วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

‘ตอ’ คดี ‘ลิ้ม’ ทำรัฐบาลวูบ!

ที่มา บางกอกทูเดย์

ไม่มีมูลฝอย หมาคงไม่ขี้?? แล้วมูลเหตุมันเกิดขึ้นจากอะไร?? กรณีกระแสข่าวที่ว่าจะมีการสั่งปลด ผบ.ตร. “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” น้องชายสุดเลิฟของ “พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ” รมว.กลาโหมทำไมเรื่องราวถึงได้ บานปลาย มาจนถึงจุดนี้?? คดียิง “สนธิ ลิ้มทองกุล” ถือเป็น คดีพิเศษ

ที่กำลังถูกจับตามอง โดยเฉพาะการสาวไปให้ถึงตัว “ผู้บงการ”ซึ่งเป็นหน้าที่รับผิดชอบหลักของ รอง ผบ.ตร.“พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์” ซึ่งท่านก็กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถในการจับตัว “ผู้กระทำผิด” มาลงโทษแต่ไม่ใช่เรื่องง่าย...เพราะหลายครั้งเรามักได้ยินสม่ำเสมอกับคำว่า “เจอตอ”โดยเฉพาะหากนิยามความหมายคำว่า เจอตอ ของนายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” สามารถตีความแปลความหมายได้ 2 อย่างนั่นคือ “คนที่ใหญ่คับบ้านคับเมือง” หรือไม่อย่างงั้นก็“คนกันเอง”แน่นอนว่า...ประเทศนี้เมืองนี้ยังมีผู้ที่ “อยู่เหนือกฎหมาย”เพราะจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “สนธิ” ประชาชนที่เห็นสภาพรถด้วย “คมกระสุน” กว่าร้อยนัดมองด้วยตาเปล่าก็รู้แล้ว ต้องเป็น “บุคคลที่ไม่ธรรมดา”เพราะแม้แต่ นายกฯ อภิสิทธิ์ ยังออกมาให้สัมภาษณ์ในเชิงที่ว่า...คดีการลอบสังหาร “สนธิ” ยังมีข้อมูลหลายฝ่ายไม่ตรงกันถึงขนาด “ลงทุน” พร้อมที่จะลุยหาข้อมูลด้วยตนเอง!!สิ่งที่ท่านนายกฯ พูด...แสดงว่าข้อมูลที่ใช้ยืนยันถึงตัว“ผู้ต้องหา” ที่ออกหมายจับไปแล้วมีข้อมูลไม่ตรงกัน...ขัดแย้งกันเมื่อเป็นเช่นนี้ในขั้นตอนต่อไปของ “การสืบสวน”พยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวผู้กระทำผิดขัดกันผลลัพธ์ “คำตัดสิน” จะไม่ต้องยกประโยชน์ให้กับความสงสัยในตัวจำเลยอย่างนั้นหรือดังนั้น การที่ พล.อ.ประวิตร จะออกอาการเป็นห่วงน้องชายพล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.ธานีย่อมเป็นความรู้สึกในสายเลือดที่บุคคลทั่วไปพึงมี

เพราะหาก “คดีไม่คืบ” หรือคดีนี้ “จบไม่ลง” นั่นหมายถึงพล.ต.อ.พัชรวาท ต้องตกเป็นเป้าที่ทางรัฐบาลจะทำการ“สั่งปลด” ออกจากตำแหน่งโดยเฉพาะแรงกดดันจากบุคคลทางฟากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ต้องการอยากให้คดีนี้จบลง“โดยเร็ว”แน่นอนว่า...ภาพที่ออกมาระหว่าง รัฐบาลประชาธิปัตย์ กับกลุ่มพันธมิตรฯ ดูเป็นมิตรมากกว่าที่จะเป็นศัตรูการที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมา “ไล่บี้” การทำงานในด้านคดีของทางเจ้าหน้าที่ “ตำรวจ” คงทำให้ รัฐบาลประชาธิปัตย์เกิดความรู้สึก “อึดอัดใจ” อยู่ไม่น้อยไหนจะมิตร...ไหนจะมวลชน...และไหนจะเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวกับ “พล.อ.ประวิตร” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อน“ประชาธิปัตย์” ให้มีทุกวันนี้ไม่รู้จะเลือกใคร...แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเลือก เพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์ต้องเอาของสำคัญ 3 สิ่งไว้กับตัวหากขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใด...เท่ากับว่า “หายนะ” คงใกล้เข้ามาเยือนไม่งั้นเราจะได้เห็นภาพ “ความง่อนแง่น” กันระหว่างอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ อย่างนั้นหรือ??อภิสิทธิ์ จะปลด ผบ.ตร. แต่ สุเทพ รองนายกฯ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่ปลด” มันหมายความว่าอย่างไร??ชัดเจนใช่ไหมว่า “อภิสิทธิ์” ต้องเกรงใจผู้คนรอบข้างเพราะการก้าวขึ้นตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เนื่องจากมีผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนอุ้มชูมากถึงวันนี้จึงกลืนไม่เข้า...คายไม่ออก!!ถ้าหากท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ สั่งปลด พล.ต.อ.พัชรวาทโดยที่ไม่ฟังเสียงคนรอบข้าง เชื่อว่าปัญหาจะต้องเพิ่มพูนเป็น“ดินพอกหางหมู”ไม่ใช่จะมีคนมองท่านว่า “ไม่โดนครอบงำ” หรือคดียิงสนธิจะตรงไปตรงมา หรือเป็นการสลายขั้วตำรวจ

แต่คนจะมองนายกฯ อภิสิทธิ์ ว่า...เป็นการกระทำเพื่อดึงเวลา ขายผ้าเอาหน้ารอด ไปวันๆ...เพราะหากตัวของพล.ต.อ.พัชรวาท เป็นตอ ส่งผลให้การสืบสวนคดี “ไม่ราบรื่น”ดังนั้น จะไม่โยงไปถึงบิ๊กกลาโหมอย่าง “พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ” ซึ่งมีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันกับ พล.ต.อ.พัชรวาทอีกทั้งจะไม่โยงไปถึงรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง “สุเทพเทือกสุบรรณ” อย่างนั้นหรือ?? ในเมื่อเขาจัดตั้งรัฐบาลมาด้วยกันย้อนไปเมื่อ 17 เม.ย.52 คำสั่งการแบ่งมอบหมายอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบใหม่ทั้งหมด ระดับรอง ผบ.ตร.และ ผู้ช่วย ผบ.ตร.การฟอร์มทีม 3 ประสาน อันมี พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์-พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง-พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชาเพื่อประสานการสอบสวนเชื่อเถิดว่า...ไม่ช้าก็เร็ว กลุ่มผู้สอบสวนคณะนี้จะถึงบทส่งท้าย...ยกเว้นแต่จะมีการยื้อช่วยกันไว้เพื่อหวังผลเรื่องทั้งหมดชาวบ้านเขารู้แล้วว่า ใครเป็นใคร...ใครทำอะไร??เพียงแต่กำลังดูว่า ผู้ที่มีหน้าที่ ที่รับกินเงินเดือนภาษีของประชาชนคนไทย จะหาทางลงอย่างไรเท่านั้นเองชีวิตของ “สนธิ ลิ้มทองกุล” เป็นสิ่งมีค่าที่จะทำให้คนไทยได้เห็นอะไรอีกเยอะแยะมากมายที่สำคัญ คือ...การทำงานของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องหากบุคคลใดไม่ทำก็จะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แต่หากทำก็คง “เจอตอ” อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แม้แต่นายกฯ เอง ก็เข้าไปอยู่ในแหปากนี้ด้วย!! ■