วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2552

คาดม็อบแดง3หมื่น ชุมนุม4วัน สังสกัดคลื่นโฟนอิน

ที่มา ข่าวสด

"ป๋า"เผยไม่สนใจ ฟังรายการ"แม้ว" พท.ยื่นกกต.สอบ เทือก-19สส.ปชป.




รับเสื้อแดง- ทหารระดมลวดหนามมาขึงภายในทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับมือการชุมนุมใหญ่ของม็อบเสื้อแดง ที่นัดรวมตัวประท้วงที่ท้องสนามหลวงวันนี้ แล้วจะเคลื่อนมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล คาดผู้ชุมนุมอาจถึง 3 หมื่นคน ตามข่าว

หน่วยข่าวคาดม็อบเสื้อแดงร่วมชุมนุม 3 หมื่นปักหลักยาวถึงวันอาทิตย์ เตรียมตัดสัญญาณแม้ววิดีโอลิงก์-โฟนอิน หวั่นปลุกผู้ชุมนุมฮึกเหิมบุกเข้ายึดทำเนียบ ด้านแกนนำนปช.นัดรวมพลวันนี้ช่วงสายที่สนามหลวงจากนั้นจะเคลื่อนบุกปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลทุกด้าน "จตุพร"แย้มประสาน"ทักษิณ" สายตรงเข้ามาพูดคุยกับม็อบทุกวัน ด้านตำรวจ-ทหารเข้าตรึงทำเนียบแล้ว "ป๋าเปรม"เผยไม่เคยฟังเสียงแม้วโฟนอิน แต่รู้สึกพูดบ่อยขึ้น จริงหรือไม่จริงไม่รู้ ย้ำองคมนตรีไม่เกี่ยวข้องการเมือง-ปฏิวัติ 19 ก.ย. ด้านเทพเทือกสั่งตร.ควบคุมให้อยู่ ห้ามปล่อยให้ยึดทำเนียบอย่างเด็ดขาด อัดยับแม้วเป็นหมาบ้าไปแล้ว เพื่อไทยยื่นกกต.สอบสุเทพ-19 ส.ส.ปชป.แทรก แซงข้าราชการ เตรียมยื่นยุบพรรคกรณีไซฟ่อนเงิน 258 ล้านด้วย

เตือนม็อบอย่าทำผิดกฎหมาย

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 25 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัม ภาษณ์ถึงกลุ่มคนเสื้อแดงจะมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลว่า ได้สั่งการให้ตำรวจรักษาสถานที่ราชการ รวมทั้งทรัพย์สินของทางราชการไม่ให้ใครทำให้เสียหาย ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เมื่อถามว่าบช.น.เตรียมรับมือด้วยการ นำกล้องวงจรปิดมาติดตามสี่แยก เพื่อสังเกตการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ตรงนี้เหมือนจับผิดกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องถามพล.ต.ท. วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.ว่าเตรียมการอย่างไร ตนไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่ย้ำกับผบช.น.แล้วว่าจะไม่ยอมให้ใครทำผิดกฎหมาย ถ้าพบว่าทำผิดให้ดำเนินคดีทันที

เมื่อถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงวิจารณ์การนำกำลังตำรวจเกือบหมื่นนายมารักษาความปลอดภัยว่าทำเกินกว่าเหตุ นายสุเทพ กล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงพูดจาอะไรอย่าไปเชื่อถือ ตนมองว่าเป็นการเตรียมรับมือตามปกติ ผบช.น.มีประสบการณ์ควบคุมฝูงชนมาแล้ว ตนไม่จำเป็นต้องไปซักถามในรายละเอียด ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะปิดล้อมไม่ให้ข้าราชการเข้ามาทำงานได้นั้น ตนคิดว่าข้าราชการและรัฐมนตรียังคงทำงานตามปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกลุ่มคนเสื้อแดงปืนรั้วบุกเข้ามาในทำเนียบฯจะดำเนินการอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องถามผบช.น.ว่าจะรับมืออย่างไร รัฐบาลไม่ได้เตรียมสถานที่ใดไว้สำรอง

"เทือก"อัดยับทักษิณหมาบ้า

เมื่อถามว่ามีรายงานข่าวว่าประธานองคมนตรีไม่สบายใจกับการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่พาดพิงองคมนตรีบางคนและตุลาการบางท่าน นายสุเทพ กล่าวว่า เชื่อว่าไม่เพียงแต่ประธานองคมนตรีหรือองคมนตรีที่ไม่สบายใจ แต่คนไทยส่วนใหญ่รวมทั้งตนก็ไม่สบายใจ และคิดว่าประธานองคมนตรี และองคมนตรีเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง จึงไม่ควรถูกนำมาพาดพิง ตั้งแต่ตนเป็นรัฐบาลไม่เคยเดินทางไปพบประธานองคมนตรีสักครั้งเดียว แต่พ.ต.ท.ทักษิณยังหาเรื่องประธานองคมนตรีและองคมนตรี

"ต้องย้อนถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีเจตนาอย่างไรที่ทำเช่นนั้น ผมมองว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของพ.ต.ท. ทักษิณ คือต้องการให้คนคิดและเข้าใจสับสน จนกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ส่วนที่พ.ต.ท. ทักษิณ ระบุจะโฟนอินมาแฉเบื้องลึกของการปฏิวัติในวันที่ 27 มี.ค.นั้น รัฐบาลคงไม่จำเป็นต้องไปจับตา ไม่อยากได้ยินก็ต้องได้ยินอยู่ดี ไม่อยากเห็นก็ต้องเห็น แต่อยากบอกให้รู้ว่าสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณทำ ไม่ใช่เรื่องดี จึงไม่ควรไปให้น้ำหนัก และผมไม่เชื่อกับสิ่งที่พ.ต.ท. ทักษิณพูด แต่คงไปตัดสัญญาณไม่ให้โฟนอินคงไม่ได้" นายสุเทพ กล่าว

เมื่อถามว่าที่ประชุมทำเนียบองคมนตรีระบุให้รัฐบาลนำเทปการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณมาถอดเพื่อดูว่ามีการกระทำผิดกฎหมายใดหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนทำทุกวัน อะไรที่ผิดกฎหมายตนจะดำเนินการทันที ประชาชนไม่ต้องห่วง ต่อข้อถามว่าจนถึงขณะนี้รัฐบาลมีแนวคิดจะประสานและพูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณอีกหรือไม่ นายสุเทพ ถามกลับว่าแล้วเขาประสานด้วยหรือไม่ ที่บอกว่าเป็นหมาเชื่องคงไม่เชื่องแล้ว แต่คงกลายเป็นหมาบ้าไปแล้ว

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะให้ความมั่นใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่ทำร่วมกับกองทัพไม่ได้หวังผลทางการเมือง ขณะเดียวกันก็พยายามควบคุมความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เคยควบคุมความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงและไม่เคยทำ ถ้ากลุ่มเสื้อแดงทำผิดกฎหมายตนก็ต้องดำเนินการ ตนถือว่าเรื่องคนเสื้อแดงเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ทำอย่างไรให้ประเทศรอด จึงอยากให้ประชาชนตระหนักว่าบ้านเมืองมีปัญหาจริงๆ

โต้ลั่นจับมือกอ.รมน.สลายเสื้อแดง

นายสุเทพ กล่าวถึงครม.อนุมัติงบ 1,000 ล้านบาท ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ขอสนับสนุนจนถูกวิจารณ์ว่า คำวิจารณ์ของกลุ่มต่างๆ รวมทั้งคนเสื้อแดงอย่าไปฟัง ไม่น่าเชื่อถือ สิ่งที่รัฐบาลกำลังจะทำคือแก้ปัญหาของประเทศที่ได้รับผลกระทบมาจากเรื่องเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงปรึกษากับฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่าควรแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ โดยยึดแนวทางโครงการพระราชดำริเศรษฐ กิจพอเพียง เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายมองว่ากอ.รมน.ไม่ได้เป็นหน่วยงานหลักในการแก้เศรษฐกิจแต่กลับของบสนับสนุนเพื่อไปแก้เศรษฐกิจ จนถูกวิจารณ์ว่ารัฐบาลมีเป้าหมายอื่น นายสุเทพ กล่าวว่า ขอให้รอดูผลต่อไป ยืนยันว่ารัฐบาลต้องการช่วยประชาชน ต่อข้อถามว่าหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่างบ 1,000 ล้านบาทที่ให้กอ.รมน.เป็นส่วนหนึ่งในงบ 2,000 ล้านที่ฝ่ายค้านออกมาแฉก่อนหน้านี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าเป็นงบลับจะมาเปิดเผยได้อย่างไร ตนถึงบอกว่าเวลาคนเสื้อแดงพูดไม่ต้องไปเชื่อถือ แต่ให้รอดูของจริง และติดตามการทำงานของรัฐบาล แต่หากสื่อยังสงสัยก็ให้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบพร้อมกับตนได้

มาร์คลั่นไม่ยอมให้บุกยึดทำเนียบ

เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการรับมือการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงและการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาลว่าได้ติดตามและประเมินสถาน การณ์ความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งฝ่ายความมั่นคงและผู้ที่รับผิดชอบ เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่

ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันว่าจะไม่ยอมให้มีการบุกรุกเข้ามาในทำเนียบโดยเด็ดขาดใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ใช่ เราไม่ต้องการให้เข้ามาในสถานที่ราชการและผู้ชุม นุมยืนยันมาตลอดว่าจะไม่บุกรุกสถานที่ราชการ" ต่อข้อถามว่าถ้าชุมนุมยืดเยื้อ นายกฯ ยังยืนยันจะเข้ามาทำ งานที่ทำเนียบหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องเข้ามาให้ได้

เมื่อถามย้ำว่าแม้ผู้ชุมนุมจะให้เดินเท้าเข้ามาก็ยอมใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องเข้ามาให้ได้ หากผู้ชุมนุมปิดกั้นไม่ให้รัฐมนตรีเข้ามาทำงานในทำเนียบ คงต้องถามเหตุผลว่าทำไมจึงจะขัดขวางการทำหน้าที่ของรัฐมนตรี

เมื่อถามว่ามีการรายงานเชิงลับหรือไม่ว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นระหว่างการชุมนุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราไม่ประมาท จะให้ทุกฝ่ายทำงานอย่างเต็มที่ อยากขอว่าอย่าให้เกิดความรุนแรงเลย เพราะไม่เป็นประโยชน์กับใครทั้งสิ้น มีแต่จะทำให้ประเทศและทุกฝ่ายสูญเสีย จึงขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเองและอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย หากจะเคลื่อนไหวขอให้เคลื่อนไหวโดยสงบภายใต้กฎหมาย ส่วนเจ้าหน้าที่ได้กำชับไปแล้วว่าไม่ให้ใช้ความรุนแรง

ยอมรับเป็นห่วงเกิดความรุนแรง

ต่อข้อถามว่าฝ่ายปกครองไม่สามารถหยุดความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงในต่างจังหวัดได้ นายกฯ กล่าวว่า ในต่างจังหวัดคงมีเข้ามา ซึ่งเจ้าหน้าที่มีหน้าที่ดูแลไม่ให้ทำผิดกฎหมาย เมื่อถามว่ามีข่าวว่ากระทรวงมหาดไทยคาดโทษผู้ว่าฯ คิดว่าจะดำเนินการได้มากน้อยที่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้มีความเข้มแข็ง หลายครั้งถ้าในพื้นที่ทำความเข้าใจได้จะช่วยลดปัญหาได้มาก ที่ผ่านมาในหลายจังหวัดก็ทำได้ เมื่อถามว่าหน่วยงานด้านการข่าวและความมั่นคงราย งานตรงกันหรือไม่ว่าจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นระหว่างการชุมนุม นายกฯ ยอมรับว่า หน่วยงานหลายฝ่ายเป็นห่วง แต่ไม่ประมาท

ผู้สื่อข่าวถามถึงครม.อนุมัติงบให้กอ.รมน.ถึง 1,000 ล้านบาท ทำให้ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการตั้งงบมาสลายกลุ่มเสื้อแดง นายกฯ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน การอนุมัติงบดังกล่าวเกี่ยวข้องกับปัญหาผลกระทบทางสังคมที่จะเกิดขึ้นจากปัญหาเศรษฐกิจ ต้องมีเครือข่ายต่างๆ ที่มีความพร้อมลงไป และเหตุผลการอนุมัติงบครั้งนี้ไม่เหมือนเหตุผลที่คมช.อ้าง เพราะขณะที่มีคมช.ไม่ได้มีปัญหาเศรษฐกิจ

ปัดคุยรมต.จีนเรื่องขอตัว"ทักษิณ"

เมื่อถามว่าประเมินความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เรียกระดมคนให้มาร่วมชุมนุมในวันที่ 26 มี.ค.อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฝ่ายที่เคลื่อนไหวถือโอกาสนี้เป็นโอกาสสำคัญ เราก็เข้าใจและพยายามรับมืออยู่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับบ้านเมือง ขอฝากถึงทุกฝ่ายว่าอย่าทำให้เกิดความรุนแรง อย่าทำให้บ้านเมืองต้องสะดุด เพราะขณะนี้เราจำเป็นต้องรวมพลังกันทุกฝ่ายเพื่อผ่านพ้นวิกฤตที่สำคัญ

ต่อข้อถามว่าหากนายกฯ ต้องเดินทางไปต่างประ เทศ เพื่อประชุมจี 20 แล้วเหตุการณ์ยังยืดเยื้อจะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตนหวังว่าจะไม่ยืดเยื้อ หวังว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ และที่มั่นใจว่าจะไม่ยืดเยื้อเพราะคิดว่าต่างฝ่ายต่างแสดงออกแล้วก็จบ

เมื่อถามว่าจะพูดคุยกับรมว.ต่างประเทศจีนที่จะมาพบ เพื่อขอความช่วยเหลือในการขอตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องความสัมพันธ์โดยรวมมากกว่า และครั้งนี้มาพบเพื่อเยี่ยมคารวะ จึงไม่ทราบว่าจะหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาหารือหรือไม่ แต่ตนจะเน้นเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจเป็นหลัก

ผู้สื่อข่าวถามว่าองคมนตรีเป็นห่วงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความแตกแยกให้กับสังคมมากขึ้น รัฐบาลจะดูแลอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องย้ำกันว่าในส่วนของสถาบันที่ไม่ควรจะเกี่ยวข้อง อย่าดึงเข้ามาเกี่ยว ข้อง และผู้ที่มีหน้าที่ชี้แจงก็ต้องชี้แจง ผู้ที่มีหน้าที่รักษากฎหมายก็ต้องรักษากฎหมาย เมื่อถามว่ามีข่าวว่าการโฟนอินครั้งต่อไปของพ.ต.ท.ทักษิณ จะเปิดเผยมากกว่าองคมนตรีอาจจะกระทบถึงสถาบันระดับสูง นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะเปิดเผยอะไร ส่วนจะจริงเท็จหรือไม่ ต้องตรวจสอบ

โต้ไม่มีระบอบอมาตยาธิปไตย-ขู่จับ

ผู้สื่อข่าวถามว่าช่วงนี้วิทยุชุมชนหลายสถานีประกาศว่าครั้งนี้ไม่ได้โค่นล้มรัฐบาลแต่จุดที่แท้จริงคือการโค่นล้มระบอบอมาตยาธิปไตย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ผมยืนยันไม่มีเรื่องระบอบอมาตยาธิปไตย รัฐบาลมาตามวิถีทางของสภา มาตามรัฐธรรมนูญซึ่งทุกพรรคก็ยอม รับ ไม่เช่นนั้นคงไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง และเราเชิญชวนทุกฝ่ายมาร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ดียิ่งขึ้น ส่วนการทำงานของรัฐบาลนี้รับผิดชอบต่อรัฐสภาอย่างชัดเจน แทบจะเรียกได้ว่ามากกว่าอีกหลายยุคด้วยซ้ำที่เราแสดงให้เห็นว่าเราจะรับฟังและแสดงความรับผิดชอบต่อองค์กรซึ่งเป็นไปตามกระบวนการประชา ธิปไตย"

เมื่อถามย้ำว่าแต่เป้าหมายของวิทยุชุมชนสอด คล้องกันในขณะนี้ดูจะสูงกว่าการโค่นล้มรัฐบาล โดยพุ่งไปที่องคมนตรี รัฐบาลจะรับมืออย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราอย่าให้ไปติดกับดักในการดึงเอาสถาบันต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง และถ้าเกิดใครละเมิดกฎหมาย ก็มีการดำเนินการ

เมื่อถามว่าเป้าหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการโค่นล้มสถาบันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ต้องไปถามเขา" เมื่อถามว่าทำไมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯ ออกมาเคลื่อนไหวในแนวทางเดียวกัน นายกฯ กล่าวว่า "ต้องไปถามเจ้าตัวเขา"

"กษิต"รับเองถกรมต.จีนเรื่องแม้วด้วย

วันเดียวกัน นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่เมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่า ในเย็นวันนี้ตนจะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อหารือกับนายหยาง เจีย ฉี รมว.ต่างประเทศของประเทศจีน ซึ่งนอกจากหารือเรื่องที่ประธานาธิบดีจีนจะมาประชุมสุด ยอดอาเซียนที่พัทยาและกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้รับเชิญในฐานะประธานอาเซียนไปประชุมจี 20 แล้ว จะมีการทบทวนสถานะความสัมพันธ์ของรัฐบาล รวมถึงการเดินทางไปเยือนจีนของนายกฯ ซึ่งเลื่อนจากปลายเดือนนี้ไปเป็นเดือนเม.ย.ด้วย

เมื่อถามว่าจะหารือเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในประเทศจีนหรือไม่ นาย กษิต กล่าวว่า เรื่องของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องครรลองทั่วไป เมื่อมีคนหนีคดีอาญาไป เราก็ต้องแจ้งให้ทราบ แต่เราไม่ได้จำกัดเฉพาะกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น เป็นเรื่องปฏิบัติทั่วไป ส่วนจีนก็มีความกังวลใจเป็นห่วงไม่อยากให้เรารับทะไล ลามะ เพราะเป็นเรื่องการเมือง และเราเองไม่อยากให้ผู้ที่เป็นนักการเมืองไปใช้จีนเป็นฐานโจมตีประเทศไทย ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติทั่วไป

เมื่อถามว่าจะยกเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ มาหารือเป็นกรณีพิเศษหรือไม่ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ เป็นการทบทวนสถานะความสัมพันธ์ และวันนี้ถ้าไม่มีกรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ เพ่นพ่านที่จีนก็ไม่มีเรื่องอะไร และพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้ไปกรุงปักกิ่ง ส่วนที่ฮ่องกงก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ได้เดินทางไปเจรจาแล้ว ซึ่งอสส.เป็นหน่วยงานอิสระ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการบริหารของรัฐบาล ส่วนกระทรวงการต่างประเทศที่มีกงสุลใหญ่ในฮ่องกง ต้องอำนวยความสะดวกกับผู้ที่มาติดต่อทุกคน

พท.ยื่นกกต.สอบ"เทือก-19ส.ส.ปชป."

เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย มายื่นคำร้องต่อกกต.ให้ตรวจสอบการกระทำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กรณีเข้าไปก้าวก่ายและแทรกแซงการปฏิบัติราชการในกระทรวงวัฒนธรรม โดยส่งส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และผู้อื่นรวม 19 คนไปช่วยราชการในกระทรวงดังกล่าว โดยนำหลักฐานเป็นสำเนาหนังสือราชการจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงนามโดยนายสุเทพ ที่ขอให้ส.ส.ไปช่วยราชการในกระ ทรวง ซึ่งมีนายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการกกต.ด้านพรรคการเมือง เป็นผู้รับเรื่อง

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่าการกระทำของนายสุเทพอาจเข้าข่ายต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (1) ซึ่งมีผลทำให้ความเป็นรองนายกฯของนายสุเทพต้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 182(7) ส่วนส.ส.ที่มีรายชื่อในหนังสือดังกล่าว หากตรวจสอบพบว่าเข้าไปทำหน้าที่ในกระทรวงวัฒนธรรมจริง ถือว่ามีความผิด ตามมาตรา 265(1) ซึ่งทำให้สมาชิกภาพของการเป็นส.ส.ต้องสิ้นสุดลง ตามมาตรา 106 (6) นอกจากนี้ การกระทำของนายสุเทพถือเป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐ ธรรมนูญ อันเป็นเหตุให้ต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 อีกด้วย ซึ่งรวมถึงกรณีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ซึ่งขัดต่อพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และจะรวบรวมรายชื่อส.ส. จำนวน 1 ใน 4 ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 271 จำนวน 116 คน ซึ่งจะยื่นถอดถอนต่อประธานวุฒิสภาต่อไปภายในสัปดาห์หน้า

"นายสุเทพเป็นถึงรองนายกฯ ส.ส. เป็นผู้จัดการใหญ่ของรัฐบาล เป็นนักการเมืองหลายสมัย หากไม่รู้ข้อกฎหมายก็สมควรลาออก เพราะการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการลุแก่อำนาจ ขอเรียกร้องให้ส.ส.ดังกล่าวรีบกลับกรมกองโดยด่วน เพราะผมมีภาพถ่ายและวิดีโอที่พร้อมยื่นกกต.ไว้หมดแล้ว ซึ่งจะนำไปสู่การถอดถอนออกจากตำแหน่งส.ส.ได้" นายพร้อมพงศ์กล่าว

เตรียมยื่นยุบปชป.กรณีเงิน258ล.

นายพร้อมพงศ์กล่าวถึพรรคเพื่อไทยจะยื่นเอกสารข้อมูลเงินบริจาค 258 ล้านบาทและเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองที่ให้กกต.ตรวจสอบว่า พรรคได้มอบหมายให้นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทยเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าคงจะยื่นเรื่องให้กกต.ตรวจสอบได้ ขณะนี้คงต้องรอดูว่ากกต.จะรับสำนวนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งเรื่องมาให้พิจารณาต่อหรือไม่ ถ้ากกต.ไม่รับพิจารณาต่ออาจเป็นไปได้ว่ามีการพยายามเตะถ่วงดึงเรื่องช่วยเหลือใครหรือไม่

ถามทหาร- กลุ่มนปช.และคนเสื้อแดง จำนวนประมาณ 50 คน ถือป้ายประท้วง มายื่นหนังสือที่หน้ากองทัพบก ถนนราชดำเนิน ถึงพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ขอทราบเหตุผลที่จะส่งกำลังทหารจำนวนมากเกินกว่าเหตุ มาควบคุมการชุมนุมม็อบเสื้อแดง ก่อนการชุมนุมจะเริ่มขึ้น 1 วัน



"การที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าข้อมูลรั่วจากทางดีเอสไอมาพรรคเพื่อไทยนั้น พรรคประชาธิปัตย์แน่จริงอย่าไปยุ่งกับดีเอสไอ โดยเฉพาะนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ควรอยู่เฉยๆจะได้รู้ว่าเอกสารที่ว่านั้นจริงหรือปลอม เพราะวันนี้ต้นทุนทางสังคมพรรคประชาธิปัตย์สูงอยู่แล้ว เส้นดีแบ๊กอัพใหญ่ ดังนั้นการทำงานของรัฐบาลอย่ามีสองมาตรฐาน" นายพร้อมพงศ์กล่าว

"เทือก"รับทำจริง-แต่ถอนเรื่องแล้ว

วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงพรรคเพื่อไทยยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบกรณีที่ทำหนังสือให้ส.ส.ของพรรคไปช่วยราชการขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเพราะเข้าข่ายแทรกแซงข้า ราชการว่า ตนตั้งใจจะชี้แจงเรื่องนี้ในวันอภิปรายเพราะเห็นว่ามีในญัตติ แต่ฝ่ายค้านไม่หยิบยกขึ้นมาอภิปราย ตนทำในฐานะผู้จัดการรัฐบาลและเลขาธิ การพรรค เห็นว่าบ้านเมืองมีวิกฤตและในพรรคมีคนเป็นรัฐมนตรีเพียงไม่กี่คน จึงเห็นว่าสมาชิกพรรค ไม่ว่าส.ส.หรือไม่ได้เป็นส.ส. ถ้าช่วยงานของราชการก็ควรมาช่วยกัน ตนรู้ดีว่ากฎหมายให้ขอบเขตอำนาจไว้อย่างไร ถ้าไม่ก้าวก่ายการทำงานของข้าราชการ ไม่ยุ่งกับงบประมาณหรือมีตำแหน่งทางการเมืองก็ไม่น่าจะเป็นอะไร เรื่องทั้งหมดตนทราบดีเพราะเป็น ส.ส.มากว่า 30 ปี

นายสุเทพกล่าวว่า ตนดำเนินการเช่นนั้น เพราะอยากให้ส.ส.มาช่วยทำงาน แต่ปรากฏว่าพอทำหนัง สือถึงส.ส.ก็กลัวและไม่ฟัง เพราะเกรงจะเข้าข่ายแทรกแซง ตนจึงถอนเรื่องกลับก็ถือว่าไม่มีความผิด ในเมื่อรัฐมนตรีไม่อยากได้ ส.ส.ก็ไม่อยากไป ตนก็ถอนเรื่องกลับ เท่ากับไม่มีความผิด เพราะเรื่องยังไม่เกิด มีเพียงจดหมายเท่านั้น เป็นเพียงจดหมายฉบับเดียวที่เดินทางไปและกลับ ส่วนที่ฝ่ายค้านนำมาพูดก็ดี ตนจะได้พิสูจน์ตัวเอง จึงยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซง คิดว่าฝ่ายค้านตั้งใจหาเรื่องมากกว่า และถ้าป.ป.ช.สอบถามตนก็พร้อมชี้แจง

"เหลิม"แฉเหตุปชป.คุกคามดีเอสไอ

เวลา 13.30 น.ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย แถลง ถึงรัฐบาลกล่าวหาดีเอสไอไม่ซื่อสัตย์ และจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนว่า ขอฝาก 5 คำถามถึงพรรคประชาธิปปัตย์ว่า 1.รมว.ยุติธรรมกล่าวหาดีเอสไอไม่ซื่อสัตย์นั้น เอาส่วนไหนของสมองมาคิด เพราะดีเอสไอทำงานซื่อสัตย์ แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์กระทำการให้เคลือบแคลงสงสัย 2.ที่กล่าวว่าดีเอสไอนำข้อมูลมาให้ฝ่ายค้านนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามสกัดกั้นการตรวจสอบของดีเอสไอ เพราะไม่ต้องการให้ส่งเรื่องไปยังกกต.เพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์ 3.รมว.ยุติธรรมและปลัดยุติธรรมอาศัยอำนาจใดตรวจสอบดีเอสไอ 4.รมว.ยุติธรรมมีหลักฐานอะไรที่บอกว่าดีเอสไอส่งข้อมูลให้ฝ่ายค้าน และ 5.พรรคประชาธิปัตย์บริหารประเทศเพื่อประชาชน หรือเพื่อปกป้องพรรคและคนของพรรคตัวเอง

โวมีพยานเอกอีก-เปิดชื่อ"มนูญกฤต"

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า วันนี้นายประจวบ สังขาว ติดต่อขอพบตนเพื่อนำข้อมูลมาให้ ซึ่งตนบอกให้รอดูวันนี้ก่อนว่าดีเอสไอไปพบประธานกกต. และนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ถ้ากกต.รับเรื่องไว้ตรวจสอบ วันที่ 26 มี.ค. เวลา 13.00 น. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ จะไปยื่นหนังสือกล่าวโทษต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ แต่ถ้ากกต.ไม่รับเรื่องไว้พิจารณา นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส. สัดส่วน จะเอาเอกสารข้อมูลทั้งหมดไปยื่นต่อกกต. ทั้งนี้ ตนยังมีพยานอีก 1 ปากที่จะบอกรายละเอียดพฤติกรรมการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย โดยนายประจวบจะมาพบตนในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ เป็นแค่มวยยกแรก และไม่ใช่การพกความแค้น แต่พกความจริงที่รัฐบาลตอบไม่ได้ มั่นใจว่าข้อมูลรวมถึงหลักฐานที่มีสามารถยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้แน่

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ระบุว่าวันที่ 24 มี.ค.ได้ไปพบพล.ต.ท่านหนึ่ง เปิดเผยได้หรือไม่ว่าพล.ต.ท่านนี้คือใคร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่าพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีต ประธานวุฒิสภา ซึ่งท่านอยากให้บ้านเมืองดีขึ้น ไม่อยากให้นักการเมืองชั่วๆเลวๆใส่หน้ากาก สร้างภาพลักษณ์ดีๆ

เมื่อถามว่าใช้เวลาพูดคุยกับพล.ต.มนูญกฤตนานหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่าคุยกัน 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยบอกให้ช่วย ทำให้สังคมตาสว่าง และพร้อมจะซัพ พอร์ตข้อมูลให้ ซึ่งตนบอกให้ระวังนายประจวบเพราะอาจจะเดือดร้อน ซึ่งพล.ต.มนูญกฤตบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะวันนี้นายประจวบอยู่ในความดูแลของคณะหนึ่งที่รักความเป็นธรรม

แฉซูสีไทเฮาจุ้น-เกลียดทั้งกระทรวง

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่าวันนี้ยก 2 กำลังเริ่ม ยก 3 คือนายประจวบมาพบตน ยก 4 คือพยานอีกชุดมาหา งานนี้เป็นมวยสากลที่ต่อยกันถึง 13 ยก และตนไม่เคยให้เกียรติพรรคนี้ ส่วนที่นายสุเทพท้าทายโดยระบุกรณีนี้เดิมพันด้วยการยุบพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยนั้น ตนไม่เคยให้ราคานายสุเทพตั้งแต่เส้นผมยันปลายเท้า คนนิสัยแบบนี้ถ้าไปเดินแถวบางขุนเทียน ชาวบ้านจะเอาไม้ฟืนตีกบาลแตก ถ้าเป็นตนเลิกเล่นการเมืองไปนานแล้ว

ส่วนที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาระบุจะหารือนายกฯเรื่องการปฏิรูปการเมือง ฝ่ายค้านจะร่วมมือด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่าถ้าพรรคมอบหมายมายังตน ตนก็จะไป และที่นายกฯพูดเรื่องปฏิรูปการเมืองนั้น เขาเลิกพูดกันแล้ว พวกตนก็มีความรู้ เล่นการเมืองแบบประนีประนอมรักษาน้ำใจแล้วมาคุกคามก็ต้องถึงลูกถึงคน

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวด้วยว่า วันนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปก้าวก่าย แทรกแซงจนเกิดความยุ่งเหยิงไปหมด รัฐมนตรีอยู่ได้ 3 เดือน คนเกลียดทั้งกระทรวงตั้งแต่ข้าราชการยันถึงภารโรง เกลียดแม้แต่เงา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นอยู่ๆ ร.ต.อ.เฉลิมร้องเพลงขึ้นมาว่า "ดาวเอ๋ยดาวน้อยเจ้าลอยสูงเด่น ใครๆเขาก็แลเห็น ว่าเจ้าสูงเด่นเหนือดาวดึงส์" เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเอ่ยชื่อได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่าผู้หญิงคนนี้เปรียบเหมือนซูสีไทเฮา แต่ตนไม่ขอเอ่ยชื่อ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ทราบ ให้โทรศัพท์มาสอบถามตนได้

"ประชา"อ้าง5งูเห่าปชป.จ่อซบพท.

ที่รัฐสภา นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาส.ส.โหวตสวนมติพรรคว่า ไม่รู้จะทำอย่างไร วันที่ 24 มี.ค.ยังไม่มีอะไรกัน แต่พยายามทำความเข้าใจกันอยู่ เมื่อถามว่าใจของส.ส.ที่โหวตสวนไปอยู่พรรคภูมิใจไทยแล้ว นายวิทยากล่าวว่าไม่รู้เหมือนกัน แต่เสื้อเขายังอยู่ อย่าไปเครียด พรรคประชาธิปัตย์ก็เครียดเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะเป็นความขัดแย้ง ถ้าย้ายไปจริงก็หาคนมาลงเลือกตั้งแทนเพราะมีคนสนใจเยอะ ถ้าไม่ออกก็ไม่เป็นไร มีข้าวเลี้ยง อยู่ได้ก็อยู่

นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการอภิปรายที่ผ่านมามีส.ส.ในพรรคไปสนับสนุนพรรคอื่น ทั้งเหตุผลส่วนตัวและต้องการย้ายไปอยู่พรรคอื่น แต่น่าจับตาความเคลื่อนไหวของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทราบว่านอกจากกรณีนายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี ที่งดออกเสียงโหวตให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ล่าสุดยังมีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีก 4 คน ประกอบด้วย ส.ส.ภาคอีสาน 1 คน ภาคกลางและกทม.รวม 3 คน มาพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยแล้ว เพราะเห็นว่าพรรคมีระบบ มีหลักการ เป็นต้นตำรับประชานิยม สรุปแล้วตอนนี้มีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 5 คนส่งสัญญาณว่าสนใจมาทำงานกับเรา พรรคประชาธิปัตย์ย่ามใจว่ามีเพียงพรรคเพื่อไทยที่มีงูเห่า แต่ประชาธิปัตย์มีงูเห่าถึง 5 ตัว เขาคิดว่าอยู่พรรคประชาธิปัตย์เหมือนใกล้เกลือกินด่าง ขณะนี้ส.ส.ทั้ง 5 คนรอฟังดูท่าทีคดียุบพรรคประชาธิปัตย์จากศาลรัฐธรรมนูญ กกต. และป.ป.ช. รวมทั้งเห็นว่ารัฐบาลกู้เงินหลายล้านบาทในอีก 3-4 เดือนจะต้องเจอวิกฤต ไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนข้าราชการ

"สดศรี"ชี้กกต.ต้องรับสอบเงิน 258 ล.

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ส่งกล่องเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับเงินบริจาค 258 ล้านบาทและเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์มาให้ กกต.ตรวจสอบและมีปัญหาเอกสารไม่ครบว่า เรื่องนี้มีประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง มีกระแสข่าวว่าเอกสารรั่วไหลไปอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย อีกทั้งดีเอสไอได้ส่งกล่องเอกสารมาให้ กกต.ในวันที่ 18 มี.ค. ซึ่งก่อนมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเพียงวันเดียว ทำให้ กกต.ไม่กล้าเปิดกล่องดังกล่าว

"ยืนยันว่า กกต.ไม่เลือกปฏิบัติหรือโยนเผือกร้อน แต่ไม่ควรเอาประเด็นการเมืองโยนให้ กกต. ดังนั้น การตรวจสอบเอกสารจึงต้องทำร่วมกันว่าในกล่องนั้นมีอะไรบ้าง เพื่อให้ทุกอย่างโปร่งใส่ ที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานใดที่โอนสำนวนให้แก่กันมาก่อน แต่หากดีเอสไอเคลียร์เรื่องนี้ไม่ชัด กกต.จะไม่ตรวจสอบ" นางสดศรีกล่าว และว่า ขณะนี้ดีเอสไอส่งแค่เอกสารมาให้ กกต.เท่านั้น แต่ไม่ได้ส่งสำนวนมาให้ ตามปกติจะต้องส่งสำนวนการสอบสวนมาให้ด้วย ส่วนที่ดีเอสไออ้างว่าไม่มีอำนาจสอบเรื่องนี้เพราะเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.พรรคการเมืองนั้น เมื่อดีเอสไอรู้ตั้งแต่แรกว่าไม่มีอำนาจสอบสวนแล้วสอบสวนมาเป็นปีเพราะเหตุใด

นางสดศรีกล่าวต่อว่า ส่วนที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยนั้น กกต.จะต้องรับพิจารณา เนื่องจากพรรคเพื่อไทยอ้างว่ามีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้ ทั้งนี้การพิจารณาของ กกต.จะทำพร้อมกันกับสำนวนของดีเอสไอที่ส่งมาโดยจะสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องใหม่ทั้งหมด

ตรวจสำนวนคดี 258 ล.-ครบ 8 แฟ้ม

เวลา 15.50 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะทำงานตรวจสอบเอกสารสำนวนหลักฐานกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท และการใช้เงินสนับสนุนพรรคการเมืองผิดวัตถุประสงค์จำนวน 23 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ส่งมาให้กกต. นำโดยนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ประกอบด้วย พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และพ.ต.ท.จักรกริช แดงสุริศรี รักษาการพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมเปิดกล่องเอกสารสำนวน

จากการตรวจสอบพบว่ามีเอกสาร 8 แฟ้มตามที่ระบุในหนังสือนำส่ง โดยในกล่องที่ 1 มี 4 แฟ้ม แต่มีลำดับหมายเลข 1-3 เนื่องจากแฟ้มลำดับที่ 2 ซึ่งเป็นคำให้การของพยาน มีเอกสารจำนวนมากจึงต้องแยกแฟ้มออกมา โดยใช้ชื่อว่า แฟ้มที่ 2 (ต่อ) ขณะที่กล่องที่ 2 มีแฟ้มลำดับหมายเลข 4-7 รวมสำนวนเอกสารมีทั้งสิ้น 3,261 แผ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการตรวจสอบสำนวน นายสุทธิพลได้ถามรองอธิบดีดีเอสไอว่าในสำนวนที่ส่งมาถือว่าเสร็จสมบูรณ์หรือไม่ มีการสรุปสำนวนให้กกต.หรือไม่ รวมทั้งได้ทำเป็นคำร้องหรือไม่ และดีเอสไอให้ กกต.ดำเนินคดีตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งกกต.เป็นผู้รักษาการ แต่ตามกฎหมายดังกล่าว ยังมีโทษทางอาญาด้วย ดีเอสไอจะทำคดีในส่วนนี้ต่อไปหรือไม่

ดีเอสไอพร้อมช่วยกกต.สอบต่อ

พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า สำนวนที่ส่งให้กกต. ถือว่ายังทำไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะมีข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับพ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจของดีเอสไอ หากลงไปทำเองอาจถือว่าเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจ ส่วนเรื่องเอกสารที่ส่งมานั้นไม่ถือว่าเป็นคำร้อง แต่ถือเป็นข้อเท็จจริงที่ดีเอสไอศึกษาพ.ร.บ. พรรคการเมืองแล้วเห็นว่ากฎหมายใช้คำว่า "ความปรากฏต่อนายทะเบียน" จึงส่งสำนวนมาให้นายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาว่าจะดำเนินการตามกฎหมายได้หรือไม่ หากกกต.ต้องการสำนวนสรุป ดีเอสไอพร้อมจะสรุปเสนอให้กกต.ภายในวันที่ 27 มี.ค.นี้ นอกจากนี้หากต้องการความรวดเร็วในการสอบสวนและเพื่อความเข้าใจในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดีเอสไอพร้อมส่งเจ้าหน้าที่ ซึ่งศึกษาและทำคดีนี้มากว่าครึ่งปีมาช่วยชี้พยานหลักฐานพยานบุคคลให้

พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า ส่วนการสอบตามความผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์ ดีเอสไอพร้อมจะดำเนินการต่อ เพราะขณะนี้ทำไปแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ หากสอบเสร็จก่อนกกต.พิจารณา ก็คงไม่ต้องรอการสอบ สำหรับความผิดทางอาญาตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง ดีเอสไอยังดำเนินการต่อและจะหารือกับกกต.ว่า จะให้ดำเนินการต่อหรือไม่ หรือกกต.จะรับไว้ดำนินการเอง

"การประสานงานระหว่างดีเอสไอและกกต. ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก แต่กับหน่วยงานอื่น ดีเอสไอเคยกระทำมาแล้ว อาทิ ป.ป.ช. โดยดีเอสไอจะส่งเอกสารลักษณะเดียวกันนี้ให้ ยืนยันว่าในเมื่อเราเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีหน้าที่ต้องร่วมมือกันทำงาน หากใครทำความผิดเราต้องเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ แต่ไม่ได้หมายความเรื่องนี้เป็นเรื่องของดีเอสไอ แล้วกกต.ห้ามทำ หรือเป็นเรื่องของกกต.แล้วดีเอสไอห้ามทำ เพราะเรามีเป้าหมายอยู่ที่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งปัญหาเรื่องนี้จะไม่เกิดเลย หากกกต.ส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยเป็นที่ปรึกษาตามที่ดีเอสไอมีหนังสือขอมาเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งต่างจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ที่ส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยเมื่อเราร้องขอไป หากส่งเจ้าหน้าที่ไปเรื่องก็จบแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นกฎหมายเฉพาะ" พ.ต.อ.สุชาติ กล่าว

รับข้อมูลเหลิมมีข้อเท็จจริงตรงกัน

พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า ข้อมูลที่ร.ต.อ.เฉลิมนำมาอภิ ปรายถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อเท็จจริงที่ตรงกับสำนวน แต่ยังมีเนื้อสำนวนอีกมากที่แตกต่างออกไปและยืนยันว่าการที่ดีเอสไอส่งเอกสารในวันที่ 18 มี.ค. ก่อนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ 1 วันนั้น ไม่ได้หวังผลการเมือง เพราะเราได้ประชุมพนักงานสอบสวนร่วมกับอัยการ ก่อนเสนอให้อธิบดีดีเอสไอลงนาม ซึ่งวันที่ส่งสำนวน มานั้น ทราบว่ามีผลกระทบกับการเมืองสูง แต่เราไม่ได้ทำให้เป็นประเด็นการเมือง ถ้าทำเช่นนั้นต้องตีฆ้องร้องป่าวกันแล้ว แต่เราส่งเรื่องนี้มาอย่างเงียบๆ อีกทั้งยังโทร ศัพท์หาเจ้าหน้าที่หน้าห้องของนางสดศรี สัตยธรรม กกต. เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องลับ นอกจากนี้กว่าที่อธิบดีจะลงนามต้องใช้เวลา 2 วัน ซึ่งประจวบเหมาะกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สุชาติ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าพยานหลักฐานที่ส่งมามีน้ำหนักที่จะเอาผิดพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์จะนำการรับรองงบดุลของกกต.ในปี 2548 มาเป็นข้อต่อสู้ได้หรือไม่ พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวเพียงว่า ในสำนวนที่รวบรวมมามีคำตอบอยู่แล้ว ไม่อยากพูด เพราะจะบีบคณะทำงานของกกต.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการพูดคุย นายสุทธิพลพยายามชี้แจงสิ่งที่กกต.ต้องทำ คือพิจารณาว่าการดำเนินการดังกล่าวอยู่ในอำนาจของกกต.หรือไม่ และบ่ายเบี่ยงที่จะตอบว่าหากกรณีดังกล่าวเป็นเหตุให้ต้องยุบหรือดำเนินคดีกับพรรคประชาธิปัตย์ นายทะเบียนต้องเป็นเจ้าทุกข์ฟ้องคดีหรือไม่ นอกจากนี้ นายสุทธิพล ยังอ้างว่าต้องตรวจสอบอีกว่า กกต.มีอำนาจตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ อีกทั้งยังพยายามชี้ให้ดีเอสไอสรุปสำนวนมาให้กกต.ด้วย ภายหลังการเปิดตรวจสอบเอกสาร นายปกครอง สุนทรสุทธิ์ ประธานคณะทำงาน ยังแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาทำงานพอสมควร เพราะเอกสารทั้งหมดที่นำส่งเป็นข้อมูลดิบ

ป๋าเผยไม่เคยฟังโฟนอิน-ชี้พูดบ่อย

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ หนองจอก พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ได้เป็นประธานเปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่ 11 โดยมีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ร่วมงาน

พล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์ถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯโฟนอินพาดพิงองคมนตรี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานว่า ไม่มี เราทำงานของเราตามปกติ ตนไม่เคยฟังพ.ต.ท.ทักษิณเลย และท่านพูดกี่ครั้ง ตนก็ไม่เคยฟัง เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ตนให้พล.อ.สุรยุทธ์ เล่าให้ฟังว่าเขาพูดอย่างไร เพราะไม่เคยฟังว่าพ.ต.ท.ทักษิณ พูดอย่างไร

เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่ว่าคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ จะบิดเบือนข้อเท็จจริง พล.อ.เปรม กล่าวว่า คงตอบไม่ได้เพราะไม่ได้สนใจว่าเขาพูดอย่างไร เมื่อถามว่าได้ฟังพล.อ.สุรยุทธ์ รายงานถึงคำพูดของพ.ต.ท.ทัก ษิณ แล้วรู้สึกอย่างไร พล.อ.เปรม นิ่งคิดชั่วครู่ ก่อนกล่าวว่า รู้สึกว่าพูดบ่อย จริงไม่จริงตนไม่รู้ เพราะไม่ได้สนใจ

เมื่อถามว่าอยากฝากประชาชนคนไทยหรือไม่เพราะประเทศไม่เคยแบ่งแยกออกเป็น 2 ฝ่ายถึงขนาดนี้ พล.อ.เปรม กล่าวว่า คนไทยต้องสำนึกที่จะต้องไม่แตกแยกกันเพื่อส่วนรวม ซึ่งตนอยากให้คนไทยหันมาสามัคคีปรองดองเพื่อให้ประเทศชาติอยู่รอด

ยันองคมนตรีไม่เกี่ยวปฏิวัติ19ก.ย.

เมื่อถามว่าอยากเตือนให้พ.ต.ท.ทักษิณ หยุดพูดเพื่อให้ประเทศชาติไปได้ใช่หรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า เตือนมาหลายครั้งแล้ว และเตือนบ่อยๆ ที่จริงการจะพูดว่าคนไทยแตกแยกไม่ถูก มีบางส่วนเท่านั้น เป็นส่วนน้อย ไม่ใช่ส่วนใหญ่ คนไทยส่วนใหญ่ยังรักใคร่กันดี และยังมีความเป็นไทยอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

เมื่อถามว่าการโฟนอินบ่อยอาจทำให้ประชาชนเปลี่ยนความคิด ทหารจะมีส่วนช่วยสร้างความสามัคคีอย่างไร พล.อ.เปรม กล่าวว่า ทหารคือส่วนหนึ่งขององค์กรของบ้านเมือง เขารักชาติบ้านเมืองเหมือนกัน เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ปักใจว่าองคมนตรีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 พล.อ.เปรม กล่าวว่า "ท่านพูดของท่านเอง ผมไม่รู้ องคมนตรีไม่มีหน้าที่ไปเกี่ยวข้องเรื่องนี้ ถ้าใครยังไม่เข้าใจ โปรดเข้าใจให้ถูกว่าองคมนตรีไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองเลย เราจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น"

เมื่อถามว่าจะพูดได้หรือไม่ว่าปัญหาความแตกแยกที่เกิดขึ้นเพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียว พล.อ. เปรม ย้อนถามว่า คิดเองก็แล้วกัน เมื่อถามว่าจะฟ้องร้องพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะทำให้องคมนตรีเสื่อมเสียชื่อเสียง พล.อ.เปรม หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า "ผมว่าคงไม่ฟ้อง เพราะผมไม่ทราบว่าท่านพูดอย่างไร"

ชื่นชมรัฐบาลนี้ดี-อภิสิทธิ์ก็เป็นคนดี

เมื่อถามว่าจะให้กำลังใจรัฐบาลในส่วนไหนบ้าง พล.อ.เปรม กล่าวว่า รัฐบาลนี้ดี และตนเคยพูดว่านายกฯคนนี้ดี ดังนั้นเราคงหวังได้ว่าท่านจะเป็นผู้นำที่ดี และจะทำให้ประเทศดีขึ้น เมื่อถามว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯจะนำพาวิกฤตของประเทศได้หรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวสั้นๆว่า "ผมเชียร์"

พล.อ.เปรม กล่าวว่า วันนี้รมว.ต่างประเทศของจีนจะเข้าพบตนในเวลา 15.00 น.เพราะนัดกันไว้ มาเยี่ยมเยียมกันในฐานะเพื่อน ส่วนที่มีข่าวว่าจะหารือเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น มันไม่จริง ตนไม่มีหน้า ที่ต้องทำอย่างนั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล เมื่อถามว่าจะฝากรมว.ต่างประเทศของจีนให้ส่งพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า พูดไม่ได้ ไม่ใช่หน้าที่ของเรา

"สุรยุทธ์"ยอมรับหารือในองคมนตรี

ด้านพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมองคมนตรีเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ว่า ประธานองคมนตรีพูดไปแล้วว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นห่วงเรื่องความแตกแยกของคนไทย เป็นสิ่งที่มีการพูดคุยกัน เมื่อถามว่าที่ประชุมแสดงความเป็นห่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงองคมนตรีหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นสถานการณ์ที่ทำให้ต้องพูดคุยกัน

เมื่อถามว่าเป็นห่วงจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของทำเนียบองคมนตรีหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า การทำงานคงไม่มีปัญหา เพราะทำงานในฐานะที่ปรึกษา คงรวบรวมข้อมูลบ้างเป็นธรรมดาของที่ปรึกษา หากนั่งอยู่เฉยๆ คงไม่สามารถตอบคำถามได้ เมื่อถามว่าองคมนตรีส่วนใหญ่ไม่สบายใจเกี่ยวกับการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่พูดคุยกันแล้วในที่ประชุม ส่วนจะไม่สบายใจหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ได้หารือกันในที่ประชุม

เมื่อถามถึงพ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินแฉรอบสองในวันที่ 26 มี.ค.นี้ หนักใจหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่มีอะไรพูดไปมากกว่านั้น เพราะความจริงจะต้องเปิดเผยออกมา เราไม่สามารถไปปิดบังความจริงได้ ยืนยันตรงจุดนี้ว่าความจริงจะต้องเปิดเผย

ไม่เกี่ยวปฏิวัติ-แต่ยอมรับมีพูดคุยกัน

เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าในฐานะลูกผู้ชาย หากทำสิ่งใดก็พร้อมยอมรับ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่ต้องยืนยัน แต่ตนเชื่อในกฎแห่งกรรม ไม่ว่าชายหรือหญิงต้องรับกรรมทั้งสิ้น เมื่อถามถึงพ.ต.ท. ทักษิณ ระบุท่านมีส่วนเกี่ยวข้องในการประชุมก่อนมีการทำรัฐประหาร พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องรัฐประหาร ซึ่งแน่นอนตนมีเพื่อนและมีคนที่รู้จัก ตนต้องมีการพูดคุยกันเป็นเรื่องธรรมดา และการพูดคุยเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนเราทุกคนที่สนใจ และเป็นห่วงบ้านเมือง

เมื่อถามว่ามีผู้ใหญ่ของบ้านเมืองประชุมกันจริงหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับการประชุม ไม่ได้เป็นลักษณะการประชุม เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าท่านไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติครั้งที่ผ่านมา พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนได้ยืนยันไปแล้ว ไม่ขอพูดซ้ำในเรื่องที่พูดไปแล้ว

เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ระบุท่านมีความเจ็บแค้นที่ถูกย้ายออกจากตำแหน่งผบ.ทบ. พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี ตนเข้าใจดีในช่วงที่เป็นผบ.เหล่าทัพ เป็นหน้าที่ของผู้บริหารที่จะโยกย้ายผู้ที่มีความเหมาะสมเข้ามาทำงาน เมื่อตนเป็นผบ.ทหารสูงสุด ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้มีความแค้นเคืองหรือย่อท้อ และทำตามหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ในทุกตำแหน่ง

"พัลลภ"นัดแฉเบื้องหลังปฏิวัติ19ก.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบองคมนตรี วังสราญรมย์ พล.อ.เปรม ได้เปิดสำนักงานให้รมว.ต่างประเทศจีนเข้าพบ โดยช่วงเช้าพล.อ.เปรม ได้บอกกับผู้สื่อข่าวจะอนุญาตให้เข้าไปถ่ายภาพทำข่าวได้ แต่เมื่อถึงเวลาพิธีในช่วงบ่าย ปรากฏว่าทางทหารคนสนิทและนายทหารติดตามได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่าพล.อ.เปรม ของดการทำข่าว ทำให้สื่อมวลชนและช่างภาพที่มารอทำข่าวจำนวนมากต่างต้องเดินทางกลับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 26 มี.ค. เวลา 13.00 น. พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.รมน. จะเป็นประธานประชุมมูลนิธิไทยอาสาป้องกันชาติ(ทสปช.) ที่หอประชุมกองทัพบก โดยหลังเสร็จการประชุม พล.อ.พัลลภ จะเปิดใจชี้แจงถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุข้อมูลเบื้องหลังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 และแผนลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย

ปชป.แถลงชี้ 4 เป้าหมายม็อบแดง

ที่รัฐสภา น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีร.ต.อ.เฉลิมระบุได้ข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจมาจากพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีตส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นความพยายามบิดเบือนแหล่งที่มาของข้อมูล ที่ผ่านมา นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่ามีผู้ใหญ่ในดีเอสไอไปพบอดีตผู้นำรัฐบาลก่อนการอภิปราย หารือถึงข้อมูลดังกล่าว วันนี้กลับคำพูดว่าไม่ได้ข้อมูลมาจากดีเอสไอ อยากถามว่าความจริงได้ข้อมูลจากไหน

น.พ.บุรณัชย์กล่าวว่า คณะทำงานปฏิบัติการเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง (วอร์รูม) พรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์ว่าการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 26 มี.ค. เป็นการยกระดับพุ่งเป้าไปที่ 4 โครงสร้างหลัก คือ 1.รัฐบาล 2.สภาผู้แทนราษฎร 3.พรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการยื่นเรื่องให้ยุบพรรค และ 4.สถาบันหลักนอกเหนือความขัดแย้ง เช่น ตุลาการ องคมนตรี เหล่าทัพต่างๆ รัฐบาลจะมุ่งเน้นการใช้หลักสันติวิธี ให้ตำรวจและเหล่าทัพใช้วิธีเจรจา ไม่หลงกลในเกมสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง คาดว่านายกฯ จะร่วมหารือกับผู้นำฝ่ายค้านก่อนมีการชุมนุม เพื่อลดระดับความรุนแรง

น.พ.วรงค์ เดชวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินและวิดีโอลิงก์บ่อยขึ้น ปลุกระดมปราศรัยม็อบเสื้อแดงโดยตรงเหมือนเป็นผู้นำม็อบตัวจริง

"เทพไท"อัดดีเอสไอมีพิรุธยื่นกกต.

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประเมินว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงมากกว่า 3 หมื่นคน เยอะกว่าการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา เป็นไปตามแผนตากสินที่ใช้วิธีระดมคนจากหัวเมือง ใช้การโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณดึงดูดความเห็นใจให้คนมาชุมนุมมากที่สุด หวังว่าการชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อ แต่ปัจจัยการยืดเยื้อหรือไม่อยู่ที่ท่อน้ำเลี้ยงว่าตันหรือค้างท่อ ส่วนแผนการปิดล้อมทำเนียบเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การล้มล้างรัฐบาล เพื่อกู้หน้าความล้มเหลวในการอภิปรายที่ผ่านมา ดูจากยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยพบว่ามีเป้าหมาย 2 ข้อ คือ 1.กลบเกลื่อนแผนตากสิน และ 2.หลอกใช้เงินพ.ต.ท.ทักษิณเพื่อให้ดัชนีความสุขของผู้จัดม็อบมีสูงขึ้น

นายเทพไทกล่าวถึงพรรคเพื่อไทยจะยื่นกกต.ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์จากปัญหาเงินบริจาค 258 ล้านบาทว่า หากทำเช่นนั้นจริง พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นให้กกต.พิจารณายุบพรรคเพื่อไทยทันทีตามพ.ร.บ. พรรคการเมือง ฐานจงใจใส่ร้ายพรรคการเมืองอื่น ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย มีโทษถึงขั้นยุบพรรค ถ้าถึงที่สุดแล้วกกต.ตรวจสอบไม่พบความผิดของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทยก็มีสิทธิ์ถูกยุบพรรคได้เช่นกัน พรรคเตรียมหลักฐานเอกสารไว้ครบถ้วนแล้ว ตั้งแต่ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันความโปร่งใสของเงินบริจาคดังกล่าว รวมถึงการใช้เงินสนับสนุนพรรคการเมือง 23 ล้านบาทที่ได้รับจากกกต.ด้วย ขอตั้งข้อสังเกตถึงการดำเนินการของดีเอสไอที่ยังไม่ได้สรุปความผิดของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) แต่กลับรีบนำหลักฐานยื่นให้กกต.ยุบพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ส.ส.กลาง-อีสานโต้เปล่าเป็นงูเห่า

นายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปฏิเสธเป็นงูเห่าในพรรคประชาธิปัตย์ว่า ถ้าเป็นงูเห่าจริง กลุ่ม 8 ส.ส.ชลบุรีต้องงดออกเสียงหรือโหวตสวนในการอภิปรายที่ผ่านมา ขณะนี้พวกตนรู้สึกสบายใจกับการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะได้รับแรงกดดันจากชาวบ้านว่ามีส.ส.ถึง 8 คน แต่กลับไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเลย เราก็ชี้แจงไปว่าพรรคมีระบบอาวุโส เป็นส.ส.แค่สมัยเดียวไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ แต่นายอภิสิทธิ์และผู้ใหญ่ในพรรคดูแลจัดสรรงบลงพื้นที่ จ.ชลบุรี ได้อย่างเหมาะสม กลุ่มพวกตนหมดความกังวลในส่วนนี้

นายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในส.ส.ภาคกลางที่พรรคเพื่อไทยระบุว่าเป็นงูเห่าจะไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องย้ายพรรค เลิกคิดได้ ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมา นายอเนก ทับสุวรรณ พ่อของตน เคยเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2519 ตอนนี้ยังเป็นที่ปรึกษาให้กับพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมามีการชักชวนจากพรรคการเมืองอื่น แต่ตนปฏิเสธ เพราะแนวทางการทำงานแตกต่างกัน

นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สอบถามส.ส.ภาคอีสานของพรรคทั้ง 5 คนแล้ว ยืนยันว่าไม่มีการติดต่อพูดคุยเรื่องนี้ ทุกคนยังมั่นคงอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ และคิดว่าจะทำอย่างไรให้ได้ส.ส.ภาคอีสานมากขึ้น เพราะขณะนี้นโยบายของรัฐบาลโดนใจชาวอีสาน นายอภิสิทธิ์ทำอะไรได้มากกว่าพ.ต.ท.ทักษิณ

ขรก.ทำเนียบเตรียมพร้อมหนีม็อบ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่ให้พร้อมรับมือการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยตั้งแต่ช่วงเช้าได้นำธงชาติที่ประดับไว้บริเวณรั้วทำเนียบรัฐบาลด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้าลง ซึ่งก่อนหน้านี้มีการประดับธงชาติอย่างต่อเนื่อง แม้ไม่มีบุคคลสำคัญเดินทางมาเยือนก็จะไม่นำธงชาติลง คาดว่าที่นำธงลงมา เพราะเกรงผู้ชุมนุมจะหยิบด้ามธงมาใช้เป็นอาวุธและอาจปีนเข้ามาในทำเนียบรัฐบาล ทำให้ภาพที่ออกมาไม่สวยงาม เนื่องจากต้องปีนข้ามธงชาติเข้ามา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หัวหน้างานในหน่วยงานต่างๆในทำเนียบรัฐบาล ได้สั่งการให้ข้าราชการนำรถเข้ามาได้เพียงประตูเดียว คือด้านฝั่งสะพานอรทัย สำหรับข้าราชการผู้หญิงให้สวมใส่กางเกงแทนกระโปรงมาทำงานได้ เพื่อความคล่องตัวหากเกิดเหตุสุดวิสัย รวมทั้งข้าราชการทำเนียบฯบางส่วนได้เก็บข้อมูลเอกสารสำคัญใส่แฮนดี้ไดรฟ์ และบางหน่วยงานได้ถอดฮาร์ดดิสก์เครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ต่างหาก ทั้งนี้ หน่วยงานราชการที่ตั้งอยู่โดยรอบทำเนียบฯได้ให้เจ้าหน้าที่ติดตามและประเมินสถานการณ์การชุมนุมอย่างใกล้ชิด โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติให้ย้ายสถานที่การประชุมของคณะกรรมการป.ป.ช.ในวันที่ 26 มี.ค. ไปที่อาคารธนภูมิ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายระหว่างการประชุม

บช.น.ติดวงจรปิด-ทหารตรึงทำเนียบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้ บก.จร.ได้ร่วมกับบช.น. ปรับปรุงกล้องวงจรปิด ซีซีทีวี บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล ทั้งถนนพิษณุโลก นครปฐม ลูกหลวง ราชดำเนิน อาทิ บริเวณหน้าสำนักงานป.ป.ช. บริเวณสี่แยกพาณิชย การ บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ทหารที่มาจากร.1 รอ. กองพลปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ได้นำรถน้ำ รั้วลวดหนามหีบเพลง เปลสนาม เต็นท์ผ้าใบ พัดลม โล่ป้องกัน พร้อมอาหารกึ่งสำเร็จรูปและน้ำดื่ม ทยอยเข้ามาประจำการในทำเนียบฯตั้งแต่เวลา 14.00 น. โดยเข้ามาตั้งกองบัญชาการอยู่บริเวณตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตึกสภาความมั่นคงแห่งชาติ และตึกสันติไมตรี

สำหรับวาระงานของรัฐมนตรีในวันที่ 26 มี.ค.นี้ ปรากฏว่า ตลอดทั้งวันนายกฯไม่มีภารกิจในทำเนียบฯ ส่วนพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต่างมีภารกิจข้างนอก มีเพียงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง เท่านั้น ที่ยืนยันจะเข้ามาทำงานที่ทำเนียบฯตามปกติ

มหาดไทยประเมินม็อบมา3หมื่น

เวลา 11.20 น. ที่หน้ากระทรวงมหาดไทย กลุ่มคนเสื้อแดง นำโดยน.พ.เหวง โตจิราการ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ซึ่งเคลื่อนมาจากกองบัญชาการกองทัพบก มาชุมนุมบริเวณด้านหน้ากระทรวงมหาดไทย โดยน.พ.เหวง กล่าวว่า การมาชุมนุมที่นี่เพื่อประท้วงนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว. มหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ และนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ที่สั่งการผู้ว่าฯทั่วประเทศ สกัดประชาชนเสื้อแดงที่จะเคลื่อนเข้ามาชุมนุมในกทม.วันที่ 26 มี.ค. เช่น พิษณุโลก น่าน เชียงราย เชียงใหม่ ที่มีการสกัดกั้นโดยห้ามรถบัสที่มีผู้โดยสารใส่เสื้อแดงวิ่ง ถือเป็นการปิดกั้นสิทธิในการชุมนุม จึงอยากเรียกร้องผู้ว่าฯอย่าทำตามคำสั่งรมว.มหาดไทย เพราะถือเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ

เวลา 13.00 น. นายชวรัตน์ กล่าวว่าตนไม่ได้ให้ผู้ว่าฯใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่จะมาร่วมชุมนุม เพียงแต่ให้ทำความเข้าใจว่าการมาชุมนุมนั้นไม่มีประโยชน์อะไร เป็นเรื่องไม่ดี เสียทั้งเงินและเวลา ทำให้ประเทศชาติไม่สงบ เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ที่ถูกกลุ่มเสื้อแดงขู่จะฟ้องร้องกรณีสั่งผู้ว่าฯให้สกัดกั้นประชาชนไม่ให้มาร่วมชุมนุม นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่ได้หวั่นไหว เพียงแต่รู้สึกหนักใจเพราะการชุมนุมทำให้บ้านเมืองไม่สงบ

ผู้สื่อข่าวถามว่ามหาดไทยได้ประเมินตัวเลขของผู้ชุมนุมครั้งนี้หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะถึง 3 หมื่นคนหรือไม่ แต่นายกฯกำชับให้ดูแลการชุมนุมให้เป็นไปโดยสงบ และตนสั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย รายงานตัวเลขผู้ชุมนุมทั่วประเทศมายังตนแล้ว

"ป๊อก"แจงระดมทหาร6พัน-ร้องขอมา

เวลา 15.20 น. ที่รัฐสภา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมกำลังทหารช่วยรับมือการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 26 มี.ค.ว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่ถ้าขออย่างไรก็เป็นไปตามแผนที่เคยทำไว้ เมื่อถามว่าทำไมต้องใช้กำลังทหารมากถึง 6,000 นาย มากกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผบ.ทบ. กล่าวว่า แล้วแต่เจ้าหน้าที่จะร้องขอ ถ้ารัฐบาลเห็นด้วยก็ดำเนินการแต่จะเป็นในลักษณะการรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่ได้ไปราวีหรือทำอะไรอย่างอื่น

ต่อข้อถามว่ากองทัพมีรายงานว่าจะเกิดความรุน แรงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมี เพราะ เราไม่ใช้ความรุนแรง เรารักษาสถานที่ตั้งตามที่ตกลงกันไว้

พล.อ.อนุพงษ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงองคมนตรีเป็นห่วงสถานการณ์จะรุนแรงมากขึ้นจากการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณว่า ตนรู้สึกเช่นเดียวกับคนไทยทั้งประเทศ ทุกฝ่ายทุกระดับ เพราะตอนนี้ประเทศเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศที่จะต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ โดยมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งของคนในประเทศ ตนจึงหวังให้การเมืองนิ่ง เพื่อจะได้แก้ปัญ หาเศรษฐกิจและขจัดความขัดแย้งให้หมดไป ทั้งนี้ ตนไม่ได้บอกว่าฝ่ายใดดีหรือไม่ดี แต่ถ้าจะมาขัดแย้งด้วยเรื่องที่ไม่ใช่วาระแห่งชาติ ไม่น่าจะเกิดขึ้น

เตือนเพื่อนทักษิณคำนึงถึงชาติให้มาก

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้ความขัดแย้งหมดไป ผบ.ทบ. กล่าวว่า ถ้าทุกฝ่ายมองเป้าหมายที่สูงกว่าคือคำนึงถึงสถาบันชาติ ต้องไม่นำความขัดแย้งมาพูดกัน เมื่อถามว่าถ้าพ.ต.ท.ทักษิณยังไม่หยุดความเคลื่อน ไหว ปัญหาจะจบได้หรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวว่า ตนอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันลดความขัดแย้ง ไม่ใช่ใครพูดมาอย่างไรแล้วต้องเป็นไปตามนั้นทั้งหมด

ต่อข้อถามว่าการพาดพิงถึงองคมนตรีที่มีความใกล้ชิดกับสถาบันเบื้องสูง จะกัดกร่อนและทำให้สถาบันได้รับผลกระทบหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันสูงสุด ซึ่งประชาชนถือว่าเป็นมิ่งขวัญและจะไม่ทำอะไรให้กระทบกระเทือน ส่วนคนอื่นจะคิดอย่างไรขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ สถาบันพระมหากษัตริย์มีความสำคัญต่อประเทศมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ จึงอยากให้ทุกคนคำนึงถึงจุดนี้และช่วยกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะนักเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ อยากบอกกับพ.ต.ท.ทักษิณเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนพูดไปก็จะเป็นประเด็น แต่บอกได้แค่ว่าถ้าพ.ต.ท.ทักษิณคำนึงชาติให้มาก ก็คงจะดี

คาดม็อบ3หมื่น-เตรียมตัดเสียงแม้ว

วันเดียวกัน ศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงมหาดไทย (ศปก.มท.) รายงานการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่จะมาร่วมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 26 มี.ค.ว่าประเมินว่าจะมีผู้ร่วมชุมนุม 25,000-27,000 คน โดยส่วนใหญ่อยู่ในเขตกทม.และปริมณฑล และพื้นห่างจากกทม.ไม่เกิน 200 กิโลเมตร ในพื้นที่ของส.ส. พรรคเพื่อไทย ซึ่งคาดว่าจะมี 15,000 คน เพราะง่ายต่อการเดินทางและประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนที่จ.นนทบุรี ที่รมว. มหาดไทยจะไปเปิดงานปกป้องสถาบัน คาดว่าหลังจากเสร็จงานจะมีผู้ชุมนุมบางส่วนเดินทางมาสมทบที่ทำเนียบรัฐบาล โดยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ที่เป็นเขตเลือกตั้งของพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภา

รายงานข่าวจากหน่วยข่าวและหน่วยงานด้านความมั่นคง เผยว่า มีการประเมินและรายงานถึงนายสุเทพ ถึงความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง วันที่ 26 มี.ค. คาดว่าจะมีผู้ชุมนุมประมาณ 2.5-3 หมื่นคน แบ่งเป็นส.ส.พรรคเพื่อไทย นำมาจากทั่วประเทศ 5 พันคน กลุ่มเสื้อแดงในกทม. 1.5 หมื่นคน ที่เหลือเป็นกลุ่มต่างๆ ประเมินด้วยว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อาจพูดผ่านระบบวิดีโอลิงก์ เจ้าหน้าที่จึงเตรียมระบบตัดสัญญาณ หากการพูดดังกล่าวปลุกเร้าผู้ชุมนุมจนเข้ายข่ายผิดกฎหมาย อาจตัดสัญญาณทันที เพราะวิตกจะมีการลุกฮือของผู้ชุมนุม เนื่องจากประเมินว่าพ.ต.ท. ทักษิณ อาจปักหลักสู้

รายงานข่าวเผยว่า นายสุเทพ กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ต้องไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมข้ามรั้วเข้ามาในทำเนียบเด็ดขาด และประเมินว่าการชุมนุมจะกินเวลาถึง 29 มี.ค.เท่านั้น เนื่องจากทราบความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ชุมนุมหวั่นเกรง เนื่องจากวันที่ 30 มี.ค. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯเปิดงานกาชาด

"เทือก"ย้อนแกนม็อบ-อย่าอ้างมือที่ 3

เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เพื่อรายงานความคืบหน้าด้านการข่าวและการเตรียมความพร้อมรับมือการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเคลื่อนตัวจากสนามหลวงมาปักหลักที่ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาหารือนาน 1 ชั่วโมงเศษ

จากนั้น พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า รองนายกฯไม่ได้สั่งการใดเป็นพิเศษ การเตรียมความพร้อมครั้งนี้เหมือนครั้งก่อนทุกประการ ไม่มีอะไรพิเศษ การประเมินสถานการณ์ไม่ได้แตกต่างออกไป หรือรุนแรงมากขึ้น กำลังที่จะมาปฏิบัติหน้าที่คือ 23 กองร้อย

ด้านนายสุเทพ กล่าวว่าตนไม่ได้สั่งการใดเป็นพิเศษ ตนมีหน้าที่ติดตามสถานการณ์และดูแล การเชิญผบช.น.มาเพื่อให้บรรยายสรุปให้ฟังว่าเตรียมการอย่างไร ซึ่งมั่นใจว่าตำรวจสามารถรักษาสถานการณ์ได้และมีความพร้อมดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย

"ผมจะมาทำงานที่ทำเนียบฯตามปกติ ผมย้ำเจ้าหน้าที่ว่าต้องไม่ประมาท เตรียมการให้พร้อมที่สุด รักษาสถานที่ราชการอย่าให้ใครบุกรุกทำลาย ผมไม่ทะเลาะกับเสื้อแดง ไม่ใช่หน้าที่ผม หน้าที่ผมคือรักษากฎหมาย ป้องกันสถานที่ราชการ ทรัพย์สินราชการ บุคคลทั้งหลาย และไม่ทราบว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อหรือไม่ ผมกำชับเจ้าหน้าที่ว่าหากถูกยั่วยุ เราต้องยึดหลักการทำงานให้เคร่งครัด เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ เป็นผู้รักษากฎหมาย ส่วนผมเข้ามาทำงานในทำเนียบฯตามปกติ นอกจากนี้ไม่มีการรายงานเรื่องมือที่สาม ดังนั้นหากใครทำผิดจะมาอ้างเป็นมือที่สามไม่ได้ " นายสุเทพ กล่าว

แม่ทัพภาค1ระบุทหารไม่ถึง6พัน

ที่กองทัพภาคที่ 1 พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงวันที่ 26 มี.ค.ว่า กองทัพได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ดูแลสถานที่ราชการ ไม่เกี่ยวข้องการเข้าไปปะทะกับม็อบ หรือเข้าไปสัมผัสม็อบโดยตรง กองทัพภาคที่ 1 ใช้แผนอาร์มทอง ใช้กำลังไม่ถึง 6,000 คน ใช้จำนวนทหาร 21 กองร้อยตามแผนเดิม โดยจะดูแลภายในทำเนียบรัฐบาล กองทัพภาคที่ 1 มีมาตรฐานเดียว คือเป็นทหารของประชาชน ไม่ปะทะม็อบหรือประชาชน โดยเจ้าหน้า ที่ทหารจะไม่พกอาวุธ มีแต่เครื่องดับเพลิง เครื่องฉีดน้ำตามสถานที่ราชการเท่านั้น มั่นใจว่าจะไม่มีเหตุ การณ์รุนแรง เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน และผู้ที่ทำรุนแรงต้องได้รับโทษตามกฎหมาย

เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณใช้ม็อบจำนวนมากกดดันรัฐบาลจะเกิดความรุนแรงหรือไม่ พล.ท.คณิต กล่าวว่า แกนนำนปช.กล่าวอยู่เสมอจะไม่ให้เกิดความรุนแรง ไม่บุกรุกสถานที่ราชการ หากปฏิบัติตามสิทธิ์ในระบอบประชาธิปไตยก็ไม่น่ามีปัญหา เมื่อถามว่ากำชับกำลังพลอย่างไรไม่ให้ถูกทำร้ายเหมือนครั้งที่แล้ว พล.ท.คณิต กล่าวว่า ให้เพิ่มการระมัดระวัง อย่าไปอยู่ในจุดล่อแหลม อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวในกลุ่มที่เคลื่อนขบวน เพราะเรามีบทเรียนมาแล้ว

แจงวุ่นงบ 1 พันล้านสลายเสื้อแดง

เมื่อถามว่าครม.อนุมัติงบให้กอ.รมน. 1,000 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงเข้าใจว่านำมาใช้ละลายพฤติกรรมในพื้นที่ พล.ท.คณิต กล่าวว่า งบประมาณมีแต่โครง การสู้วิกฤตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องความสมานฉันท์เป็นนโยบายหลักของประเทศ คนเราคิดต่างกันได้ เมื่อคิดต่างกันแล้วไม่ใช่ต้องเป็นศัตรูกัน

วันเดียวกัน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยถึงครม. อนุมัติงบให้กอ.รมน. 1,000 ล้านบาทว่า กอ.รมน.จะนำงบดังกล่าวใช้ในภารกิจลงพื้นที่ตามหมู่บ้านทั่วประเทศ 73,233 หมู่ บ้าน 1,856 ชุมชน ไปสำรวจความเดือดร้อนของประชาชนและนำเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปอบรมชาวบ้านให้เข้าใจเพื่อที่จะมีพื้นฐานอาชีพอย่างยั่งยืน โดยงบดังกล่าวเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงให้กับกำลังพลที่ลงไปปฏิบัติงาน ค่าน้ำมัน ค่าประเมินโครงการ และเป็นค่าอบรมวิทยากร 400-500 คน โดยจะจัดชุดลงพื้นที่ชุดละ 6-7 คน ยืนยันว่างบดังกล่าวไม่ได้มุ่งหวังสกัดกั้นหรือสลายกลุ่มคนเสื้อแดงตามที่เป็นข่าว

เวลา 10.00 น. ที่หน้ากองทัพบก น.พ.เหวง โตจิรการ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ(นปช.) พร้อมกลุ่มคนเสื้อแดง 50 คนมายื่นหนังสือขอทราบเหตุผลและแรงจูงใจในการส่งกำลังทหารจำนวนมากเข้าควบคุมการชุมนุมของคนเสื้อแดง ถึงพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. โดยมีร.ต.ธีรวุฒิ จันทร์บาง นายทหารเวรบก.ทบ.เป็นตัวแทนมารับหนังสือ

โฆษกกห.เตือนสู้เพื่อคนรวยล้นฟ้า

ด้านพ.อ.จิตตสักก์ เจริญสมบัติ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า คงเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ไม่มีอะไรพิเศษ เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น คาดว่าผู้ชุมนุมมีประมาณ 3 หมื่นคน เมื่อถามว่ามีข้อมูลจากนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำพันธมิตรฯระบุมีการซ่องสุมพวกฮาร์ดคอร์เพื่อก่อเหตุรุนแรง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า คาดว่าการชุมนุมคงไม่สงบและมีความรุนแรง และมีการปฏิบัติการจากผู้ไม่หวังดีแฝงอยู่ ตรงนี้ก็เป็นห่วง จากการปฏิบัติที่ผ่านมา ครั้งนี้น่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น คนที่บาดเจ็บล้มตายก็คือประชาชน กลุ่มแกนนำเอาตัวรอดและรับประ โยชน์ มีเพียงประชาชนที่รับเคราะห์

เมื่อถามว่าเป็นห่วงการชุมนุมครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน พ.อ.จิตตสักก์ กล่าวว่า เป็นห่วง เพราะคนส่วนใหญ่มาด้วยความเชื่อ เกรงจะมีมือที่ 3 ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบ อยากฝากว่าถ้ามีเหตุการณ์ส่อความรุนแรงให้ถอยออกมา ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินหลายพื้นที่นั้น อยากฝากประชาชนว่าต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าสิ่งใดเป็นความจริง สิ่งใดไม่จริง จะเห็นว่ามีการตอบโต้จากบุคคลที่ถูกพาดพิง แสดงให้เห็นว่ามันอาจจะไม่ใช่ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูด

"ผมเป็นห่วงประชาชน เพราะมาด้วยความบริ สุทธิ์ใจเพื่ออดีตนายกฯ อยากถามว่าท่านร่ำรวยล้นฟ้า ช่วงเวลาหนึ่งก็มีความสุข แต่ท่านยังมีความโลภ ความโกรธ ความหลงอยู่ เงินมากขนาดนั้น แต่พี่น้องที่มาชุมนุมลำบาก ได้เงินไม่กี่บาท บางท่านมาด้วยใจ มาอดหลับอดนอนเพื่อคนที่ร่ำรวยล้นฟ้า" พ.อ.จิตตสักก์ กล่าว

นปช.เคลื่อนม็อบบุกทำเนียบ11โมง

วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มนปช. กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มนปช.ในวันที่ 26 มี.ค.ว่า เบื้องต้นเป็นไปตามกำหนดการเดิมคือ นัดรวมตัวกันที่ท้องสนามหลวงเวลา 10.00 น. แกนนำจะหารือเพื่อซักซ้อมก่อนพากลุ่มผุ้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลในเวลา 11.00-12.00 น. จากนั้นปิดล้อมรอบทำเนียบทุกด้าน ตั้งเวทีใหญ่ปราศรัยปักหลักชุมนุมยืดเยื้อทันที ยังไม่ใช้ยุทธศาสตร์ดาวกระจาย ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน ช่วงค่ำของการชุมนุมตนจะขึ้นปราศรัยบนเวที นำข้อมูลหลักฐานประเด็นที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดผ่านวิดีโอลิงก์ก่อนหน้านี้ เป็นหลักฐานเกี่ยวกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร 19 กันยาฯ อาทิ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ อาจกล่าวถึงกลุ่มบุคคลอื่นที่อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจของพล.อ.สุรยุทธ์ด้วย หากเปิดข้อมูลออกมาจะยืนยันคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณว่าเป็นความจริง

เมื่อถามถึงการข่าวของทหารประเมินว่าจะมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมไม่มาก ไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ข้อมูลของทหารตรงประเด็นเดียวคือ กลุ่มเสื้อแดงไม่ใช้วิธีการรุนแรงแน่ แต่จำนวนคนเข้าร่วมจะมากหรือน้อยแค่ไหน ขอให้รอดูวันที่ 26 มี.ค. เงื่อนไขหลักของการชุมนุมครั้งนี้คือกดดันรัฐบาลให้ออกไป ส่วนยุทธวิธีการเคลื่อนไหวนั้นแกนนำจะประเมินกันวันต่อวัน

เผยเตรียมให้ทักษิณปราศรัยต่อเนื่อง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มนปช. กล่าวว่า หากกลุ่มเสื้อแดงสามารถปิดล้อมทำเนียบ จัดระบบการชุมนุมได้เรียบร้อยลงตัวแล้ว จะประสานให้ พ.ต.ท.ทักษิณพูดผ่านวิดีโอลิงก์ในคืนวันที่ 26 มี.ค. ทันที แต่หากไม่ทันจะเลื่อนในวันถัดไปคือ 27 มี.ค. แกนนำสรุปยุทธศาสตร์การชุมนุมแล้วว่าจะให้พ.ต.ท. ทักษิณปราศรัยอย่างต่อเนื่องทุกคืน เวลา 19.00-20.00 น.โดยไม่จำกัดเวลาตลอดการชุมนุม พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดประเด็นเกี่ยวกับข้อเท็จจริงทางการเมืองตั้งสมัยรัฐบาลไทยรักไทย เบื้องหลังรัฐประหาร จะทยอยเปิดตัวละครที่เกี่ยวข้องกับการทำลายล้างพ.ต.ท.ทักษิณเพิ่มขึ้นด้วย

นายจตุพร กล่าวว่า กลุ่มจัดระบบการสื่อสารกับประชาชนโดยแกนนำจะแถลงข่าววันละ 2 ครั้ง ส่วนการเคลื่อนไหวบริเวณหน้าทำเนียบนั้น ยืนยันว่าจะไม่บุกเข้าไปในภายในทำเนียบแน่นอน ไม่ใช้ความรุนแรงกักขังข้าราชการหรือคนที่ไม่เกี่ยวข้องตามที่หลายฝ่ายกังวล แต่ทราบข้อมูลมาว่า รัฐบาลได้เกณฑ์ทหารตำรวจ ตลอดจนรั้วลวดหนามมาปิดกั้นภายในทำเนียบ เท่ากับเป็นการขังตัวเองมากกว่า ฝากรมว.มหาดไทยว่าอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญละเมิดสิทธิของประชาชน เนื่องจากมีพฤติกรรมสั่งการให้เจ้าหน้าที่สกัดกลุ่มเสื้อแดงที่จะเข้ามาชุมนุม โดยเจ้าหน้าที่ไปข่มขู่เจ้าของรถที่คนเสื้อแดงไปขอเช่าเพื่อเดินทางมาร่วมชุมนุม แสดงให้เห็นว่าปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ

แม้วโฟนอีกปลุกร่วมชุมนุมใหญ่

ที่ จ.นครปฐม หน้าวัดสามพราน อ.สามพราน กลุ่มเสื้อแดงจากหลายจังหวัด เช่น นครปฐม สมุทร สาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี กาญจนบุรี 1,000 คน รวมตัวกันจัดเวทีปราศรัย มีแกนนำเสื้อแดง กลุ่มนปช.สลับเปลี่ยนขึ้นเวทีปราศรัย เช่น นายพรส เฉลิมแสน ดีเจ.วิทยุชุมชนคนแท็กซี่ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่ม นปช. น.พ.เหวง โตจิราการ

ต่อมาเวลา 19.15 น. พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเรียกร้องให้เสื้อแดงเดินทางเข้าไปชุมนุมใหญ่ในวันที่ 26 มี.ค. พร้อมกล่าวโจมตีรัฐบาล-ทหาร และผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร และเยาะเย้ยกลุ่มเสื้อเหลืองว่าถูกต้ม รัฐบาลเริ่มไม่สนองตอบกลุ่มเสื้อเหลือง สนองตอบแต่เพียงบางคน และว่าวันที่ 27 มี.ค.จะเปิดเผยทุกขั้นตอนก่อนที่จะมีการรัฐประหาร มีใครเกี่ยวข้องบ้างและมีการข่มขู่หมายปองชีวิตอีกหลายขั้นซึ่งเป็นตอนที่ยังไม่เปิดเผยมาก่อน ขอให้ไปร่วมชุมนุมใหญ่ให้ได้ หากต้องการให้ตนกลับเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ขอให้เดินทางไปชุมนุมกันให้มากๆ เพื่อกดดันให้รัฐบาลลาออกหรือยุบสภา

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สั่งตั้งจุดตรวจจุดสกัดในเส้นทางเข้ากทม.ทั้ง 2 สาย ที่ถ.เพชรเกษม สี่แยกอ.สามพราน และที่ถ.บรมราชชนนี ที่แยกพุทธมณฑล เริ่มตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 25 มี.ค. โดยใช้กำลังร่วมระหว่างตำรวจ อปพร. และเจ้าหน้าที่ขนส่ง ให้ตรวจเข้มรถทุกคันที่วิ่งผ่าน

บช.น.ตั้ง200ด่านทั่วกรุงค้นอาวุธ

เมื่อเวลา 21.00 น.พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้ร้องขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อมาเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมด 8 กองร้อยได้เข้าประจำตามแผน สำหรับแผนป้องกันและป้องปราบบุคคลที่สาม ที่อาจเข้ามาก่อเหตุความวุ่นวาย บช.น.ได้มีคำสั่งทุกพื้นที่ตั้งจุดตรวจทั้งหมด 200 จุด เพื่อตรวจค้นอาวุธอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือจากประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ที่อาจจะมีบุคคลที่ไม่หวังดีเข้ามาก่อเหตุในการตั้งจุดตรวจ ครั้งนี้เน้นให้ตรวจค้นวัตถุระเบิด อาวุธปืน มีด ที่นำเข้ามาก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขออภัยประชาชนทุกท่านที่อาจจะไม่ได้รับความสะดวกตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.เป็นต้นไป สำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ตั้งจุดสกัด มีเพียงตำรวจและทหารจะอยู่ในที่ตั้งตามแผน ซึ่งผู้บังคับบัญชากำชับมาให้ในการปฏิบัติจะต้องไม่ใช้ความรุนแรงใช้ความละมุนละม่อม โดยการเจรจาและขอความร่วมมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นหลัก เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีความเป็นห่วงมือที่ 3 จะเห็นได้จากการเข้าตรวจค้นที่สนามหลวง สามารถตรวจค้นพบวัตถุระเบิดอาวุธมีดได้จำนวนมาก