วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

"จตุพร"ลั่นแตกหักหากถูกบีบย้ำสู้ตายยิ่งฆ่ายิ่งเพิ่ม "ธิดา"เชื่อยุติธรรมเกิดยากถ้ายังเป็นระบบอำมาตย์

ที่มา มติชน

"ธิดา" เชื่อยุติธรรมเกิดยาก หากยังไม่เปลี่ยนจากระบอบอำมาตย์สู่ประชาธิปไตย

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 19 ก.พ. นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ได้กล่าวปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยนางธิดากล่าวว่า ตนเชื่อว่าความยุติธรรมในทุกวันนี้นั้นเกิดขึ้นยาก เพราะสังคมไทยในปัจจุบันยังอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน ซึ่งในต่างประเทศระยะเปลี่ยนผ่านสังคมนี้มักหมายถึง การเปลี่ยนผ่านจากเผด็จการไปสู่ประชาธิปไตย แต่สังคมไทยนั้นมีความซับซ้อน สำหรับเราแล้วหมายถึง ระบบอำมาตยาธิปไตยในปัจจุบันได้เกิดขึ้นต่อจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์


พูดได้ว่าสังคมไทยเป็นแบบ"ศักดินา" คนมีชั้น มีวรรณะ ระยะเปลี่ยนผ่านของสังคมอำมาตย์ไม่ได้มีในแง่สังคม การปกครอง แต่มีทั้งในแง่กฎหมาย ซึ่งหน้าที่ของกลุ่มตนคือการเปลี่ยนระบอบอำมาตย์ให้เป็นระบอบประชาธิปไตย สังคมอำมาตย์มองเห็นคนไม่เท่ากัน นอกจากไม่เท่าแล้ว ไพร่เหลืองและแดงต่างก็ถูกปฏิบัติต่างกัน เพราะไพร่เหลืองเป็นไพร่มีสังกัด ไพร่แดงสังกัดทักษิณ และทักษิณเป็นกบฎ เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงได้รับการปฏิบัติไม่เท่ากัน


ทั้งนี้ รากเหง้าความคิดของคนยุคเก่าที่ไม่ปรับตัว ไม่อนุญาตให้คนคิดต่างอยู่ในสังคม ใช้วิธีการดำน้ำหรือลุยไฟแบบโบราณในการพิสูจน์ความผิด เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เราต้องเสียดินแดน เพื่อแลกสิทธิเสรีภาพนอกอาณาเขตในอดีตซึ่งแต่เดิมคนต่างชาติเคยไม่จำเป็นต้องขึ้นศาลไทย


"ผลที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 21 ก.พ. นี้มีความสำคัญ แต่อยากให้เข้าใจรากเหง้าของความคิดคนที่ไม่เท่ากัน ไพร่ต้องมีสังกัด ทีใครทีมัน พลาดก็ถูกประหาร 7 ชั่วโคตร เป็นความคิดแบบโบราณไม่ปรับเปลี่ยน ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านของสังคมอำมาตย์ไปสู่ประชาธิปไตยเป็นเรื่องยาก ไม่สามารถคาดหวังได้ว่าความเป็นเสรีนิยมจะเข้าไปแทรกในนความคิดของพวกอำมาตย์ได้"


นางธิดา ยังกล่าวเสริมด้วยว่า ถ้าการปล่อยตัวแกนนำ 7 คนในวันที่ 21 ก.พ. เกิดขึ้นก็ยังพอมีความหวังว่าอีกหลายร้อยคนก็น่าจะได้รับประกันเช่นกัน แต่ถ้าไม่ได้ปล่อยตัว ก็ถือเป็นภาระหนักของเราที่จะเปลี่ยนสังคมอำมาตย์ให้เป็นประชาธิปไตย สิ่งที่ต้องใช้คือความจริง ความรู้ ความกล้าหาญ เพื่อให้คนเข้าใจและสร้างปฎิปักษ์ให้น้อยที่สุด


"จตุพร" ประกาศแตกหัก หากถูกบีบจนตรอกพร้อมสู้ตายยิ่งฆ่ายิ่งเพิ่ม


เมื่อเวลา 20.50 น. นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)กล่าวบนเวทีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถึงแนวทางการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงต่อจากนี้ว่า มีคนถามว่าเมื่อไรจะชุมนุมยืดเยื้อ ตนเห็นว่า จากประสบการณ์การชุมนุมที่ผ่านมา เรารู้สัจธรรมที่ว่าเกิดแก่เจ็บตาย คนที่ฆ่าก็หนีความตายไม่พ้น เรามาวันนี้เพื่อหาสัจธรรม คนเสื้อแดงมาด้วยหัวใจอาสาอย่าว่าแต่ 91 ศพ เรามาด้วยหัวใจที่ต้องการให้ประเทศดีกว่าทุกวันนี้ วันนี้คนเสื้อแดงอาจไม่ได้อะไร แต่เราได้ความสุขเพื่อคนรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป เรามีภารกิจที่ต้องสู้ต่อไป

วันนี้เจ้าของโบนันซ่าถามว่าเมื่อไรจะมาอีก เหมือนกับที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ที่รัฐมนตรีที่ดูแลถามว่าเมื่อไรจะมา แต่เรารอพี่น้องจากทุกเรือนจำออกมาก่อน ในความหมายของการปรองดอง คือการคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดงที่เสียชีวิตและถูกจองจำ

ดังนั้น ในวันที่ 12 มีนาคมนี้ ขอให้พี่น้องรอฟังคำตอบที่บ้านก่อนที่แกนนำจะแจ้งอีกครั้งเพื่อให้มาแสดงพลัง ที่เราต้องเดินหน้าต่อไปให้แถวจากแยกราชประสงค์ถึงราชดำเนินตะโกนคำว่า ความยุติธรรมและประชาธิปไตย ทุกการกระทำอย่าบีบให้คนเสื้อแดงจนตรอกและบีบให้คนเสื้อแดงต้องมามากกว่านี้ ประกาศให้รู้ว่าประเทศนี้เป็นของเรา พวกเราพร้อมสู้ศึกยืดเยื้อยาวยาวนานกันอีก เมื่อเราไม่กลัวเรามีสิทธิที่จะมาทวงความยุติธรรม เมื่อความยุติธรรมไม่เกิดเราจำเป็นต้องแตกหัก ถูกฆ่าตายอีกก็จะมา เพราะอยากให้คนตายได้รับความยุติธรรม วันนี้ขอขอบคุณหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ความยุติธรรมไม่มีจะหยุดคนเสื้อแดงไม่ได้ยิ่งฆ่ายิ่งเพิ่ม


นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวในที่ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ว่า ในวันจันทร์นี้ (21 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันที่ศาลอาญานัดไต่สวนประกันตัวแกนนำแดงที่ถูกคุมขัง ขอให้ติดตามข่าวสารผ่านสื่อ ไม่ต้องไปกันเยอะ ไม่จำเป็นไม่ต้องไป ขอให้อยู่บ้านแล้วส่งกำลังใจถึงผู้มีอำนาจให้หยุดแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม เห็นว่าทุกวันนี้ผู้พิพากษาและอัยการรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่มีความยุติธรรม มีแต่ยุติธง เพราะตั้งธงไว้ก่อนแล้ว


ทั้งนี้ หากความยุติธรรมยังไม่ปรากฎ ในวันที่ 12มี.ค. ขอให้ผู้ชุมนุมออกมาเรียกร้องความยุติธรรมและประชาธิปไตยกันให้มาก มากกว่าการชุมนุมทุกครั้งที่ผ่านมา

"จตุพร"โชว์สูติบัตร"อภิสิทธิ์"สัญชาติอังกฤษ ท้าแสดงใบสละสัญชาติ

เมื่อเวลา 19.15 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.เพื่อไทย และแกนแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ได้กล่าวปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถึงสัญชาติของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า ในวันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เจ้าของสำนักงานกฎหมายอัมสเตอร์ดัม และที่ปรึกษากฎหมายของกลุ่มนปช. ได้เดินทางไปยังอังกฤษ เพื่อคัดสำเนาสูติบัตรของนายอภิสิทธิ์ ที่สำนักงานทะเบียนกลาง พบว่าในสูติบัตรระบุว่า นายอภิสิทธิ์เกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 1964 หรือ พ.ศ. 2507 ซึ่งอังกฤษถือว่าคนที่เกิดในอังกฤษก่อน พ.ศ.2526 มีสัญชาติอังกฤษและต้องมีสัญชาติอังกฤษไปตลอดชีวิต หากนายอภิสิทธิ์ยืนยันว่าสละสัญชาติอังกฤษ มาถือสัญชาติไทยแล้ว ต้องเอาใบสละสัญชาติมาแสดง แต่พอนักข่าวถามถึงสัญชาติ นายอภิสิทธิ์สัญชาติใด นายอภิสิทธิ์กลับบอกเพียงว่า ผมไม่ได้ถือสัญชาติมอนเตเนโกร

"ถ้านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ถือสัญชาติอังกฤษ ก็ต้องนำใบสละสัญชาติมาแสดง นายอภิสิทธิ์มีสัญชาติไทยได้ เพราะมีพ่อแม่เป็นคนไทย นายอภิสิทธิ์มีสัญชาติอังกฤษได้เพราะเกิดที่นิวคาสเซิล ดังนั้นนายอภิสิทธิ์เป็นคน 2 สัญชาติ คนเสื้อแดงมีความจำเป็นเหลือช่องทางเดียว ที่จะนำนายอภิสิทธิ์และพวกขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ" แกนนำเสื้อแดงกล่าว


คนเสื้อแดงถึงอนุสาวรีย์ปชต.แล้ว จองที่นั่งบนพื้นราชดำเนินฟังปราศรัยคึกคัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.20 น. กลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ(นปช.) เดินทางกลับจากศาลฎีกา สนามหลวง ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว โดยมีการติดตั้งเครื่องขยายเสียง และใช้ฐานอนุสาวรีย์เป็นเวทีที่ปราศรัย หันหน้าไปทางสนามหลวง ขณะที่ผู้ชุมนุมต่างปูพลาสติกบนพื้นถนนราชดำเนินนั่งฟังการปราศรัย ขณะที่พื้นที่รอบการชุมนุมมีการตั้งเต๊นท์และแผงลอยจำหน่ายสินค้าที่ระลึกจำนวนมาก

"จตุพร" เดินเท้ามาถึงหน้าศาลฎีกาแล้ว

เวลา 14. 50 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มนปช. ได้เดินเท้ามาถึงยังบริเวณศาลฎีกาแล้วและกำลังอ่านจดหมายปรับทุกข์ผ่านเครื่องขยายเสียงบนรถปราศรัย

"จตุพร"ลั่นแกนนำไม่ได้รับการปล่อยตัว จะชุมนุมศาลอาญา


นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวปราศรัยที่การชุมนุมคนเสื้อแดงสี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ว่า ถ้าแกนนำเสื้อแดง 11 คน ที่ถูกควบคุมขังอยู่ภายในเรือนจำไม่ได้รับการปล่อยตัว คนเสื้อแดงจะไปชุมนุมหน้าศาลอาญาอีกครั้ง ในวันที่ 12 มีนาคมนี้

นปช.ทยอยสมทบหน้าศาลฎีกา สนามหลวง ตำรวจคุมเข้ม-ห้ามเข้าออก


ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหน้าศาลฎีภา สนามหลวง เมื่อเวลา 12.05น.ว่า กลุ่มนปช.บางส่วนได้ทยอยเดินทางมาที่หน้าศาลฎีกาแล้ว โดยทั้งหมดต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ขณะที่บางส่วนปูเสื่อนอนเอาแรง เพื่อรอให้กลุ่มนปช.จากราชประสงค์เดินทางมาสมทบในช่วงบ่าย

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งกายด้วยชุดปราบจลาจล พร้อมกระบองและโล่ ยืนรักษาความปลอดภัยอยุ่ภายในศาลฎีกา ส่วนภายนอกศาลฎีกามีการตั้งรั้วเหล้กเป็นแนวแยว รวมได้ได้ปิดถนนหับเผย ซึ่งอยู่ระหว่างศาลฏีกากับศาลหลักเมือง ไม่ให้มีรถใดๆผ่านเข้าออก


ส่วนบรรยากาศบนนถนนราชดำเนิน ใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้มีพ่อค้าแม่ค้าเสื้อแดงตั้งแผงลอยขายสินค้าที่ระลึกแล้ว เพื่อรอผู้ชุมนุมที่จะมารวมตัวในช่วงบ่ายวันนี้

ตำรวจปิดการจราจรหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ทุกช่องทางแล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 12.50 น.หลังจากที่ผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงทยอยมาชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์เพิ่มมากขึ้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตัดสินใจปิดการจราจรแยกราชประสงค์ทุกช่องทางแล้ว จากช่วงก่อนหน้าที่ยังเปิดให้สัญจรได้3ช่องทาง ทำให้ผู้ที่ขับนถมาจากถนนราชดำริไม่สามารถผ่านเข้าไปแยกราชประสงค์ เพื่อไปทางประตูน้ำ ราชปรารภได้ ต้องเลี้ยวซ้ายไปทางถนนพระราม 1

นปช.ทยอยชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ก่อนเวลาการจราจรยังเปิดตามปกติ

เมื่อเวลา11.10น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มแนวร่วมประชาธิปตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เริ่มทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ก่อนเวลานัดหมายบ่ายโมงเพื่อเดินขบวนเคลื่อนไปที่ศาลฎีกาก่อนจะกลับไปปักหลักที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยผู้ชุมนุมยังคงยืนอยู่บนฟุตปาธหลบตาาร่มไม้และชายคาห้างสรรพสินค้าขณะนี้ยังไม่มีการปิดการจราจร