วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

เส้นทางไฟใต้

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ เหล็กใน

มันฯ มือเสือ




เหตุการณ์กลุ่มคนร้าย 30-40 คนใช้อาวุธปืนสงคราม

จู่โจมถล่มฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารราบที่ 15121 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 38 อ.ระแงะ จ.นราธิวาส

จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 4 นาย และบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งยังปล้นปืนไป 50 กระบอก กระสุนอีก 5,000 นัด

ถือเป็นเหตุการณ์ปะทุรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาบริหารประเทศ

ที่สำคัญยังสวนทางโดยสิ้นเชิงกับคำโฆษณาของรัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงที่ว่า

ปัญหาไฟใต้อันมีจุดเริ่มจากเมื่อต้นปี 2547 ผ่านมา 5-6 รัฐบาล บัดนี้ปัญหาทุกอย่างได้บรรเทาลงแล้ว

สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รอบใหม่

เริ่มต้นนับ 1 จากกรณีกลุ่มคนร้ายบุกค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ปล้นปืนไปไม่ต่ำกว่า 400 กระบอก ยิงทหารตายไป 2 นาย เมื่อ 4 ม.ค. 2547

ซึ่งเปรียบเสมือนวันเสียงปืนแตก

ต่อมาเดือนมี.ค.ปีนั้น ยังเกิดกรณีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ตามมาด้วยกรณีมัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี และกรณีตากใบ จ.นราธิวาส

ทั้ง 3 เหตุการณ์บั่นทอนความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างชาวบ้านกับรัฐ อันเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ไฟใต้ลุกโชนและขยายวงรุนแรงมากขึ้น

จากการรวบรวมสถิติเหตุการณ์ความไม่สงบพื้นที่ภาคใต้ของหน่วยงานด้านความมั่นคง ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นทั้งสิ้น 11,523 ครั้ง มีผู้สังเวยชีวิต 4,370 ราย

รัฐบาลใช้งบดับไฟใต้ไปแล้วกว่า 145,000 ล้านบาท

โดยปี 2550 เป็นปีที่เกิดเหตุรุนแรงมากสุด 2,475 ครั้ง

จากนั้นในปี 2551-2552 ถึงได้ค่อยๆ ลดระดับลง ถึงปี 2553 ก็ลดลงเหลือ 1,164 ครั้ง

ตัวเลขสถิติที่ลดลงนี้เองทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ นำไปอ้างอิงแบบรวบรัดตัดตอนว่า

สถานการณ์ไฟใต้เบาลงแล้ว

กระทั่งเกิดเหตุปล้นปืนและถล่มฐานปฏิบัติการทหาร ฉก.นราธิวาสที่ 38 อ.ระแงะ เมื่อค่ำวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถอดแบบมาจากเหตุการณ์วันที่ 4 ม.ค. 2547

ทางที่ดีรัฐบาลจำเป็นต้องเก็บมาทบทวนอย่างจริงจังว่า ตลอด 7 ปีของการแก้ไขปัญหาไฟใต้ ซึ่งใช้งบไปแล้วนับแสนล้านบาท

การแก้ไขเดินมาถูกทางแล้วหรือไม่

ถ้าถูกแล้ว ทำไมเส้นทางดังกล่าวถึงนำพาให้สถานการณ์วกกลับมาสู่จุดเดิม