วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

หัวโจกผู้ก่อการร้ายจาบจ้วงในหลวง-ราชินี

ที่มา Thai E-News


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา ASTVผู้จัดการ
29 กรกฎาคม 2552

นายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งถูกตำรวจแจ้งข้อหาดำเนินคดีเป็นหัวโจกก่อการร้ายยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ได้พูดผ่านกระบอกเสียงของตนเองคือ ASTVเมื่อค่ำวานนี้ มีเนื้อหาโจมตีกลุ่มเสื้อแดงที่ล่ารายชื่อประชาชนเพื่อยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรว่า เป็นการทำลายสถาบันฯและโจมตีรัฐบาลว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณไม่มีความจริงใจในการเล่นงานกลุ่มเสื้อแดง

อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสังเกตว่า ถึงจะเป็นการพูดปกป้องสถาบันกษัตริย์ และโจมตีทักษิณและเสื้อแดงว่าทำลายสถาบันฯแบบเดิมๆที่เคยทำมา จนศาลเคยมีคำสั่งตัดสินให้นายสนธิเลิกแอบอ้างมาก่อนหน้านี้ แต่ในคราวนี้หัวโจกผู้ก่อการร้ายรายนี้ได้ใช้วาจาจาบจ้วงที่มิบังควรอย่างยิ่ง ( ดูวิอิโอคลิปการพูด คลิ้กที่นี่)

นาทีที่39:35

บ้านเป็นตัวแทนของสังคม สังคมเป็นตัวแทนของประเทศ ประเทศคือหน้าตาของพวกเรา การมีจารีต มีประเพณี มีการเคารพ เราเคารพพ่อเคารพแม่ แล้วประชาชนคนไทยเคารพพ่อหลวงแม่หลวง มันเสียหายตรงไหน สมเด็จพระนางเจ้าฯ ไม่ใช่อีเมลดา มาร์กอส ที่จะไปโกงชาติโกงบ้านโกงเมือง พระเจ้าอยู่หัว ก็ไม่ใช่ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ที่โกงประเทศอย่างร่ำรวย พระองค์ท่านอยู่อย่างสมถะ


นาทีที่58:50

ผมถูกยิงยังมีการไปปล่อยข่าวพี่น้อง ว่าสถาบันกษัตริย์สั่งให้ยิงผม พี่น้องเชื่อไหม ความบัดซบของคน ผมจะบอกอะไรให้อย่าง วันนี้ผมตัดสินใจเดินหน้าทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง และพระเจ้าอยู่หัว วันนั้นเป็นอมตะวาจาของผมไปจนสิ้นสุดชีวิตจะหาไม่ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง


แม้หัวโจกผู้ก่อการร้ายรายนี้จะทำจะพูดจะแสดงออกไปในนามการปกป้องสถาบัน ด้วยการโจมตีปฏิปักษ์ทางการเมืองอย่างไร้มูล และศาลเคยมีคำสั่งตัดสินมาแล้วว่าไม่สมควรพูดทำนองนี้อีก คำถามคือวาจาเปรียบเปรยจาบจ้วงดังกล่าวของเขาผู้นี้ถือเป็นเรื่องมิบังควรหรือไม่

วิญญูชนพึงพิจารณา และโดยเฉพาะผู้ที่อ้างว่าจงรักภักดีเหนือใครในประเทศอย่างองคมนตรี พวกราชนิกูลที่ชอบออกมาปกป้องสถาบัน นักวิชาการ นักสื่อมวลชน รวมทั้งคนเสื้อเหลือง สิ่งที่สนธิพูดมานี้บังควร หรือมิบังควร?

เปิดปูมคำพิพากษาศาลสั่งจำคุกลิ้ม

ทั้งนี้ศาลเคยพิพากษาจำคุกนายสนธิ โดยมีคำตัดสินตอนหนึ่งว่า (อ่านรายละเอียด คลิ้ก)

"ทางนำสืบจำเลยที่ 1 (สนธิ ลิ้มทองกุล) และพฤติการณ์การกล่าวปราศรับของจำเลยที่ 1 ตามวัตถุพยานของจำเลยที่ 1 ก็ดี การแต่งการของจำเลยที่ 1 ไม่ว่าสีของเสื้อที่ใช้สีเหลือง อันเป็นสีประจำพระองค์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และตัวอักษรที่หน้าอกเสื้อคำว่า"เราจะสู้เพื่อในหลวง" ก็ดี ล้วนพยายามสร้างภาพของโจทก์(พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) และผู้สนับสนุนโจทก์ ให้มีภาพยืนอยู่ตรงข้ามกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และพยายามสร้างภาพของจำเลยกับพวกให้อิงแอบแนบชิดกับสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันสูงสุดที่ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าต้องเทิดทูน เพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์กับพวก ไม่จงรักภักดี ทำตัวเสมอพระมหากษัตริย์ หรือไม่ถวายพระเกียรติพระมหากษัตริย์ เป็นการแยกประชาชนคนไทยที่จงรักภักดีบางส่วน ให้เป็นฝ่ายตรงข้ามสถาบันพระมหากษัตริย์ นับเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อประเทศชาติ

การที่จำเลยที่ 1(นายสนธิ) พยายามดึงสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพ เทิดทูนสูงสุดของประชาชนทุกหมู่เหล่า มาเป็นเครื่องมือในการกำจัดโจทก์กับพวก ในทางการเมือง ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พฤติการณ์แห่งคดีมีลักษณะร้ายแรง และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคล หรือคณะบุคคลอื่นๆ อีกต่อไปจึงไม่รอการลงโทษจำเลยที่ 1 และให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ อ.1241/2550 ของศาลอาญาที่พิพากษาจำคุก เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา "