วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ข้ามยังไง

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ เหล็กใน




สรุปว่ายุทธศาสตร์ "ก้าวข้ามทักษิณ" ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์

ล้มเหลวเละเทะไม่เป็นท่า

เมื่อประมาณต้นเดือนที่ผ่านมา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกฯ ในฐานะผู้กำกับฉากการแสดงของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์

ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไว้เป็นบันทึกสาธารณะระบุว่า

ประเทศไทยต้องก้าวข้ามเรื่องทักษิณให้ได้ ถ้าชีวิตแต่ละวันเราวนเวียนพูดแต่เรื่องทักษิณทุกวัน ซ้ำซาก ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น คนก็รู้สึกเบื่อ

และเท่าที่ทราบนายสาทิตย์ยังได้พูดเรื่องนี้ในที่ประชุมรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ว่ายุทธศาสตร์การทำงานของรัฐบาลต้องข้ามเรื่องทักษิณ

รัฐบาลจะมัวเสียเวลาวนเวียนพูดเรื่องซ้ำซากทุกวันก็ไม่มีประโยชน์ รัฐบาลต้องพูดและทำงานในสาระที่เป็นปัญหาของประชาชน

ต้องทำให้คนเห็นว่าประเทศนี้อยู่ได้แม้ไม่มีทักษิณ แม้ว่าคนส่วนหนึ่งจะยึดว่าต้องทักษิณเท่านั้น ก็เป็นเรื่องของเขาและเขาก็เป็นคนส่วนน้อย

นายสาทิตย์ให้สัมภาษณ์ครั้งนั้นฟังดู "หล่อ" มากทีเดียว

เนื่องจากเป็นการเสนอยุทธศาสตร์ชี้ทางสว่างให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อย่างแท้จริง (แม้หลายคนถากถางว่าน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วก็ตาม)

แต่จุดอ่อนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นมาตลอดและน่าจะเป็นอย่างนี้ต่อไป

คือการแปรยุทธศาสตร์ไปสู่ภาคปฏิบัติ

พรรคประชาธิปัตย์พูดได้ พูดดี พูดเก่ง พูดแล้วเหมือนพระเอกพูด ไม่ใช่ผู้ร้ายพูด

แต่พอลงมือทำทีไรนางเอกแทบจะเบือนหน้าหนี

ครั้งนี้ก็เช่นกันกับเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปรับตำแหน่งที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาที่นายกฯ ฮุนเซนเจียดโยนมาให้

รวมถึงเรื่องกลุ่มคนเสื้อแดงจะจัดชุมนุมใหญ่ช่วงปลายเดือนนี้ 28 พ.ย. ไปจนถึงต้นเดือนหน้า 2 ธ.ค.

ปฏิกิริยาของรัฐบาลเท่าที่แสดงออกก็คืออาการของคนตื่นตูมเกินกว่าเหตุ

แค่ลูกมะพร้าวหล่นก็นึกว่าฟ้าถล่ม

ในทางกลับกันบางเรื่องที่ฟ้าร้องฟ้าคำรามทำท่าจะถล่มลงมาทับหัวเข้าจริงๆ กลับได้ยินเป็นแค่เสียงลมพัดใบไม้ไหว

ตรงนี้แหละคือปัญหาของนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์

อะไรที่ควรจะก้าวข้ามก็ดันข้ามไม่พ้น

อะไรที่ไม่ควรก้าวข้ามก็พยายามจะก้าวข้าม

แถมยังข้ามไม่พ้นอีกต่างหาก