วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ไทยเข้มแข็ง ใครเข้มแข็ง?

แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ได้รับการจัดสรรงบประมาณ กว่า 1.4 ล้านล้านบาทเพื่อนำไปใช้ในการแก้ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจไทยตามที่ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะให้เหตุผลว่า ไทยมีจุดอ่อนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาคนและเทคโนโลยีด้วยเหตุนี้เพื่อ “การขับเคลื่อน” ประเทศให้ทะยานล้ำหน้า..รัฐบาลจึงต้องวางยุทธศาสตร์ปันงบประมาณ กระจายไป “สนับสนุน”ประกอบด้วย...

1. ภาคการเกษตร คิดเป็นสัดส่วนประมาณ20% จะนำไปใช้แก้ปัญหาผลผลิตต่อไร่ต่ำด้วยการจัดสรรโครงการขนาดกลางและเล็กเพิ่มพื้นที่รับน้ำจากระบบชลประทาน

2. ภาคการขนส่ง คิดเป็นสัดส่วนประมาณ40% เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตใช้วัตถุดิบให้เกิดประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม เพิ่มความสามารถในการเข้าถึงตลาด ด้วยระบบขนส่งคมนาคมและโลจิสติกส์ที่ดี

3. ภาคสังคม คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20%ในการสร้างคนที่มีคุณภาพในโครงการเรียนฟรีเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ รวมไปถึงระบบสาธารณสุขโครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ3 ปี (2533-2555) จะใช้งบประมาณจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855ล้านบาท เงินกู้จาก พ.ร.ก. และ พ.ร.บ. 800,000ล้านบาท จำนวน 692,244 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาทนอกจากนี้ รัฐบาลจะนำงบประมาณประจำปี2554 และ 2555 มาใช้ด้วย ฉะนั้น งบก้อนดังกล่าวจึงเป็นงบก้อนมหึมาและเป็นงบผูกพันนานถึง 3 ปีแผนงานโครงการไทยเข้มแข็งนี้มีทั้งหมด13 หมวด ได้แก่ สาขาทรัพยากรน้ำและการเกษตร, สาขาขนส่ง/โลจิสติกส์, สาขาพลังงาน,สาขาการสื่อสาร, สาขาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว, สาขาพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุข, สาขาการศึกษา

สาขาสวัสดิภาพของประชาชน, สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, สาขาสิ่งแวดล้อม,สาขาพัฒนาการท่องเที่ยว, สาขาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ และสาขาการลงทุนในระดับชุมชนโดยเงินลงทุนที่ต้องการในปี 2552-2553มีจำนวน 235,720 ล้านบาท และวงเงินลงทุนที่ต้องการในปี 2554-2555 มีจำนวน 685,796ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จแล้วเป็นจำนวนมากถึง921,516 ล้านบาท โดยรัฐบาลประกาศว่าจะนำไปใช้ในโครงการขนาดเล็กได้มากถึง6,000 โครงการสำหรับการจัดสรร ปันส่วน งบประมาณต่างเพื่อนำไป “สานต่อ” ให้เป็นรูปธรรมแบ่งเป็น...พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคที่ได้รับความไว้วางใจจาก “อภิสิทธิ์” มากที่สุด ด้วยการมอบกระทรวงบิ๊กเบิ้มอย่าง “คมนาคม” ให้จัดการบริหาร…โครงการขนส่งทางถนน โดยมี กรมทางหลวงเป็น “เจ้าภาพ” ในการจัดการบริหาร และมี กระทรวงคมนาคม “กำกับดูแล” ภายใต้ประมาณ (ปี 2552-2555) ทั้งหมด 98,054ล้านบาทงบประมาณดังกล่าว “กระจาย” ไปสร้างโครงการต่างๆ อาทิ การเร่งรัดขยายทางสายประธานเป็น 4 ช่องจราจรระยะที่ 2 วงเงิน11,465 ล้านบาท งานบำรุงรักษาทางหลวงอยู่ที่ 44,865 ล้านบาท งานอำนวยความปลอดภัยอยู่ที่ 12,870 ล้านบาทส่วนกรมทางหลวงชนบท นั้น มีโครงการทั้งสิ้น 4 โครงการ จะต้องใช้งบประมาณผูกพันทั้งสิ้น 41,707 ล้านบาท อาทิ โครงการถนนไร้ฝุ่นใช้งบประมาณมากที่สุด คือ 34,341.485ล้านบาท นอกจากนี้ ก็มีการก่อสร้างถนนสายA17 ลาดกระบัง 3,436 ล้านบาท ถนนสายต่อเชื่อมถนนราชพฤกษ์-กาญจนาภิเษก 2,070ล้านบาท และสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี 1,860 ล้านบาท รวมสาขาขนส่งทางถนนทั้งหมดต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น139,761.525 ล้านบาท

นอกจากนี้ ตามแผนในปี 2553-2555 ยังมีโครงการระบบรถไฟฟ้ารวม 135,314 ล้านบาทโครงการระบบราง 17,190 ล้านบาท โครงการขนส่งทางอากาศ 1,119 ล้านบาท ประกอบอยู่ในแผนงานโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงคมนาคมด้วยชาติไทยพัฒนา มุ่งเน้นการพัฒนาแหล่งน้ำเป็นหลัก เพราะเป็นเจ้าภาพดูแล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับงบประมาณทั้งสิ้น192,148.258 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่กรมชลประทานจะนำไปจัดหาแหล่งน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 78,432 ล้านบาทกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโดย สุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีได้รับแบ่งงบก้อนนี้ไปด้วยงบประมาณ21,339.686 ล้านบาท เป็นงบในกรมทรัพยากรน้ำ18,330.650 ล้านบาท ซึ่งเทงบก้อนใหญ่ไปที่โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำมากถึง12,155.650 ล้านบาท ตามด้วยงบที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ 3,009.036 ล้านบาทกระทรวงพลังงาน น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูลคู่เขย สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ได้รับจัดสรรในส่วนของกระทรวงพลังงาน 79,944 ล้านบาทสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ งบก้อนใหญ่อยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการ 130,578 ล้านบาทที่มี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองลงมา คือกระทรวงสาธารณสุข ที่จะมีการพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุข ได้งบ 83,374 ล้านบาท และหน่วยงานอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของ “ขุนพล” พรรคประชาธิปัตย์รวม 116,481 ล้านบาทยังมี “ยิบย่อย” อีกหลายบาท!...รัฐบาลบุญทุ่มซะขนาดนี้อีก 3 ปี เราจะเห็นความเข้มแข็งของไทย(หรือเปล่า) โปรดติดตาม... ■