วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เรื่องของเซนส์

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ เหล็กใน



เมื่อวานซืนพรรคชาติไทยพัฒนาเพิ่งได้ฤกษ์ เปิดป้ายที่ทำการพรรคเป็นทางการ

นายชุมพล ศิลปอาชา ในฐานะหัวหน้าพรรคเป็นผู้ทำพิธีเปิดตามประเพณี

มีบุคคลสำคัญทางการเมือง นายกฯ รัฐ มนตรี หัวหน้าพรรคต่างๆ มาร่วมแสดงความยินดีตามมารยาท ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน

ที่ว่า"ตามมารยาท"นั้นเพราะว่า คนมาร่วมงานคงไม่มีใครรู้สึกยินดีจริงๆ

เพราะรู้ดีว่าพรรคชาติไทยพัฒนานั้น เกิดมาบนความล่มสลายของพรรคชาติไทย

ในบรรดาพรรคการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 5 ปี ประกอบไปด้วย พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน ชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย

พรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชา น่าเห็นใจมากที่สุด

ด้วยเหตุที่ว่าเป็นพรรคเก่าแก่อันดับสองรองจากพรรคประชาธิปัตย์

อีกทั้งนายบรรหารยังเคยเป็นถึงนายกรัฐมนตรีมาแล้ว

แต่ชะตากรรมเล่นตลก ทำให้ต้องตกงานแบบไม่ทันตั้งตัว

จำได้ว่าช่วงคดีใกล้ตัดสิน มีการคาดเดาผลไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าพรรคชาติไทยน่าจะรอด บ้างก็ว่าไม่รอด คงถูกยุบพรรคไปพร้อมกับพรรคพลังประชาชน

กระทั่งศาลตัดสินให้ยุบหมดทั้ง 3 พรรค

ก็ยังมีคนอุตส่าห์วิจารณ์ ว่าพรรคชาติไทยตกบันไดพลอยโจน เพราะเป้าหมายยุบพรรคจริงๆ น่าจะอยู่ที่พรรค พลังประชาชนมากกว่า

แต่ต่อมาภายหลังมีการวิเคราะห์ว่า

ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่เขียน"ล็อก" ไว้ในมาตรา 237 จนไม่อาจใช้ดุลพินิจเป็นอย่างอื่น นอกจากต้องตัดสินยุบพรรคสถานเดียว

ล่วงเลยจนปัจจุบัน มีการตั้งคณะกรรม การขึ้นมาศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ

มาตรา 237 เป็นประเด็นสำคัญถูกหยิบยกขึ้นมาดูว่าสมควรต้องแก้ไขปรับปรุง เพื่อคืนความเป็นธรรมให้นักการเมืองที่ไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำทุจริตเลือกตั้งหรือไม่

ในงานเปิดป้ายที่ทำการพรรค นายชุมพลบอกตัวเองมี"เซนส์" ว่าจะได้พรรคชาติไทยและกรรมการบริหารพรรคกลับคืน

ฟังแล้วดูเลื่อนลอยไปสักหน่อย

จะอย่างไรก็ขออย่าให้เซนส์นั้นผิดพลาด เหมือนกับศิลปอาชาผู้พี่เคยเชื่อเซนส์ของตัวเอง ว่าพรรคชาติไทยไม่น่าจะถูกยุบ

แต่สุดท้ายน้องชาย ก็ต้องมาเปิดป้ายพรรคชาติไทยพัฒนาอย่างที่เห็น