สารพิษที่ตกค้างจากการทำการ ปฏิวัติรัฐประหาร เพื่อ ยึดอำนาจประชาธิปไตยเมื่อปี 2549 บัดนี้ทำเอาประเทศไทยแทบจะป่นปี้ไปหมด คนไทยถูกปลุกระดมจ้องจะเอาชีวิตกันเอง ไม่ต่างจาก บ้านป่าเมืองเถื่อน ประเทศที่มีการปกครองโดยรัฐบาลทหารบางประเทศ ยังมีความมั่นคงทางการเมืองมากกว่าบ้านเราเยอะ
ข่าวการมุ่งเอาชีวิตนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะจริงจะเท็จอย่างไรก็เป็นอีกประเด็น แต่เห็นความพยายามของฝ่ายรัฐบาลที่จะปลุกระดมให้เชื่อว่าจะมีการเอาชีวิตนายกฯจริงๆ เหตุนี้กระมัง กรณีนายกฯลงพื้นที่ในบางจังหวัดหรือแทบทุกจังหวัดก็ว่าได้ ต้องใช้กำลังอารักขาเหมือนจะไปทำสงครามกับใคร
ภาพนายกฯในระบอบประชาธิปไตย ที่มาจากการเลือกตั้ง ในขณะออกปฏิบัติหน้าที่พบกับประชาชน ที่ผ่านมามีแต่เสียงโห่ร้องต้อนรับ ไปภาคอีสานผูกผ้าขาวม้ากันตั้งแต่เอวจนเกือบจะถึงคอ
แต่ปัจจุบันมีแต่เสียงโห่ไล่ ภาพของคนที่มาต้อนรับกับคนที่ได้รับการต้อนรับ ก็ไม่ค่อยจะมีความสุขเท่าไหร่ เหมือนกินยาขม
นายกฯมีความตั้งใจที่จะลงพื้นที่พบกับประชาชนทุกจังหวัดเพื่อเอาชนะคำว่านายกฯของคนทั้งประเทศก็เป็นความตั้งใจที่ดี แต่การที่ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทำการรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่นขนาดนี้ คงจะเห็นแต่ในประเทศที่มีผู้นำเผด็จการเท่านั้น
ในระบอบประชาธิปไตยไม่สง่างาม
การเดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 29 พ.ย.ของนายกฯก็คงเหมือนเดิมขนกำลังพลกันไปเป็นกองทัพ นอกจากความไม่ปลอดภัยของตัวนายกฯเองแล้ว ยังจะเป็นชนวนให้ชาวบ้านที่รักนายกฯและเกลียดนายกฯปะทะกันอีก
ปัญหาเหล่านี้น่าจะคาดเดาได้ล่วงหน้า
ส่วนจะมีคนลอบทำร้ายนายกฯหรือไม่ ก็ต้องย้อนไปดูเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย วันที่นายกฯต้องนั่งรถกันกระสุนชนประตูกระทรวงมหาดไทยแหกด่านคนเสื้อแดงออกมา
มีอะไรทะแม่งชอบกล
ในสภาวะวิกฤตการณ์เมืองรุนแรงอย่างนี้ นายกฯน่าจะใช้ วิจารณญาณได้ว่าอะไรควรไม่ควร ที่ว่าลอบสังหารอาจจะไม่ ถูกต้องนัก อาจจะเป็นการรุมประชาทัณฑ์ อาจจะเป็นแผนซ้อนแผนมือที่สาม
หรือถึงขั้นเกิดการจลาจลขึ้น
หมากเกมการเมืองที่ซับซ้อน อาจจะดูกันลำบาก เพราะ ต่างฝ่ายต่างก็วางกับดักเอาไว้ ใครพลาดก่อนเป็นอันว่าจบชีวิตทางการเมือง หรืออาจจะจบชีวิตจริงๆก็ได้
เพราะบ้านเราเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน.
หมัดเหล็ก
วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
เมืองไทยวันนี้
ที่มา ไทยรัฐ