รอดไม่รอด
มีคำถามมากพอสมควรว่ารัฐบาลชุดนี้จะไปรอดไหม...คงไม่มีใครตอบได้ แต่มันขึ้นอยู่กับนายกฯและคณะรัฐมนตรีว่าจะสามารถบริหารประเทศให้ราบรื่นมีผลงานปรากฏจนได้ รับการยอมรับจากประชาชนในฐานะเจ้าของประเทศ
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ของประเทศในความเป็นจริงนั้นมีปัญหาใหญ่ๆอยู่ 2 เรื่องคือเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งไม่ใช่ว่าจะแก้ได้ง่ายๆ เศรษฐกิจนั้นเนื่องจากเป็นปัญหาที่เกี่ยวพันกับเศรษฐกิจโลก ดังนั้นจึงต้องมีความสัมพันธ์อย่างแยกไม่ออก
นอกจากจะแก้ปัญหาภายในด้วยมาตรการกระตุ้นต่างๆ เพื่อฟื้นฟูแล้วยังต้องตั้งรับจากผลกระทบจากภายนอกอีกด้วย เพราะประเทศไทยมีรายได้จากการส่งออกเป็นหลักโดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่กำลังเกิดปัญหา
เหนืออื่นใด ประเด็นสำคัญก็คือเรื่องความเชื่อมั่นที่มีผลต่อเนื่อง มาจากการเมือง ซึ่งรัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขและแสดงให้นักลงทุนต่างชาติยอมรับว่าเมืองไทยไม่มีปัญหานี้แล้วทุกอย่างอยู่ในสภาวะปกติ แต่ในความเป็นจริงยังมิอาจดำเนินการได้สำเร็จ
นี่คือปมปัญหาของประเทศนี้
อย่างไรก็ดี ปัญหาการเมืองทุกวันนี้ยังอยู่ในจุดเดิม แม้ในรูปแบบการเมืองจะมีฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายค้านไม่ได้ต่อสู้เพื่อบ้านเมืองกลับไปสู่ในจุดเดิมคือคนเพียงคนเดียวที่พยายามดิ้นรนทุกวิถีทาง
พรรคเพื่อไทยมีความเคลื่อนไหวสอดรับกับกลุ่มเสื้อแดง โดยมีอดีตนายกฯที่ต้องหนีคดีอยู่ต่างประเทศคอยกดปุ่ม กำหนดทิศทางอยู่ตลอดเวลา
คำถามว่า รัฐบาลนี้จะไปรอดหรือไม่ คำตอบมันก็เลยวนกลับมาอยู่ตรงนี้ ทั้งๆที่โดยรวมแล้วคนส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลบริหารประเทศไปได้เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะหากรัฐบาลอยู่ได้ยาวปัญหาการเมืองก็น่าจะเบาบางลง เศรษฐกิจของประเทศก็จะดีขึ้นเมื่อมีความเชื่อมั่นเกิดขึ้น ทุกอย่างก็ลื่นไหลไปได้
อย่างที่บอกเอาไว้ว่า ห้วงระยะ 3 เดือนนี่แหละคือหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญว่ารัฐบาลจะผ่านมรสุมไปได้หรือไม่
พรรคเพื่อไทยนั้นเคลื่อนไหวสอดรับกับกลุ่มเสื้อแดงอย่างแยกไม่ออก ซึ่งมีพลังพอสมควร ล่าสุดดูเหมือนว่ามีเป้าหมายพุ่งไปที่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล มุ่งไปที่นายกฯ โดยกำหนดเอาไว้ว่าจะยื่นญัตติในวันที่ 11 มี.ค. 52 เพราะหากช้าไปกว่านี้จะไม่ทันกาล และอาจไม่มีโอกาสได้ซักฟอก
แม้ยังไม่เปิดเผยข้อมูล แต่ดูเหมือนจะมั่นใจในหลักฐานต่างๆ ที่อยู่ในมือที่เชื่อว่าเปิดขึ้นมาเมื่อใดก็สามารถเล่นงานจนรัฐบาลอยู่ไม่ได้
ก็ต้องฟังหูไว้หูก่อนว่าจะมีทีเด็ดจริงหรือว่าแค่ราคาคุยข่มขวัญกันเท่านั้น
แต่ประเด็นสำคัญก็คือ พรรคเพื่อไทยยังไม่มีหัวหน้าพรรคที่เป็น ส.ส. ทำให้ไม่สามารถตั้งผู้นำฝ่ายค้านได้ แม้หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันเปิดทางแล้วก็ตาม แต่เพราะไม่ค่อยมีใครอยากจะเป็น โดยล่าสุดมีแคนดิเดตอยู่ 3 คน
1. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง 2. นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ 3. พ.อ. อภิวันท์ วิริยะชัย
ร.ต.อ.เฉลิมนั้น แรกๆก็พยายามปฏิเสธไม่ขอรับตำแหน่ง อ้างว่าชั้นไม่ถึง แต่ประเด็นมันน่าจะอยู่ที่เงื่อนไขมากกว่า โดยเฉพาะการยอมรับไม่ใช่เรื่องของการกลัวว่าหากพรรคมีปัญหาถูกยุบจะต้องถูกเว้นวรรคการเมือง
แต่มันน่าจะอยู่ที่เจ้าของพรรคตัวจริงเสียงจริงมากกว่า จนล่าสุดคงมั่นใจแล้วจึงประกาศรับตำแหน่ง
เพราะมันต้องเกี่ยวกับ “เงิน” และการทำให้คนในพรรคยอมรับในคำสั่ง.
"สายล่อฟ้า"