เหล็กใน
กับการออกมาแฉของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เกี่ยวกับแผนสมรู้ร่วมคิดของบุคคลหลายๆ องค์กรสำคัญในเมืองไทย
หลายๆองค์กรดังกล่าว ในอดีตจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง และการเมืองเองก็ไม่ค่อยกล้าเข้าไปยุ่งเท่าใดนัก
ข้อมูลที่พรั่งพรูออกมา ถึงตอนนี้ฝ่ายที่ถูกกล่าวหาก็ปฏิเสธอย่างแข็ง ขันยิ่ง
อย่างไรก็ตามข้อมูลเหล่านี้สำหรับ"เสื้อแดง"อาจจะเชื่อเต็มร้อย
กลุ่ม"เสื้อเหลือง" หรือกลุ่มที่เคารพนับถือตัวละครที่ถูกเอ่ยอ้างมาอาจจะไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิง
แต่เชื่อว่ามีคนอีกกลุ่มหนึ่งในสังคม คงลังเลว่าจะเชื่อดีหรือไม่!?
เพราะทั้งหมดอาจเป็นเพียงแค่ความบังเอิญเท่านั้น
บังเอิญที่ตัวละครซึ่งถูกกล่าวหาในแผนสมรู้ร่วมคิดนี้ ไปอยู่ในสถานที่เดียวกันด้วยเรื่องอื่น ที่ไม่เกี่ยวกับการเมืองเลย
บังเอิญว่าหลังจากอาหารมื้อนั้นแล้ว รัฐบาลไทยรักไทย และพ.ต.ท.ทักษิณ โดนเล่นงานพอดี
เป็นเหตุบังเอิญที่เกิดการปฏิวัติ
เป็นเหตุบังเอิญที่พรรคไทยรักไทย ถูกยุบ
เป็นเหตุบังเอิญที่พ.ต.ท.ทักษิณ ทำเรื่องไม่เหมาะสมจึงตกเป็นผู้ต้องหาและตัดสินใจหนีคดีมาจนทุกวันนี้
เป็นเหตุบังเอิญที่คณะปฏิวัติ เชิญพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขึ้นเป็นนายกฯ
หลังการเลือกตั้งอีกครั้งประชาชนส่วนใหญ่ของเมืองไทย"เจตนา"ที่จะให้พรรคพลังประชาชน ที่รู้กันทั้งประเทศว่าเป็น"นอมินี"ของไทยรักไทย ได้รับเสียงเป็นอันดับ 1
จากนั้นก็เกิดเหตุบังเอิญขึ้นอีกที่นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 2 อดีตนายกฯ ต้องกระเด็นตกเก้าอี้และโดนยุบพรรคซ้ำสอง
เรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณและพล.อ.พัลลภ แฉออกมาเป็นเพียงการนำเรื่องจริงของบุคคลต่างๆ ที่แค่ไปกินข้าวด้วยกันธรรมดาในฐานะคนรู้จัก มาเสริมเติมแต่ง เป็นการจับแพะชนแกะเท่านั้น
หวังอย่างยิ่งว่าทั้งหมดเป็นการปรุงแต่งเรื่องขึ้นมา และเป็นเหตุบังเอิญเท่านั้น
อย่างน้อยเราก็สบายใจว่าประเทศไทยยังปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข
เป็นระบอบประชาธิปไตยที่ไม่มีอำนาจอื่นเข้ามาแทรกแซง หรือมีคนบางกลุ่มวางตัวอยู่เหนือการตัดสินใจของประชาชน!?
ดั่งพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ในวันที่ทรงสละราชบัลลังก์ ตอนหนึ่งว่า
"ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด
"และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของราษฎร"