วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552

ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 25 เมษายน 2552

ที่มา ประชาไท

"สรยุทธ์" ฟ้องอสมท.เรียกค่าเสียหาย 249ล้าน

มติชนออนไลน์ : บมจ. อสมท จัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อรายงานผลดำเนินการ ระหว่างการประชุม นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ อัยการพิเศษฝ่ายสัญญาและหารือ สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะกรรมการ บมจ. อสมท ได้ชี้แจงให้ผู้ถือหุ้นทราบว่า ขณะนี้บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง กล่าวหาว่า อสมท ใช้คำสั่งทางปกครองมิชอบ พร้อมเรียกค่าชดเชยเป็นจำนวนเงิน 249 ล้านบาท แยกเป็นการเรียกคืนเงินจากค่าส่วนลดที่ควรจะได้จาก อสมท ในสัดส่วน 30% จากเงินค่าโฆษณา 130 ล้านบาท ที่บริษัท ไร่ส้ม ส่งให้ อสมท ไป คิดเป็นเงิน 55 ล้านบาท และการเรียกคืนเงินจากการที่ อสมท โฆษณาเกินเวลาตามที่ตกลงไว้กับบริษัท เป็นจำนวนเงินอีก 195 ล้านบาท

นายสมบูรณ์กล่าวแสดงความมั่นใจว่า คดีนี้คงไม่มีปัญหา เพราะ อสมท ได้ดำเนินคดีบริษัทไร่ส้มไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยยื่นฟ้องผู้เกี่ยวข้องทางแพ่งและอาญา แต่ อสมท ตั้งค่าเผื่อหนี้สูญไว้กว่า 300 ล้านบาท เนื่องจากมีคดีฟ้องร้องในศาลหลายคดี โดยคดีของบริษัทไร่ส้มเป็นยอดเงินที่สูงที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การประชุมครั้งนี้ผู้ถือหุ้นยังได้ลงมติให้ นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลาม, นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการบริหาร บล.บัวหลวง, นางดารณี เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาร์เก็ตไวส์ และนางมัทนา เหลืองนาคทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร เครือซิเมนต์ไทย เป็นกรรมการบริหารคนใหม่แทนกรรมการเดิมที่ครบวาระและลาออกไป ส่วนกรรมการที่ขาดอยู่อีก 1 คนนั้น เป็นตำแหน่งของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ขณะนี้การสรรหายังไม่แล้วเสร็จ

ด้านนางอรัญรัตน์ อยู่คง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า คาดว่าจะสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ได้ภายใน 2 เดือน หรือราวเดือนมิถุนายนนี้

โวยโลโก้ใหม่เอ็นบีที ละเมิด ขู่เลิกใช้ภายใน 30 วัน

มติชนออนไลน์ : รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท โกลเด้นโบล์ จำกัด โดยนายบัณฑิต บุญปาสาณ ทนายความผู้รับมอบอำนาจ ได้ทำหนังสือถึงนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ และสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ (ช่อง11) หรือ "เอ็นบีที" ขอให้ยุติการละเมิดเครื่องหมายการค้า เนื่องจากเอ็นบีทีได้เผยแพร่เครื่องหมาย หรือโลโก้ใหม่ เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมีรูปร่างและลักษณะที่คล้ายกับลวดลายเส้นประดิษฐ์ ซึ่งเป็นภาคส่วนสาระสำคัญภาคส่วนหนึ่งในเครื่องหมายการค้าของบริษัท โกลเด้นโบล์ จำกัด หากเอ็นบีทีไม่ยุติกการใช้โลโก้ดังกล่าวภายใน 30 วัน นับจากได้รับหนังสือฉบับนี้ (ครบ 30 วัน ในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้) บริษัทจำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามที่เห็นสมควรเพื่อรักษาไว้ซึ่งสิทธิตาม กฎหมายต่อไป

ข่าวแจ้งว่า บริษัท โกลเด้นโบล์ จำกัด ได้ส่งสำเนาทะเบียนเครื่องหมายการค้า ทะเบียนเลขที่ ค198773 และสำเนาเอกสารความแพร่หลายของเครื่องหมายการค้าของบริษัทไปพร้อมกับโนติ๊ส พร้อมอธิบายโลโก้ของบริษัท ประกอบด้วย 2 ภาคส่วน คือภาคส่วนแรกเป็นลวดลายเส้นในลักษณะประดิษฐ์เป็นลายเส้นมุมฉากลบมุมสองเส้น วางประกบกันด้านบนและล่าง และมีช่องว่างระหว่างเส้นทั้งสอง โดยเส้นที่อยู่ด้านซ้ายมือมีการลากเส้นยาวขึ้นด้านบนมีลักษณะคล้ายตัวอักษร โรมัน b ประดิษฐ์ และภาคส่วนที่สองเป็นคำอักษรโรมันคำว่า bowling รวมเรียกขานได้ว่า บี หรือ บี โบลิ่ง และสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวได้รับการจดทะเบียนโดยกรม ทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2546 และเป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่สาธารณชนผู้บริโภคทั่วไปแล้ว

สำหรับผู้ชนะการประกวดออกแบบโลโก้สถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ได้แก่ นายเนติพิกัติ ตังคไพศาล กราฟิกดีไซเนอร์ จากทีวีไทย ซึ่งได้แนวความคิดจากสัญลักษณ์ของกรมประชาสัมพันธ์ที่เป็นรูปพระอินทร์เป่า สังข์ เหตุผลที่คณะกรรมการเลือกเพราะเห็นว่ามีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือสามารถสื่อความหมายว่าเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ มีเอกลักษณ์ที่แฝงความเป็นไทย จดจำง่ายและเด่นชัด รวมทั้งสามารถนำไปปรับใช้กับงานในหลายลักษณะ เช่น งานกราฟิกบนหน้าจอโทรทัศน์ นามบัตร ซองจดหมาย เป็นต้น

สื่ออังกฤษแฉ"ทักษิณ"ผลาญเงินเรือใบสีฟ้ากว่าหมื่นล้าน

มติชนออนไลน์ : หนังสือพิมพ์ "เดอะ การ์เดี้ยน" เปิดเผยข้อมูลของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยระบุว่า ช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตประธานสโมสรเข้ามาครอบครองสโมสรเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2007 จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม ปี 2008 นั้น สโมสรสูญเงินไปถึง 33 ล้านปอนด์ (1,716 ล้านบาท) และยังมียอดกู้เงินจากธนาคารเพิ่มขึ้นจาก 49 ล้านปอนด์ (2,548 ล้านบาท) เป็น 64 ล้านปอนด์ (3,328 ล้านบาท) ด้วย เบ็ดเสร็จแล้วก่อหนี้ให้กับสโมสรเพิ่มขึ้นจาก 134 ล้านปอนด์ (6,968 ล้านบาท) เป็น 209 ล้านปอนด์ (10,868 ล้านบาท) และยังใช้เงินในการซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทีมช่วงปิดฤดูกาลอีก 49.5 ล้านปอนด์ (2,574 ล้านบาท)

ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตภายในสโมสรว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาศัยทีมแมนฯ ซิตี้ ในการกู้ชื่อในประเทศไทย โดยเลี้ยงดูปูเสื่อผู้บริหารระดับสูงของประเทศไทยในหลายแมตช์ที่ทีมมี โปรแกรมแข่ง อีกทั้งยังนำทีมมาทัวร์แข่งที่เมืองไทย และมีการนำเงินสโมสรจำนวน 47,912 ปอนด์ (2.50 ล้านบาท) มาจ่ายให้กับบริษัทประชาสัมพันธ์ของพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายด้วย

นอกจากนี้ยังมีรายการที่จ่ายเงินชดเชย จอห์น วอร์เดิล อดีตผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีก 17.5 ล้านปอนด์ (910 ล้านบาท), ให้เดวิด มาคิน อดีตผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีกรายยืมเงินอีก 20 ล้านปอนด์ (1,040) รวมถึงให้สโมสรยืมเงินอีก 21 ล้านปอนด์ (1,092) ด้วย

ปชป.เร่ง"กษิต"ถอนพาสปอร์ต"จักรภพ" บีบไม่ให้มีที่ยืน

มติชนออนไลน์ : นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเมื่อวันที่ 24 เมษายนว่า ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวนอกประเทศ ที่แสดงสัญญาณชัดเจนว่า มีองค์กรและบุคคลที่ไม่ต้องการให้ความสงบเกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการส่งสัญญาณจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำคนเสื้อแดง ที่ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ในการส่งสัญญาณเตรียมใช้ความรุนแรง เพื่อล้มล้างรัฐบาลหรือก่อความไม่สงบ หรือที่นายจักรภพระบุว่า "เตรียมตั้งฐานปฏิบัติการในต่างประเทศ" เพื่อบั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาล ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้น ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลชุดหนึ่งชุดใดเท่านั้น แต่ถือเป็นการประกาศเป็นศัตรูกับประเทศ

นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า รูปแบบการเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณ มีแนวโน้มไปยังประเทศ ที่มีความสัมพันธ์กับประเทศไทยน้อยลง โดยล่าสุดอยู่ที่ไลบีเรีย ซึ่งแม้จะมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทย แต่ทางการไทยต้องประสานงานผ่านสถานทูตไทยในประเทศเซเนกัล ขณะเดียวกันประเทศที่พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไป ก็ไม่ใช่ประเทศที่ยึดโยงอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตย ทั้งนี้ ประเทศไลบีเรียมีประวัติเกิดสงครามการเมืองมานาน และกลุ่มประเทศในแอฟริกาหรืออเมริกากลาง ก็เป็นที่ทราบว่า เป็นเส้นทางผ่านในการลำเลียงอาวุธและเงิน เพื่อสนับสนุนการก่อความไม่สงบในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า จากการเคลื่อนไหวต่างๆ พรรคเห็นว่า จะสนับสนุนให้รัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศเร่งดำเนินการประสานงานระหว่างมิตรประเทศและ องค์กรระหว่างประเทศ เพื่อจำกัดการเดินทางและติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพ ทั้งนี้ พรรคจะหารือกับนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทันทีที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เรื่องการขอถอนพาสปอร์ตตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ หากผู้ที่ถือหนังสือเดินทางคงอยู่ในต่างประเทศต่อไปอาจทำให้เกิดความเสียหาย ต่อประเทศไทยได้

โฆษก บช.น.ชี้หาก"ดี สเตชั่น"ไม่ยั่วยุออนแอร์ได้

มติชนออนไลน์ : พล. ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงหมายจับในช่วงประกาศพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) สิ้นสุดลง ตำรวจจะดำเนินคดีกับ 3 แกนนำเสื้อแดงอย่างไรต่อ พล.ต.ต.สุพรกล่าวว่า ทราบว่าขณะนี้กำลังนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาต่อ ตามป.วิอาญา ส่วนข้อหายังเป็นข้อหาเดิมอยู่ โดยแนวโน้มเชื่อว่าน่าจะให้ประกันตัว เนื่องจากเชื่อว่าผู้ต้องหาไม่น่าจะหลบหนี หรือก่อเหตุวุ่นวายอีก ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมรายอื่นหากผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ยกเลิกไป แต่หากผิดตาม ป.วิอาญา ก็ยังจะดำเนินการอยู่

เมื่อถามว่าวันที่ 25 เมษายน กลุ่มเสื้อแดงจะรวมตัวกันที่ท้องสนามหลวง พล.ต.ต.สุพรกล่าวว่า บช.น.ได้จัดกำลังดูแลอยู่แล้ว หากชุมนุมอย่างสงบก็ไม่น่ามีปัญหา โดยการรักษาความปลอดภัยได้วางแผนนครบาล 50 เพื่อรับมือสถานการณ์ต่างๆแล้ว โดยแบ่งเป็น 3 พื้นที่ คือ พื้นที่ระวังพิเศษอย่างยิ่ง เช่นเขตพระราชฐาน, สถานทูต ,พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ เช่น สถานที่ราชการ, บ้านพักบุคคลสำคัญ,โรงแรม, ศูนย์การค้า และพื้นที่เฝ้าระวัง เช่น ธนาคาร, ร้านทอง, ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น

ถามว่าสถานีวิทยุชุมชนหรือดีสเตชั่นสามารถกลับมาเปิดได้ตามปกติหรือไม่ หลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พล.ต.ท.สุพรกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล หากไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นการยั่วยุก่อให้เกิดความวุ่นวายก็สามารถเปิดได้

"จตุพร"ปัดร่วมชุมนุมที่สนามหลวง ลั่นเสื้อแดงยังไม่แพ้

มติชนออนไลน์ : นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำคนเสื้อแเดง กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดรวมตัวที่สนามหลวง ในวันที่ 25 เมษายนนี้ว่า เป็นเรื่องของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รุ่น 2 ถือเป็นสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนสามารถชุมนุมกันโดยสงบได้ แม้รัฐบาลเพิ่งใช้กำลังปราบปรามทำร้ายฆ่าประชาชนเมื่อไม่นานมานี้ก็ตาม แต่ตนคงไม่ไปร่วมชุมนุมด้วย เพราะจะรอคุยกับแกนนำที่เหลือและสรุปประเมินสถานการณ์ที่ผ่านมา ตั้งแต่การชุมนุมตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. จนถึงวันที่ 14 เม.ย.เสียก่อน เพราะในช่วงดังกล่าวได้เกิดเหตุการหลายอย่างที่ไม่ปกติ เช่น การพยายามสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล ในการแทรกแซงบิดเบือนประเด็นใส่ร้ายว่า กลุ่มเสื้อแดงเป็นฝ่ายก่อจลาจล

เมื่อถามว่า การนัดชุมนุมในวันพรุ่งนี้ เป็นการส่งสัญญาณว่าเสื้อแดงยังไม่หายไปไหนใช่หรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ไม่ได้เป็นสัญญาณ เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมาที่ได้ยุติการชุมนุมไป เป็นเพราะกลุ่มเสื้อแดงยุติเองและเราไม่ได้พ่ายแพ้ ขณะนี้คนเสื้อแดงอยู่ในฐานที่มั่นและพร้อมออกมาทุกเมื่อ หากมีการท้าทาย มีเงื่อนไข มีการไล่ล่าและความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น

เสื้อแดงยกเลิกชุมนุมมหาชัย มุ่งหน้าเข้าสนามหลวงแทน

มติชนออนไลน์ : เมื่อวันที่ 24 เม.ย. จ.ส.ต. ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ผบ.หมู่ ฝอ.ภ.จว.สมุทรสาคร ในฐานะผู้ที่เคยขึ้นเวทีปราศรัยแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า พอจะทราบข้อมูลว่า ทางแกนนำ นปช. มาชุมนุมที่จังหวัดสมุทรสาครในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) นั้น ขณะนี้ทางแกนนำได้ยกเลิกที่จะมาชุมนุมที่จังหวัดสมุทรสาครแล้ว เนื่องจากทางรัฐบาลได้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ กทม.ทำให้แนวร่วมส่วนกลางจะไปชุมนุมกันที่สนามหลวงแทน เพื่อความความสะดวกของผู้เข้าร่วมชุมนุม

อย่างไรก็ตาม จ.ส.ต. ประสิทธิ์ กล่าวว่า ขอปฏิเสธข่าวหาสถานที่ชุมนุมไม่ได้ เพราะสถานที่หาได้แล้ว โดยได้ติดต่อไว้ที่วัดสหธรรมาราม (สหกรณ์ใน) ม.4 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

ส.ว.แนะหยุดไล่ล่าคนเสื้อแดง

มติชนออนไลน์ : การประชุมรัฐสภา เปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ เรื่องสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง วันที่ 2 เมื่อวันที่ 23 เมษายน เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. โดยนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ถ้าการประชุมหาจุดร่วมไม่ได้ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจนนำปัญหาเข้าสู่สภาจะไม่เกิดประโยชน์ เพราะตอนนี้ความขัดแย้งทางการเมืองยังอยู่ แม้ผู้ก่อการจะยุติการชุมนุม แต่แกนนำก็บอกว่าไม่ขอกลับบ้านมือเปล่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็บอกได้ว่ามีบางฝ่ายอยากใช้ความรุนแรง อยากให้รัฐบาลตอบโต้ความรุนแรง แต่รัฐบาลไม่ทำ ดังนั้น ตอนนี้จึงขอร้องทุกฝ่ายหยุดเอาประเทศไทยเป็นตัวประกัน เอาคนไทยเป็นตัวต่อรองเสียที

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า เพื่อป้องกันไม่ให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญนำมาสู่ความขัดแย้ง นายกรัฐมนตรีต้องแสดงจุดยืนด้วยการเยียวยาสังคม 5 ข้อ คือ 1.ควรหยุดไล่ล่าออกหมายจับคนเสื้อแดงแบบหว่านพืช เพราะมีแต่จะทำให้เกิดความร้าวฉาน แต่ต้องดำเนินการยุติธรรมอย่างเสมอภาค 2.ต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างเร่งด่วนเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และเปิดให้ผู้กล่าวหา ผู้ถูกจับกุมใช้กระบวนการยุติธรรมตามปกติ 3.มุ่งสร้างความสมานฉันท์ ความปรองดอง มีหลักเมตตาธรรมเพื่อให้คนไทยทุกคนต่อสู้วิกฤตเศรษฐกิจของชาติ 4.ริเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงใจเห็นพ้องต้องกัน และ 5.เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดทำร้ายประเทศไทยและร่วมมือร่วมใจสร้างสรรค์ไทยให้ เป็นสยามเมืองยิ้ม

"สุเทพ" ชี้ "จักรภพ" ผู้ก่อการร้าย

มติชนออนไลน์ : นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช. ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ โดยระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จะใช้อาวุธโจมตีรัฐบาลไทย ว่า " ถ้าเขาประกาศอย่างนั้น ก็เท่ากับเป็นผู้ก่อการร้าย ต้องติดตาม และเอาตัวมาลงโทษ"

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีนายจักรภพ เพ็ญแข ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ พรรคเห็นว่าควรจะยกระดับการติดตามตัว เพราะการให้สัมภาษณ์ถึงการใช้อาวุธเพื่อล้มล้างรัฐบาล ทำให้นายจักรภพเป็นผู้ที่พยายามก่อการกบฏในราชอาณาจักร แม้ศักยภาพส่วนตัวนายจักรภพจะไม่สามารถทำได้ แต่การเป็นกระบอกเสียงให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มแดงโลก หรือแดงสยาม ทำให้เราไม่อาจประมาทได้ จึงเสนอให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องพิจารณายกระดับการติดตามตัวมาดำเนินคดี โดยเสนอให้แจ้งกับตำรวจสากลและมิตรประเทศ ที่คิดว่านายจักรภพไปหลบซ่อนอยู่โดยเร็ว

"ประเวศ"แนะ ปชช.รวมพลัง - ใช้สันติวิธีสู่ทางออกวิกฤต

มติชนออนไลน์ : นพ. ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวภายหลังการบรรยายพิเศษ เรื่อง "เสริมสร้างศักยภาพสมาชิกพัฒนาการเมือง" ที่โรงแรมมิราเคิล แกรน1.ต้องเน้นใช้สันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง 2.เปิดโอกาสให้ฝ่ายที่มีความเห็นไม่ตรงกับรัฐ ได้แสดงออกและไม่ควรปิดกั้น และ 3.ต้องหันหน้าเข้ามาพูดคุยกัน ถึงแม้จะยังตกลงกันไม่ได้ก็ตาม

นพ.ประเวศ กล่าวว่า ต้องเน้นการแก้ปัญหาความยากจนของกลุ่มเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานให้ได้ผลเป็น รูปธรรมโดยเร็วที่สุด ก็จะสามารถแก้ปัญหาการเมืองที่วุ่นวายในขณะนี้ได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งควรสนับสนุนให้ต้องมีการตกลงเกี่ยวกับกติกาและขอบเขตการชุมนุมให้ ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่ผ่านมา

ภท.เสนอแก้รธน.4ประเด็น-ไม่พูดถึงนิรโทษกรรม

นายประกิจ พลเดช ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ประธานคณะกรรมการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย แถลงหลังการประชุมพรรคภูมิใจไทย วันที่ 24 เมษายนว่า คณะกรรมการได้มีการปะชุม และตีกรอบการเสนอข้อแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า จะต้องอยู่บนผลประโยชน์ของสาธารณะ วันที่ 27 เมษายน จะมีการสรุปประเด็นการแก้ไข เพื่อเสนอต่อที่ประชุมพรรคในวันที่ 28 เม.ย.และให้หัวหน้าพรรคเสนอต่อคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่นายกฯจะตั้งขึ้นต่อไป เบื้องต้นสาระสำคัญที่จะเสนอคือ

1.ที่มาของส.ส.เห็นว่าควรเป็นแบบเขตเดียว เบอร์เดียว ส่วนที่มาของส.ว.เห็นว่าหากเป็นการคัดสรรก็ให้เป็นการคัดทั้งหมด หากเลือกตั้งก็ให้เลือกตั้งทั้งหมด

2.มาตรา 190 ในเรื่องการทำสัญญาต่างๆ เห็นว่าควรให้สภารับรู้กรอบของสัญญา แล้วให้รัฐบาลไปดำเนินการทำงาน แล้วจึงให้รายงานผลการทำสัญญาต่อสภา

3.เรื่องการยุบพรรค เห็นว่าหากกรรรมการบริหารคนใดคนหนึ่งทำผิด ไม่ควรโยงไปถึงการยุบพรรค หรือเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด เพราะไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย 4.มาตรา 266 เรื่องการก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานของข้าราชการโดยส.ส.เห็นว่า ควรทบทวนว่าอาจจะให้ส.ส.เป็นผู้ประสานงานได้หรือไม่ โดยพรรคคำนึงถึงกระแสต่อต้านเช่นกัน แต่เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ใช้มาระยะหนึ่งแล้ว มีข้อบกพร่องสามารถแก้ไขได้ และการแก้ไขไม่ช่การร่างใหม่ เป็นคนละเรื่องกัน

"ขณะนี้พรรคยังไม่มีการพูดถึงเรื่องการนิรโทษกรรม ส่วนกรณีที่เริ่มมีกระแสต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญนั้น ในส่วนของพรรคการเมืองมีหน้าที่เสนอความเห็นไปยังคณะกรรมการที่นายกฯจะตั้ง ขึ้นเท่านั้น ส่วนจะดำเนินการอย่างไรแล้วแต่คณะกรรมการ"

"สมเกียรติ"จวกนิรโทษกรรม ปชช.ไม่เห็นด้วย

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในการอภิปรายในที่ประชุมร่วมกันของสองสภา ว่า ที่สมาชิกฝ่ายค้านโดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พูดถึงพันธมิตรฯได้รับการปฏิบัติ 2 มาตรฐาน ต่างจากกุล่มเสื้อแดง ขอชี้แจงว่า คดีของตน ผ่านตำรวจไปเกือบหมดแล้วและอยู่ในชั้นอัยการ และเร็วกว่า คดีหมิ่นฯที่คนบางคนโดน นอกจากนี้ ยังไม่ใช้เอกสิทธิ์ส.ส.ในการหลบเลี่ยงการถูกดำเนินคดี

ส่วนที่มีการบอกว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ก็ขอเชิญพ.ต.ท.ทักษิณ มารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมด้วย ส่วนข้อเสนอการจับมือของเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ยุทธศาสตร์ของพันธมิตรฯ คือการเมืองใหม่ คือประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่ของเสื้อแดงคือสถาปนารัฐไทยใหม่ล้มศักดินา ก็ไม่รู้จะไปเจรจากันอย่างไร แต่ก็ยินดีจะคุย

นายสมเกียรติส่วนที่มีการอ้างว่า คดีการเมืองไม่เป็นธรรมโดยเฉพาะยุบพรรค เรื่องนี้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีระบุชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนที่พยายามเสนอกฎหมายปรองดอง เป็นการปรองดองของนักการเมืองชัดเจน เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย นักการเมืองผิดก็ต้องแก้ที่พฤติกรรมผิดๆ ไม่ใช่มาแก้กฎหมาย นักการเมืองเป็นต้นเหตุ การนิรโทษกรรมจึงร้ายแรงต่อชาติ

40 ส.ว.ตั้งป้อมต้านแก้รธน.

มติชนออนไลน์ : ที่รัฐสภา กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา น.ส.รสนา โตสิตระกูล นายประเสริฐ ชิตพงษ์ ส.ว.สงขลา และนายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา แถลงว่า ไม่ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ ควรรอไปอีกไม่น้อยกว่า 2 ปี ด้วยเหตุผล 1.การส่งสัญญาณผิด จะทำให้มีการเคลื่อนไหวชุมนุมคัดค้านและสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากจน กระทบการแก้ไขเศรษฐกิจ 2.การจะแก้ไข มาตรา 237 เพื่อคืนสิทธิกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบให้มีสิทธิเลือกตั้งตามเดิมนั้น เห็นว่าไม่ควรแก้ในเวลานี้ ควรแก้ก่อนสภาผู้แทนราษฎรจะครบวาระเลือกตั้งใหม่ เพราะประเทศยังไม่ควรมีเลือกตั้งในเร็วๆ นี้ และ 3.ส่วนมาตราอื่น เช่น มาตรา 190 ไม่จำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะสามารถออกกฎหมายตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาแก้ไขปัญหาได้อยู่แล้ว หากมีปัญหาก็สามารถส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้

"หาก ส.ส.และ ส.ว.ยังเห็นควรให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ทางกลุ่ม 40 ส.ว.จะเข้าชื่อ 1 ใน 10 ของ ส.ว.ทันทีเพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาว่าการกระทำของ ส.ส.และ ส.ว.ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 ที่บัญญัติว่า ส.ส.และ ส.ว.ย่อมไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติ หรือครอบงำใดๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชน ชาวไทยโดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์" นายไพบูลย์กล่าว

ส.นักข่าวยันคนกระชากผมผู้หญิงไม่ใช่นักข่าว

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ : นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขาธิการ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ชี้แจงกรณีที่พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่องเด่น เย็นนี้ ถึงภาพข่าวที่มีชายคนหนึ่งกระชากผมผู้หญิงเสื้อแดงเหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ไม่ใช่ทหาร แต่ชายคนดังกล่าวสะพายกล้องและคล้องบัตรผู้สื่อข่าว

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลกับผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว หลายคน ให้ข้อมูลตรงกันว่าไม่เคยรู้จักชายคนดังกล่าวมาก่อน ซึ่งตามปกติหากเป็นช่างภาพหรือผู้สื่อข่าวที่ทำข่าวในภาคสนาม ก็มักจะรู้จักคุ้นเคยกัน ดังนั้นจึงไม่น่าจะใช่ผู้สื่อข่าวหรือช่างภาพ ที่ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนของสำนักใดสำนักหนึ่ง ตามที่โฆษก กองทัพบกให้สัมภาษณ์

อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมฯก็จะตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวต่อไป ซึ่งถ้าได้รับการยืนยันแน่ชัดว่าชายคนดังกล่าวไม่ใช่ผู้สื่อข่าวหรือช่าง ภาพฯ โฆษก กองทัพบก ต้องรับผิดชอบต่อการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว

นายประดิษฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ในที่ประชุมกรรมการสมาคม ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติให้มีการทำหนังสือเพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงของ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 8-14 เม.ย. โดยจะขอความร่วมมือจากนักข่าว และช่างภาพของสื่อมวลชนทุกแขนงที่อยู่ในพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ความรุนแรงทุก พื้นที่ เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กระทรวงมหาดไทย บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง บริเวณถนนเพชรบุรีซอย 5 ซอย 7 และบริเวณชุมชุมชนนางเลิ้งและบริเวณทำเนียบรัฐบาลและทั้งพื้นที่อื่นๆ ของการชุมนุม ซึ่งจะมีการนัดหมายนักข่าวและช่างภาพสื่อมวลชนทุกแขนงหารือในเรื่องดังกล่าว ในเร็วๆ นี้

มท.1 นำเสื้อน้ำเงินชลบุรีประกาศปกป้องสถาบัน

ASTVผู้จัดการออนไลน์ : ศูนย์ข่าวศรีราชา - มท.1 นำชาวชลบุรีกว่า 12,000 คนสวมเสื้อน้ำเงิน ประกาศเจตนารมณ์ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ เสริมสร้างสมานฉันท์ พร้อมกับแจกโฉนดที่ดิน เอกสารสิทธิทำกิน คาดเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินบ้านเมืองสงบ ถกในสภามา 2 วัน รู้แล้วอะไรผิดอะไรถูก ด้านแก๊งหางแดง แปลงร่างเป็นเสื้อหลากสี 50 คน รวมตัวขับไล่ ก่อนตำรวจขอร้องให้สลายตัว

เวลา 18.00 น.วันนี้ (24 เม.ย.) ที่สนามหน้าศาลากลาง จ.ชลบุรี นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาเป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์ สถาบันสำคัญของชาติ เพื่อเป็นการเสริมสร้างและสมานฉันท์ ร่วมกับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ใส่เสื้อสีน้ำเงินมีข้อความ ปกป้องสถาบันที่หน้าอก จำนวนประมาณ 12,000 คน วัตถุประสงค์เพื่อเทิดทูน สถาบันพระมหากษัตริย์ การสร้างความรัก ความเข้าใจ ลดการแตกแยกทางความคิด และสร้างความสมานฉันท์ของพี่น้องชาว จ.ชลบุรี พร้อมกับกิจกรรมบำบัดทุกข์บำรุงสุขสร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนจัดทำบัตรประจำ ตัวประชาชน

นายชวรัตน์ กล่าวว่า หลังจากที่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ตนคิดว่า ไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรง น่าจะเกิดความสันติ สงบกันได้แล้ว เหนื่อยกันมา 2- 3 สัปดาห์ เปิดอกพูดคุยกันในที่ประชุมสภามา 2 วันเต็ม น่าจะรู้แล้วว่าอะไรถูกอะไรผิด ขอให้บ้านเมืองสงบสุข หันหน้าหากัน แล้วทำมาหากินกันได้แล้ว

ก่อนที่ มท.1 จะเดินทางมาถึง มีกลุ่ม นปช.ใส่เสื้อหลากสีประมาณ 50 คน มารวมตัวกันที่ บริเวณด้านข้าง ร.ร.ชลกันยานุกูล ห่างบริเวณจัดงานเพียง 300 เมตร เพื่อมาทำการต่อต้าน การเดินทางของนายชวรัตน์ในครั้งนี้ โดยอ้างว่าไม่พอใจที่คนเสื้อสีน้ำเงินแอบลอบตีคนเสื้อแดง จนกระทั่งเกิดความวุ่นวายลุกลามจนเ้ป็นเหตุให้งานประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน +3 +6 ที่ รร.รอยัลคลิฟ บีช ยุติกลางคัน

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ปราโมช ปทุมวงศ์ รอง ผบช.ภ.2 และรักษาการ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้ส่ง พ.ต.อ.นภดล วงษ์น้อม ผกก.สภ.เมืองชลบุรี ไปเจรจาขอร้อง จนกระทั่งกลุ่ม นปช.เสื้อหลากสีได้สลายตัวไป

ตร.พบภาพวงจรปิด 2 การ์ดเสื้อแดงถูกฆ่าทิ้งเจ้าพระยาแล้ว

ASTVผู้จัดการออนไลน์ : ในพิธีศพของนายชัยพร กันทัง ที่ป่าช้าขี้หนอน อ.สูงเม่น จ.แพร่ มีแกนนำของกลุ่มคนเสื้อแดงภาคเหนือจำนวนหนึ่งไปร่วมพิธี เพราะชื่อว่านายชัยพร เสียชีวิตจากเหตุจลาจล ในวันที่ 13 เมษายน

นายสมคิด กันทัง พี่ชายของนายชัยพร เปิดเผยว่า น้องชายสมัครเป็นการ์ดให้กับกลุ่ม นปช.แต่ว่าไปร่วมเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น และครั้งสุดท้ายได้รับการติดต่อจากนายชัยพรว่า จะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ในวันที่ 11 เมษายน

ตำรวจเปิดเผยผลชันสูตรศพนายชัยพร พบว่ามีร่องรอยถูกตีที่ศีรษะ มีรอยแผลถลอกที่ศีรษะ จากการถูกกดศีรษะติดกับพื้น นอกจากนั้นที่ปากของนายชัยพร มีผ้าขนหนูผืนใหญ่มัดปิดปาก และมือทั้ง 2 ข้างถูกไขว้หลังด้วยเชือกไนล่อน

แพทย์ระบุว่า นายชัยพร เสียชีวิตจากการจมน้ำ และคาดว่าเสียชีวิตหลังจากตี 2 ของวันที่ 14 เมษายน

มีรายงานการสืบสวนว่า ตำรวจพบภาพวงจรปิดของบุคคลที่มีลักษณะคล้ายผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านย่านบางลำพู และเมื่อตรวจสอบเส้นทางการไหลของแม่น้ำเจ้าพระยา และจุดที่พบศพอยู่ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า คาดว่านายชัยพรน่าจะถูกทำร้ายในย่านนั้น จากนั้นคนร้ายทิ้งศพใกล้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านบางลำพู

พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่า คดีนี้ยังไม่ปิดการสอบสวน แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบหารถจักรยานยนต์ และสืบสวนหากลุ่มคนร้าย

อัตราการเกิดเด็กไทยลดลง-มีปัญหาสุขภาพมาก

ASTVผู้จัดการออนไลน์ : อัตราการเกิดปัจจุบันอยู่ที่ปีละ 8 แสนคน แต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว อัตราการเกิดของคนไทยมีปีละประมาณ 3 ล้านคน ต้นเหตุเกิดจากภาวะเจริญพันธุ์ลดลงอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่หญิงไทย 1 คนจะมีลูก 6 คน แต่ปัจจุบันเหลือ 1 คนต่อ 1.5 คน คาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า เด็กไทยเกิดใหม่จะเหลือ 7 แสนคน และเด็กที่เกิดมาแล้วยังมีปัญหาด้านสุขภาพอีกร้อยละ 5 เสี่ยงต่อการรับเชื้อธาลัสซีเมีย น้ำหนักแรกเกิดน้อย ไอคิวต่ำ และขาดสารอาหาร จากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม และพบว่า ในแต่ละปีมีเด็กถูกทอดทิ้งจากพ่อแม่ที่ไม่พร้อม มากกว่า 800 ราย ซึ่งปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เกิดจากวัยรุ่นร้อยละ 50 ไม่ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันตนเอง ทำให้แต่ละปีมีเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ตั้งครรภ์ถึง 2,500 คน และเกิดจากแม่อายุต่ำกว่า 18 ปี อีกกว่า 70,000 ราย ในจำนวนนี้ 240 ราย ยังติดเชื้อเอดส์จากแม่ด้วย

โดย 3 กระทรวงใหญ่ที่ดูแลด้านเด็ก ก็จะร่วมมือกันจัดทำ 6 ยุทธศาสตร์ ป้องกันตั้งครรภ์ไม่มีคุณภาพ และส่งเสริมอนามัยเจริญพันธุ์ทั้งก่อน และหลังคลอด ไปจนถึงการเลี้ยงดู ให้ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างเหมาะสม

ผบ.ทบ.-มทภ.4 ถกเหตุไฟใต้-สลายตากใบ-ปะทะกรือเซะ ส่ง2ศพ ตชด.บำเพ็ญกุศลบ้านเกิด

มติชนออนไลน์ : ส่ง 2 ศพ ตชด.ถูกซุ่มยิง วางระเบิด ที่บันนังสตา กลับบำเพ็ญกุศลบ้านเกิด ผบ.ทบ. -แม่ทัพภาค 4 ประชุมร่วมหน่วยเฉพาะกิจ 4 จว.ชายแดน 4 อำเภอสงขลา ติดตามคืบหน้าเหตุการณ์ไม่สงบ สลายตากใบ เหตุปะทะมัสยิดกรือเซะ

ร.ต.ท.รุ่งอรุณ กลิ่นกลั่น ร.ต.ต.สุรชัย ชัยสงคราม และ ส.ต.อ.อุดม พุ่มพวง อายุ 26 ปี ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ชุดรบพิเศษเฉพาะกิจที่ 3 ถูกคนร้ายซุ่มยิงและวางระเบิดในพื้นที่หมู่ 3 ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้รับบาดเจ็บนั้น ปรากฏว่า เมื่อคืนวันที่ 23 เมษายน ร.ต.ท.รุ่งอรุณเสียชีวิตลงหลังทีมแพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พยายามช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ เนื่องจากโดนยิงที่หน้าอกกระสุนถูกหลอดแดงใหญ่เสียเลือดมาก แพทย์ปั๊มหัวใจแต่สุดท้ายหัวใจหยุดเต้น ส่วน ร.ต.ต.สุรชัยเสียชีวิตไปก่อนแล้ว ขณะที่อาการ ส.ต.ท.อุดมปลอดภัยแล้ว แต่ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อีกระยะหนึ่งจนกว่าอาการจะหายเป็นปกติ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ที่ศาลาพระอภิธรรมศพ วัดเมืองยะลา พล.ต.ต.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (รอง ผบช.ศชต.) เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ ร.ต.ท.รุ่งอรุณ และ ร.ต.ต.สุรชัย มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมทั้งเพื่อนข้าราชการตำรวจ ญาติมิตร ร่วมพิธีจำนวนมาก โดย พล.ต.ต.เดชณรงค์ และนายกฤษฎา บุญราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับทายาทของนายตำรวจทั้งสอง

ผู้สื่อข่าวรายงานหลังพิธีรดน้ำศพเสร็จสิ้นญาตินำศพ ร.ต.ท.รุ่งอรุณกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนศพ ร.ต.ต.สุรชัยนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดมฤคทายวัน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังเกิดอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 00.30 น. วันเดียวกัน เกิดเหตุเพลิงไหม้ ที่สำนักงานกองทุนการทำสวนยางสายบุรี ถนนท่าเสด็จ ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่ช่วยกันฉีดน้ำสกัดเพลิง 30 นาที เพลิงจึงสงบ สาเหตุอยู่ระหว่างสอบสวน ใน เวลา 07.15 น. ขณะที่นายยาเอะ เจะเดร์ นั่งอยู่หน้าบ้านเลขที่ 62/10 บ้านดินแดง หมู่ 5 อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี คนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนกันมา คนนั่งซ้อนท้ายใช้ปืนอาก้ายิงใส่นายยาเอะ แต่นายยาเอะหมอบกับพื้นพร้อมชักปืนขนาด 9 มม. ยิงตอบโต้ถูกคนร้ายบาดเจ็บขับหลบหนีไป โดยคนร้ายทำปืนอาก้าตกไว้ 1 กระบอก

ต่อมาเวลา 08.30 น. คนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ประกบยิงนายมูฮำมัดกอเซ็ม วาโก อาสาสมัครทหารพราน สังกัด อส.ทพ.ที่ 4403 กะพ้อ จ.ปัตตานี ขณะเดินอยู่ในหมู่ 5 บ้านเมาะรู ต.กระวะ อ.มายอ จ.ปัตตานี บาดเจ็บสาหัส พ.ต.อ.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผกก.สภ.มายอ รับแจ้งนำกำลังไปสอบสวนพร้อมนำนายมูฮำมัดกอเซ็ม ส่งโรงพยาบาลมายอ

เมื่อเวลา 12.50 น. ขณะที่ ร.ต.สุรพล ไม่เศร้า อายุ 28 ปี ผู้บังคับกองร้อยทหารพราน 4703 นายธงศักดิ์ ชุมเกตุ อายุ 27 ปี และนายสันติ อมตเวทย์ อายุ 18 ปี อาสาสมัครทหารพราน ขับรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ กลับจากปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา มาตามถนนสายบาโงยยือรา-ปุโรง เมื่อมาถึงหมู่ 1 บ้านบาโงยยือรา ต.สะเอ๊ะ อ.กรงปินัง คนร้ายจุดชนวนระเบิดที่ฝังอยู่ใต้พื้นที่ถนน เป็นเหตุให้รถกระบะได้รับความเสียหาย แรงระเบิดทำให้ทหารพรานทั้งสามหูอื้อ แน่นหน้าอก พ.ต.อ.จุมพล เปรมศิริ ผกก.สภ.กรงปินัง ตรวจที่เกิดเหตุพบหลุมที่เกิดจากแรงระเบิดกว้าง 1 เมตร สะเก็ดระเบิดเป็นเหล็กเส้นตัดขนาด 1 นิ้ว กระจายอยู่ และพบสายไฟลากเข้าไปในป่าข้างทาง เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 15 กิโลกรัม คนร้ายซุกไว้ใต้พื้นถนน ต่อมาเวลา 17.50 น. คนร้ายใช้รถกระบะเป็นพาหนะ แล้วใช้อาวุธปืนสงคราม ยิงถล่มใส่ สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ริมถนนสายรามัน-รือเสาะ ต.ตะโล๊ะหะลอ อ.รามัน เป็นเหตุให้ ตำรวจบบาดเจ็บ 8 นาย สาหัส 2 นาย ถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ส่วนคนร้ายหลบหนีไป

วันเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ประชุมร่วมกับผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจ ในพื้นที่จังหวัดพื้นที่จังหวัด จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และ 4 อำเภอ ของ จ.สงขลา ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อติดตามความคืบหน้าการควบคุมวัตถุระเบิด การควบคุมความเคลื่อนไหวทางการเงินของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ กรณีนายยะผา กาเซ็ง โต๊ะอิหม่ามใน อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตระหว่างการควบคุมของทหาร การสลายการชุมนุม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และเหตุปะทะกันบริเวณมัสยิดกรือเซะ อ.เมือง จ.ปัตตานี

ด้านนายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์ภาคใต้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวถึงการเดินรถไฟใน 3 จังหวัดภาคใต้ว่า เปิดเดินรถได้ 90% จาก 20 ขบวน เปิดเดินรถได้ 18 ขบวน เนื่องจากต้องนำขบวนรถกลับไปยังต้นทาง สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยจะประเมินผลร่วมกันทุกฝ่ายทุก 1 เดือน เพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์ ทั้งนี้ ในส่วนของจุดล่อแหลม ซึ่งพนักงานรถจักรจะเป็นผู้ที่เห็นเหตุการณ์ข้างหน้าได้ดี หากใกล้ถึงจุดเสี่ยง แต่ยังไม่เห็นกองกำลังะนำรถเข้าจอดที่สถานีใกล้เคียง พร้อมแจ้งรถไฟขบวนอื่นให้หยุดวิ่งผ่านจุดเสี่ยง เพื่อป้องกันเหตุ และจะรอจนกว่าจะมีกองกำลังเข้าปฏิบัติหน้าที่ จึงจะนำรถวิ่งผ่านจุดเสี่ยงภัยไป ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันเหตุ เนื่องจากหากนำฝ่าเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง อาจจะเกิดเหตุซ้ำขึ้นซึ่งถือว่าไม่คุ้ม

"มีผู้โดยสารมาใช้บริการร้อยละ 70-80 เนื่องจากยังไม่ทราบข่าวมากนัก แต่คาดว่าตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน การใช้บริการของรถไฟจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการเช่นเดิม" นายทนงศักดิ์กล่าว

ฉีกกฎจริยธรรม แพทย์ยุโรปอ้างโคลนนิ่งมนุษย์ 4 ราย

มติชนออนไลน์ :สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ว่า นายแพทย์ปานายิโอติส ซาวอส ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ ได้อ้างว่า ได้ทำการโคลนนิ่งมนุษย์เป็นรายแรกของโลก ด้วยการโคลนนิ่งตัวอ่อน 11 ตัว จาก 14 ตัว นำไปฝากท้องในผู้หญิงที่ต้องการมีบุตร 4 ราย โดย 1 รายเป็นโสด อีก 3 รายมีครอบครัวแล้ว ขณะที่สัญชาติของคนเหล่านี้ 3 รายเป็นผู้หญิงอเมริกัน อีกหนึ่งรายเป็นชาวตะวันออกกกลาง พร้อมทั้งอ้างว่าเขาได้บันทึกกระบวนการโคลนนิ่งดังกล่าวไว้ด้วย โดยได้รับการเห็นชอบจากผู้หญิงเหล่านี้

อย่าไรก็ตาม นายแพทย์ซาวอสกล่าวว่า การโคลนนิ่งเหล่านี้เพิ่งเริ่มต้น โดยผู้หญิงเหล่านี้ยังไม่ได้ตั้งท้องแต่อย่างใด

นอกจากนี้ นายแพทย์ซาวอสเปิดเผยด้วยว่า เขาเตรียมแผนจะโคลนนิ่งเด็กหญิงคานี้ ซึ่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากรถยนต์ เมื่อปี 2002 โดยได้นำเซลล์เลือดของเธอมาผสมกับไข่วัว เพื่อสร้างตัวอ่อนผสมระหว่างมนุษย์และสัตว์ ขณะที่มารดาของนางคาดี้ แสดงความยินดี ที่จะได้เห็นการโคลนนิ่งลูกของเธอ

ทั้งนี้ การกระทำของนายแพทย์รายนี้ถือว่าผิดกฎหมาย และอีกหลายประเทศในยุโรป ขณะที่รายงานระบุว่า นายซาวอสอาจดำเนินการทดลองดังกล่าวในตะวันออกกลาง ซึ่งกระบวนการโคลนนิ่งไม่ถือว่าผิดกฎหมาย

"มาร์ค" โต้งบฯ รักษาทุกโรคได้สูงสุดเท่าที่เคยมีมา

มติชนออนไลน์ : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 เมษายน กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณางบประมาณเหมาจ่ายรายหัวโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือโครงการรักษาฟรีทุกโรค ประจำปี 2553 เหลือ 2,406 บาท ว่า เป็นความเข้าใจผิดว่า เป็นการตัดงบประมาณ ข้อเท็จจริงคือ ปี 2552 มีอัตราค่าใช้จ่ายต่อปี คนละ 2,202 บาท แต่ปี 2553 ได้มีการปรับเพิ่มเป็น 2,406 บาท แต่ต่ำกว่ายอดที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เสนอมา ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เพราะตัวเลขของ สปสช.กับสำนักงบประมาณมักไม่ตรงกัน และที่ สปสช.เสนอมาเป็นเพียงคำขอ เพราะในปี 2552 สปสช.ขอ 2,400 บาท ได้ 2,200 บาท ปี 2553 ขอมา 2,600 บาท ก็ให้ไป 2,400 บาท ความจริงคือได้เพิ่ม และตัวเลขที่ให้ปีหน้าเป็นตัวเลขสูงสุดที่เคยให้มา แต่มีความเข้าใจผิดว่า งบประมาณลดลง 40,000 ล้านบาท เพราะมีการนำตัวเลขที่ยอดหนึ่งรวมเงินเดือนส่วนอีกยอดไม่รวมเงินเดือนมา เปรียบเทียบกัน

ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณี ครม.พิจารณางบประมาณเหมาจ่ายรายหัวคนละ 2,406 บาท แต่ไม่ได้รวมค่าตอบแทนแพทย์จำนวน 60 บาทต่อหัว รวมเป็นเงินประมาณ 2,800 ล้านบาท ว่าเงินจำนวนนี้สำคัญมาก หากรัฐบาลไม่จัดสรรให้จะกระทบต่อระบบการบริการสาธารณสุข โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท ดังนั้น จึงได้รายงานปัญหาให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รับทราบ รวมทั้งเสนอของบประมาณจำนวนนี้เพิ่มเติม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการ และมอบหมายให้สำนักงบประมาณ จัดทำรายละเอียดการจัดสรรรงบประมาณเพื่อนำเข้าที่ประชุม ครม.ในเร็วๆ นี้

"ยังไม่ทราบว่า สำนักงบประมาณจะนำค่าตอบแทนแพทย์ 60 บาทต่อหัว ไปบรรจุเพิ่มเติมในงบประมาณเหมาจ่ายรายหัว หรือจะแยกเป็นงบประมาณต่างหาก แต่มั่นใจได้ว่า สปสช.จะได้งบประมาณส่วนนี้อย่างแน่นอน เพราะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างขวัญและกำลังใจของแพทย์ในชนบท และยังช่วยให้ระบบการรักษาพยาบาลมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เพราะแพทย์เต็มใจจะดูแลประชาชนอย่างเต็มที่"นายวิทยากล่าว

นายวิทยากล่าวถึงการตัดงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวว่า ถือเป็นเรื่องปกติของทุกหน่วยงานที่เสนอขอไปแต่ไม่เคยได้รับเต็มจำนวน ที่สำคัญงบประมาณที่ ครม.เห็นชอบทั้งหมด ยังไม่เป็นขั้นตอนสุดท้าย เพราะต้องนำเข้าสภาผู้แทนราษฎรเพื่อแปรญัตติ ซึ่งอาจจะมีการลดหรือเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม การเพิ่มงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวของ สปสช.ในปี 2553 ถือว่าได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากปีก่อนๆ ดังนั้น จึงไม่ถือว่าเป็นการตัดลดงบประมาณแต่อย่างใด ส่วนงบฯบริหารจำนวน 1,800 ล้านบาท ครม.ยังไม่ได้พิจารณา และยังไม่มีวาระเข้า ครม.

ด้าน นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า หาก สปสช.ไม่ได้รับงบประมาณเพิ่มเติมในส่วนของค่าตอบแทนแพทย์ จำนวน 60 บาทต่อหัว จะส่งผลกระทบถึงโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมชนในพื้นที่ทุรกันดาร เกือบ 200 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพราะโรงพยาบาลจะต้องจัดสรรเงินบำรุงของโรงพยาบาลซึ่งได้จากการให้บริการ การรักษาข้าราชการ ประชาชนทั่วไป ชาวต่างประเทศ ไปเป็นค่าตอบแทนให้กับแพทย์แทน อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลชุมชนในพื้นที่ชนบทมักจะมีเงินบำรุงไม่มากพอ เมื่อหักลบกับรายจ่าย ทำให้มีเงินบำรุงเหลือน้อย หรือแทบไม่เหลือเลย ทำให้ไม่สามารถจ่ายตอบแทนให้กับแพทย์ได้ ในที่สุดจะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขแน่นอน

"วัตถุประสงค์ของการจ่ายค่าตอบแทนแพทย์ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ในชนบท แต่หากรัฐบาลไม่อนุมัติงบประมาณส่วนนี้ ทำให้โรงพยาบาลต้องแบกรับภาระส่วนนี้แทน แต่หากโรงพยาบาลบางแห่งไม่มีเงินมากพอ ก็ไม่มีเงินจ่ายให้กับแพทย์ ทำให้แพทย์ขาดขวัญกำลังใจ เพราะไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียมกับพื้นที่อื่น จนในที่สุดแพทย์ต้องย้ายออกนอกพื้นที่ กลับไปโรงพยาบาลในเมืองหรือออกนอกระบบ ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแพทย์ไม่จบ" นพ.วินัยกล่าว

น.ส.สุรางค์ จันทร์แย้ม เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ กล่าวว่า การที่รัฐบาลตัดงบฯโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารงานของรัฐบาลที่ไม่ให้ความสำคัญกับชีวิตและสุขภาพ ของคนไทย เพราะคนถือเป็นกำลังสำคัญในการบริหารประเทศ รัฐบาลต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก มากกว่าการพัฒนาด้านสาธารณูปโภค อย่างการสร้างถนน

"กลุ่มพนักงานบริการถือว่าได้รับผลกระทบมาก เพราะไม่ได้รับสิทธิของประกันสังคม การรักษาพยาบาลตามหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ถือเป็นความหวังสุดท้ายที่จะพอต่ออายุและดูแลสุขภาพของแรงงานบริการได้ อย่างไรก็ตาม เครือข่ายแรงงานบริการจะหารือร่วมกันเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อยื่นข้อเสนอต่อ รัฐบาลอีกครั้ง"น.ส.สุรางค์กล่าว

ด้านนายบริพัตร ดอนมอญ ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย กล่าวว่า เครือข่ายฯจะหารือร่วมกันในวันที่ 28 เมษายนนี้ เพื่อติดตามดูว่างบประมาณในส่วนกองทุนยาต้านไวรัสของผู้ป่วยโรคเอดส์จะถูก ตัดหรือไม่

ส่วนความคืบหน้าการจ่ายเงินตอบแทนให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) นั้น นายวิทยา แก้วภารดัย ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางไปติดตามการดำเนินงานของ อสม.ที่ อ.ละแม อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ว่า ล่าสุด กระทรวงมหาดไทยได้โอนเงินงวดแรก (3 เดือน) จำนวน 1,700 ล้านบาทเศษ ไปยังจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ดำเนินการเบิกจ่ายเป็นค่าตอบแทน อสม.จำนวน 987,019 คน ในอัตรา 600 บาท/คน/เดือน โดยจะเริ่มภายในวันที่ 30 เมษายนนี้

"ปีนี้นับเป็นปีแรกที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนค่าตอบแทน อสม. เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติงานสร้างเสริมสุขภาพเชิงรุก โดยไม่ถือเป็นเงินเดือน หรือค่าจ้าง เป็นเวลา 6 เดือน เริ่มจ่ายตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายนนี้ ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณกลางปี กระตุ้นเศรษฐกิจในการสนับสนุนการปฏิบัติงาน อสม.จำนวน 3,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการ" นายวิทยากล่าว