สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนวันแรก ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 27 ก.พ. โดยกลุ่ม รมว.ต่างประเทศหารือเรื่องแผนการก่อตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียนให้เสร็จภายในสิ้นปี ส่วน รมว.พาณิชย์หารือในหัวข้อเศรษฐกิจว่าด้วยการพัฒนาระบบการค้าเสรีภายใน 6 ปีข้างหน้า ให้คล้ายคลึงกับของสหภาพยุโรปมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนชี้ว่าการจัดตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียนอาจไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะหากประเทศต่างๆโดยเฉพาะพม่าไม่ยอมทำตาม ก็ไม่มีใครบีบบังคับได้ อีกทั้งประเทศสมาชิกก็ไม่ยอมเปลี่ยนกฎบัตรอาเซียนที่ว่าด้วยการห้ามแทรกแซงกิจการ ภายในของชาติสมาชิก แต่ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ระบุว่าการหารือด้านแผนตั้งองค์กรสิทธิ มนุษยชนครั้งนี้ถือเป็นนอกรอบ ส่วนการหารืออย่าง เป็นทางการจะมีขึ้นที่อินโดนีเซีย ในวันที่ 14-15 เม.ย.
ขณะเดียวกัน การประชุมเรื่องเศรษฐกิจก็ยังไม่ลงตัว เนื่องจากนายกรัฐมนตรี อับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี แห่งมาเลเซีย ระบุว่ามาเลเซียอาจนำนโยบาย “บาย มาเลเซีย” ซึ่งถูกมองว่าเป็นการกีดกันทางการค้ามาใช้ เพราะในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ใครๆก็ต้องปกป้องประเทศของตัวเอง ขณะที่ผู้นำอินโดนีเซียก็มีท่าที เช่นเดียวกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ลี เซียน หลุง แห่งสิงคโปร์ กล่าวว่า หากชาติอาเซียนใช้มาตรการปกป้องและกีดกันทางการค้าอาจทำให้อาเซียนไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายในปี 2558 ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือการเปิดระบบการค้าเสรีมากกว่า
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมในกรณีนี้ว่า ไม่ควรใช้แผนดังกล่าว และประเทศสมาชิกควรมีความเชื่อมั่นในการค้าเสรีที่ยุติธรรม อันเป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจภูมิภาคอาเซียนมาตลอด อย่างไรก็ตาม รมว.พาณิชย์ มารี ปินเกสตู แห่งอินโดนีเซีย ระบุว่าการสนับสนุนให้คนซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศมิใช่การกีดกันทางการค้า อีกทั้งการกระทำดังกล่าวก็ไม่ผิดกฎการค้า นานาชาติด้วย สิ่งเดียวที่อินโดนีเซียกีดกันคือ เหล็กและปูนซีเมนต์ แต่ก็หมายความว่าผู้ผลิตในประเทศห้าม ขายแพงกว่าราคานำเข้าเกิน 15 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ เหล่า รมว.ต่างประเทศของกลุ่มประเทศสมาชิกเห็นพ้องกันว่าการเพิ่มเงินทุนสำรองฉุกเฉินอาเซียนจาก 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 120,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจนั้นเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมาก แต่ทั้งนี้ คาดว่าแผนดังกล่าว จะร่างเสร็จทันก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ใน 10-12 เม.ย.