วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เรื่องที่ยังไม่ขึ้นศาล

ที่มา โลกวันนี้

คอลัมน์
เป็นประชารัฐ
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2744 ประจำวัน พุธ ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2010
โดย อัคนี คคนัมพร

วานซืนพูดอยู่หยกๆว่ามีเงินสินบนไหลเข้าสู่มือผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหัวละ 1,000 ล้านบาท

พอทำให้คนในวงการการเมืองหัวเราะกันก๊ากใหญ่

แม้จะทำทางถอยไว้ให้กับตัวเองด้วยการทิ้งท้ายว่า ที่พูดเป็นการพูดตามข่าวลือ ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยัน

ทว่าการออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเช่นนั้นทำให้หนังสือพิมพ์หลายฉบับลงรูปและเป็นข่าวหน้าหนึ่งให้คนฮือฮากันทั่วไป เมื่อวานนี้นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ ก็เลยออกมาเดินนิทานต่อไปอีก

คราวนี้ออกมาคอนเฟิร์มข่าวที่ตัวเองแบ่งรับแบ่งสู้ในตอนแรกมาเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่า มีผู้พิพากษาซึ่งเป็นองค์คณะรับไปแล้วคนละ 1,000 ล้าน จำนวน 4 ราย หากมีคนรับเพิ่มอีก 1 รายก็จะได้เสียงข้างมาก

การยึดทรัพย์ก็จะกลายเป็นปล่อยทรัพย์ไปในทันที

ถ้าหากถือว่าการปล่อยข่าวครั้งแรกเป็นการตีปลาหน้าไซ การออกมาปล่อยข่าวครั้งที่ 2 ย่อมเป็นการตีปลาในไซเลยทีเดียว เพราะครั้งนี้มีการยืนยันว่ารับกันไปแล้ว 4 ราย

ผู้เขียนยังไม่เคยเห็นว่าการดูแคลนผู้พิพากษาครั้งใดจะโจ่งแจ้งเท่าครั้งนี้ ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาประการใด ความเสียหายต่อเกียรติยศชื่อเสียงของผู้พิพากษาย่อมเกิดขึ้นคือ พลิกขวาก็โดน พลิกซ้ายก็โดน

สมมุติว่าผู้พิพากษาตัดสินยกคำร้อง คนก็จะมองว่าผู้พิพากษากินสินบนคนละ 1,000 ล้าน

สมมุติว่าผู้พิพากษาตัดสินยึดทรัพย์ คนก็จะวิจารณ์ว่าผู้พิพากษามีอคติ คือเกรงกลัวแรงกดดันของพรรคการเมืองใหม่และพันธมิตรเสื้อเหลือง

ไม่เห็นทางไหนจะเป็นคุณแก่สถาบันศาลเลย

มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เสียหายน้อยที่สุดคือ การตัดสินไปตามอิสระแห่งมโนธรรมสำนึก โดยต้องมีความบริสุทธิ์ใจเป็นที่ตั้งเท่านั้น

ก่อนจะเขียนคำพิพากษาคดีนี้ ผู้พิพากษาจะต้องจุดธูปรำลึกถึงบูรพตุลาการ แล้วเขียนคำตัดสินอย่างมีเหตุผล อิงตัวบทกฎหมาย

หากทำเช่นนั้นได้ก็สามารถยืดอกเย้ยฟ้าท้าดิน

แต่นั่นแหละ ผลลัพธ์ของคำตัดสินจะเป็นอย่างไรผู้เขียนจะไม่พูดถึง เพราะรู้สึกตงิดๆว่าท่านเขียนคำพิพากษากันไปแล้ว

วันที่ 26 กุมภาพันธ์เป็นแต่เพียงวันอ่านเท่านั้น

เมื่อเป็นดังนั้นจะทายหัวทายก้อยอย่างไรล้วนไม่มีประโยชน์

มีแต่ข้อสังเกตอย่างเดียวเท่านั้นคือข้อที่ว่า วันนี้มีแต่คนเรียกร้องให้เคารพคำตัดสินของศาลกันอึงมี่

นักการเมืองเล็ก นักการเมืองใหญ่ต่างทยอยกันออกมาให้ความเห็นว่า ถ้าไม่เคารพคำตัดสินของศาลบ้านเมืองจะอยู่กันไม่ได้

อภิสิทธิ์พูดอย่างนี้ สุเทพก็พูดอย่างนี้

คำพูดเช่นนี้ผู้เขียนเห็นว่ารับฟังได้เพียงครึ่งเดียว เพราะอีกครึ่งหนึ่งผู้เขียนต้องสงวนไว้ที่จะเถียงว่า ถ้าจะให้เคารพศาลโดยศิโรราบแล้ว ต้องถามเสียก่อนว่าศาลใช้กฎหมายอะไร ของระบอบการเมืองใดมาตัดสิน

ถ้าใช้กฎหมายของรัฐสภาตามระบอบประชาธิปไตยก็ไม่มีปัญหา เราต้องเคารพและปฏิบัติตาม

แต่ถ้าศาลใช้กฎหมายของเผด็จการ ตามระบอบเผด็จการเล่า จะให้เคารพได้อย่างไร

นี่คือประเด็นที่จะต้องเถียง

นอกจากนั้นยังจะต้องถามต่อไปอีกว่า แล้วเรื่องอีกมากมายหลายเรื่องที่จงใจกันดึงไม่ให้ถึงศาลล่ะจะว่าอย่างไร เช่น เรื่องการยึดทำเนียบรัฐบาล การยึดรัฐสภา การยึดสนามบินนานาชาติ ฯลฯ

หรือแม้แต่เรื่องของเขายายเที่ยง เขาสอยดาว เรื่องการซื้อเรือเหาะ ซื้อ GT 200 โดยทุจริตที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมจะมีการยึดทรัพย์กันบ้างไหม

หรือสุดท้ายคดีใช้เอกสารราชการอันเป็นเท็จสมัครเข้ารับราชการที่ยังไม่ยอมส่งไปหาศาล

จะให้ประชาชนเขาทำอย่างไร