วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552

เวลา 20.30 น. วันที่ 28 มีนาคม

ที่มา thaifreenews

(จาก มติชนออนไลน์ )

เมื่อครั้งพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน เคยตั้งฉายารัฐบาลเป็นรัฐบาลต่างตอบแทน แต่วันนี้รัฐบาลประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาลต่างตอบแทนตัวจริง ต้องตอบแทนผู้มีพระคุณที่ทำให้ได้เป็นรัฐบาล ได้เป็น เพราะทหาร และคนกลุ่มที่ออกจากพรรคไทยรักไทย รวมทั้งต้องแก้เศรษฐกิจในรัฐบาลนี้ เพราะมีเถ้าแก่เอสเอ็มอีอยู่ในคณะรัฐมนตรีจำนวนมาก

"รัฐบาลชุดนี้ ลงทุนซื้อ ส.ส. โดยเฉพาะเขียวไข่กา ถ้าสงสัยให้ถามลุงชัย (นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร) แล้วอย่าบอกว่าเขียวไข่กาเป็นมะม่วง จะว่าเป็นฝีมะม่วงถึงใกล้เคียงหน่อย" อดีตนายกฯ กล่าว

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เมื่อวันก่อนนั่งเครื่องบินผ่านประเทศโซมาเลีย ที่มีโจรสลัดคอยปล้นเรือผ่านช่องแคบ ได้เห็นแต่ทะเลทราย ขนาดประธานาธิบดีต้องไปอยู่นอกประเทศ ต้องไปตั้งกองบัญชาการที่เคนย่า เมืองไนโรบี ซึ่งสหประชาชาติ(ยูเอ็น) คอยสนับสนุน นั่นคือภาวะการไร้อำนาจในการทำงาน

อดีตนายกฯ กล่าวว่า ก่อนเราจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ เงื่อนไขสำคัญคือ ความมั่นคงทางการเมือง ถ้าการเมืองยังเป็นแบบนี้ ที่มีความพยายามทำให้เป็นอมาตยาธิปไตย ก็ไปไม่ได้รอด เพราะเสียงส่วนใหญ่ต้องการประชาธิปไตย แต่อามาตยาธิปไตยกุมอำนาจ เท่ากับฝืนความรู้สึกประชาชน

"เป็นห่วง พอเห็นรัฐบาลนี้จะแก้กฎหมาย 2 ฉบับ ฉบับแรกจะขยายเพดานเงินกู้เป็น 60%ของจีพีดี แล้วอภิสิทธิ์ (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี) และรัฐบาลกลับบอกว่า ประเทศที่เจริญแล้ว กู้เงินเกิน60% เขาทำได้ เพราะฐานภาษีประมาณ 35% ของจีพีดี แต่ของเรา 15% หมายความว่า ถ้าขยายเพดานเงินกู้ เพราะรัฐบาลนี้นักกู้อยู่แล้ว หาเงินไม่เป็น แต่กู้เก่ง เตรียมไว้เลย ภาษีต้องขึ้น ถ้าไม่ขึ้น ก็ไม่มีกำลังใช้หนี้"

อดีตนายกฯ กล่าว และว่า กฎหมายตัวที่2 กำหนดว่า ต้องขาดดุลงบประมาณไม่เกิน 4.5% แต่ปีนี้ 2552 ตั้งงบขาดดุลเกือบ6% ถือว่าผิดกฎหมาย เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุและไม่ดักปัญหาล่วงหน้า

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ต้องเอางบประมาณลงทุนเพื่อจ้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชน แต่เอาเงินมาแจกแบบประชานิยมนั้น ใช้ไม่ได้แล้ว เพราะยุคสมัยไม่เหมือนกัน แม้อยากได้คะแนนเสียง ก็ได้ชั่วคราว อีกไม่กี่วันคนก็ลืมแล้ว เนื่องจากไม่สามารถมีเงินแจกได้ต่อเนื่อง

อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็น เช่น งบทางทหาร ต้องรอไปก่อน เพราะเงินไม่พอ ทั้งนี้ เห็นว่าการทุ่มเงินลงพื้นที่ชายแดนภาคใต้จำนวน 1 แสนล้านบาท ทั้งที่จีดีพีใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ไม่ถึงแสนล้าน กลายเป็นงบวุ่นวายเสียวัฒนธรรม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่ง "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" แต่วันนี้เปลี่ยนเป็น "จัดซื้อ เบี้ยเลี้ยง เพลิดเพลิน"

อดีตนายกฯ กล่าวว่า ตอนเป็นนายกฯ ได้วางเมกะโปรเจ็คต์ไว้แล้ว และได้ข่าวว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ลอกเลียนอยู่ แต่เชื่อว่าไม่ได้ทำ เพราะต้องคืนอำนาจให้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยสานต่อ "ถ้ามาร์คแน่จริง ก็บอกประชาชนเลย ผมจะยุบสภา ผมเก่ง ผมจะทำใหม่"

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เล่นการเมืองเรื่องเล็กเรื่องน้อย ดำเนินการกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ปล่อยเรื่องทุจริตใหญ่ให้หมดอายุความ

ขณะนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเข้าสู่ภาวะซบเซา จากเดิมนักท่องเที่ยวต่างประเทศประทับใจ ก็กลัวเมืองไทย กลัวมาแล้ว จะกลับออกไปไม่ได้ เพราะขนาดหัวหน้าปิดสนามบินยังเป็นรัฐมนตรีเลย อย่างไรก็ตาม เห็นว่าถึงเวลาปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ ต้องคืนประชาธิปไตยให้ประชาชนและมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง รวมทั้งปฏิรูปกฎหมายที่ทำให้ประเทศล้าหลัง และปฏิรูปวัฒนธรรรมทางการเมือง

"พี่น้องครับ ลุกขึ้นมาทั้งประเทศไทย มาร่วมกับเสื้อแดง เอาประชาธิปไตยคืนมา ไม่ต้องมากรุงเทพฯก็ได้ ชุมนุมกันทั้งประเทศอย่างสันติ เพื่อบอกให้รู้ว่า เราหวงแหนประชาธิปไตย เอาคืนมาให้เราซะ แล้วความเป็นอยู่พี่น้องจะดีขึ้น" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

และว่า บรรดานักการเมืองมาร่วมกับตน อย่าเหนียม ออกมานำพี่น้องประชน เราไม่ทำร้ายใคร เราไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย เราต้องการประชาธิปไตยแท้จริง ไม่ใช่หลอกหลวง เราต้องการประชาธิปไตยเพื่อประชาชน

"ไม่ต้องห่วงผม ผมห่วงพี่น้องครับ พี่น้องที่มีกำลังมาช่วยเหลือพวกเสื้อแดง ข้าวหม้อแกงหม้อให้พวกเราอยู่และสู้กัน เราต้องการประชาธิปไตยเพื่อประเทศไทย เพื่อคนไทย เพื่อลูกหลานของเรา เราต้องการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่กับประชาธิปไตย โดยไม่มีพวกเกะกะวุ่นว่ายกับการเมือง กับการเมือง" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว