วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2552

เปรม มาแล้วจ้า !!

ที่มา thaifreenews

ที่ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติเฉลิมพระเกียติ หนองจอก เมื่อเช้าวันที่ 25 มีนาคม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่ 11 โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียง
การปรากฎโฉมของ พล.อ.เปรม คู่กับ พล.อ.สุรยุทธ ในหนนี้ หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่ามีนัยยะสำคัญบางประการภายหลัง ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โฟนอิน พาดพิงองคมนตรี เกี่ยวข้องกับการปฎิวัติเมื่อ 19 กันยายน 2549
แต่ในเรื่องดังกล่าว พล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดบ่อย แต่ไม่เคยฟัง แต่เห็นว่าเป็นสำนึกของคนในสังคมไทย ที่จะต้องไม่แตกแยกกัน เพื่อส่วนรวมคนไทยน่าจะหันหน้าสามัคคีกัน เพื่อให้ประเทศชาติอยู่รอด

เผยเตือน"แม้ว"หลายหนแล้ว
ต่อข้อถามว่า จะเตือนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หยุดเคลื่อนไหวหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า เคยเตือนไปแล้วหลายครั้ง และว่า ขณะนี้จะพูดว่าคนไทยแตกแยกกันก็คงไม่ถูก เพราะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น คนไทยส่วนใหญ่ยังมีความเป็นไทยเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมย้ำว่า "องคมนตรีไม่มีหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ขอให้เข้าใจกันให้ถูกต้อง"
ประธานองคมนตรี ย้ำว่า จะไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดอะไร เมื่อถามว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี แล้วทำเช่นนี้ เหมือนเป็นการทำร้ายประเทศชาติ พ.ต.ท.ทักษิณ ควรทบทวนบทบาทของตัวเองหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า เป็นคำถามที่มีคำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานขององคมนตรี องคมนตรียังทำงานไปได้ตามปกติ

เชียร์-ให้กำลังใจรัฐบาล"มาร์ค"
"ขอให้กำลังใจรัฐบาล(นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ในการทำงานต่อไป เพราะเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ดี นายกรัฐมนตรีคนนี้ดี เราคงหวังได้ว่าจะเป็นผู้นำที่ดี ทำให้ประเทศดีขึ้น เคลียร์ให้รัฐบาลนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจไปให้ได้" พล.อ.เปรม กล่าว
พล.อ.เปรม กล่าวถึงกรณีที่จะพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ในบ่ายวันเดียวกัน ว่า เป็นการพบกันในฐานะเพื่อน และจะไม่ขอให้จีนส่ง พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย เพราะไม่ใช่หน้าที่ เป็นเรื่องของรัฐบาล

รับองคมนตรีห่วงบ้านเมือง
ด้าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ยอมรับว่าที่ประชุมองคมนตรี เมื่อวันที่ 25 มีนาคม มีการหารือกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน ด้วยความเป็นห่วงว่าจะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม แต่เชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานขององคมนตรี เพราะองคมนตรีทำหน้าที่ในฐานะที่ปรึกษา จะมีการรวบรวมข้อมูลบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาของที่ปรึกษา ถ้านั่งอยู่เฉย ๆ คงตอบคำถามไม่ได้ เป็นหน้าที่ทั่ว ๆ ไป
เมื่อถามว่า จะมีการรวบรวมความคิดเห็น เพื่อเป็นข้อเสนอแนะให้รัฐบาลนำไปแก้ไขปัญหาหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เราตระหนักว่า ทุกคนมีหน้าที่ และจะไม่เข้าไปก้าวก่ายหน้าที่ของส่วนอื่น ต่อข้อถามว่า เกรงหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะแฉข้อมูลเพิ่มเติมในวันที่ 26 มี.ค.นี้ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ความจริงต้องเป็นความจริง ที่ต้องเปิดเผย ไม่สามารถปิดบังได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ต้องรับกรรมด้วยกันทั้งสิ้น

ยืนยันไม่เคยโกรธทักษิณ
พล.อ.สุรยุทธ์ ยอมรับว่า เคยพบปะพูดคุยกับเพื่อน กับคนรู้จักเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง แต่ไม่ใช่การประชุมเพื่อวางแผนปฏิวัติ ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาเป็นเรื่องธรรมดาของทุกคน ที่สนใจและเป็นห่วงบ้านเมือง พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยโกรธแค้น พ.ต.ท.ทักษิณ
"ผมยืนยันว่า ไม่เคยรู้สึกแค้นเคืองอดีตนายกรัฐมนตรี ที่สั่งย้ายผมออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกไปดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพราะเข้าใจหน้าที่ของผู้บริหาร ที่ต้องโยกย้ายคนที่มีความเหมาะสม เข้ามาทำงาน" พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว

หยุด"ทักษิณ"คืนสู่อำนาจ
แหล่งข่าวคนสนิทพล.อ.เปรม วิเคราะห์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่หยุดเพียงแค่นี้คงพยายามทำทุกทางเพื่อล้มรัฐบาลชุดนี้ให้ได้ เพราะหากรัฐบาลชุดนี้ยังทำงานอยู่จะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณลำบาก ทั้งเรื่องการต่อสู้คดีและการเลือกตั้ง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะใช้ยุทธวิธีของเสื้อเหลืองที่มีการปิดล้อมทำเนียบกดดันรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จนทำให้รัฐบาลไม่สามารถบริหารงานต่อไปได้
"ขณะนี้กองทัพต้องพยายามช่วยเหลือให้รัฐบาลชุดนี้ทำงานต่อไปได้ เพราะหากกลุ่มอำนาจเก่ากลับมาสู่อำนาจอาจจะทำให้กองทัพอยู่ไม่ได้ ขณะนี้กลุ่มเสื้อแดงพยายามทำทุกทางเพื่อล้มรัฐบาล โดยไม่สนว่า ประเทศจะเป็นอย่างไร เราต้องช่วยกันเพื่อให้รัฐบาลอยู่ต่อไปได้ ขณะนี้เราควรช่วยกันเพื่อทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ หยุดการเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกทางให้ได้ เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบ"แหล่งข่าวระบุ

"มาร์ค" ไม่อยู่ในทำเนียบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้ติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ตลอดเวลา แต่ว่าในวันที่ 26 มีนาคม ตนอยู่นอกทำเนียบรัฐบาล เพราะมีภารกิจประชุมรัฐสภา และคงไม่กลับเข้าทำเนียบในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นกำหนดการของตน ที่มีมาก่อนแล้วไม่ได้เป็นการหนีม็อบ
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่าได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดูแลความเรียบร้อย บนความไม่ประมาท และไม่ให้ผู้ชุมนุมลุกล้ำเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลเด็ดขาด
ถามต่อว่าหากมีการยึดทำเนียบ นายกฯจะสามารถเข้ามาทำงานได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าว่า ก็ต้องเข้ามาให้ได้ แต่หากถูกขัดขวางก็ต้องถามเหตุผลว่าทำไมจึงขัดขวางการทำหน้าที่ของพวกเรา

"เทือก"ยำแม้วเป็นหมาบ้า
ด้าน นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่าได้สั่งให้การ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.ดูแลรักษาสถานที่ราชการทรัพย์สินของทางราชการไม่ให้ใครบุกรุกทำลาย รวมทั้งกวดขันไม่ให้ผู้ชุมนุมพกอาวุธ หรือ ยาเสพติดเข้าไปยังจุดชุมนุม ถ้าใครทำผิดกฎหมายให้ดำเนินคดีทันที
รองนายกฯย้ำว่าตนและคนไทยส่วนใหญ่ รวมทั้งสื่อมวลชน ไม่สบายใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พาดพิงองคมนตรี การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นยืนยันว่าเขามีเป้าหมาย
เมื่อถามว่า จนถึงขนาดนี้แล้วจะมีการประสานไปถึงพ.ต.ท. ทักษิณ หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณประสานดีกว่า ที่บอกว่าเป็นหมาเชื่อง เดี๋ยวนี้หมาไม่เชื่องแล้ว เป็นหมาบ้าไปแล้ว เมื่อถามว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ประกาศว่า เมื่อใครนำคุณทักษิณ กลับบ้านแล้วจะตอบแทนทั้งชีวิต ตรงนี้เพื่อเป้าหมายอะไร นายสุเทพกล่าวว่า ดูกันไปเดี๋ยวก็เข้าใจ เดี๋ยวอีกหน่อยก็ไม่ต้องมาถามแล้ว
"ผมเรียนตรงๆนะครับว่าอย่าคิดว่าผมไปสบประมาท ผมถือว่าเรื่องเสื้อแดงถือเป็นเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่คือจะทำยังไงเพื่อแประเทศให้รอด นี่เองคือเรื่องใหญ่ อยากให้ ประชาชนตระหนักว่ามันมีปัญหาจริง ต้องเอาบ้านเมืองให้รอด" รองนายกฯ กล่าว

"ชวรัตน์"ยอมรับหนักใจ
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ยอมรับว่าหนักใจกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง แต่ตน ก็สั่งไปแล้วไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชน
นายชวรัตน์ กล่าวว่า ยังไม่มีรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมอาจเปลี่ยนแผนบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลหรือจะใช้วิธีการที่รุนแรงกว่าที่ผ่านมา แต่หากสถานการณ์เป็นไปตามที่เกรงกัน รัฐบาลพร้อมและมีแผนดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่แล้ว

"สนธิ"แฉแม้วชอบป้ายสี
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯกล่าวว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นยุทธวิธีใส่ร้ายป้ายสี นายสุเชาว์ มีหนองหว้า อาจารย์สาขาการปกครองท้องถิ่น คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี กล่าว การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เปลี่ยนเป้าโจมตีรัฐบาลมาเป็นองคมนตรี นั้น ก็เพื่อสร้างประเด็นใหม่ และเรียกร้องความสงสารหลังพ่ายแพ้ในสภา ซึ่งในเรื่องนี้ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ

ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประเมินว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงมากกว่า 3 หมื่นคน ซึ่งมากกว่าการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา โดยเป็นไปตามแผนตากสินที่ใช้วิธีระดมคนจากหัวเมือง ใช้การโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ดึงดูดความเห็นใจให้คนมาชุมนุมมากที่สุด แต่หวังว่าการชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อ แต่ปัจจัยการยืดเยื้อหรือไม่อยู่ที่ท่อน้ำเลี้ยงว่าตันหรือค้างท่อ ส่วนแผนการปิดล้อมทำเนียบเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การล้มล้างรัฐบาลเพื่อกู้หน้าความล้มเหลวในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา
การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงนี้ หากเกิดอะไรขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องรับผิดชอบ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ คือเจ้าของม็อบตัวจริง อย่าโยนความรับผิดชอบไปที่การสร้างสถานการณ์หรือมือที่สามเหมือนที่ผ่านมา
นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ประเมินตัวเลขผู้ชุมนุมว่า ไม่น่าจะเกิน 20,000 คน ซึ่งผู้ชุมนุม ต้องการให้เกิดความรุนแรง แต่ถ้ารัฐบาลไม่เข้าไปติดกับ เชื่อว่าไม่มีปัญหา และเชื่อมั่นว่าหากรัฐบาลทำงานครบ 1 ปี จะสามารถทำความเข้าใจกับมวลชนของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ดีขึ้น


ด้าน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (รอง ผอ.รมน.) เปิดเผยว่าในบ่ายวันที่ 26 มีนาคม ตนจะแถลงข่าวกรณีที่ตนเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จีน และมีการอ้างคำพูดของตน พาดพิงบุคคลหลายคนในการยึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ
มีรายงานว่า ล่าสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ทำหนังสือเชิญ พล.อ.พัลลภ เข้าพบเพื่อพูดคุยในประเด็นดังกล่าวแล้วด้วยเช่นกัน