วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ชนักปักหลัง

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ เหล็กใน

สมิงสามผลัด




โดนกระชับพื้นที่บ้างแล้วสำหรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

ช่วงนี้กระแสโลกโหมกระหน่ำรัฐบาลไทย

โดยเฉพาะคดีสลายม็อบแดง 91 ศพ

ความจริงมีการเคลื่อนไหวมาตลอดต่อการทวงความยุติธรรมจากญาติผู้เสียชีวิต 91 ศพ

กลุ่มนปช.เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์รับผิดชอบต่อเหตุการสูญเสียครั้งนั้นมานานติดต่อกัน 7-8 เดือนแล้ว

มีการยื่นร้ององค์กรนานาชาติ รวมทั้งสหประชาชาติให้เข้ามาร่วมตรวจสอบการเสียชีวิต

เพื่อให้เกิดความโปร่งใส!!

ทั้งนี้ คนเสื้อแดงต่างเห็นพ้องกันว่าหน่วยงานในไทยไม่ได้ให้ความใส่ใจ

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพิกเฉยพิทักษ์ ไม่ปกป้องสิทธิเสรีภาพของผู้สูญเสีย

คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อแนว ทางปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ก็อืดอาดล่าช้า

ไม่มีความคืบหน้าการสอบสวนเลย

แต่ล่าสุด "ฮิวแมนไรต์วอตช์" หรือองค์กรพิทักษ์สิทธิมนุษยชนสากลระดับโลก เปิดรายงานประจำปี"53

ตีแผ่สถานการณ์ความขัดแย้งวิกฤตการเมืองไทยช่วงเม.ย.-พ.ค.ปี"53

ระบุรัฐบาลนายอภิสิทธิ์เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาว่าจะเร่งสอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบต่อกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้ชุมนุมเสื้อแดง

ในห้วงเวลานั้น ศอฉ.ก็ใช้อำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปิดกั้นเสรีภาพสื่อ-การแสดงความเห็นของประชาชนในโลกไซเบอร์

ปกปิดข้อมูลคนเสื้อแดงถูกจับกุมคุมขัง

รายงานยังระบุด้วยว่า มีการใช้พลซุ่มยิง หรือสไนเปอร์ในการปราบปรามประชาชน!

มีเจ้าหน้าที่รัฐระดมยิงใส่วัดปทุมวนารามจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 ศพ !!

ที่ล่าสุดกว่านั้น คือนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความนปช. ยื่นสำนวนคดี 91 ศพนปช.ต่ออัยการคดีอาญาระหว่างประเทศแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น

ให้ดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์ และศอฉ.ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ

ในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการก่ออาชญากรรมที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน

ถึงเวลานี้เท่ากับว่าการฟ้องร้องคดี 91 ศพ

เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายในเวทีโลกแล้ว

ถึงเวลาที่นายอภิสิทธิ์โดนกระชับวงล้อมบ้าง

ทั้งจากอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ

ทั้งจากฮิวแมนไรต์วอตช์

จะทำตัวอยู่เหนือปัญหาต่างๆ อย่างเคยคงลำบาก

เพราะการดำเนินการในเวทีโลกมันสวนทางกับกระบวนการสอบสวนของไทยอย่างชัดเจน

แทบจะเป็นคนละเรื่องกันเลย

ที่สำคัญ คดีสั่งปราบปรามประชาชน 91 ศพ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนครั้งรุนแรงในไทย

จะเป็นชนักปักหลังนายอภิสิทธิ์ไปตลอด

จะยิ่งหนักหน่วงยิ่งขึ้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องก้าวลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี