วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552

ถกทหาร-ตุลาการ ปีย์ยอมรับ ข้องใจ 'พัลลภ'

ที่มา ไทยรัฐ
หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยผ่านระบบวีดิโอลิงค์ถึงมวลชนคนเสื้อ แดง เมื่อคืนวันที่ 27 มี.ค. แฉถึงเบื้องหลังการทำรัฐประหาร เมื่อ 19 ก.ย.49 พร้อมกับโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษและประธานองคมนตรี และก่อนหน้าที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะออกมาแฉแหลกนั้น วันเดียวกัน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ก็ได้ ออกมาเปิดโปงว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ กับบุคคลสำคัญหลายคน ได้ประชุมวางแผนโค่นรัฐบาลทักษิณกันที่บ้านของนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ในซอยสุขุมวิท จนทำให้ พล.อ.พัลลภกล่าวพาดพิงถึงออกมาปฏิเสธกันพัลวัน กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่า สร้างอุณหภูมิการเมืองให้ร้อนแรงยิ่งขึ้นนั้น

ปีย์ยอมรับ “สุรยุทธ์” กับพวกมาบ้าน

เมื่อวันที่ 29 มี.ค. นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ระบุเป็นเจ้าของบ้านที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ พบกับตุลาการระดับสูง เพื่อวางแผนโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ โดยกล่าวยืนยันว่า ในการพูดคุยกัน 7 คนที่บ้านในซอยสุขุมวิท ประกอบด้วย พล.อ.สุรยุทธ์ พล.อ.พัลลภ นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา นายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกา นายปราโมทย์ นาครทรรพ และตน ไม่มี การพูดเรื่องการวางแผนรัฐประหารหรือโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เป็นการเชิญเพื่อนและคนที่สนิทสนมมารับประทานอาหารกัน พูดคุยถึงปัญหาบ้านเมือง ซึ่งตนทำเป็นปกติอยู่แล้ว

อ้างต้องการหาข่าวให้ทันสถานการณ์

นายปีย์กล่าวว่า การเชิญเพื่อนและคนที่มีความสนิทสนมมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านเป็นประจำ เพื่อให้เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง เพราะต้องการทันสถานการณ์ เนื่องจากมีอาชีพเป็นนักข่าว หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสกับตุลาการศาลปกครองสูงสุดและผู้พิพากษาศาลฎีกา เมื่อ 25 เม.ย. 49 เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติของบ้านเมือง จึงได้เชิญนายอักขราทรที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ รวมทั้งนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ มารับประทานอาหารที่บ้านในวันที่ 6 พ.ค 49 พูดคุยกันว่า จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างไรตามที่ทรงมีพระราชดำรัส จากนั้นได้โทรศัพท์ชวน พล.อ.สุรยุทธ์ พล.อ.พัลลภ และนายปราโมทย์ ซึ่งมีความสนิทสนมกันอยู่แล้วว่า อยากจะมาฟังหรือไม่ ปรากฏว่า พล.อ.สุรยุทธ์มาถึงบ้านที่สุขุมวิท 103 เป็นคนแรก จึงนั่งคุยกัน จากนั้นประมาณ 15 นาที นายอักขราทร นายชาญชัย และนายจรัญ ภักดี ธนากุล ซึ่งตอนนั้นเป็นเลขาธิการประธานศาลฎีกา ปัจจุบันเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มาถึงพร้อมกัน ส่วน พล.อ. พัลลภและนายปราโมทย์ เดินเข้ามาบ้านพร้อมกัน จากนั้นก็ได้มานั่งกินข้าวที่โต๊ะอาหารรูปทรงกลม โดย พล.อ. สุรยุทธ์นั่งขวามือของตน พล.อ.พัลลภนั่งทางซ้ายมือ ส่วนตุลาการทั้ง 3 คน นั่งตรงกันข้ามเพื่อที่จะได้ซักถามสะดวก

ปัด “พัลลภ-สุรยุทธ์” ไม่เคยอยู่ 2 ต่อ 2

นายปีย์กล่าวด้วยว่า ตนถามฝ่ายตุลาการว่า จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร นายอักขราทรและนายชาญชัยอธิบายว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมี พระราชดำรัสอย่างไรบ้างจนเข้าใจ และตุลาการมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไรในทางกฎหมายโดยไม่ได้ลงรายละเอียดถึงตัวบุคคล แต่พูดถึงขั้นตอนในทางกฎหมาย โดยนายอักขราทรและนายชาญชัยเป็นคนอธิบายเป็นหลัก ส่วนนายจรัญพูดน้อยหน่อย จำไม่ได้ว่าพูดเรื่องอะไรบ้าง หลังจากนั้นก็คุยกันเรื่องอดีตเก่าๆ ไม่เป็นเรื่องเป็นราวและเลิกกินข้าวพูดคุยกัน ประมาณ 4 ทุ่มกว่า ตนยังเดินไปส่ง พล.อ.สุรยุทธ์และ พล.อ.พัลลภ ทั้ง 2 คนไม่เคยอยู่กัน 2 ต่อ 2 เพราะมีตนนั่งคั่นอยู่ตรงกลาง เวลามีอะไรต้องคุยผ่านตน

ยืนยันแค่กินข้าวไม่มีคุยปฏิวัติ

นายปีย์กล่าวด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันนานหลายปีแล้ว คนที่มากินข้าวไม่มีใครจำวันที่ได้สักคน ผมอายุ 72 แล้วก็จำไม่ได้ แต่เมื่อมีคนมาให้สัมภาษณ์ก็ต้องเปิดดูบันทึกของเลขาฯ เพราะต้องสั่งอาหารญี่ปุ่นจากโรงแรมดุสิตธานี จึงรู้ว่าเป็นวันนี้ ทั้งมีแผนผังด้วยว่า ใครนั่งตรงไหนอย่างไร เมื่อถามว่า ในการพูดคุยมีเรื่องเกี่ยวกับการล้มการเลือกตั้งหรือไม่ นายปีย์กล่าวว่า มีการพูดถึงการเลือกตั้ง แต่จำไม่ได้ในรายละเอียด เพียงแต่ฝ่ายตุลาการ มีการพูดถึงการทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ยืนยันว่าไม่มีการพูดเรื่องปฏิวัติ หรือพูดเรื่องตำแหน่ง ไม่มีทหารอยู่สักคนจะพูดเรื่องปฏิวัติได้อย่างไร เมื่อถามว่า ทำไมเชิญ พล.อ.พัลลภและนายปราโมทย์เข้าร่วม และร่วมในฐานะอะไร นายปีย์กล่าวว่า มีความสนิทสนมกับคนทั้งสองมานานแล้ว ตอนนั้น พล.อ.พัลลภกำลังดังเรื่องคาร์บอมบ์ ส่วนนายปราโมทย์นั้น เขียนหนังสือเกี่ยวกับปฏิญญาฟินแลนด์และมีความรู้ทางด้านกฎหมายเลยเชิญมาร่วม เมื่อถามว่า พล.อ.พัลลภระบุว่า มีการประชุมวางแผนที่บ้านนายปีย์ถึง 3-4 ครั้ง นายปีย์ปฏิเสธโดยยืนยันว่า พบเพียงครั้งเดียว

ข้องใจทำไม “พัลลภ” พลิกขั้ว

เจ้าของบ้านซอยสุขุมวิทกล่าวด้วยว่า พล.อ.สุรยุทธ์ให้สัมภาษณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ที่ พล.อ.พัลลภพูดไม่ตรง ยังแปลกใจว่า ทำไม เมื่อถามว่า เคยสนิทสนมกับ พล.อ.พัลลภมาก่อน ทราบสาเหตุหรือไม่ว่าทำไมถึงพลิกขั้วแบบ 180 องศา นายปีย์กล่าวว่า แปลกใจเหมือนกัน แต่คิดว่าอาจไม่พอใจ พล.อ.สุรยุทธ์ที่ไม่ได้ตำแหน่งอะไรในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ หรือไม่ได้รับการตอบแทนอะไรบางอย่าง ไม่เข้าใจความคิดของ พล.อ.พัลลภเหมือนกัน เมื่อถามว่า หลังเกิดเหตุที่มีการเปิดโปงกันได้ติดต่อกับ พล.อ.พัลลภ พล.อ.สุรยุทธ์ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นายปีย์กล่าวว่า ยังไม่ได้ ติดต่อกับบุคคลใดทั้งสิ้น เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณเคยมารับประทานอาหารที่บ้านหรือไม่ นายปีย์กล่าวว่า เคยมาหลายครั้งเพราะเคยสนิทสนมกัน ในช่วงก่อนเป็นนายกฯ แต่หลังเป็นนายกฯไม่ได้มา อาจจะเป็นเพราะไม่มีเวลาและหลังเกิดรัฐประหาร 19 ก.ย.49 และกลับจากต่างประเทศพ.ต.ท.ทักษิณเคยมา 2 ครั้ง ส่วนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เคยมา 1 ครั้ง

นายกฯติงอย่าพาดพิง “ป๋าเปรม”

อีกด้านที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ถนนวิภาวดีรังสิตตอนสายวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง ยังปักหลักชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลว่า การชุมนุมถ้าไม่ได้ทำผิดกฎหมายก็สามารถชุมนุมได้ แต่ในส่วนของรัฐบาลยังทำงานได้ ตามปกติ ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ การชุมนุมเรียกร้องทาง การเมือง ขอให้เป็นเรื่องของนักการเมืองด้วยกัน ไม่ควรที่จะไปพาดพิงถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ หรือองคมนตรีคนอื่นๆ เพราะความจริงแล้วไม่มีเหตุผลอะไรที่จะดึงท่านเข้ามาเกี่ยวข้อง มีการกล่าวหาในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเช่น กรณีที่ว่าประธานองคมนตรีเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากตั้งแต่ที่ พล.อ.เปรมวางมือทางการเมืองก็ไม่มีส่วนไหนที่จะมาเกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางการเมืองของพรรคการเมืองใด คิดว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่มีการกล่าวพาดพิง เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าตำแหน่งที่ พล.อ. เปรมดำรงอยู่ตอนนี้เป็นเรื่องยากที่จะให้มาชี้แจงหรือตอบโต้อะไรได้มากนัก

ยกย่องเกียรติประวัติ “ป๋า”

“ดังนั้น ไม่ควรมีการฉวยโอกาสที่ประชาชนส่วนหนึ่งอาจไม่ทราบประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เพราะเมื่อครั้ง ที่ พล.อ.เปรมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นช่วงเวลาที่นานมาแล้ว และเป็นผู้ที่ช่วยทำให้บ้านเมืองพ้นจากวิกฤติที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้ เมื่อท่านดำรงตำแหน่งมานาน 8-9 ปี ก็เห็นว่าพอแล้วและเลิกไป จากนั้นได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นรัฐบุรุษ ดังนั้น การไปกล่าวหาโจมตีท่าน จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการเรียกร้องอะไรทางการเมือง ก็เป็นเรื่องระหว่างนักการเมืองด้วยกันเพราะในแง่ของประวัติการทำงานต่างๆของประธานองคมนตรี และองคมนตรี ก็เป็นหลักประกันได้อยู่แล้ว เพียงแต่ท่านคงไม่มีโอกาสออกมาพูดชี้แจงอยู่ตลอด” นายอภิสิทธิ์กล่าว

วอนคนไทยตำหนิ “ทักษิณ”

เมื่อถามว่า รัฐบาลสามารถดำเนินการอะไรในเรื่องนี้ได้บ้าง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ถ้าอยู่ในกรอบของกฎหมาย ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่อยากให้ทุกคนทราบข้อเท็จจริง ประชาชนควรมีวิจารณญาณเปรียบเทียบได้ว่าประวัติการทำงาน และคุณงามความดีของแต่ละบุคคลเป็นอย่างไร การเรียกร้องเพียงเผื่อผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคล ไม่ควรที่จะก้าวล่วงไปถึงสถาบันอื่นๆ รัฐบาลอยากยืนยันจุดนี้

ถ้ามีการกระทำที่ผิดกฎหมายก็จะดำเนินการ ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดการณ์ไว้หรือไม่ว่าจะเกิดความรุนแรงจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกมาสู้แบบสุดตัวเหมือนเลือดเข้าตา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังเชื่อมั่นว่าประชาชนส่วนใหญ่ คงคิดค่อนข้างตรงกันว่าบ้านเมืองต้องการความสงบ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันเสนอข้อมูลข่าวสารให้ครบถ้วนรอบด้าน ไม่ใช่ให้มีการฟังความข้างเดียว สังคมต้องช่วยกัน อย่าเพิกเฉยต่อสิ่งที่ไม่เหมาะสม ต้องออกมาตำหนิติติงกันบ้าง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ครบถ้วนและรอบด้านมากขึ้น

รับยังไม่มีคิวเข้าทำเนียบฯ

เมื่อถามว่า การประชุม ครม. วันที่ 31 มี.ค.นี้จะเข้าไปประชุมทำเนียบฯ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ช่วงเช้าของวันดังกล่าวจะเข้าเฝ้าฯถวายพระพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ จากนั้นจะเดินทางไปขึ้นเครื่องบินไปประชุม จี-20 ที่ประเทศอังกฤษ ช่วงที่ตนไม่อยู่ ได้มอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ รักษาการแทน แต่จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แนวทางก็เข้าใจกันดีอยู่แล้วว่ารัฐบาลจะเดินอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามว่าสรุปแล้วตั้งแต่วันจันทร์ที่ 30 มี.ค.นี้ ไปจนถึงวันที่จะเดินทางไปประเทศอังกฤษ จะไม่มีกำหนดการเข้าทำเนียบฯใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มี แต่ถ้าจำเป็นต้องเข้าก็จะเข้า

แขวะอดีตนายกฯสับสนตัวเอง

เมื่อถามว่า จะทำตามข้อเรียกร้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ให้ยุบสภาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ยังไม่ทราบว่าท่านเรียกร้องอะไรกันแน่ บางที พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าให้แก้รัฐธรรมนูญ ถ้ายุบสภาแล้วจะแก้รัฐธรรมนูญได้อย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณยังสับสนตัวเองอยู่ เมื่อถามว่า รัฐบาลยังมีสมาธิในการทำงานดีอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังมีสมาธิในการทำงานดี สนใจกับงานของบ้านเมืองเป็นหลักมั่นใจว่ารัฐบาลทำงานได้

“สุเทพ” ลั่นไม่หาที่สำรองประชุม ครม.

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า ไม่มีการประเมินอะไรเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่ต้องดูแลสถานการณ์ส่วนเรื่องความหนักใจในการเดินทางเข้าไปทำงานในทำเนียบรัฐบาลนั้น ให้ดูเมื่อถึงวันเข้าทำเนียบฯก่อน ส่วนวันที่ 30 มี.ค.นี้ ก็จะพยายามทำหน้าที่ และยืนยันว่าไม่มีการหาพื้นที่สำรองในการประชุม ครม.

หมดทางสกัด “ทักษิณ” โยงองคมนตรี

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะอธิบายอย่างไร เรื่องกลุ่มเสื้อแดงที่ส่อว่าจะทำให้เกิดความแตกแยก นายสุเทพตอบว่า ทำไมต้องอธิบายประชาชนเห็นกันอยู่ทุกวัน รัฐบาลไม่ต้องอธิบายเขาก็เห็นกันอยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะมีคนสนับสนุนมาก ยิ่งพูดจาไม่เหมาะสมคนก็ยิ่งถอยออกมา เมื่อถามต่อว่า รัฐบาลจะมีแนวทางปกป้องสถาบันเบื้องสูงอย่างไร ในการโฟนอินพาดพิงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายสุเทพกล่าวว่า “คุณถามเกินไป” เมื่อถามย้ำว่า มีการพาดพิงองคมนตรีบางคน รัฐบาลจะมีแนวทาง ป้องกันอย่างไร นายสุเทพตอบว่า ไม่มีกฎหมายให้รัฐบาลดูแลเรื่องนี้ได้ ท่านองคมนตรีเป็นผู้เสียหายต้องออกมาชี้แจง ส่วนพี่น้องประชาชนต้องใช้วิจารณญาณเพื่อพิจารณาดู ประชาชนจะเห็นข้อเท็จจริงเอง สำหรับประธานองคมนตรีท่านเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้อะไร ความชอบหรือ ไม่ชอบหรือไม่เหมาะสม ผู้พูดคือคุณทักษิณต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง ประชาชนจะได้เห็นธาตุแท้ของคุณทักษิณมากขึ้น

วิเคราะห์ 3 เป้าหมายหลักที่ทักษิณสู้

เมื่อถามย้ำว่า จะมีแนวทางการสกัดกั้นการวีดิโอลิงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไร นายสุเทพตอบว่า เราจะไป ทำได้อย่างไร ส่วนข้อเสนอของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องการให้กลับไปเลือกตั้งใหม่นั้น นายสุเทพตอบว่า ข้อเสนอที่ พ.ต.ท.ทักษิณเรียกร้องมาคือ ต้องการให้ตัวเองได้ทรัพย์สินคืน รวมทั้งพ้นผิด และกลับมามีอำนาจ เพียงแค่ 3 เรื่อง เท่านั้นเอง ส่วนความคิดในเรื่องการเลือกตั้งใหม่ไม่ได้ อยู่ในความคิดของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะนายกฯตอบเรื่องนี้ไปชัดเจนแล้ว

ชี้คนสำคัญตั้งวงหารือผิดปกติ

ขณะที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ระบุว่า ยิ่ง พ.ต.ท.ทักษิณออกมาโจมตีประธานองคมนตรีและองคมนตรี ก็ยิ่งเผยธาตุแท้ ต้องการดิ้นรนเพื่อหนีคุก และต้องการเรียกเงินคืนจากการยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทว่า แม้นายปีย์ มาลากุล เจ้าของบ้านย่านสุขุมวิท ปฏิเสธว่าบุคคลสำคัญทั้ง 7 คน ไม่ได้หารือเรื่องการปฏิวัติ แต่อย่างน้อยข้อกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีเค้าความจริง และเป็นข้อเท็จจริงที่ประชาชนจะฉุกคิดคือ ไม่ใช่เรื่องปกติที่อยู่ๆคนสำคัญระดับนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา และนายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกาในขณะนั้น จะไปพบปะกันด้วยเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป แม้จะพูดถึงกระบวนการตุลาภิวัตน์ต่างๆ แต่เมื่อเอาพฤติกรรมและการกระทำของบุคคลเหล่านี้ ในภายหลังที่ออกมาก็จะเป็นจิ๊กซอว์ที่ต่อภาพได้ชัดเจนขึ้นว่ามีอะไรที่ผิดปกติ ไม่ตรงไปตรงมา

เหน็บพวกมือถือสากปากถือศีล

นายพงศ์เทพกล่าวด้วยว่า การที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.รมน.บอกว่า ได้ไปเจอกันและได้พูดในเรื่องที่ผิดปกติ ตรงนี้ถือว่าเป็นน้ำหนักในคำพูดของ พล.อ.พัลลภน่าเชื่อถือขึ้น ต้องไม่ลืมว่าคนเป็นผู้พิพากษานั้น ต้องระมัดระวังเรื่องจริยธรรมผู้พิพากษา แม้กระทั่งการพบปะผู้คน อะไรที่ทำให้ผู้คนสงสัยเคลือบแคลงเขาไม่ทำ กัน ดังนั้นอีกสักพักคงจะมีบุคคลบางส่วน ที่จะเรียกร้องให้ ศาลต้องมีการดำเนินการกับคนของตัวเองว่ามีอะไรที่ไปทำให้เกิดความผิดปกติ ศาลทั้งหลายต้องกวาดบ้านตัวเอง ถือเป็นความท้าทายในวงการศาล จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้ แค่ไปเจอกันจริงๆที่บ้านของนายปีย์เรื่องที่กล่าวหากันอยู่ มันก็เข้าเค้า ไปดูเถอะว่ามีอะไรที่ไปทำกันจนเละเทะ เราจะได้ดูพวกมือถือสากปากถือศีล จะได้เห็นธาตุแท้กันเสียที

111 ทรท.เตรียมร่วมเวทีเสื้อแดง

นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า วันที่ 30 มี.ค. นี้ สมาชิกมูลนิธิ 111 ทรท.จะประชุมหารือกันถึงเรื่องการปรับปรุงคณะกรรมการมูลนิธิชุดใหม่ ซึ่งจะมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชาชนมารับหน้าที่เป็นประธานมูลนิธิ 111 ทรท. และคงจะหารือเรื่องที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะขึ้นเวทีร่วมเรียกร้องประชาธิปไตย กับ การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เนื่องจากหลังการปฏิวัติรัฐประหารวันที่ 19 ก.ย. 2549 พวกเราต้องสูญเสียความยุติธรรมและความเป็นธรรม ถือว่าเราสูญเสียความเป็นประชาธิปไตย ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาเรียกร้องเพราะสูญเสียประชาธิปไตย จึงตรงกับแนวคิดของบ้านเลขที่ 111 ที่ถูกศาลที่ไม่ใช่ศาล แต่เป็นองค์คณะที่แต่งตั้งโดยคณะปฏิวัติมาทำให้เราเสียสิทธิทางการเมือง ส่วนจะเข้าร่วมในลักษณะใดต้องรอข้อสรุปจากที่ประชุม

แฉมี ขรก.ช่วยทำวีดิโอลิงค์

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่มีคนถามว่าทำไมรัฐบาลปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้วีดิโอลิงค์ได้อย่างเสรีนั้น ขอยืนยันว่ารัฐบาลตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ครั้งก่อนๆแล้ว และมีข้อมูลค่อนข้างใกล้ชิดมากในขณะนี้กลุ่มคนที่ทำวีดิโอลิงค์ให้ส่วนหนึ่งเป็นข้าราชการ กำลังติดตามข้อมูลอยู่ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง แต่ประเด็นที่ตามอยู่อยากทราบว่าดำเนินการถูกกฎหมายหรือไม่ หรือเป็นวิธีการที่หลบเลี่ยงกฎหมาย ต้องยอมรับว่าพ.ต.ท.ทักษิณชำนาญในเรื่องเทคโนโลยี ถ้าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นวิธีการที่หลบเลี่ยงข้อกฎหมายก็ต้องดำเนินการกัน ส่วนเรื่องเนื้อหาส่วนที่เกี่ยวข้องดูอยู่อย่างใกล้ชิด

ซัด “ทักษิณ” ใช้ดาวเทียมเลี่ยงกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุว่าข้าราชการเกี่ยวข้องกับวีดิโอลิงค์นั้นเกี่ยวข้องอย่างไร นายสาทิตย์กล่าวว่า มีข้อมูลก่อนหน้าว่าไปช่วยดำเนินการ ขณะนี้กำลังติดตามดูข้อมูลอย่างใกล้ชิดว่าเป็นส่วนไหน และให้หัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำเรื่องนี้อยู่ เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ซึ่งกำลังดูอยู่ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณใช้หลายวิธีมาก มีทั้งผ่านดาวเทียม เช่น ยูลิงค์ ซึ่งเป็นวิธีการที่หลบเลี่ยงข้อกฎหมาย เมื่อถามต่อว่ารัฐบาลตัดสัญญาณวีดิโอลิงค์ได้เลยหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า ถ้าผิดก็ดำเนินการได้ ส่วนข้อกฎหมายที่จะดำเนินการ พ.ต.ท. ทักษิณมี 2 ส่วนคือ 1. สิทธิส่วนบุคคล บุคคลนั้นก็ต้องใช้สิทธิตามกฎหมาย 2. หากคาบเกี่ยวความเสียหายของบ้านเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง รัฐบาลเข้าใจดีในเรื่องความละเอียดอ่อนของมวลชน เราไม่ต้องการสร้างความแตกแยกเพิ่มขึ้น อาจเข้าทางแกนนำให้มีการชุมนุมยืดเยื้อ

โวยวิทยุชุมชนไม่ให้ความร่วมมือ

นายสาทิตย์กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมหน่วยงานความมั่นคงที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ กำชับให้ตำรวจนครบาลตักเตือนและสอดส่องในเรื่องการถ่ายทอดสัญญาณการโฟนอินผ่านระบบวีดิโอลิงค์ เพื่อออกอากาศทางสถานีวิทยุชุมชนไปแล้ว ซึ่งตำรวจรับปากไปแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดยังมีการถ่ายทอดสัญญาณมากยิ่งขึ้น กรณีนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจของตน แต่ขึ้นอยู่กับอำนาจของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ตนทำได้เพียงขอความร่วมมือ เท่าที่ทราบอนุกรรมการของ กทช.ได้ทำหนังสือตักเตือนไปที่วิทยุชุมชนเหล่านี้หลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ทั้งนี้ ในเดือน เม.ย.นี้ กทช.จะประชุมเพื่อจัดระเบียบและลงทะเบียนประวัติวิทยุชุมชนทั้งประเทศ เชื่อว่าจะดี ขึ้น เพราะเรื่องสื่อเป็นเรื่องอ่อนไหว หากตนเข้มงวดมากไปก็จะถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงสื่อ แต่ถ้าอ่อนไปก็จะมีการฉวยโอกาส นำมาสร้างความวุ่นวายให้สังคมโดยรวม จึงต้องจับตาเป็นพิเศษ

ตั้งข้อสังเกตเหตุใดแก้ตัวช้า

สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งยังคงปักหลักชุมนุมกันที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 29 มี.ค. เป็นวันที่ 4 ตลอดทั้งวันบรรดาแกนนำ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัดทำให้มีผู้ร่วมชุมนุมกันบางตา และในเวลา 10.00 น. ที่หลังเวทีบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. แถลงข่าวว่า การที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และนายจรัญ ภักดีธนากุล ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 นั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า หากไม่ได้ เกี่ยวข้องจริงๆ ทำไมนายจรัญจึงไม่กล้าออกมาปฏิเสธทันทีเมื่อถูกซักถาม แต่ต้องรอปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน หลังจาก พล.อ.สุรยุทธ์แถลงไม่นาน นายจรัญถึงออกมา อยากถามว่าทำไมไม่กล้าออกมาชี้แจง หรือเพราะกลัวถ้อยคำจะไม่ตรงกัน

ชี้ “สุรยุทธ์” หมดความเชื่อถือแล้ว

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า อยากเตือน พล.อ.สุรยุทธ์ ว่าอย่าเชื่อมั่นตนเองมากนัก เพราะต้นทุนความน่าเชื่อถือไม่เหลือแล้ว อยากให้สังคมไทยใช้สติพิจารณาความน่าเชื่อถือของตัวบุคคลจากอดีตที่ผ่านมา การกระทำของ พล.อ.สุรยุทธ์ชี้ชัดว่าพูดอย่าง ทำอย่าง ยกตัวอย่างเมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ยังดำรงตำแหน่งเป็นประธานชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่เขาใหญ่ แต่ในขณะที่เป็นประธานฯกลับบุกรุกและครอบครองที่ดินเขายายเที่ยง โดยไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ ทั้งที่เป็นพื้นที่ป่าสงวน แต่ชาวบ้านที่อยู่พื้นที่ข้างล่างกลับถูกดำเนินคดี อีกทั้งการที่ออกมาปฏิเสธกรณีปี 2545 ที่มีการเคลื่อนกำลังไปปะทะกับทหารประเทศเพื่อนบ้านจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากว่าไม่เป็นความจริง เป็นการเคลื่อนกำลังเพื่อฝึกเท่านั้น และยังได้รับความเห็นชอบจาก รมว.กลาโหม ขณะนั้นคือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ

ประกาศท้ารบกับองคมนตรี

แกนนำกลุ่มเสื้อแดงกล่าวอีกว่า คนเสื้อแดงไม่อาจฟังและเชื่อถือ พล.อ.สุรยุทธ์อีกต่อไป ขอยืนยันว่าจะขับไล่รัฐบาลชุดนี้ พร้อมกับโค่นอำนาจของระบอบอมาตยาธิปไตยและเปิดแนวรบโดยมวลชนกับองคมนตรีบางคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่มาแทรกแซงทางการเมือง จะเป็นการเคลื่อนไหวทางมวลชน โดยอิงข้อมูลข้อเท็จ โดยไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันองคมนตรี และสถาบันเบื้องสูง และการชุมนุมยังคงมีอยู่ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด และพร้อมขับไล่รัฐบาล โดยเฉพาะการประชุม ครม.ไม่ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลด้วยวิธีใดก็ตาม คนเสื้อแดงจะขับไล่ทันที และขอยืนยันว่าการชุมนุมจะอำนวยความสะดวกให้กับงานกาชาด รวมทั้งเส้นทางเสด็จฯด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด

ระบุ “ปีย์-แอ้ด” พวกเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ย้ำถ้อยคำชี้แจงของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่แปลก เพราะนายปีย์เป็นอีกคนที่ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับ พล.อ.สุรยุทธ์ และยืนฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายสมัครเป็นคนเดียวกันที่เรียกสมญาว่า หัวเถิก จึงไม่ผิดความคาดหมายว่า นายปีย์จะออกมายืนยันข้อมูลให้กับ พล.อ.สุรยุทธ์ เพราะเป็นพวกเดียวกัน

คุยเสื้อแดงมาด้วยใจไม่มีใครจ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มเพื่อนเนวินออกมาชี้แจงว่า การดำเนินการของกลุ่มคนเสื้อแดง และการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เพราะหวังผลคดีเงิน 7.6 หมื่นล้านบาท แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวว่า ไม่เคยคิดว่า การเคลื่อนไหวจะมีผลต่อคดีดังกล่าว เงินจำนวนนี้ก็เป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างถูกต้อง ที่จริงเพื่อนเนวินไม่ควรออกมาวิจารณ์เรื่องนี้ เพราะการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงกับกลุ่มเพื่อนเนวินแตกต่างกันมาก คืองบประมาณการเคลื่อนไหว เสื้อแดงมาด้วยใจไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ส่วนกลุ่มอื่นตนไม่ทราบ

ปิดการจราจรรอบทำเนียบฯชั่วคราว

ตอนสายวันเดียวกัน พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. ในฐานะ รองโฆษก บช.น. กล่าวภายหลังเรียก ประชุมนายตำรวจระดับรอง ผบช.น. ผบก.น.1-9 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประเมินสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทำเนียบฯว่า ได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลโดยรอบพื้นที่ รวมถึงจุดล่อแหลมต่างๆ โดยรอบบริเวณ ใช้กำลังจาก บช.น. บช.ภาค 1, 2 และ 7 บช.ตชด. รวมจำนวน 23 กองร้อย หรือ 3,450 นาย ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน หากมีการเคลื่อนขบวนตามยุทธศาสตร์ ดาวกระจาย จะมีการจัดกำลังในจุดที่จะมีการเคลื่อนขบวน จุดละ 2 กองร้อย หรือ 300 นาย ส่วนการจราจรรอบพื้นที่ใน กทม.นั้น ขณะนี้มีงานต่างๆหลายงาน เช่น มหกรรมหนังสือนานาชาติ งานกาชาดประจำปี อาจจะก่อให้เกิดปัญหาจราจร จะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล ตำรวจมีความจำเป็นต้องจัดระเบียบการรักษาความปลอดภัยและการจราจร จึงต้องปิดการจราจรชั่วคราวบริเวณรอบทำเนียบฯ ถนนพระราม 5 ตั้งแต่แยกพณิชยการ-ถนนลูกหลวง ถนนนครปฐม ตั้งแต่ถนนศรีอยุธยา-ถนนลูกหลวง อาจทำให้การจราจรอาจจะติดขัดต่อเนื่อง ส่วนขบวนเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่จะเสด็จฯเปิดงานกาชาดในวันที่ 30 มี.ค.นั้น ได้วางแผนเส้นทางเสด็จเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ย้ายที่มอบตัว 21 พันธมิตรฯ

พล.ต.ต.ภาณุยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเข้ารายงานตัว รับทราบข้อกล่าวหาของ 21 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ที่จะมีการเปลี่ยนสถานที่จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล มาเป็นสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิตนั้น เชื่อว่าจะไม่มีสถานการณ์อะไรน่าเป็นห่วง เนื่องจากเป็นการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาลงบันทึกประวัติ แล้วเดินทางกลับได้เลย ส่วนที่เหลือคงเป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนว่าจะมีการประสานสอบปากคำเมื่อใดเท่านั้น

เสื้อแดงปัดไม่เคยโชว์ภาพน้องโบว์

ขณะเดียวกัน หลังจากที่มีข่าวว่ามีการนำภาพศพของน้องโบว์ หรือ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ สมาชิกกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์การปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 7 ต.ค. 2551 ออกมาประจาน โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพเปลือย โดยมีเจ้าหน้าที่กำลังชันสูตรพิสูจน์การเสียชีวิต ทำให้ผู้เสียชีวิตได้รับความเสียหายนั้น นายสุพร อัตถาวงศ์ หนึ่งในแกนนำเสื้อแดง กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงไม่มีการนำภาพของน้องโบว์ออกมาแจกจ่ายตามที่เป็นข่าว เพราะคนเสียชีวิตไปแล้วเราจะนำภาพออกมาประจานทำไม ถือเป็นการยํ่ายีผู้เสียชีวิตเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร และเราคงไม่มีความคิดที่เอาเรื่องเล็กๆขึ้นมาเป็นประเด็น วันนี้จะเห็นได้ว่าเราพูดแต่เรื่องใหญ่ๆ ขนาดนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศเรายังไม่พูดถึงเลย ฉะนั้นเรื่องภาพดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

ทักษิณงดโฟนอิน 1 วันไว้อาลัยพี่สาว

ต่อมาเวลา 17.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.แถลงข่าวที่หลังเวทีปราศรัยว่า ในการชุมนุมคนเสื้อแดงเพื่อต่อสู้ขับไล่ระบอบอมาตยาธิปไตย ที่มี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีเป็นหัวหน้า และขับไล่ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในค่ำวันที่ 29 มี.ค. จะงด รายการสนทนาผ่านระบบวีดิโอลิงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 1 วัน เนื่องจากเป็นวันที่มีงานพระราชทานเพลิงศพนางเยาวลักษณ์ ชินวัตร พี่สาว พ.ต.ท.ทักษิณ ที่วัด เทพศิรินทราวาส หลังจากนั้นจะกลับมาพูดคุยกับพี่น้องคนเสื้อแดงตามปกติในเวลา 20.30 น. เป็นประจำทุกวันตลอดการชุมนุม พ.ต.ท.ทักษิณได้โทรศัพท์พูดคุยกับตน เมื่อ 5 นาทีผ่านมา ว่าของดการสนทนาในค่ำวันนี้ เพื่อขอทำใจและทำสมาธิ อุทิศส่วนกุศลไว้อาลัยให้กับนางเยาวลักษณ์ในฐานะน้องชาย ที่ไม่สามารถเดินทางกลับมาบำเพ็ญกุศลให้กับพี่สาวได้ และยืนยันว่าการปราศรัยผ่านวีดิโอลิงค์ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากข้าราชการคนใดของรัฐบาล ตามที่นายสาทิตย์ วงศ์-หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวหา เพราะเทคโนโลยีนี้มีการใช้กันแพร่หลายทั่วโลก และ พ.ต.ท.ทักษิณก็เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญคนหนึ่ง

ชุมนุมยืดเยื้อรอรับมาร์คเข้าทำเนียบ

นายจตุพรกล่าวอีกว่า สำหรับการชุมนุมของคนเสื้อแดง จะปักหลักต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค.นี้ เพื่อรอต้อนรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่ประกาศว่า จะมาประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลในวันดังกล่าว คนเสื้อแดงพร้อมจะให้นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพและคณะเข้ามาในทำเนียบรัฐบาลได้ตามสะดวก อยู่ที่ว่าอยากจะเข้ามาทางไหน แต่จะออกไปจากทำเนียบรัฐบาลได้หรือไม่นั้น ไม่สามารถยืนยันได้ เพราะอยากจะให้รัฐบาลพรรค ประชาธิปัตย์ ได้คิดถึงวันที่ให้นายกษิต ภิรมย์ และพรรค พวกพันธมิตรฯ เข้ามาบุกยึดทำเนียบสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นก็จะมีการประเมิน สถานการณ์การชุมนุมแบบวันต่อวัน

ยันบ้านสี่เสาเป็นเป้าสำคัญคนเสื้อแดง

“ถ้ารัฐบาลจะใช้กำลังตำรวจ-ทหารสลายผู้ชุมนุมเพื่อเข้ามาทำเนียบ ก็เชิญ แต่ไม่รับรองว่าจะได้ออกจากทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ คนเสื้อแดงจะยังไม่ไปไหนทั้งนั้นเพราะจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้คือทำเนียบรัฐบาลและบ้านสี่เสาเทเวศร์ แต่อาจจะมีการเดินขบวนไปสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หากว่า นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ยังคงมีพฤติกรรมดึงสำนวนยุบพรรคประชาธิปัตย์คดีไซฟ่อนเงินทีพีไอ 263 ล้านบาท และเงินกิจการพรรคการเมืองอีก 23 ล้านบาท ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งหลักฐานมาให้ ให้กับศาล รัฐธรรมนูญภายใน 15 วันตามกฎหมาย” นายจตุพรกล่าว

เย้ย ปชป.ดิ้นรนหนีคดียุบพรรค

นายจตุพรกล่าวอีกว่า อยากให้สังคมไทยสังเกตว่า ขณะนี้รัฐบาลมีความพยายามหลีกหนีคดียุบพรรค เห็นได้จากการที่นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย แทรกแซงการทำงานของ กกต. เรื่องส่งสำนวนเงินบริจาคพรรคการเมือง และเงินกองทุนพัฒนาการเมือง ซึ่งอาจนำไปสู่คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยผ่านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำให้ กกต.ออกมาระบุว่า ต้องรอตรวจสอบก่อน แสดงให้เห็นว่ามีความพยายามดึงเรื่องไว้ ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ กกต.ส่งสำนวนคดีภายใน 15 วัน โดยส่งให้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตามกฎหมาย นอกจากนี้ น่าสังเกตว่า นายถาวรยังทำงานนอกเหนือหน้าที่ โดยได้ออกมาเรียกร้องให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ดำเนินการตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เกี่ยวกับข้อมูลเงินบริจาคดังกล่าว เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ แต่เรื่องที่ควรดำเนินการกลับไม่ทำ คือ เรื่องที่ขณะนี้มีประเด็นการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยไม่ชอบที่เกาะนกคอม จ.กระบี่ ที่มีมูลค่านับหมื่นล้านบาท เรื่องนี้นายถาวรมีอำนาจโดยตรง และควรไปหาข้อเท็จจริงมากกว่า

กร้าวป๋าเปรมไม่ใช่เบื้องสูง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการที่นายกรัฐมนตรีออกมาระบุว่า กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ควรมีการจาบจ้วงเบื้องสูง นายจตุพรกล่าวว่า การชุมนุมมีการกล่าวถึงพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ บุคคลดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถาบันเบื้องสูง แต่เป็นแค่บุคคลธรรมดาที่ทำหน้าที่ที่ปรึกษาพระเจ้าแผ่นดิน

จักรภพเตือนรัฐบาลอย่าใช้วิชามาร

ด้านนายจักรภพ เพ็ญแข หนึ่งในแกนนำ นปช. กล่าวว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวว่าตำรวจและทหารระดับพลเอกจะมีการส่งกำลังพลกว่าร้อยนายเข้าร่วมการชุมนุม โดยสวมเสื้อสีแดง แต่มีเจตนาแอบแฝง โดยเม็ดกระดุมที่เสื้อจะมีการติดกล้องที่สามารถบันทึกภาพและเสียงได้ โดยกลุ่มคนดังกล่าวจะเข้ามาเพื่อก่อกวน และยั่วยุผู้ชุมนุมให้มีอารมณ์โทสะ ให้เกิดความรุนแรง และหมิ่นเบื้องสูง เรื่องนี้อยากส่งสัญญาณให้คนที่ต้องการใช้วิชามารดังกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรดำเนินการ เพราะหากมีการจับกุมกลุ่มคนเสื้อแดงด้วยวิธีนี้ หากนานวันเข้าก็อาจเกิดความวุ่นวายได้ ซึ่งไม่ส่งผลดีกับใครทั้งสิ้น

นัดฟังโฟนอินที่ศาลากลางจังหวัด

นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ทราบว่าชมรมเสื้อแดงจังหวัดต่างๆทั่วประเทศได้หารือถึงการเตรียมจัดชุมนุมพร้อมกันที่บริเวณหน้าศาลากลางทุกจังหวัด เพื่อรอฟังโฟนอินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และผู้อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติวันที่ 19 ก.ย.49 คาดว่าจังหวัดเล็กจะมีคนเสื้อแดงมาชุมนุม 2-3 หมื่นคน ส่วนจังหวัดใหญ่จะมีคนเสื้อแดงมาชุมนุม 4-5 หมื่นคน การเคลื่อนไหวดังกล่าว จะทำช่วงก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ หลังจากนั้นจะเคลื่อนทัพไปสมทบกับพลเสื้อแดงที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดันรัฐบาลจนกว่านายกฯจะยุบสภา สำหรับการจะเคลื่อนไหวดังกล่าว ชมรมคนเสื้อแดงได้ประสานมายัง ส.ส.พรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้ประสานการโฟนอินมายังจังหวัดต่างๆพร้อมกัน

คนรักป๋าออกโรงโต้ทักษิณ

เวลา 18.00 น. ที่โรงแรมตรัง ถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ กลุ่มคนรักป๋าเปรม นำโดยนายวิรัตน์ ทองใบเพชร นายกสมาคมชาวสงขลา นายอนันต์ แสงวัณณ์ นายกสมาคมเครื่องถมและเครื่องเงินในพระบรมราชูปถัมภ์ นายประดิษฐ์ อ่อนรักษ์ รักษาการเลขาธิการสมาคมชาวสงขลา และนายสัจจา ศรีเจริญ ผอ.ร.ร. มหาวชิราวุธจังหวัดสงขลา พร้อมพวกรวม 20 คน รวมตัวกันคัดค้านตอบโต้การกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มคนเสื้อแดง ที่พูดจาบจ้วง พล.อ.เปรมและสถาบันองคมนตรี พร้อมอ่านแถลงการณ์ที่ระบุว่าคนเสื้อแดงปิดล้อมทำเนียบฯ เปิดเวทีโฟนอินโดยพ.ต.ท.ทักษิณสู่สายตาประชาชน ผ่านสื่อทั่วโลก ตั้งแต่ 26 มี.ค. ทำให้กลุ่มคนรักป๋า มิอาจอดทนนิ่งเฉยต่อการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณและเสื้อแดงที่บังอาจกล่าวเท็จจาบจ้วง ใส่ร้ายป้ายสีสถาบันองคมนตรี รัฐบาลอย่านิ่งเฉยและปล่อยให้มีการจาบจ้วง กลุ่มคนรักป๋าได้อ่านแถลงการณ์ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนแยกย้ายกันไป

ตั้งด่านตรวจเข้มกันมือที่สามก่อกวน

ช่วงเย็นกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมาก ทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมที่หน้าทำเนียบฯ เพื่อรอฟังการปราศรัยของพ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากไม่ทราบว่ามีการยกเลิกปราศรัยผ่านวีดิโอลิงค์ โดยบรรยากาศในการรักษาความปลอดภัยในการชุมนุมวันที่ 4 เข้มข้นขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและการ์ดกลุ่มคนเสื้อแดง ตั้งแถวตรวจกระเป๋าผู้ที่จะเข้ามาร่วมชุมนุมอย่างละเอียด มีการใช้เครื่องตรวจจับโลหะที่ใช้ในสนามบิน ป้องกันผู้ไม่หวังดีนำอาวุธมาเข้ามาก่อกวน ขณะเดียวกันเวทีปราศรัยก็เริ่มดุเดือดขึ้น แกนนำสลับกันขึ้นเวทีกล่าวโจมตีรัฐบาลอย่างดุเดือดขณะที่ผู้ ชุมนุมใช้ตีนตบ หัวใจตบ มาโบกกันอย่างสนุกสนาน

จับ ตร.พกปืนเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุม

เวลา 19.30 น. การ์ดคนเสื้อแดง ควบคุมชายฉกรรจ์ สวมเสื้อสีเทาลักษณะมีพิรุธ ได้ที่เชิงสะพานมัฆวาน หลังตรวจค้นพบปืนสั้น 1 กระบอกพร้อมกระสุน แต่แสดงตัวว่าเป็นตำรวจที่มารักษาการณ์ในทำเนียบฯ จึงควบคุมมาสอบที่รถโค้ชหลังเวที โดยมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มา สอบสวนด้วยตัวเอง นายณัฐวุฒิเผยว่า ผู้บังคับบัญชาตำรวจนายนี้มาชี้แจงแล้วว่า เหตุที่ต้องพกปืนเข้าเพราะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีระหว่างการปฏิบัติหน้าที่การชุมนุมของกลุ่มอื่น เมื่อมีคนมารับรองแบบนี้ก็ต้องเคารพกัน ส่วนอาวุธปืนนั้นทำหลักฐานไว้แล้วส่งคืนไป ยืนยันว่าการ์ดไม่ได้ทำร้ายตำรวจรายนี้ เพราะถ้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ จะไม่มีการทำร้ายอย่างเด็ดขาด กรณีนี้จะแจ้งให้ พล.อ.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ทราบและเข้มงวดขึ้น เพราะข้ออ้างมีประสบการณ์ไม่ดีกับม็อบไม่ใช่จะมาใช้ได้บ่อยๆ