วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วัดอุณหภูมิการเมือง ‘3 ไข้’ ปรอทเดือด

ที่มา บางกอกทูเดย์

ต้องตรวจวัด “อุณหภูมิ” สถานการณ์ทางการเมืองกันบ้างแล้ว เพราะในช่วงนี้อุณหภูมิทางการเมืองกลับมาร้อนแรงอีกครั้งเมื่อตรวจอุณหภูมิทางการเมืองแล้ว คงต้องพูดถึง “3 ไข้”ที่กำลังกวนใจ พี่มาร์คขา อยู่ในขณะนี้ไข้แรก คงหนีไม่พ้น ไข้โป้งสนธิ ที่ยังหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมารับโทษได้ เพราะงานนี้เจอต้องเตรียม จอบ...เสียม งัดตอที่ขวางทางออกไปเสียก่อน...ทางจึงจะสะดวกแต่ดูแล้ว “ตอ” ที่ว่านี้ค่อนข้างจะใหญ่และหนักเอาการ เพราะลำพังจะใช่จอบเสียมอย่างเดียวคงไม่ไหว คงต้องใช้รถแบ็กโฮเข้าไปช่วยงัดสุดท้ายรถแบ็กโฮที่ทรงพลังและอำนาจก็ยังไม่สามารถงัด“ตอ” ที่ว่านี้ ทำได้แค่สั่นสะเทือน “ตอ” ไปวันๆเห็นแล้วไข้ในข้อแรกนี้คงต้องใช้เวลาอีกนาน อาจจะนานเท่ากับอายุของรัฐบาลก็เป็นได้ เพราะดูเหมือนคดีกำลังมีความคืบหน้าแต่พอถึง “โค้งสุดท้าย” ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า นอกจากการออกมาให้สัมภาษณ์ของนายตำรวจหัวหน้าชุดสืบสวน

รวมทั้งการจับจ้องที่เก้าอี้ ผบ.ตร. ว่า จะถูกปลด! หรือไม่?สุดท้ายท้ายสุด รัฐบาลที่พี่มาร์คขา ก็ไม่กล้าเตะ “บิ๊กป๊อด”พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ที่มีแบ็กอย่างหนาจากรั้วกลาโหมคอยคุ้มกันหลังให้ตลอดเวลางานนี้ถ้าเตะ “บิ๊กป๊อด” คนที่จะเป็นไข้แทน คงเป็น พี่มาร์คขาและ พี่เทพเทือก ที่ต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปอีกนานหลายเดือน“ไข้โป้งสนธิ” ยังไม่จบแค่นี้...ไข้ชนิดนี้ได้ส่งผลให้เห็นถึงความพยายามจะแสดงอิทธิฤทธิ์ของสื่อบางค่ายที่กำลังชักนำให้สังคมเข้าใจ และเห็นว่า“คนมีสี” และ “บิ๊กสีเขียว”เข้ามาเอี่ยวกับคดีนี้อยู่ตลอดเวลาแต่ก็แฝงด้วยการเปิดตัวละครที่เป็นแก๊ง ออฟ โฟร์ภาค 2 ซึ่งกำลังเป็นขั้วการเมืองที่ทรงอำนาจทั้งเงินและคนจึงทำให้ถึงบางอ้อว่า...คดีนี้เป็น “เกมทางเมือง” เกมหนึ่งเท่านั้น และเมื่อวัดปรอทอุณหภูมิไข้นี้ ปรอทวิ่งปรู๊ดขึ้นมาที่เกือบ90 องศา สะบัดมือไม่ทัน...เพราะอุณหภูมิร้อนจริงๆส่วนไข้ที่ 2 ที่อุณหภูมิเกิน 38 องศาเซลเซียส ต้องถูกกักตัวนั่นคือ “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” ที่กำลังระบาดหนักแว่วมาว่า...มีคนติดเชื้อนี้มาแล้วกว่าแสนคนแต่เป็นแล้วหายส่วนเสียชีวิตตอนนี้น่าจะอยู่ที่ครึ่งร้อยไปแล้วความน่ากลัวของ หวัด 2009 ยังไม่น่ากลัวจากคนที่ หาประโยชน์เข้าใส่ตัวเองจากหวัดมรณะ ไม่ว่าจะเป็นการหาประโยชน์จากงบประมาณจัดทำหนังสือปกเขียว 1 ล้านฉบับที่แจกจ่ายประชาชนหรือแม้กระทั่งหารับประทานกับ เจลล้างมือ-หน้ากากอนามัย และล่าสุด หารับประทานกันซึ่งๆ หน้าจาก งบซื้อยาต้านไวรัส “โอเซลทามิเวียร์” มูลค่าหลายล้านบาทแต่ที่หนักสุดคงหนีไม่พ้นกลุ่มการเมืองที่กำลังใช้ประเด็นข้อผิดพลาดเหล่านี้ของรัฐบาล นำมาโจมตีรายวัน...สร้างข่าวขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ได้ทุกวัน

ขณะที่รัฐบาลก็ก้มหน้าก้มตาปิดบังตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อไปเมื่อวัดอุณหภูมิไข้นี้แทบจะโยนปรอททิ้ง เพราะไข้สูงเหลือเกินเฉียดๆ 90 องศา...ร้อนจริงๆ ยาพาราเซตามอลยังเอาไม่อยู่ส่วนไข้ที่กำลังขึ้นที่สูงเรื่อยๆ คือ ไข้เสื้อแดง ที่เริ่มกลับมาแดงให้เห็นกันแล้วจากผลของการจัดเบิร์ธเดย์ให้กับ “พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร” ที่เรียกเสียงฮือฮาได้อย่างดีแท้ แม้ “บิ๊กเซอร์ไพรส์”จะไม่เซอร์ไพรส์เท่าไหร่ก็ตามแต่ที่ร้อนแรงกว่านั้น คือ กรณี “การถวายฎีกา” ของกลุ่มเสื้อแดงที่ยังคงเดินหน้าต่อ และใช้วันที่ 7 ส.ค. เป็นวันรวมพลเพื่อถวายฎีกาแม้ว่าที่ผ่านมาคนเสื้อแดงจะถูกกระแสต้านอย่างหนักแต่แกนนำเสื้อแดงบางคนยังเอาด้วยกับแนวคิดนี้แต่สุดท้ายแล้ว...แกนนำหลักก็ยังเดินหน้าเพื่อยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณในขณะที่ ฝ่ายรัฐบาล ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะบอกว่าให้อยู่ในกรอบกติกากฎหมายบ้านเมืองเท่านั้นจนทำให้ “ท่านผู้นำลิ้ม” ต้องออกมาถล่มรัฐบาลผ่านรายการ“คนในข่าว” ทางเอเอสทีวี เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมาในรายงานพิเศษนี้ นายสนธิ ได้ตำหนิการทำงานของรัฐบาลโดยเฉพาะผู้จัดการรัฐบาล “สุเทพ เทือกสุบรรณ”ในทำนองที่ว่าเป็น “คนเนรคุณ” ปล่อยให้คนเสื้อแดงออกมาจาบจ้วงสถาบัน ทำเหมือนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เล่นกันแรงขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะกระทบชิ่งในคดียิงตนเองหรือไม่...เพราะจนป่านนี้ก็ยังไม่คืบหน้าอย่างที่บอกไปแล้วในไข้แรกการออกมาฉะรัฐบาลครั้งนี้ เริ่มส่งสัญญาณบางอย่างให้ รัฐบาลพี่มาร์คขา ต้องระแวดระวังตัวไว้ให้ดีเพราะเวลานี้ “พันธมิตรฯ”ไม่ได้เป็นพันธมิตรฯ กับรัฐบาลเช่น 7 เดือนที่แล้วอีกต่อไป“ไข้เสื้อแดง”ไม่ใช่แค่อุณหภูมิจะสูงเท่านั้น ยังหาหมอที่จะรักษาโรคนี้ได้ยาก เพราะดูแล้วอาจเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายซะแล้ว! ■