วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เยอรมันเหิมจะยึดโบอิ้งลำที่2ของพระบรมฯ

ที่มา Thai E-News

สื่อของเยอรมันรายงาน ภาพข่าวมีเครื่องบินโบอิ้งคู่แฝดโผล่ที่สนามบินมิวนิค จอดอยู่คู่กับลำที่โดนอายัด ภายหลังจากศาลเยอรมันตัดสินว่า หากอยากเอาออกไปก็ต้องจ่ายค่าเงินประกัน 20 ล้านยูโร ล่าสุดรอยเตอร์อ้างรายนงานจากสื่อท้องถิ่นว่า เยอรมันมีแผนจะอายัดเครื่องบินโบอิ้งลำที่สองด้วย

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
24 กรกฎาคม2554

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงาน วันนี้ โดยอ้างข่าวสื่อมวลชนในเยอรมันว่า เครื่องบินโบอิ้ง 737 ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร อีกลำซึ่งไปจอดคู่กับลำที่โดนอายัดก่อนหน้านี้ อาจโดนอายัดอีกเป็นลำที่สอง

โดย ผู้บริหารหนี้ชาวเยอรมันเปิดเผยกับสื่อมวลชนแท็ปลอยด์เยอรมัน ชื่อหนังสือพิมพ์ Bild am Sonntag เมื่อวันอาทิตย์ว่า เขากำลังพิจารณาตัดสินใจจะอายัดโบอิ้งลำที่สองของสมเด็จพระบรมฯ

"เรา กำลังพิจารณาเมาตรการขั้นตอนต่อไป รวมทั้งการยึดเครื่องบินลำที่สองของมกุฎราชการของไทย"หนังสือพิมพ์ดังกล่าว รายงานคำให้สัมภาษณ์ของนายเวอร์เนอร์ ชไนเดอร์ ผู้บริหารแผนหนี้ชาวเยอรมัน

เยอรมัน ได้ยึดเครื่องบินของสมเด็จพระบรมฯไว้เพื่อให้รัฐบาลไทยชำระหนี้ที่ ค้างไว้กับบริษัทก่อสร้างชาวเยอรมันที่ทำโครงการถนนยกระดะบในกรุงเทพฯ เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วศาลตัดสินให้ปล่อยเครื่องบินออกไปได้ โดยนำเงินมาค้ำประกัน 20 ล้านยูโร แต่ข้อเสนอนี้ถูกรัฐบาลไทยปฏิเสธ โดยชี้ว่าเครื่องบินดังกล่าวเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมฯ ไม่ใช่ทรัพบ์สมบัติของรัฐบาลไทย

Bild am Sonntag รายงานว่า สมเด็จพระบรมฯทรงขับเครื่องบินโบอิ้งลำทื่สอง เสด็จมายังสนามบินมิวนิก เพื่อแทนที่ลำแรกที่โดนอายัดอยู่ก่อน

ก่อนหน้านี้เวบไซต์sueddeutsche.deของ เยอรมันรายงานเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม เวลา 14.52 น.ตามเวลาท้องถิ่นว่า ได้มีเครื่องบินโบอิ้ง 737 อีกลำที่เหมือนกับลำแรกที่โดนอายัดไปจอดอยู่ติดกับลำเดิมที่อายัด หลังจากศาลของเยอรมันตัดสินในวันก่อนให้นำออกจากสนามบินได้ หากวางเงินประกัน 20 ล้านยูโร

รายงานข่าวของsueddeutsche บอกว่า ศาลเมือง Landshut มีคำตัดสินในเบื้องต้นอนุญาตให้นำเครื่องบินที่ถูกอายัด​ออกไปได้โดยมี เงื่อนไขให้วางเงินประกัน 20 ล้านยูโร (ในรูปของการรับรองโดยธนาคาร หรือ แบงก์การันตี)

ซึ่งคำตัดสินเบื้องต้นดังกล​่าวเป็นผลมาจากการพิจารณา จากการรับรองของอธิบดี กรมการขนส่งทางอากาศไทยและเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์เครื่องบินปี​2550 ซึ่งแสดงว่าเครื่องบินเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์

อย่างไรก็ตาม จะมีการพิจารณาคดีเพื่อให้ได้มาซึ่งคำพิพากษาขั้นสุดท้ายอีกครั้งในเดือน สิงหาคม ซึ่งศาลอาจจะมีคำสั่งให้อธิบดีกรมขนส่งทางอากาศเข้าให้การในศาลด้วยตนเอง ด้วย

ขณะนี้ได้เกิดคำถามขึ้นว่ามกุฏราชกุมารแห่งประเทศไทยจะทรงขับ เครื่องบินลำ ไหนเสด็จกลับประเทศ เมื่อตอนนี้มีเครื่องบินพระที่นั่งที่เหมือนกันอีกลำมาจอดอยู่ที่สนามบินมิ วนิค

ทางด้านนายชไนเดอร์ ผู้บริหารหนี้ที่ทำการอายัดเครื่องบินกล่าวว่า​ได้รับทราบว่ามีเครื่องบินอ​ ีกลำที่เหมือนกับลำที่อายัดไว้ มาจอดอยู่ที่สนามบิน แต่ไม่ทราบถึงกรรมสิทธิ์ ส่วนจะอายัดเครื่องบินอีกลำที่สองนี้หรือไม่ นายชไนเดอร์ไม่ได้แสดงความค​ิดเห็น

แต่ค่อนข้างชัดเจนว่านายชไนเดอร์ มีความมั่นใจว่าจะได้รับเงิน 20 ล้านยูโร หรือประมาณครึ่งหนึ่งของมูลค่าหนี้ นายชไนเดอร์ยังกล่าวว่ามีความพึงพอใจกับคำตัดสินชั้นต้น เพราะทางบริษัทไม่ต้องอายัดเครื่องบินไว้ และสบายใจว่ามีเงินประกันอยู่ที่ศาล 20 ล้านยูโร ทั้งนี้เพราะการอายัดเครื่องบินไว้ต้องเสียค่าใ้ช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ค่าบำรุงรักษาและค่าประกัน โดยลุฟท์ฮันซาคิดเป็นเงินหลายพันยูโรต่อสัปดาห์ และยังมีค่าจอดของสนามบินซึ​่งคิดตามน้ำหนักเครื่องบิน
2.70 ยูโร/ตัน/วัน ซึ่งทุกวันนี้ต้องชำระวันละ​ประมาณ 200 ยูโร

แต่ อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่าชไนเดอร์อาจจะต​้องเสียเงินเพื่ออายัดเครื่องบินต่อไป นายฟรังค์ โรธ ทนายความจากสำนักงานกฏหมาย DLA Piper ซึ่งเป็นตัวแทนของมกุฏราชกุมารฯกล่าวกับ sueddeutsche ว่ายังไม่มีการตัดสินใจว่าจะจ่ายเงินประกันหรือไม่

เพราะมีคำถามว่า จะเป็นการดีกว่าหรือไม่หากทางมกุฏราชกุมารฯ จะรอคำพิพากษาของศาล ทั้งนี้นายโรธ ค่อนข้างมั่นใจว่าศาลจะมีคำพิพากษาที่เป็นประโยชน์ต่อลูกความของเขาภายใน เวลาไม่กี่สัปดาห์

น้ำพระทัยพระบรมฯ

นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าการถอนอายัดเครื่องบินพระราชพาหนะ โบอิ้ง 737 ว่า "สมเด็จพระบรมฯทรงห่วงความรู้สึกของคนไทย อยากให้คนไทยเข้าใจว่าพระองค์ท่าน ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎการบิน ทรงทำถูกต้องทุกอย่าง พระองค์ท่านไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับคดี รัฐบาลไทยพร้อมที่จะเอาเงินวางเพื่อจะนำเครื่องบินออกมาเพื่อถวายพระองค์ ท่านทรงใช้งาน แต่พระองค์ท่านมีพระราชวินิจฉัยว่าไม่ต้องวางเงินประกัน แต่พระองค์ท่านไม่ประสงค์ให้นำเงินของรัฐบาลไทยไปวาง " (ดูรายละเอียดข่าว)