วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

ขบวนการสุดขั้ว

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

คาดเชือก คาถาพัน




ปกติก็มักจะได้เห็นแต่สไตล์นักเลงลูกทุ่ง พร้อมจะถีบหน้าใครก็ได้ที่พูดจาไม่เข้าหู แต่ระยะหลังหลายคนบอกว่า ท่าทีของรองนายกฯเทพเทือก ดูสุขุมขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

ยิ่งในเหตุการณ์ข้อพิพาทเขาพระวิหาร

ต้องบอกว่า ได้แสดงทัศนคติต่อชีวิตผู้คนและความยึดถือในเขตประเทศชาติ ได้อย่างก้าวหน้า ยิ่งกว่าพวกนักเคลื่อนไหวการเมืองการม็อบเยอะ

ยิ่งเทียบกับท่าทีของส.ว.คนดังแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. ที่แสดงความคับแคบทางเชื้อชาติอย่างน่าตกใจ ด้วยการจะให้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านภูมิซรอลเพราะเป็นภาษาเขมร

ถือว่าคนละชั้นกันไปเลยกับเทพเทือก

เน้นย้ำสันติวิธี ความเป็นมิตรของชาวบ้านสองชาติที่ไปมาหาสู่กันอยู่ร่วมกัน ซึ่งไม่ควรมาปลุกระดมชาตินิยมชวนรบกัน

ราวกับเป็นปัญญาชนนักประวัติศาสตร์ชาติ พันธุ์ผสมนักสิทธิมนุษยชน อะไรขนาดนั้นเลยทีเดียว!??

อันที่จริงกลุ่มพันธมิตรนั้น ได้แสดงจุดยืนต่อปัญหาเขาพระวิหารอย่างเด่นชัดมาโดยตลอดว่า เป็นขบวนการชาตินิยมสุดโต่ง จนเรียกกันว่าคลั่งชาติ

เรียกร้องอย่างแน่ชัด ให้กองทัพแสดงกำลังอำนาจเข้ากดดันฝ่ายกัมพูชา ผลักดันคนที่พักอาศัยในพื้นที่พิพาทออกไปให้ได้

แล้วการแสดงออกของพันธมิตร ในอันที่จะบุกขึ้นไปประกาศเจตนารมณ์ที่ผามออีแดงนั้น ก็คือพันธมิตรของแท้แน่นอน

ถ้าเชื่อว่าตนเองถูกต้องแล้ว คนอื่นอย่าได้มาทัดทาน

แม้จะเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่นั้นก็เถอะ คนที่จะได้รับผลกระทบหากเกิดศึกสงครามขึ้นมาก็เถอะ

ถ้าพันธมิตรเชื่ออะไรแล้ว ใครอย่าได้มาขวางเป็นอันขาด เป็นพวกทาสเขมรไปหมด

ก็เลยต้องขว้างปาทุบตีเลือดอาบกันไปตลอดเส้นทางสู่การขึ้นไปยืนประกาศชัยชนะ!

ส่วนกรณีข้อเสนอของส.ว.ที่ให้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านนั้น

อคติชิงชังทางชาติพันธุ์อย่างร้ายกาจ

ไฟใต้ยังไงก็ยังงั้นเลย!?!