วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

มือปราบทุจริตถูกตบหน้า

ที่มา เดลินิวส์

ความจริงวันนี้ผมตั้งใจจะนำรายละเอียด การแก้ไขระเบียบของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (กตร.) เพื่อเปิดทางให้คนใกล้ชิดของ “บิ๊กสีกากี” เข้ามารับราชการในโรงพยาบาลตำรวจมาเผยแพร่ให้คนในสังคมได้รับทราบ แต่บังเอิญมีเรื่องร้อน ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในยุค “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” เป็น ผบ.ตร. ปรากฏเป็นข่าวอื้อฉาวตามสื่อต่าง ๆ เมื่อ วันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา จึงขอลุยเรื่องร้อน ๆ ก่อน

เอาเป็นว่า สตช. ยุคนี้เข้าไปตรวจสอบเรื่องไหน ก็พบ ทั้งความผิดปกติ และส่อให้เห็นความไม่ชอบมาพากลหลายเรื่อง ไล่ ตั้งแต่การแต่งตั้งโยกย้าย ประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งหลังจากนี้ต่อไปคงจะต้องนำมาพูดคุยถึงคดีความต่าง ๆ โดยเฉพาะประเด็น ซึ่ง เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีพฤติกรรมละเมิดสถาบัน ล่าสุดก็ “นายใจ อึ๊งภากรณ์” ก็ใช้วิธีล่องหนเดินทางออกนอกประเทศไปอีกคนหนึ่งแล้วครับ

เมื่อวันที่ 10 ก.พ. นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ นำรายชื่อ 41 นายตำรวจ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมทั้งลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า ไปมอบให้ “นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ได้รับทราบ หลังจากนั้นผู้นำรัฐบาลประกาศว่า จะดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย จากรายละเอียดที่สื่อหลายฉบับรายงานตรงกันว่า มีตั้งแต่นายตำรวจระดับนายพล ลงไปจนถึงดาบตำรวจ

หลายคนจึงสงสัยว่าทำไมเรื่องนี้เพิ่งปูดในช่วงที่มีนาย อลงกรณ์เข้ามารับผิดชอบดูแลกรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือที่ผ่านมา ผู้รับผิดชอบปล่อยปละละเลย ผมยังเสียดายนายกฯอภิสิทธิ์น่าจะนำรายชื่อที่ได้รับจาก รมช.พาณิชย์ มาเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้ หรืออาจจะติดขัดเรื่องกฎหมาย แต่ที่ไม่แน่ใจคือการที่ผู้นำรัฐบาลตัดสินใจนำรายชื่อตำรวจ 41 นาย ไปมอบให้ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกฯซึ่งกำกับดูแล สตช. ไปดำเนินการ จะเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่

เพราะได้เห็นการทำงานของรองนายกฯช่วงที่ผ่านมา ที่ยึดหลัก “บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น” และดูเหมือนจะไม่ตั้งใจที่จะพัฒนา สตช. ให้เป็นที่พึ่งของประชาชน สังเกตดูจากการ ไม่ปรับย้ายนายตำรวจบางคน แถมยังปล่อยให้คนไร้ประสิทธิภาพหรือถูกตั้งข้อหายังสามารถทำงานอยู่ในตำแหน่งสำคัญได้อีก

ยิ่งได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ของ “พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์” ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าชุดปราบปราบสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่ รมช.พาณิชย์ มอบรายชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ 41 นาย ที่พัวพันกับซีดีเถื่อนให้นายกฯในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทำนองว่า ตนเองยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ในส่วนของตำรวจเอง ยังไม่พบว่ามีตำรวจคนไหนเข้าไปพัวพันกับซีดีเถื่อน แถมยังบอกต่ออีกด้วยว่า ต้องเข้าใจว่าการถูกกล่าวหาบางครั้งอาจจะมีการกลั่นแกล้งกันได้ จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนเป็นราย ๆ ไป

ถ้าไม่ได้สวมหัวใจเสือ หรือกินดีหมีมาจากไหน ต้องบอก ว่างานนี้ หัวหน้าชุดปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์คงมี “แบ๊กอัพ” ระดับพระกาฬเลยก็ว่าได้ สงสัยว่านายอลงกรณ์ซึ่งเคยได้รับการยกย่องจากสื่อว่าเป็น “มือปราบทุจริต” ต้องทบทวนวิธีการทำงานของตนเองแล้วล่ะครับ ในเมื่อตำรวจซึ่งมีหน้าที่ปราบปรามเทปผีซีดีเถื่อนออกมาบอกว่า ยังไม่เคยพบว่ามีตำรวจคนไหนเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมอยากถามว่าท่านรัฐมนตรีผู้ทรงเกียรตินำหลักฐานซึ่งระบุว่า มีตำรวจเกือบครึ่งร้อยเกี่ยวข้องกับ “เทปผี ซีดีเถื่อน” จากไหนครับ

ผมอยากรู้ทั้ง นายกฯและนายสุเทพจะเลือกเชื่อใคร ระหว่างสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กับนายตำรวจซึ่งทำงานใกล้ชิดกับ ผบ.ตร. หรือถ้าหากจะปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป เท่ากับว่างานนี้ นายอลงกรณ์ถูกตบหน้าฉาดใหญ่เลยครับ และนายอภิสิทธิ์ต้องปลด รมช.พาณิชย์ออกจากตำแหน่งโดยเร็วเลยครับ.