วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

'สูติบัตร'หลักฐานชิ้นแรกนปช. พิสูจน์'มาร์ค'ควบสัญชาติอังกฤษ

ที่มา ข่าวสด

รายงานพิเศษ




การถือสัญชาติของ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลายเป็นประเด็นขึ้นมาหลังจากกลุ่มนปช. ประกาศผลักดันคดี 91 ศพ ขึ้นสู่การพิจารณาศาลอาญาระหว่างประเทศ

มีการถกเถียงกันว่า การยื่นฟ้องร้องนายกฯ ไทย ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ กระทำได้หรือไม่

นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ในฐานะทนายของกลุ่มนปช. ยืนยันว่าทำได้

เพราะนายกฯ อภิสิทธิ์ ถือ 2 สัญชาติ คือ สัญชาติอังกฤษ กับสัญชาติไทย

สัญชาติอังกฤษนั้นนายกฯ อภิสิทธิ์ ได้มาเพราะกฎหมายอังกฤษระบุ คนที่เกิดในอังกฤษก่อนปี 2526 จะได้สัญชาติอังกฤษโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องดูสถานะของพ่อแม่

ส่วนสัญชาติไทยนั้นได้ตามผู้ให้กำเนิด

เมื่อนายกฯ ไทยถือสัญชาติอังกฤษ ในขณะที่อังกฤษเป็นรัฐภาคีแห่งธรรมนูญกรุงโรม ที่ลงสัตยาบันกับศาลอาญาระหว่างประเทศ ดังนั้น การยื่นฟ้องคนอังกฤษต่อศาลอาญาระหว่างประเทศย่อมกระทำได้

เป็นความเห็นของฝ่ายนปช. และทนายอัมสเตอร์ดัม

การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดง วันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ โหมโรงเรียกแขกตั้งแต่เวลา 18.00 น. บนเวทีปราศรัย โดยระบุว่า

เดี๋ยวคืนนี้นายอภิสิทธิ์ จะยิ่งร้อนในเรื่องสัญชาติ เขาบอกว่ามีสัญชาติไทยผมก็ไม่เถียง แต่ที่มีสัญชาติอังกฤษ เดี๋ยวมืดๆ จะได้ดูที่หน้าจอ เพราะทีมกฎหมายได้ไปคัดสูติบัตรจากประเทศอังกฤษเป็นที่เรียบร้อย และจะพูดเรื่องสัญชาติ รวมทั้งกระบวนการประกันตัวของพี่น้องนปช. และข้อเสนอของนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ



จากนั้นเวลา 20.00 น. นายจตุพรขึ้นกล่าวบนเวทีพร้อมโชว์สำเนาใบเกิดของนายกฯ อภิสิทธิ์ ที่คัดลอกจากเมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ มาแสดงประกอบการปราศรัย

คนที่เกิดก่อนปีพ.ศ. 2526 จะได้สัญชาติอังกฤษ ถ้านายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ถือสัญชาติอังกฤษ ก็ต้องเอาใบสละสัญชาติมาโชว์ต่อที่สาธารณะ

เอกสารนี้สำนักทนายของนายโรเบิร์ต ได้ไปคัดลอกมาเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นเอกสารที่ออกโดยสำนักทะเบียนกลาง เอกสารเลขที่ 2997018/1

ระบุว่า ด.ช.มาร์ค อภิสิทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 1964 ที่โรงพยาบาลริชาร์ด เฟลโล กิ่ง อ.วิกตอเรีย ในเขตเมืองนิวคาสเซิล อพอนไทน์ โดยแจ้งลงทะเบียน การเกิดเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 1964 มีสำนักทะเบียนการเกิด ประเทศอังกฤษ รับรองว่าเป็นสำเนาจริง

มนุษย์ทั่วโลกไม่สามารถเลือกที่เกิดได้ ไม่สามารถเลือกสัญชาติได้ ที่นายอภิสิทธิ์ มีสัญชาติไทยเพราะมีพ่อแม่เป็นคนไทย และมีสัญชาติอังกฤษเพราะเกิดที่นั่น จึงถือเป็นคน 2 สัญชาติ

ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดเลยเพราะมีคนถือ 2 สัญชาติมากมาย แต่เพราะเหลือเพียงช่องทางเดียวที่จะฟ้องนายอภิสิทธิ์ ขึ้นศาลโลก คือการที่นายอภิสิทธิ์ ถือสัญชาติอังกฤษ ซึ่งเรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ ไม่เคยตอบความจริงกับประชาชน

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวไว้ในวันเดียวกันว่า

ประเด็นมีอยู่ว่า มีสัญชาติไทยและใช้สัญชาติไทยมาโดยตลอด ในการสมัครรับเลือกตั้งและทำสิ่งต่างๆ ซึ่งผู้ที่กล่าวหาต้องไปอ่านกฎหมายไทยว่ากฎหมายไทยเขียนว่าอย่างไร กรณีเวลาที่มีกฎหมายไปขัดกับกฎหมายประเทศอื่นๆ ผมเป็นคนไทยผมก็ถือตามกฎหมายไทย

ผมเกิดที่ไหน ผมเปลี่ยนที่เกิดผมไม่ได้อยู่แล้ว ผมเกิดที่ไหนก็เกิดที่นั่นแหละครับ แต่ผมก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์ เพราะตอนที่ผมเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ผมก็จ่ายเงินในฐานะเป็นนักเรียนต่างประเทศ และผมเดินทางไปอังกฤษตั้งแต่บรรลุนิติภาวะมาไม่รู้กี่ครั้ง ก็ต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศ เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าจะชัดเจนในตัวของมันอยู่แล้ว

ส่วนการเลือกสัญชาติ นายกฯ อภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า

กฎหมายไทยเขียนไว้ชัดเจนว่า ผมได้สัญชาติไทยโดยการเกิด ตรงนี้จึงต้องยึดถือตามกฎหมายไทย ซึ่งกฎหมายไทยมีทั้งกฎหมายสัญชาติและกฎหมายที่บอกว่าเวลาที่กฎหมายไทยกับกฎหมายประเทศอื่นขัดกันหรือไม่อย่างไร ให้ถือเอากฎหมายไทย

เมื่อให้ยืนยันว่าถือเพียงสัญชาติไทยเพียงสัญชาติเดียว นายอภิสิทธิ์ ก็ยืนยัน

"ผมถือสัญชาติไทยครับ"

กรณีสูติบัตร หรือใบเกิดของนายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นแค่หลักฐานชิ้นแรกที่นปช. นำมาอ้างอิงเพื่อนำไปสู่การยื่นฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ

จากนี้น่าจะได้เห็นสองฝ่าย นำหลักฐานต่างๆ มาหักล้างกันต่อไป

ทั้งในส่วนการบอกเลิกสัญชาติที่นปช. ตั้งข้อสงสัยนั้น ตกลงแล้วมีการดำเนินการแล้ว หรือไม่จำเป็นต้องดำเนินการเพราะในทางกฎหมายมีผล หรือไม่มีผลอย่างไร

รวมถึงกรณีหนังสือวีซ่า ที่นายกฯ อภิสิทธิ์ระบุว่าการเข้าประเทศอังกฤษเขาต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศ แล้วในวีซ่านั้นระบุนายกฯ ถือสัญชาติใด

ล้วนเป็นประเด็นที่น่าติดตามเพื่อหาความกระจ่าง