วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2552

“อภิสิทธิ์” เลี่ยงกลุ่มชุมนุมไม่เข้าทำเนียบ

ที่มา ไทยรัฐ

วันที่ 25 มี.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมรับมือการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เข้าใจว่าในวันที่ 26 มี.ค. จะไม่ได้เข้ามาที่ทำเนียบฯ เพราะจะต้องเข้าร่วมประชุมสภาในเวลา 11.00 น. และก่อนหน้านั้นก็มีงานที่ลานคนเมือง ในส่วนการประเมินสถานการณ์นั้นได้มีการติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทางฝ่ายความมั่นคงและผู้ที่รับผิดชอบก็เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่า เป็นเพราะไม่อยากเข้ามาทำงานที่ทำเนียบฯ จึงได้จัดภารกิจไว้ข้างนอกตลอด นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ใช่ กำหนดการต่างๆมีการกำหนดมาก่อนล่วงหน้านานแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่าจะไม่ยอมให้ม็อบบุกรุกเข้าทำเนียบฯโดยเด็ดขาด นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ใช่ครับ เราไม่ต้องการให้เข้ามาในสถานที่ราชการและผู้ชุมนุมก็ยืนยันมาโดยตลอดว่าจะไม่บุกรุกสถานที่ราชการต่อข้อถามว่า ถ้าการชุมนุมยืดเยื้อยังยืนยันจะเข้าทำงานที่ทำเนียบฯหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ก็ต้องเข้ามาให้ได้ เมื่อถามย้ำว่า แม้ผู้ชุมนุมจะให้เดินเท้าเข้าทำเนียบฯยอมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ก็ต้องเข้ามาให้ได้ และหากผู้ชุมนุมปิดกั้นไม่ให้รัฐมนตรีเข้ามาทำงานในทำเนียบฯ คงต้องถามเหตุผลว่าทำไมจึงจะขัดขวางการทำหน้าที่ของรัฐมนตรี

เชื่อม็อบเสื้อแดงชุมนุมไม่ยืดเยื้อ

ต่อข้อถามว่า หากนายกฯต้องเดินทางไปต่างประเทศ (ประชุมจี-20) แล้วเหตุการณ์ยังยืดเยื้อจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า หวังว่าจะไม่ยืดเยื้อ หวังว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ และที่มั่นใจว่าจะไม่ยืดเยื้อนั้น เพราะคิดว่าน่าจะสามารถแสดงให้เห็นว่าต่างฝ่ายต่างได้แสดงออกแล้วก็จบ เมื่อถามว่า มีการรายงานเชิงลับหรือไม่ว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นระหว่างการชุมนุม นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เราไม่ประมาท เพราะฉะนั้นจะให้ทุกฝ่ายทำงานอย่างเต็มที่ และอยากจะขอว่าอย่าให้เกิดความรุนแรงเลย เพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรกับใครทั้งสิ้น มีแต่จะทำให้ประเทศทั้งประเทศและทุกฝ่ายสูญเสียด้วยกันทั้งนั้น จึงขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเองและอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย หากจะเคลื่อนไหวขอให้เคลื่อนไหวโดยสงบภายใต้กฎหมาย ในส่วนของเจ้าหน้าที่ได้มีการกำชับไปแล้วว่าไม่ให้ใช้ความรุนแรง ที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าเราไม่ประสงค์ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมเลย แต่การรักษากฎหมายและการรักษาสถานที่ราชการ เป็นงานที่ต้องทำและจะทำด้วยความนุ่มนวล และหากจะมีการใช้มาตรการอะไรนั้นต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล เมื่อถามว่า แต่หากเกิดอุบัติบางอย่างขึ้นจะแก้สถานการณ์อย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า วันนี้ฝนก็ตกครับ

ปัดอนุมัติงบฯพันล้านสยบม็อบ

ต่อข้อถามว่า ฝ่ายปกครองไม่สามารถหยุดความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงในต่างจังหวัดได้เลยหรือ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า อย่างที่บอกหน้าที่ของเจ้าหน้าที่คือการดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่ให้มีการทำผิดกฎหมาย เมื่อถามว่า มีข่าวว่ากระทรวงมหาดไทยคาดโทษผู้ว่าราชการจังหวัด คิดว่าจะสามารถดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ตอบว่า อยากให้มีความเข้มแข็ง เพราะในหลายครั้งถ้าในระดับพื้นที่สามารถทำความเข้าใจได้ ก็จะช่วยลดปัญหาได้มาก ที่ผ่านมาในหลายจังหวัดก็สามารถทำได้ เมื่อถามว่า หน่วยงานด้านการข่าวและความมั่นคงรายงานตรงกันหรือไม่ว่าจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุม นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ยอมรับว่าหน่วยงานหลายฝ่ายเป็นห่วงแต่ไม่ประมาท ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ครม.อนุมัติงบฯให้ กอ.รมน.ถึง 1,000 ล้านบาท ทำให้ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการตั้งงบฯเพื่อสลายกลุ่มเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่เกี่ยวกัน การอนุมัติงบประมาณดังกล่าวเกี่ยวข้องกับปัญหาผลกระทบทางสังคม ที่กำลังจะเกิดขึ้นจากปัญหาเศรษฐกิจ ที่ต้องมีเครือข่ายต่างๆที่มีความพร้อมลงไป และเหตุผลการอนุมัติงบฯครั้งนี้ก็ไม่เหมือนกับเมื่อครั้งที่ คมช.อ้าง เพราะในขณะที่มี คมช.ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ

ชี้ ทักษิณต้องหาจังหวะดิ้นสู้

เมื่อถามว่า ประเมินความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท. ทักษิณ ที่เรียกระดมคนเสื้อแดงให้มาร่วมชุมนุมในวันที่ 26 มี.ค.นี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เข้าใจว่าตอนนี้ฝ่ายที่เคลื่อนไหวถือโอกาสนี้เป็นโอกาสสำคัญ เราก็เข้าใจและพยายามรับมืออยู่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับบ้านเมือง ขอฝากไปถึงทุกฝ่ายว่าอย่าทำให้เกิดความรุนแรง อย่าทำให้บ้านเมืองต้องสะดุด เพราะขณะนี้เราจำเป็นต้องรวมพลังกันทุกฝ่าย เพื่อผ่านพ้นวิกฤติที่สำคัญ เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยกับทาง รมว.ต่างประเทศจีนที่จะมาพบ เพื่อขอความช่วยเหลือในการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะเน้นเรื่องเศรษฐกิจเรื่องของความสัมพันธ์โดยรวมมากกว่า และครั้งนี้เป็นการมาพบเพื่อเยี่ยมคารวะ จึงไม่ทราบว่าจะมีการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาหารือหรือไม่ ในส่วนของตนจะเน้นในเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจเป็นหลัก

วอนอย่าดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ทางองคมนตรีเป็นห่วงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความแตกแยกให้กับสังคมมากขึ้น รัฐบาลจะดูแลอย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ต้องย้ำกันว่าในส่วนของสถาบันที่ไม่ควรจะเกี่ยวข้องก็อย่าดึงเข้ามาเกี่ยวข้อง และผู้ที่มีหน้าที่ชี้แจงก็ต้องชี้แจงไป ผู้ที่มีหน้าที่รักษากฎหมายก็ต้องรักษากฎหมายไป เมื่อถามว่า แต่มีข่าวว่าการโฟนอินครั้งต่อไปของ พ.ต.ท.ทักษิณจะมีการเปิดเผยมากกว่าองคมนตรีจะยิ่งกระทบไปถึงสถาบันระดับสูง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ทราบว่าจะมีการเปิดเผยอะไรอย่างไร ส่วนจะจริงเท็จหรือไม่ก็ต้องตรวจสอบ เมื่อถามว่า ช่วงนี้วิทยุชุมชนหลายสถานีประกาศว่า ครั้งนี้ไม่ได้ เป็นการโค่นล้มรัฐบาล แต่ต้องการโค่นล้มระบอบอมาตยาธิปไตย นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่มีหรอกครับเรื่องระบอบอมาตยาธิปไตย ผมยืนยัน ขณะนี้การทำงานของรัฐบาลมาตามวิถีทางของสภาฯ มาตามรัฐธรรมนูญ ส่วนการทำงานของรัฐบาลนี้ก็รับผิดชอบต่อรัฐสภาอย่างชัดเจน แทบจะเรียกได้ว่ามากกว่าอีกหลายๆยุคด้วยซ้ำ ที่เราพยายามแสดงให้เห็นว่าเราจะรับฟังและแสดงความรับผิดชอบต่อองค์กรทั้งหลาย เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย

เตือนอย่าหลงทางติดกับดัก

เมื่อถามย้ำว่า แต่เป้าหมายของวิทยุชุมชน พุ่งเป้าไปที่องคมนตรี รัฐบาลจะรับมืออย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เราต้องพยายามอย่าให้ไปติดกับดัก ในการที่จะดึงเอาสถาบันต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าเกิดใครละเมิดกฎหมายก็มีการดำเนินการ เมื่อถามว่า เชื่อหรือไม่ว่าเป้าหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงขนาดที่ต้องการโค่นล้มสถาบัน นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ต้องไปถามเขาเมื่อถามว่า แต่ทำไมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯจะออกมาเคลื่อนไหวในแนวทางเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ต้องไปถามเจ้าตัวเขา

สำหรับภารกิจของนายกฯ ในวันที่ 26 มี.ค. เวลา 07.30 น. เดินทางร่วมแสดงความยินดีวันเกิด 39 ปี ช่อง 3 ที่อาคารมาลีนนท์ เวลา 08.30 น. เป็นประธานในพิธีมอบเช็คช่วยชาติ ที่ลานคนเมือง เวลา 09.30 น. เปิดงาน น้ำไร้พรมแดนเนื่องในสัปดาห์อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและวันน้ำโลก ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เวลา 11.00 น. ร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร และเวลา 16.00 น. เป็นประธานในพิธีเปิดตัวโครงการชุมชนพอเพียง ที่ยิมเนเซียม 5 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต

ฉะ ทักษิณเป็นภัยความมั่นคงรัฐ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ไม่เฉพาะประธานองคมนตรี หรือองคมนตรีเท่านั้น ที่ไม่สบายใจต่อการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่คนไทยส่วนใหญ่ทั้งประเทศนี้ก็ไม่สบายใจ ตนก็ไม่สบายใจ รวมทั้งสื่อมวลชนเอง ประธานองคมนตรีเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ไม่ได้ฝักใฝ่หรือมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลและบริหารงานมา 3 เดือน ก็ไม่เคยไปหาหรือไปพบประธานองคมนตรี ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันเลย แต่ พ.ต.ท.ทักษิณยังหาเรื่ององคมนตรี เจตนาของ พ.ต.ท.ทักษิณคืออะไร เจตนาก็คือทำให้คนคิดไปไกลกว่านั้น ทำให้คนสงสัยสับสนเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ขอให้ทุกคนมองอย่างนี้ เพราะคุณทักษิณทำงานอย่างมีเป้าหมายอย่างนั้นจริงๆ เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณเตรียมจะโฟนอินแฉบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติอีก รัฐบาลจะเตรียมรับมืออย่างไรบ้าง นายสุเทพตอบว่า รัฐบาลไม่ต้องจับตาเป็นพิเศษ ถึงไม่จับตาสื่อก็จับมาใส่ตาอยู่ดี ถึงไม่อยากเห็นก็ต้องได้เห็นอยู่ดี ไม่ได้อยากได้ยินก็ต้องได้ยิน แต่ยืนยันว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำเป็นเรื่องที่ไม่ดีกับบ้านเมือง ไม่อยากพูดถึงคนชื่อทักษิณอีกเลย แต่ก็ต้องชี้แจงและจะไม่ให้น้ำหนักกับคนชื่อทักษิณมาก เพราะไม่เชื่อในสิ่งที่พูด รัฐบาลจะไปป้องกันโดยการตัดสัญญาณ ไม่ให้มีการโฟนอินก็ทำไม่ได้ จึงต้องดูว่าเมื่อทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ

สั่งถอดเทปเอาผิดละเมิดองคมนตรี

เมื่อถามว่าที่ประชุมทำเนียบองคมนตรีอยากให้รัฐบาลเอาจริงเอาจัง เอาเทปมาถอดเพื่อจะดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสุเทพตอบว่า ทำทุกวัน อะไรผิดกฎหมายทำทันที ยืนยันว่าอะไรที่ผิดกฎหมายไม่มีการละเว้น เมื่อถามว่ามาถึงจุดนี้เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการประสานกับ พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อสมานฉันท์กันยุติปัญหา นายสุเทพย้อนถามว่า แล้วเขาประสานหรือเปล่าล่ะ ที่บอกว่าเป็นหมาเชื่อง เดี๋ยวนี้เป็นหมาไม่เชื่องแล้ว เป็นหมาบ้าไปแล้วมั้ง ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศให้รางวัลใครพากลับบ้านได้ จะตอบแทนทั้งชีวิตนั้นก็ต้องจับตาดูกันต่อไป เดี๋ยวอีกหน่อยทุกคนก็เข้าใจ ไม่ต้องมาถามผม

นายสุเทพกล่าวถึงการรับมือการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดง ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาสถานที่และทรัพย์สินของทางราชการ ไม่ให้ใครบุกรุกทำลาย ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนที่กลุ่มเสื้อแดงวิจารณ์การนำกำลังตำรวจและทหารนับหมื่นนายมารักษาความปลอดภัย เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุนั้น กลุ่มคนเสื้อแดงจะพูดจาอะไรอย่าไปเชื่อถือ บช.น.มีประสบการณ์ในการดูแลม็อบมาแล้ว จะใช้กำลังเท่าไหร่ ไม่จำเป็นต้องไปซักถาม ทุกฝ่ายมีหน้าที่ที่ต้องรักษาทำเนียบฯ ดูแลรักษากฎหมาย

เสื้อแดงเรื่องเล็กเรื่องชาติใหญ่กว่า

เมื่อถามถึงกรณีที่ ครม.ได้อนุมัติงบประมาณพันล้านบาท ให้ กอ.รมน.ดำเนินโครงการกู้วิกฤติเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ถือเป็นการตั้งงบฯเพื่อสยบการรุกคืบของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า อย่าไปฟังการวิจารณ์ของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ต้องใช้งบฉุกเฉินเพราะในงบฯปี 52 ไม่ได้ตั้งงบช่วยเหลือประชาชนตามแนวทางนี้ไว้ ส่วนที่ฝ่ายค้านวิจารณ์ว่าเป็นส่วนหนึ่งในงบลับสองพันล้าน ที่รัฐบาลใช้ล้มระบอบทักษิณนั้น ถ้าเป็นงบลับจะนำมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนทำไม อย่าไปเชื่อคำพูดของกลุ่มคนเหล่านี้ให้ดูของจริงแล้วกัน รัฐบาลต้องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยยึดตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ถือเป็นของดีต้องนำมาใช้พัฒนาพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้ประชาชนกลับไปสู่ภาวะเสี่ยง

อย่าคิดว่าผมไปสบประมาทนะ ขอเรียนตรงๆ ผมถือว่าเรื่องเสื้อแดงเป็นเรื่องเล็ก แต่เรื่องใหญ่คือจะทำอย่างไรจะเอาประเทศให้รอด ผมจึงอยากให้ประชาชนคนไทยทุกคนตระหนักให้ดีว่าวันนี้เราต้องเอาบ้านเมืองให้รอด