่าว

เผย"มาร์ค"เตรียมชี้แจงซุกรถเอง

นายเทพไทกล่าวว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากฝ่ายค้านพาดพิงบุคคลอื่นให้เกิดความเสียหาย อาจถูกบุคคลภายนอกฟ้องร้องได้ แต่ถ้าพาดพิงรัฐมนตรีและส.ส.ในสภา ไม่ว่าเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องอะไรก็ตาม เชื่อว่าทุกคนจะชี้แจงได้ ทั้งนี้ พรรคจะไม่ตั้งทีมงานรวบรวมข้อมูลของฝ่ายค้าน เพื่อแฉกลับฝ่ายค้านกลางสภา ส่วนที่ระบุว่าการอภิปรายครั้งนี้จะน็อกรัฐ บาลได้ทันทีนั้น ขอให้ฝ่ายค้านไปสร้างเอกภาพและหาตัวผู้อภิปรายใน 5 ประเด็นให้ได้ก่อน

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตถึงนายสุเทพแจ้งบัญชีทรัพย์สิน โดยระบุสถานะเป็นม่าย ขณะที่มีภรรยาอยู่ จึงเกรงว่าจะเป็นช่องทางปกปิดบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่าการแจ้งสถานะทางสังคมถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่หากเกรงว่าจะมีการถ่ายเททรัพย์สินก็ใช้กระบวนการของป.ป.ช.ตรวจสอบได้อยู่แล้ว

นายเทพไทยังกล่าวถึงพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่น ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบทรัพย์สินนายอภิสิทธิ์ว่า ไม่มีปัญหาอะไร นายกฯเป็นคนรอบคอบ น่าจะแสดงบัญชีทรัพย์สินครบถ้วน อีกทั้งตั้งแต่นายอภิสิทธิ์เล่นการ เมืองมา เป็นส.ส.ธรรมดาจนถึงมีตำแหน่งนายกฯก็ผ่านการแสดงบัญชีทรัพย์สินมาโดยตลอด จึงคิดว่าไม่น่ามีปัญหา ตนโทรศัพท์พูดคุยประเด็นนี้กับนายกฯแล้ว นายกฯระบุว่าหลังจากกลับจากประเทศอินโดนีเซียจะขอชี้แจงประเด็นนี้ด้วยตัวเอง

"มาร์ค"ได้ช่องทางปฏิรูปการเมือง

เวลา 07.10 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนไปเยือนประเทศอินโดนีเซีย ถึงความคืบหน้าการปฏิรูปการเมืองว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ได้คุยกับนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน และนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ถึงการปฏิรูปการเมืองซึ่งมีความคืบหน้า รัฐบาลจะทำหนังสือถึงสถาบันพระปกเกล้า เพื่อให้สภา สถาบันพระปกเกล้าเป็นแกนปฏิรูปการเมือง ให้พิจารณาว่าจะทำงานนี้ได้หรือไม่ ถ้าทำแล้วจะทำในรูปแบบใด ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ รวมถึงมีประเด็นใดบ้างที่คิดว่าครอบคลุม ซึ่งประธานวิปฝ่ายค้านเห็นว่าน่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสม จึงถือว่ามีความคืบหน้า ซึ่งการปฏิรูปการเมืองจะช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ดีขึ้นในฝ่ายต่างๆ

เมื่อถามว่าพ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะไม่มีการเสนอเข้ามาแล้วใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่าตนคุยกับฝ่ายค้านว่าให้ใช้ช่องทางนี้นำเสนอความคิดต่างๆ ถ้าสภา สถาบันพระปกเกล้าฯ รับเป็นแกนนำดำเนินการ จะต้องเชิญฝ่ายต่างๆเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าได้บอกในระหว่างการหารือ ว่าถ้าจะทำก็ต้องให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านคงไปพูดคุยกันภายใน ถ้าเห็นว่าแนว ทางนี้เหมาะสมเรื่องนี้จะเป็นหลักแก้ปัญหาขัดแย้งทางการเมืองได้

ต่อข้อถามว่าฝ่ายค้านให้ความมั่นใจหรือไม่ว่าจะไปเคลียร์กันได้ นายกฯกล่าวว่าต้องรอการประชุมของสภาสถาบันพระปกเกล้าก่อน เพราะประธานและเลขาธิการของสถาบันบอกว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับคณะกรรมการว่าพร้อมจะทำงานนี้หรือไม่ ถ้าพร้อมก็จะทำข้อเสนอมา ตนจะเชิญฝ่ายค้านมาคุยอีกครั้งหนึ่งว่าข้อเสนอดังกล่าวดีที่สุดหรือยัง ถ้าคิดว่าต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงค่อยมาว่ากันอีกครั้ง

รองปธ.วุฒิฯมั่นใจประชาชนตอบรับ

เมื่อถามว่าถ้าตกลงกันได้จะทำเป็นประกาศหรือสัญญาร่วมกันระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้านในการเดินหน้าปฏิรูปการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าตกลงทุกอย่างกันได้คงไม่ต้องทำอะไร การพูดจาต่อสาธารณะแล้วน่าจะเพียงพอ ไม่น่ามีปัญหา เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ส่วนที่ฝ่ายวิชาการศึกษาเรื่องเดียวกันในรูปของการปฏิรูปประเทศไทยนั้น ตนก็ติดตามอยู่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสถาบันพระปกเกล้าจะพิจารณาว่าประเด็นมีความครอบคลุมมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าทำหลายเรื่องมากและใช้เวลานานเกินไปอาจเป็นอุปสรรคที่จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ส่วนจะใช้เวลาเท่าไหร่ได้ขอให้ไปพิจารณากันเอง ตนจะไม่เข้าไปชี้นำใดๆ ต้องการให้เรื่องนี้เป็นเรื่องขององค์กรที่มีความเป็นกลางจริงๆ โดยเชิญทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม และต้องทำให้สำเร็จในรัฐบาลชุดนี้

นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 กล่าวถึงนายกฯจะให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นตัว กลางปฏิรูปการเมืองว่า ก่อนหน้านี้มีการประชุมร่วม 4 ฝ่ายเพื่อผลักดันให้สภาพัฒนาการเมืองเป็นตัวกลาง แต่ได้รับการปฏิเสธ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แล้ว ไปให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นตัวกลางแทน เชื่อว่าคงได้รับการยอมรับ ขึ้นอยู่กับทุกฝ่ายจะต้องเปิดใจยอม รับ อยู่ที่เหตุและผล หากใช้องค์กรที่ไม่มีส่วนได้เสียมาเป็นตัวกลางแล้วยังไม่ได้รับการยอมรับ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่เชื่อว่าการมอบหมายให้สถาบันพระปก เกล้าน่าจะเป็นไปได้ แต่ทุกฝ่ายต้องเปิดใจให้กว้าง หาก ทั้งกลุ่มพันธมิตรหรือกลุ่มนปช.ให้การยอมรับก็น่าจะดี

"ชัย"เตรียมถกบอร์ดพระปกเกล้า

เวลา 14.30 น. ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงนายกฯระบุให้สถาบันพระปกเกล้า เป็นตัวกลางปฏิรูปการเมืองว่า ยังไม่เห็นเรื่อง ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการสถาบันพระปกเกล้า หากรัฐบาลส่งเรื่องไปยังสถาบันพระปกเกล้าแล้ว ตนจะนำเข้าที่ประชุมบอร์ด ในวันที่ 9 มี.ค. ว่าจะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ หากรับก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งในบอร์ดนี้ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากด้านต่างๆจำนวนมาก ทั้งอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อดีตผู้ร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 อดีตนายทหาร อดีตนักการเมือง และนักวิชาการที่ได้รับการยอมรับในสังคม และมีทั้งเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดงรวมอยู่ด้วย หากทุกฝ่ายมีมติอย่างไรจะนำไปพิจารณาร่วมกัน เพราะทำเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง รวมถึงสื่อถ้าช่วยก็ไปรอด

ประธานสภากล่าวว่า การปฏิรูปการเมืองที่จะเกิดขึ้น จะพิจารณาครอบคลุมทั้งหมด ไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่วันนี้โพลระบุว่าประชาชนร้อยละ 49 เห็นว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งรอให้ถึงร้อยละ 51 ก็แก้ไขได้ ซึ่งถ้าแก้ต้องดูทั้งฉบับ ดูถึงฐานรากของปัญหา หรือปัญหาความแตกแยกที่เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งจะมีเหมือนกับการประชุมร่วมกัน 4 ฝ่ายที่รัฐสภาเคยดำเนินการไปแล้ว เพราะตอนนั้นมุ่งแก้รัฐธรรมนูญอย่างเดียว สำหรับกรอบระยะเวลาปฏิรูปการเมือง ต้องรอให้บอร์ดประชุมร่วมกันก่อน แต่เรื่องนี้ต้องทำอย่างเร็วที่สุด คงไม่ใช่เวลาเนิ่นนานเป็นปี

เมื่อถามว่าจะเชิญคนนอกที่สังคมยอมรับเข้ามาร่วมปฏิรูปการเมืองด้วยหรือไม่ นายชัยกล่าวว่าต้องเชิญคนเหล่านี้เข้ามา เอาคนที่เป็นกลางจริงๆ มาช่วยกันทำงาน ส่วนผู้ที่จะมาเป็นประธานการปฏิรูปการเมืองครั้งนี้ ตนยังไม่ได้คิด ขอหารือกันก่อน ทำอย่างไรก็ได้ให้บ้านเมืองดีขึ้น และสภาต้องอยู่ เพราะกฎหมายต้องออกมาจากระบบรัฐสภา

พร้อมตัดเกมถ้าอภิปรายเรื่อง"กิ๊ก"

นายชัยกล่าวถึงฝ่ายค้านจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ยังไม่มีใครยื่นมา เห็นแต่ตีกลองกันอยู่ข้างนอกสภาดังตู้มๆ ส่วนปัญหาที่พรรคเพื่อไทยยังไม่มีผู้นำฝ่ายค้านจะทำให้การยื่นญัตติอภิปรายมีปัญหาหรือไม่นั้น ประธานสภากล่าวว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามไว้ ถือเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.สามารถยื่นได้

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านระบุว่าจะอภิปรายเรื่องส่วนตัวของรัฐมนตรีบางคนด้วย นายชัยกล่าวว่า ถ้ามีการอภิปรายในเรื่องที่นอกเหนือจากญัตติอภิปราย ประธาน สภามีหน้าที่สั่งระงับการประชุม หรือไม่ให้อภิปรายในเรื่องนั้น เพราะทำผิดข้อบังคับที่ประธานมีหน้าที่ขอร้องได้

เมื่อถามว่าหากอภิปรายเรื่องส.ส.รัฐบาลหรือรัฐ มนตรีมี"กิ๊ก"จะทำอย่างไร นายชัยกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า "แสดงว่าเขามีความสามารถ ความจริงต้องยกย่องเขา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อยู่ที่จริยธรรมของผู้อภิปราย และเป็นเรื่องจริยธรรมของผู้ที่ถูกกล่าวหา" เมื่อถามว่าประธานมีกิ๊กบ้างหรือไม่ นายชัยหัวเราะก่อนกล่าวว่า "จะไปมีกิ๊กที่ไหน ผมเป็นคนรักเดียวใจเดียว มีแต่ลูกๆหลานๆ"

นายชัยกล่าวว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 25 ก.พ. ตนจะนำร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ที่เสนอเข้ามาใหม่ทั้ง 5 ฉบับ ซึ่งนายกฯลงนามรับรองแล้วมาพิจารณา ซึ่งจะตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภา พิจารณา 3 วาระรวด โดยตนได้พูดคุยกับวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านแล้ว ทั้งนี้ไม่ได้เร่งพิจารณา เพราะต้องทำให้ทันการจ่ายเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุในเดือนเม.ย. ยืนยันเป็นการพิจารณาเพื่อประโยชน์ในอนาคต

"บุญจง"ยันภูมิใจไทยยังปึ้กปชป.

เวลา 09.30 น. ที่จ.นครราชสีมา นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงร.ต.ท.เชาวริน ระบุพรรคประชาธิปัตย์เริ่มอึดอัดในการทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยว่า ประเด็น นี้ต้องถามร.ต.ท.เชาวริน แต่ตนยืนยันว่าวันนี้รัฐบาลซึ่งเป็นรัฐบาลผสมยังคงร่วมมือกันทำงานเป็นอย่างดี มีเป้าหมายช่วยกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ความเดือนร้อนของประชาชน ไม่มีความขัดแย้งใดๆ ไม่มีการระแวงซึ่งกันและกัน เพราะตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคตั้งใจช่วยกันทำงาน และมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

นายบุญจงกล่าวถึงฝ่ายค้านนำวิดีโอบันทึกภาพกล่าวหาซื้อเสียง ตั้งกระทู้ในสภาว่า ในเรื่องนี้ไม่กังวล หรือวิตกใดๆ สิ่งนี้เป็นกระบวนการตรวจสอบตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อมีการตั้งคำถามมาต้องตอบกลับไป เป็นเรื่องธรรมชาติในระบบของสภา

ภูมิใจไทยใช้อำเภอรับสมัครสมาชิก

เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ว่าการอำเภอวังสามหมอ จ.อุดรธานี นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย พร้อมนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรมปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ และเปิดที่ว่าการอำเภอวังสามหมอหลังใหม่ โดยมีนักการเมืองในพื้นที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ นายธีระชัย แสนแก้ว อดีตรมช.เกษตรฯ นายอุทัย แสนแก้ว ที่ปรึกษารมว. คมนาคม นายเชิดชัย วิเชียรวรรณ ส.ส.อุดรธานี พรรคภูมิไทย นายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ นายวิเชียร ขาวขำ นายอนันต์ ศรีพันธ์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย นอก จากนี้ยังมีนายขวัญชัย ไพรพนา มาร่วมงานด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในบริเวณที่ว่าการอำเภอ ได้จัดเป็นศูนย์บริการประชาชน อาทิ ทำบัตรประจำตัวประชาชน จัดคลินิกเกษตร แจกพันธุ์ไม้ นอกจากนี้ยังมีซุ้มรับสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งใครที่สมัครสมาชิกจะได้รับเสื้อยืดสีน้ำเงิน เขียนว่าพรรคภูมิใจไทยคนละ 1 ตัว

นายชวรัตน์กล่าวถึงการรับสมัครสมาชิกพรรคว่า ตนไม่ทราบว่ามีการดำเนินการเช่นนี้เกิดขึ้น ซึ่งเห็นว่าไม่สมควร และไม่เห็นด้วยที่จะรับสมัครสมาชิกพรรคในที่ว่าการอำเภอ เพราะเป็นงานของกระทรวงมหาด ไทย ไม่ใช่งานของพรรค แต่เมื่อทราบเช่นนี้จะสั่งให้ยุติการรับสมัคร และให้ถือว่าใบสมัครเหล่านั้นเป็นโมฆะไป ต่อไปจะเน้นย้ำว่าไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก

ผู้สื่อข่าวถามถึงส.ส.พรรคเพื่อไทยจะเดินทางไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ฮ่องกง นายชวรัตน์กล่าวว่าคงเป็นเรื่องของความคิดถึงนายเก่า แต่คงไม่ใช่จะไปรับนโยบายเคลื่อนไหวอะไร เพราะยุคนี้ส่งอีเมล์สั่งการก็ได้ ง่ายนิดเดียว

อีโต้-น้องชายโผซบก๊วนเนวินแล้ว

ด้านนายธีระชัยกล่าวถึงการรับสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยในที่ว่าการอำเภอว่า เป็นเรื่องที่ดำเนินการในพื้นที่ เพราะนายชวรัตน์ได้ให้นโยบายตั้งแต่ประชุมพรรควันที่ 14 ก.พ. ว่าให้ส.ส.ในแต่ละพื้นที่หาสมาชิกพรรค เพราะเมื่อพรรคถูกยุบ ตั้งพรรคใหม่แล้วต้องหาสมาชิก เป็นเรื่องปกติ และการรับสมัครก็ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย ทุกพรรคทำได้ และคิดว่าไม่เป็นประเด็นเรื่องการเมืองที่ฝ่ายค้านจะนำไปขยายความ เพราะทุกพรรคต้องหาสมาชิก และวันนี้ส.ส.เพื่อไทยก็มาร่วมงานด้วย ไม่ได้มีปัญหา

นายธีระชัยกล่าวว่าวันนี้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่ถ้าครบ 5 ปีหรือมีนิรโทษกรรมจะกลับมาอีกครั้ง และที่ไปสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้หมายความว่าจะทรยศพรรคไทยรักไทย เพราะนโยบายของพรรคภูมิใจไทยเอามาจากพรรคไทยรักไทยทั้งนั้น แต่เมื่อพรรคถูกยุบ แต่ละคนต้องไปสังกัดพรรคกันใหม่ ถ้าประชาชนเลือกก็ได้เป็นส.ส. ถ้าไม่เลือกก็ไม่ได้เป็น

ด้านนายอุทัยกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ร่วมต่อสู้เพื่อแก้ ไขรัฐธรรมนูญโจร แต่สุดท้ายก็สู้ไม่ได้ เราถูกรังแกมาตลอด ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชา ชน จึงต้องเปลี่ยนทิศทางสู้ เพราะสู้แบบเดิมก็มีแต่แพ้ ตนจึงต้องมาใส่เสื้อสีน้ำเงิน แต่หัวใจยังเป็นสีแดง

พท.ลุยยื่นศาลฎีกาเอาผิด"มาร์ค"

เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงกกต.ยกคำร้องกรณีกล่าวหานายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์ ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ว่า แม้กกต.จะยกคำร้องแต่ตนจะไม่ยุติการดำเนินการในเรื่องนี้ แต่จะยื่นเรื่องนี้ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป เพราะเรื่องนี้เคยมีการตัดสินคดีไว้แล้วว่าผู้ที่ถูกเพิกถอนทางการเมืองนั้นไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น

นายสุรพงษ์ กล่าวถึงพรรคเพื่อไทยจะยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีและต้องยื่นบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกฯ ว่า ขณะนี้ส.ส.พรรคเพื่อไทยกว่ากึ่งหนึ่ง พร้อมสนับสนุนร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน เป็นนายกฯ แทนนายอภิสิทธิ์ เพราะเท่าที่คุยกันภายในพรรคเห็นตรงกันว่าไม่มีใครเหมาะสมเท่าร.ต.อ.เฉลิม เชื่อว่าข้อมูลที่พรรคมีจะอภิปรายนายอภิสิทธิ์หลุดจากตำแหน่ง แม้ฝ่ายค้านจะแพ้โหวต แต่กระแสสังคมจะกดดันจนทำให้นายอภิสิทธิ์ อยู่ไม่ได้ เพราะนายอภิสิทธิ์เป็นคนหน้าบาง นอกจากนี้ ฝ่ายค้านยังเตรียมข้อมูลเรื่องโครงการทุจริตแอร์พอร์ตลิงก์ในสนามบินสุวรรณภูมิของรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดที่แล้ว และยังมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จากข้อ มูลเบื้องต้นพบว่ามีการทุจริตกันอย่างต่อเนื่อง วันนี้บ้านเมืองเสียหายไปเยอะ เราไม่ลงโทษไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนผิดจะลอยนวล ส่วนที่นายสุธรรม นทีทอง เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ ออกมาเปิดเผยนมโรง เรียนมีการล็อกสเป๊กของ 68 บริษัทนั้น ตนอยากให้เอาความจริงมาพูดกัน และหากมีหลักฐานว่ามีบริษัทใดบ้าง ขอให้นำออกมาเปิดเผย

นายสุรพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป.ป.ช.ตีความกรณีนายอภิสิทธิ์ได้ส่งข้อความทางโทรศัพท์ไปยังประชาชนและให้ตอบกลับมายังเครือข่ายทรูว่า ป.ป.ช.ทำงานล่าช้า ตนจึงทำหนังสือไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาให้พิจารณาว่านายอภิสิทธิ์ ขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลกฎ หมายจริยธรรมทางการเมืองและรัฐธรรมนูญมาตรา 279 หรือไม่ ซึ่งตนได้ร่างหนังสือเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะยื่นได้ในเร็วๆ นี้ หากเปรียบกับคดีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เจ๊แดงนำทีมส.ส.บินไปพบทักษิณ

นายสุรพงษ์ กล่าวถึงนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ จะนำคณะส.ส.พรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบอดีตนายกฯ ที่เกาะฮ่องกงว่า ทราบข่าวว่าจะมีส.ส.บางคนเดินทางไป แต่ตนไม่ได้ไปด้วยจึงไม่ทราบรายละเอียด และยังไม่ได้ติดต่อกับนางเยาวภาเพราะเพิ่งกลับจาก จ.เชียงใหม่ เมื่อถามว่ามีการวิจารณ์พิธีสืบดวงชะตาของอดีตนายกฯ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า พิธีสืบชะตาเป็นเรื่องปกติของชาวเชียงใหม่ เมื่อเห็นว่าผู้ที่เคารพรักป่วยไข้ไม่สบาย เป็นการสืบชะตาต่ออายุ ส่วนที่นำคนทรงเข้าไปร่วมพิธีด้วยถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่ขอให้ความเห็นเพราะไม่มีความเชื่อเรื่องนี้ การนำคนทรงเข้าไปในพิธีด้วยอาจมาจากความหวังดี เป็นห่วงผู้ที่สืบชะตาให้ ถือเป็นการแสดงออกจากความรักความผูกพันที่มีต่อผู้นั้น หากคนที่รักและเคารพป่วย จะทำพิธีสืบชะตาให้ เช่น นายสมัคร สุนทรเวช อย่างไรก็ดี พิธีที่เกิดขึ้นมีผู้ไม่ประสงค์ดีพยายามนำไปผูกโยงในทางที่ไม่สร้างสรรค์

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ต่างประเทศว่า ส.ส.ทุกคนมีเอกสิทธิ์และมีความรักใคร่ชอบพอ ศรัทธาส่วนตัวต่อพ.ต.ท. ทักษิณ ไม่เกี่ยวกับพรรค ดังนั้น มีสิทธิ์ไปเยี่ยมกันได้ ส่วนที่วิจารณ์ว่าไปหาเงินทุนก่อนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น คงไม่ใช่ เท่าที่ตนสัมผัสกับกลุ่มคนเสื้อแดง ต้องยอมรับว่ากลุ่มคนเสื้อแดงมาจากกระบวนการจัดตั้งโดยธรรมชาติของประชาชนที่รวมตัวกันมาเอง เพื่อเรียกร้องสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย ยึดหลักตามรัฐธรรมนูญ ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ

"สาก"ระบุแค่ไปเยี่ยมเยียน-พูดคุย

วันเดียวกัน ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัด ส่วน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า วันเดียวกันนี้ ตนพร้อมส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ฮ่องกงเป็นชุดที่ 2 เพื่อเยี่ยมเยียน เพราะไม่ได้พบกันนาน เท่าที่ทราบพ.ต.ท.ทักษิณบินจากสาธารณรัฐนิการากัวมายังสิงคโปร์ แล้วบินต่อมาถึงฮ่องกงในวันที่ 19 ก.พ. จากนั้นจะเดินทางไปเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เหตุที่ส.ส.รวมตัวกันไปหลายคนเพื่อความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องขอวีซ่า ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณจำเป็นต้องหลบซ่อนตัวไปในหลายๆ ประเทศ เพราะเกรงจะถูกลอบสังหาร ทราบว่าต้องกบดานอยู่ที่นิการากัวก่อนจะเดินทางมาฮ่องกง การนัดพบครั้งนี้จึงไม่สามารถบอกสถาน ที่ให้ทราบได้ อาจมีกลุ่มลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณตามไปทำร้าย ทั้งนี้ส.ส.จะขอหารือถึงการ เตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ไม่ได้คุยเรื่องหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่อย่างที่มีข่าวเพราะไม่มีความจำเป็น

นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่า ส.ส.อีสานที่เตรียมบินไปพบพ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ได้เดินทางไป รอการประสานอยู่ว่าจะให้พบเมื่อไหร่ ส่วนคณะส.ส.ที่บินไปพบช่วงนี้ ตนไม่ทราบเพราะไม่ได้รับการประสาน

ทั้ง"เหลิม-วีระ"นัดไปพร้อมกัน

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเผยว่า คณะส.ส.ของพรรคที่เดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณมี 2 ชุด ชุดแรกนำโดยร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ประธานส.ส. และหัวหน้าทีมอภิปราย พล.ท.มะ โพธิ์งาม ส.ส. กาญจนบุรี พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราช สีมา ฯลฯ คาดว่าจะนำหลักฐานข้อมูลเด็ดในการยื่นอภิปรายครั้งนี้ไปให้พ.ต.ท.ทักษิณดู เพื่อให้ความมั่นใจการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล นอก จากนี้ ยังมีนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำนปช.ร่วมเดินทางไปด้วย สำหรับชุดที่ 2 ส.ส.อีกกลุ่มหนึ่งเดินทางวันที่ 20 ก.พ. เพื่อตามไปสมทบและเข้าพบพ.ต.ท. ทักษิณพร้อมกัน

ประชาคุยมีข้อมูลเด็ดน็อกรัฐบาล

นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมพร้อมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคเตรียมความพร้อมเกือบสมบูรณ์แล้ว ข้อมูลเด็ดกว่ากรณีเงิน 250 ล้านบาทที่เป็นแค่ประตูรั้ว แต่ข้อมูลล่าสุดที่พรรคได้รับจะเป็นทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เป็นการจงใจกระทำความผิด เหมือนไปจับปลาที่เป็นของหลวง เรื่องนี้หากเปิดเผยออกมา ฟันธงว่าจะกระทบต่อสถานภาพของนายอภิสิทธิ์ในฐานะนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์อาจถูกยุบพรรคได้

"หากยกตัวอย่างก็เหมือนกรณีองค์กรหนึ่ง เวลาไปขอรับทุนก็อ้างว่าจะนำเงินไปทำนั้นทำนี้ แต่พอรับเงินมาแล้ว ไม่ได้นำเงินไปทำตามที่บอกไว้ แล้วมีการไปทำเอกสารปลอม ตรงนี้หัวหน้าพรรคจะมาปฏิเสธไม่รู้ไม่ได้ ข้อมูลส่วนหนึ่งก็ได้รับมาจากคนในพรรค ประชาธิปัตย์เอง ตรงนี้ถือเป็นแรงกระเพื่อมในพรรค เป็นเรื่องดี ทำให้การหาข้อมูลของฝ่ายค้านได้ง่ายขึ้น" นายประชากล่าว

กกต.แจงยกคำร้องคดี"มาร์ค-เนวิน"

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกกต.มีมติเสียงข้างมากให้ยกคำร้องคดีนายอภิสิทธิ์ เดินสายพบนายเนวินที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และผู้ถูกเพิกถอนสิทธิที่เป็นอดีตกรรมการบริหารพรรคคนอื่น อาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่า ตามกฎหมายให้ใช้มติเสียงข้างมาก ซึ่งไม่มีปัญหา อนุ กรรมการสอบสวนแล้วเห็นว่าไม่มีการกระทำที่ถือ ว่าขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 ห้ามผู้ถูกเพิกถอนสิทธิใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งหรือกรรมการบริหารพรรคที่พรรคถูกยุบห้ามเป็นหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคที่จัดตั้งขึ้น ซึ่งกรณีดังกล่าวพบว่าไม่เข้าข่ายขัดกฎหมาย

นายประพันธ์ กล่าวว่า ในสมัยที่ยกร่างพ.ร.บ. พรรคการเมือง ในร่างแรกเขียนยกร่างไว้ว่า ห้ามกรรม การบริหารพรรคของพรรคที่ถูกยุบดำเนินกิจกรรมการทางการเมือง ตอนแรกเขียนแบบนี้ ถ้ามีถ้อยคำนี้จะเข้าข่ายความผิด แต่ปรากฏว่ามีการพิจารณาแล้วว่าจะขัดรัฐธรรมนูญ จึงตัดถ้อยคำนี้ออก ทำให้ไม่มีคำนี้อยู่ ส่งผลให้กรณีนี้ไม่ครอบคลุมถึงในข้อกฎหมาย ส่วนที่ตนต้องการให้สอบเพิ่มนั้น เนื่องจากเห็นว่ามีบางส่วนควรสอบสวนให้ครบถ้วน

"คำวินิจฉัยของกกต.ครั้งนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้อดีตกรรมการบริหารพรรคที่ถูกเพิกถอนสิทธิไปดำเนินการทางการเมือง เรื่องนี้ไม่มีเสียงแตกในที่ประชุม เพราะที่มีเสียงให้สอบเพิ่มอีกนั้น เพียงแค่พยานบุคคล ยืนยันว่าไม่มีปัญหา เนื่องจากใช้มติเสียงข้างมาก ซึ่งความจริงต้องการให้สอบเพิ่มก็ไม่ได้เป็นไปในทางใดทางหนึ่ง เพียงแค่ต้องการให้ไปดูข้อเท็จจริงเพิ่ม ไม่ได้มีปัญหา ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว" นายประพันธ์กล่าวและว่ากกต.ไม่อุ้มใครและช่วยใคร เราพิจารณาตามหลักฐานและข้อกฎหมายทั้งหมด

ด้านนายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า อนุกรรมการไต่สวนที่สอบสวนเรื่องดังกล่าว พบว่าไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการพูดคุยในเชิงการเป็นกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ มีเพียงแค่ภาพถ่ายและข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เท่านั้น ยืนยันว่า 5 กกต.ไม่ได้ไปอุ้มใครทั้งสิ้น และกกต. 3 เสียงที่เห็นควรยุติเรื่องก็เสนอว่า ได้สอบเรื่องดังกล่าวน่าจะเพียงพอแล้ว จะให้ไปสอบเพิ่มเติมอีกได้อย่างไร

"อภิชาต"ระบุว่าไปตามข้อกฎหมาย

ที่ จ.เชียงใหม่ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวในงานสัมมนากกต.จังหวัดภาคเหนือ ตอนหนึ่งถึงกรณีดังกล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ไปห้ามทุกอย่าง ซึ่งต้องทำตามถ้อยคำในกฎ หมาย เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสั่งแค่เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถไปเลือกตั้งหรือลงเลือกตั้งได้ เราจึงต้องไม่มองให้เกิดผลร้ายเกินไป ไม่ใช่ตีความให้เสียสิทธิเสรีภาพในความเป็นประชาชน

นายอภิชาต กล่าวภายหลังว่า การที่กกต.มีมติให้ยกคำร้องกรณีดังกล่าว เนื่องจากไม่สามารถไปจำกัดอะไรได้ คนที่คิดถึงไปหากัน ไม่ใช่เรื่องต้องไปห้าม ขอแค่ทำให้อยู่ในกรอบกฎหมายเป็นใช้ได้ ไม่เคยคิดว่าต้องไปจำกัดคนไม่ให้มีเสรีภาพ เนื่องจากการแสดงออกทางการพูด เป็นการแสดงความเห็นที่ทำได้ อีกทั้งคำวินิจฉัยของศาลเพียงแค่เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น แต่เรื่องชีวิตประจำวัน การที่ใครจะไปพบใครเพื่อจัดรัฐบาลนั้น กกต.วินิจิฉัยว่า การกระทำดังกล่าวไม่ได้ชัดเจนว่าจะเป็นการช่วยเหลืออะไร

"การตัดสินของกกต.ที่มองว่าจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปนั้น ผมคิดว่าอะไรที่อยู่กลางๆก็ใช้ได้ อะไรที่กฎหมายไม่ห้ามก็ทำได้ แต่หากห้ามก็ทำไม่ได้ อาทิ การที่ผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไปตั้งพรรคใหม่ หากต้องการเอาผิดกรณีนี้ได้ จะต้องแก้กฎหมายให้รัดกุมกว่านี้ จึงจะทำได้ อีกทั้งตราบใดที่ให้ผมไปทำเรื่องที่ไม่มีกฎหมายรองรับ ผมยืนยันว่าจะไม่ทำ เพราะอาจติดคุกได้" นายอภิชาตกล่าว

"สดศรี"ย้ำพร้อมสอบเงิน 250 ล.

ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรค การเมือง กล่าวถึงเงินบริจาค 250 ล้านบาทให้พรรคประชาธิปัตย์ว่า ข้อมูลของกกต.พบว่า ตั้งแต่ปี 2541-50 กองทุนพัฒนาพรรคการเมืองได้สนับสนุนเงินให้กับพรรคประชาธิปัตย์ 800 กว่าล้านบาท ซึ่งปี 2548 ที่เป็นปัญหาขณะนี้ กกต.ให้เงินสนับสนุนไป 38 ล้านบาท โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงรายการใช้จ่ายอย่างถูกต้องเข้ามา ทั้งนี้ หากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เห็นว่ากรณีดังกล่าวมีปัญหา ต้องการให้กกต. ตรวจสอบตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองก็ยื่นเรื่องมาให้กกต.ตรวจสอบได้ เนื่องจากในช่วงปี 2548 การตรวจสอบงบการเงินของพรรคการเมือง กกต.ยังให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ แต่ขณะนี้พ.ร.บ.พรรคการเมืองกำหนดให้ 4 หน่วยงานประกอบด้วย กรมสรรพากร สตง. กรมบัญชีกลาง ปปง. เข้ามาช่วยตรวจสอบแล้ว

นางสดศรี กล่าวว่า ส่วนข้อมูลว่ามีการโอนเงินให้กับบุคคลใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ หากยื่นเรื่องมาให้กกต.ตรวจสอบ คิดว่าตรวจสอบได้ เนื่องจากตามกฎ หมายกำหนดให้กกต.มีหน้าที่ตรวจสอบทั้งงบดุลและงบการเงิน ซึ่งต้องดูว่าเงินดังกล่าวโอนมาจากใครและถูกใช้ทำเรื่องอะไร อาทิ ถ้าหากใช้เรื่องเลือกตั้ง ต้องดูว่าที่กกต.กำหนดวงเงินค่าใช้จ่ายให้กับส.ส.นั้น เงินที่อ้างว่ามีการโอนมานั้น นำไปสมทบเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งให้กับส.ส และมีการแสดงบัญชีค่าใช้จ่ายต่อกกต.หรือไม่

รับเห็นหลักฐานเช็คจ่ายเมซไซอะ

"ถ้ามีการร้องเรียนเข้ามาว่าบริษัทเมซไซอะฯเป็นบริษัทเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาเพื่อผ่านเงินให้กับประชาธิปัตย์ ไม่ได้รับงานประชาสัมพันธ์จริง คงต้องตั้งอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ เท่าที่ทราบบริษัทนี้ได้ปิดตัวไปแล้ว แต่ขณะนี้ที่กกต.มีข้อมูลคือพรรคประชาธิปัตย์ได้ใช้เงินกองทุนเมื่อปี 2548 ไปจ้างบริษัทเมซไซอะฯ ทำประชาสัมพันธ์ ซึ่งต้องดูเหมือนกันว่ามีการใช้เงินนั้นไปทำประชาสัมพันธ์จริงหรือไม่ เพราะจากข้อ มูลที่กกต.ให้กับดีเอสไอไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสำเนาเช็คของพรรคประชาธิปัตย์สั่งจ่ายให้บริษัทเมซไซอะฯ แต่ยังไม่เห็นสัญญาว่าจ้าง โดยดีเอสไอเองสามารถนำหลักฐานมายื่นให้กกต.ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวได้ "นางสดศรีกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยอ้างว่ามีสำเนาแฟกซ์เป็นหลักฐานการโอนเงินให้บุคคลใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ส่งไปยังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นางสดศรี กล่าวว่า กกต.ต้องขอหลักฐานไปยังพรรคเพื่อไทยตามที่อ้าง แต่จากที่กกต.ตรวจสอบการแสดงบัญชีการเงินอย่างเปิดเผยของพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่พบความผิดปกติ

รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีดังกล่าวหากการตรวจสอบแล้วพบหลักฐานที่โยงให้เห็นว่าเงินบริษัทเมซไซอะโอนไปยังบุคคลใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ ถูกนำไปใช้สู้ศึกเลือกตั้งและพิสูจน์ได้ว่าเงินที่พรรคใช้จ่ายในการเลือกตั้งนั้นเกินกว่าที่กกต.กำหนด อาจทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาว่ากระทำการให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ประกอบมาตรา 94,95, 96 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง เป็นเหตุให้ถูกยุบพรรคได้

เพื่อไทยปูดชื่อ"ศ.-ณ.-ด."กิ๊กรมต.

เย็นวันเดียวกัน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเปิดรายชื่อกิ๊กรัฐมนตรีว่า เหตุที่ต้องออกมาเปิดเผยข้อมูลรัฐมนตรีที่มีเรื่องชู้สาวทั้งที่ความจริงไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องส่วนตัว แต่เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเรื่องผลประโยชน์ของรัฐมนตรีที่อาจไม่ชอบธรรม เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้มีรัฐมนตรีที่ปกปิดและนำทรัพย์สินไปซุกไว้กับกิ๊กหรือคนใกล้ชิดจำนวนมาก สัปดาห์หน้าตนอาจเปิดชื่อรัฐมนตรีที่มีกิ๊ก 4-5 คน เบื้องต้นอักษรย่อของกิ๊กรัฐมนตรีได้แก่ ศ. ณ. ด.

เวลา 17.30 น. พรรคเพื่อไทยจัดงานผู้บริหารพบสื่อมวลชนครั้งแรก ผู้เข้าร่วมประกอบด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค นางสุนีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิ การพรรค นายกมล บันไดเพชร นายทะเบียนพรรค ส่วนส.ส.ได้แก่ นางฐิติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีแกนนำคนสำคัญและเครือญาติตระกูลชินวัตรเข้าร่วม เนื่องจากแกนนำและส.ส.จำนวนหนึ่งเดินทางไปพบพ.ต.ท. ทักษิณที่ฮ่องกง



"มาร์ค"เยือนชวา-ย้ำรบ.เร่งสมานฉันท์

เมื่อเวลา 07.10 น. วันที่ 20 ก.พ. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการว่า จะหารือเรื่องการประชุมอาเซียนซัมมิต เรื่องเศรษฐกิจโดยเฉพาะประมง รวมถึงปัญหาชายแดนภาคใต้ที่เราต้องการให้อินโดนีเซียช่วยทำความเข้าใจกับกลุ่มประเทศมุสลิม ซึ่งอินโดนีเซียได้ช่วยเรามาตลอด ส่วนเรื่องผู้อพยพชาวโรฮิงยา ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้ไปคุยแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อถามว่าอินโดนีเซียเห็นด้วยหรือไม่ที่จะนำเรื่องผู้อพยพชาวโรฮิงยาไปคุยในการประชุมอาเซียนซัมมิต นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทั้งอาเซียนและกระบวนการบาหลีที่ทำเรื่องปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งเขาเห็นด้วย

ต่อมาเวลา 11.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น นายอภิสิทธิ์ และคณะประกอบด้วยนายกษิตย์ ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เวลา 13.00 น. นายกฯได้พบปะกับทีมประเทศไทยในอินโดนีเซีย ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท กรุงจาการ์ตา ซึ่งเป็นโรงแรมที่พัก โดยนายกฯกล่าวให้นโยบายตอนหนึ่งว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลดำเนินการเพื่อแก้ปัญหา นำพาประเทศกลับสู่ภาวะสงบและปกติ ซึ่งผลเป็นที่น่าพอใจ สภาวะต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีมากขึ้น

นายกฯ กล่าวว่า การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน จะยิ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติแล้ว อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะเดินหน้าสร้างความสมานฉันท์ต่อไป เช่น การปฏิรูปการเมืองซึ่งคืบหน้าไปมาก และอีกไม่นานนี้ จะมีการแถลงถึงความคืบหน้าคดีต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ ภารกิจที่สำคัญอีกด้านหนึ่งคือการแก้ปัญหาและการรับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ และยอมรับว่าต้องทบทวนตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น พยายามให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด

จากนั้นเวลา 14.00 น. นายกฯและคณะเดินทางไปยังทำเนียบประธานาธิบดี เพื่อร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ และตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ต่อมาเวลา 14.00 น. นายกฯเข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีอินโดนีเซีย และหารือข้อราชการเต็มคณะร่วมกัน และเวลา 19.00 น. ประธานาธิบดีอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบประธานาธิบดี