วิทยา ตัณฑสุทธิ์26/8/2552
                                                                     ทางออกของสังคมไทย
            เดือนกันยายน  2552 การขัดแย้งแตกแยกในสังคมไทยจะดำเนินมาครบ  4 ปี  มีคำถามว่า  อีกนานเท่าไหร่คนไทยจึงจะรักใคร่ปรองดองกันเหมือนในอดีต         
            คำถามนี้ไม่มีใครตอบได้   แต่มีบทความของนพ.ประเวศ  วะสี ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  ฉบับวันที่ 18 สิงหาคม 2552  สรุปเนื้อหาได้ดังนี้
            ขณะนี้สังคมไทยวิกฤตทุกด้าน  และเข้าไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองจนสุดทางไป  ซึ่งอาจเกิดสงครามกลางเมืองบ้านแตกสาแหรกขาด  เหมือนในสหรัฐอเมริกา,  ศรีลังกา,  รวันดา
            สังคมไทยมีการขัดแย้งกันในเชิงโครงสร้าง  ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อกว่า 100 ปีก่อนตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5   มีการปะทะนองเลือดหลายครั้ง  และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้  ทำให้โรคลุกลามมาถึงยุคปัจจุบันและมีความซับซ้อนมากกว่าเดิม
            นพ.ประเวศ  วะสี ระบุว่า   สถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจและทรงศักยภาพในการไกล่เกลี่ย   ได้ถูกดึงเข้ามาสู่ความขัดแย้งและตกเป็นเป้าถูกโจมตีด้วย  ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางออก  และไม่มีทางถอยไปสู่สภาพเก่า จึงขอเสนอให้ใช้วิกฤตเป็นโอกาส เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดมิคสัญญี  และปฏิรูปสังคมไทยให้ก้าวไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นดังนี้
            1.การป้องกันความรุนแรงเฉพาะหน้า    อย่าให้มีใครใช้ความรุนแรง  ทุกฝ่ายจะต้องลดการโจมตีกล่าวหาปลุกระดม               
            2.ยกสถาบันพระมหากษัตริย์และแยก”ทักษิณ”ออกจากสมการขัดแย้ง   โดยในส่วนสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องไม่ให้ใครดึงเข้ามาสู่การขัดแย้งทางการเมือง  ต้องเลิกกล่าวหากันว่าใครไม่จงรักภักดี   และบทเรียนในอังกฤษก็คือ  ในเบื้องต้นเป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายกษัตริย์กับฝ่ายประชาธิปไตย  แต่เมื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยอย่างมั่นคงแล้ว  ประชาชนจะช่วยกันปกป้องบ้านเมือง  และทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ปลอดภัยมั่นคงไปด้วย
            สำหรับกรณี”ทักษิณ”   ถ้ายังถูกดึงเข้ามาสู่เกมการต่อสู้จะสาหัสและบอบช้ำมาก  และไม่มีใครชนะ   มีคนหลายกลุ่มต้องการใช้”ทักษิณ”เป็นเครื่องมือด้วยวัตถุประสงค์ต่างๆ  ดังนั้น”ทักษิณ”จึงต้องตัดสินใจด้วยตนเองว่า  จะยุติเกมการต่อสู้  และจะเปลี่ยนยุทธศาสตร์จากการสู้แล้วนำไปสู่การเกิดกลียุค  ไปเป็นการสร้างสรรค์ได้หรือไม่ 
            3.เหลือทางไปทางเดียวเท่านั้นที่เราจะต้องมีเป้าหมายร่วมกัน   ประสบการณ์ต่อสู้ที่ผ่านมานานกว่า 100 ปี  ผ่านการเลือดตกยางออกมาหลายครั้ง  ได้ให้บทเรียนว่าสังคมไทยต้องการอะไรและปฏิเสธอะไร   ยกตัวอย่างเช่น  ไม่สามารถกลับไปเป็นระบอบราชาธิปไตยได้อีก  และมีสิ่งที่แก้ปัญหาของประเทศชาติไม่ได้อีกหลายข้อได้แก่  การเป็นคอมมิวนิสต์, เป็นเผด็จการทหาร, การปฏิวัติรัฐประหาร, การเลือกตั้งที่ใช้เงินซื้อเสียง,  การปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ,  ระบบความยุติธรรมที่ไม่ยุติธรรม,  ระบบเศรษฐกิจและสังคมขาดความเป็นธรรม  ฯลฯ
            สังคมไทยไม่มีทางออกด้านอื่น  มีแต่การเป็นประชาธิปไตยทางเดียวเท่านั้น  จึงต้องรวมพลังแห่งสันติเพื่อเดินไปสู่ทิศทางนี้
            4.ร่วมกันปฏิรูประเทศไทย   โดยเปลี่ยนมุมมองแบบแยกส่วน  มาเป็นการมององค์รวมทั้งระบบ   แล้วแก้ไขปัญหาที่เชื่อมโยงกันในด้านจิตสำนึก,โครงสร้าง,ระบบบริหารจัดการ  ฯลฯ ต้อง เปลี่ยนเกียร์ต่อสู้มาเป็นการทำงานสร้างสรรค์ร่วมกัน 
            5.สื่อสารสร้างสังคมใช้ความรู้และเหตุผล   ทั้งนี้เพราะสังคมไทยแต่โบราณใช้อำนาจมากใช้ความรู้และเหตุผลน้อย   ทำให้ตีบตัน ขัดแย้ง และรุนแรง  จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน  เพื่อให้เป็นสังคมที่ใช้ความรู้และมีเหตุผล  มีการสื่อสารถึงกันอย่างรวดเร็ว
 นพ.ประเวศ  วะสี สรุปว่า คนไทยและสังคมไทยต้องใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสในการสลัดมายาคติที่ครอบงำมานาน  เลิกดูถูกตนเอง  มีสำนึกอิสระรู้คุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  และใช้ศักยภาพของตนป้องกันไม่ให้เกิดกลียุค  เพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่จุดลงตัวใหม่ที่มีศานติสุขทั่วหน้ากัน