วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ความรับผิดชอบทางการเมือง ทางแพ่ง และทางอาญาต้องปรากฎ อย่าปล่อยเลือนหายกับสายน้ำ

ที่มา Thai E-News

ไทยอีนิวส์โพลล์-ผล สำรวจผู้อ่านไมทยอีนิวส์โพลล์พบว่า หลังจบอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.ต.อ.ประชา มีความต้องการให้ผู้ว่ากทม.ลาออก 52%ของผู้ตอบแบบสำรวจ รองลงมาต้องการให้ปรับนายธีระ วงศ์สมุทร ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีเ้กษตรฯและต้องการให้ปรับพรรคชาติไทยพัฒนาออก รวมกัน 21%

เรื่องแรกคงยากจะหาสปิริตจากผู้ว่ากทม.ได้ แต่เรื่องหลังนั้นรัฐบาลสมควรต้องดำเนินการให้เกิด"ความรับผิดชอบทางการ เมือง"เป็นอันดับแรก


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
6 ธันวาคม 2554
บรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ กับธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีเกษตรฯ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลเก่าหรือรัฐบาลใหม่ต้องรับผิดชอบ เพราะนายธีระร่างเงาของนายบรรหารเป็นรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบต่อเนื่องมาจาก รัฐบาลเก่าถึงรัฐบาลใหม่ และกล่าวยอมรับผิดแล้ว คำถามตัวโตๆมีต่อไปว่า การรับผิดนั้นต้องมีทั้งทางการเมือง ทางอาญา และทางแพร่ง อย่าปล่อยให้มันเลือนหายไปกับสายน้ำ..


จบศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และสายน้ำกำลังจะเลือนหายไป หรือคนไทยลืมง่ายเหมือนที่เคยๆ

แต่มหาพิบัติภัยน้ำท่วม 2554 นี้ที่คนกังขากันมากคือ มันไม่ใช่น้ำท่วมธรรมชาติ ทว่ามนุษย์มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง มีเสียงเรียกร้องให้เกิดกระบวนการสืบสวนสอบสวนอย่างจริงจัง เพื่อสาวหาตัวคนผิดมาลงโทษ และเป็นการป้องปรามไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต เพราะเวลานี้ไม่มีใครมั่นใจอีกแล้วว่า

ปีหน้ายังจะท่วมอีกหรือไม่?

ในระยะแรกของการควานหาตัวผู้รับผิดชอบและทำให้เกิดน้ำท่วมนั้น ก็ขึ้นกับจุดยืนทางการเมืองและอคติของคน

ฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลนี้บอกว่า น้ำท่วมเพราะ

-ทักษิณเจ้าเก่าขาประจำ โดยปล่อยข่าวทางฟอร์เวิร์ดเมล์และเฟซบุ๊คสลิ่มว่า เพราะทักษิณพาแขกซา่อุฯมาทำนาที่สุพรรณฯ ทักษิณเลยไม่อยากให้น้ำไปท่วมนาแขกก็เลยปล่อยไปท่วมที่อื่น แต่เรื่องนี้บรรหาร ศิลปอาชา ปฏิเสธอย่างแข็งขัน หรือแม้แต่สื่อASTVผู้จัดการ ที่ต่อต้านทักษิณทุกท่า ก็มารายงานเมื่อวานนี้ในหัวข้อข่าว แม้วฉุนขาด “เสี่ยเติ้ง” !? โดยบอกว่าการที่กระทรวงเกษตรซึ่งมีเงาร่างบรรหารรับผิดชอบอยู่บริหารจัดการน้ำห่วยแตก ทำให้เสียชื่อมาถึงรัฐบาลน้องสาวของเขา


-รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ข้อกล่าวหานี้มาจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยโยนความรับผิดชอบว่า ยุครัฐบาลก่อนของปชป.จัดการบริหารดีเลยไม่ท่วม แต่พอยิ่งลักษณ์เข้ามาแย่ก็เลยท่วมหนัก พร้อมกับนำชาร์ตปริมาณน้ำในเขื่อนมาอธิบายประักอบขึงขัง แต่หมัดเด็ดที่ว่าย้อนศรมาน็อกลูกพี่มาร์คเสียเอง เพราะเรื่องวันเวลาที่อ้างว่าทำผิดพลาดจนน้ำท่วม ดันเป็นเวลาที่รัฐบาลรักษาการของนายอภิสิทธิ์คงยังรับผิดชอบบริหารประเทศ อยู่ (ดูข่าว:หมัดเด็ดลูกพรรคปชป.ย้อนศรน็อกมาร์คซะเอง )

ส่วนฝ่ายที่โปรรัฐบาลนี้บอกว่าคนทำน้ำท่วมคือ

-รัฐบาลอภิสิทธิ์ เพราะหลักฐานที่ลูกพรรคงัดหมัดเด็ด (หมัดเด็ดลูกพรรคปชป.ย้อนศรน็อกมาร์คซะเอง )เป็นหลักฐานโต้งๆ
-อำมาตย์เจ้าเก่าขาประจำ ฝ่ายที่โปรรัฐบาลนี้พากันชี้ไปทางอำมาตย์ว่าเป็นคนทำ ปล่อยน้ำจากเขื่อนท่วมบ้านท่วมเมือง เพื่อหวังใช้น้ำท่วมเป็นอุทกรัฐประหารคว่ำล้มรัฐบาล ซึ่งไทยอีนิวส์ได้พยายามสืบค้นข่าวนี้และนำเสนออย่างต่อเนื่องในทำนองว่า หลักฐานแวดล้อมยังคลุมเครือไม่ชัดเจนตามข้อกล่าวหา ยังต้องพิสูจน์หักล้างอีกมาก

(ดูข่าวสืบสวนในทิศทางนี้ในหัวข้อ -พิสูจน์ด้วยตาคุณเองข่าวปล่อยน้ำทำลายรัฐบาล?)

ถึงแม้การสืบสวนไปในทิศทางนี้ จะเจอตัวผู้รับผิดชอบลางๆว่าเป็นอธิบดีกรมชลประทาน ผู้รับผิดชอบการปล่อยน้ำจากเขื่อน แต่ข้อมูลจากกฟผ.ได้ชี้แจงโดยอ้างว่า น้ำที่ลงมาท่วมกรุงเทพฯนี้มาจากขื่อนแค่ 16% ที่้เหลือราว84%เป็นน้ำธรรมชาติ

ดังนั้นท้ายที่สุดหากจบลงที่มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิด มารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้ตามแนวทางสืบทิศทางนี้ ไทยอีนิวส์จึงสรุปแบบเสียดเย้ยว่า
"เชื่อได้ว่า"เราก็น่าจะได้ผู้ร้ายเจ้าประจำสังคมไทย คือหากไม่เป็น"ไอ้ปื๊ด" ก็คงไปหวยออกที่"ชายชุดดำ"

(ดูรายละเอียดในรายงานข่าว:สุดท้ายชายชุดดำผิดภัยพิบัติน้ำถล่มกรุง)

อย่างไรก็ดีจากการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราเข้าใกล้ข้อสรุปมากขึ้นในรายงานข่าวเรื่อง นักการเมืองคนไหนทำน้ำท่วม กฟผ.ขว้างงูไม่พ้นคอแจงเขื่อนภูมิพล-สิริกิติ์ไม่เกี่ยวกลายเป็นหลักฐานมัด

โดยสรุปก็คือว่า การตั้งธงของทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายหนุนกับฝ่ายต้านรัฐบาลนั้นอาจผิดทางตั้งแต่ต้น เพราะมีจุดยืนมาแต่ต้นแล้ว เลยไปหลงทางกัน เนื่องจากมักวิจารณ์กันว่าใครต้องรับผิดชอบกับการปล่อยน้ำจากเขื่อนมาท่วม บ้านเมือง รัฐบาลเก่าหรือรัฐบาลใหม่? เพื่อโยนผิดให้กัน

แต่ความจริงแล้วรับฟังได้ว่า ทั้ง 2 รัฐบาลต่างก็มีนายธีระ วงศ์สมุทร รมว. เกษตรฯคนเดียวกัน ซึ่งน่ากังขาว่าอาจมีวาระซ่อนเร้นเรื่องหาผลประโยชน์เข้าพรรคจากภัยพิบัติน้ำท่วม และยังอาจหวังผลทางการเมืองด้วย

อย่าลืมว่าปีกลายก็ท่วม จนกังขากันว่าวัตถุประสงค์ของการก่ออุทกภัยเพื่อจะประกาศเขตภัยพิบัติ ซึ่งมีผลต่อการปรับระเบียบการเบิกจ่ายงบกลาง และงบเงินสะสม มีการหักเปอร์เซ็นต์เงินช่วยเหลือ เพื่อระดมทุนก่อนการหาเสียงเลือกตั้งใหญ่หรือไม่?

และการสร้างผลงานว่า เห็นไหมจังหวัดอื่นท่วม ไม่ท่วมเฉพาะจังหวัดเรา เป็นการแสดงอาณาบารมีขนาดไหนของคนๆนี้(คนที่ชูวิทย์บอกว่า อย่าเพิ่งตาย)

ส่วนคำชี้แจงจากกฟผ.ที่บอกว่าเขื่อนภูมิพลกับเขื่อนสิริกิติ์ไม่เกี่ยวข้อง นั้น ผู้รู้ย่อมจะเห็นชัดเจนว่า ได้กลายเป็นหลักฐานมัดคอซะเอง นี่เป็นการ "จงใจ" ให้เกิดอุทกภัยอย่างแน่นอน ตรงไหน ให้อ่านในรายงานข่าวนักการเมืองคนไหนทำน้ำท่วม กฟผ.ขว้างงูไม่พ้นคอแจงเขื่อนภูมิพล-สิริกิติ์ไม่เกี่ยวกลายเป็นหลักฐานมัด ชัดๆ..

บทสรุปของรายงานข่าวเชิงสืบสวนนี้มาจบลงเมื่อวัีนที่ 11 พฤศจิกายนในหัวข้อ แฉหลักฐานอัปยศป้องบรรหารบุรีปล่อยท่วมประเทศ

โดยรายละเอียดของรายงานข่าวมีดังต่อไปนี้

จากรายงานข่าวชิ้นนี้จะตอบคำถามที่คาใจคนเรื่องที่ว่า ทำไมน้ำไม่ท่วมสุพรรณบุรี หรือที่เรียกขานกันว่า"บรรหารบุรี"แล้วให้ไปท่วมจังหวัดอื่นแทน นั่นก็เพราะกรมชลประทาน ซึ่งอยู่ใต้สังกัดกระทรวงการเกษตรฯที่มีนายธีระ วงศ์สมุทร คนของพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นเจ้ากระทรวงอยู่ อาจจะ"รายงานเท็จ"ต่อหน่วยงานและสถาบัีนต่างๆ ว่ามีการระบายน้ำไปที่สุพรรณบุรีแล้ว ความจริงคือไม่

แต่จากหลักฐานคลิปข่าว และรายงานตัวเลขจากกรมชลประทานเองพบว่า ไม่มีการระบายน้ำไปทางบรรหารบุรีแต่อย่างใด จนคนของนายบรรหาร ศิลปอาชา ต้องมาบอกว่า นายบรรหารให้ระบายไปสุพรรณได้แล้วเพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ตามตัวเลขในรายงานข่าวนี้พบว่า ไม่มีการระบายไปแต่อย่างใด

การที่แม่น้ำท่าจีน สุพรรณบุรี หรือบรรหารบุรี ไม่ได้ช่วยระบายน้ำนั้น ส่งผลให้แม่น้ำเจ้าพระยาต้องระบายน้ำเพียงสายเดียว จึงเกิดการอั้นของน้ำ ทำให้ จังหวัดอื่นคือ อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ ท่วมและน้ำกักขัง และเมื่อแม่น้ำเจ้าพระยาระบายเพ­ียงสายเดียว ทำให้ต้องรับภาระมาก และส่งผลให้น้ำท่วมจังหวัด สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี จังหวัดที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระ­ยา รวมทั้งกรุงเทพ ฯ ด้วย

ที่เว็บบอร์ดของกรมชลประทาน ได้มีประชาชนไปตั้งกระทู้ถามหาความรับผิดชอบในหัวข้อเรื่อง สาเหตุที่แท้จริงของน้ำท่วมมาจากไหน และใครควรมีสำนึกรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

ได้มีผู้ใช้นาม"สาวกรมชล"มาตอบว่า ถ้าบอกความจริงไปแล้ว จะไม่เชื่อตัวเองว่าเป็นไปได้ "เพราะมันเป็นความผิดมหันต์ ที่เกิดมาอีก สิบชาติ ก็ยังชดใช้ความเสียหายของประเทศนี้ไม่หมด" เป็นเพราะประมาท เหิมเกริม ดูถูกข้าราชการด้วยกัน ว่า ไม่มีใครกล้าคิด กล้าพูด ลองดูที่ youtube นี้ก่อนเถอะ แต่ขอให้ดูสัก 2 เที่ยว แล้วจดไว้ว่า ผอ.ชลประทานได้รับว่า ปิดประตูน้ำพลเทพไปกี่วัน และ ชาวบ้านผู้เลี้ยงปลากระชัง บอกว่า ประตูพลเทพ ปิดน้ำจนปลากระชังตาย ปิดกี่วัน

ปลากระชังน้ำนิ่งจนปลาตายนั้น น้ำต้องนิ่งอย่างน้อย 3 วัน คือปิดประตู น้ำไม่ไหล 3 วัน





นคลิปนี้ผอ.ชลประทาน บอกว่า เหตุที่ไม่ได้ปล่อยน้ำไปทางแม่น้ำท่าจีนไปสุพรรณบุรีมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม จนถึงกันยายน เพราะว่า ทุ่งสุพรรณบุรียังไม่ได้เกี่ยวข้าว ต้องรอให้ทางสุพรรณบุรีเกี่ยวข้าวก่อนจึงจะระบายไป และยอมรับว่าไม่ได้เปิดประตูระบายน้ำไปหลายวัน จนปลาตาย /เพราะน้ำขัง ขณะที่ชาวชัยนาทบอกว่าไำม่จริง คนสุพรรณฯเกี่ยวข้าวหมดแล้ว ขอว่าให้ปล่อยไปทางสุพรรณฯบ้่าง ไม่ใช่ปล่อยจังหวัดอื่น 12 จังหวัดจม แต่ผอ.ชลประทานก็บ่ายเบี่ยงว่าต้องรอชาวนาสุพรรณเก็บเกี่ยวข้าวก่อน

แต่แล้วนายประภัตร โพธสุธน คนสนิทของนายบรรหาร ก็โผล่มาพูดตอนท้ายคลิปข่าวที่ 2 ว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา สั่งมาให้ปล่อยระบายน้ำไปได้ ให้ปล่อยวันนี้เลย ปลาอยมากกว่าที่ชาวบ้านขอ ฯพณฯบรรหารสั่งมาแล้ว คนสุพรรณฯพร้อมเสียสละ

คลิปนี้ตอนท้ายๆคือคำตอบว่าใครมีอำนาจสั่งการเปิดปิดประตูน้ำให้ขังท่วม หรือระบายไปทางไหนชัดเจนที่สุด



จดกันไว้ได้ กี่วัน กี่ครั้ง ที่เขาปิดประตูระบาย พลเทพ.. ดิฉันจดได้ 6-8 วัน

แต่จากรายงานปริมาณน้ำไหลผ่าน ประตูระบายพลเทพ(ท่าจีน) ในเดือนกันยายน 2554 จาก เว็บไซต์แล้ว คลิ้กดู 6.สถานการณ์น้ำ/รายงาน คลิ้กต่อที่ สถานการณ์น้ำ ลุ่มเจ้าพระยา (สชป.12) และคลิ้กดูที่ แม่น้ำท่าจีน (ปตร.พลเทพ) - Thajeen River เดือนกันยายน 2554

ข้อมูลสถานการณ์น้ำ แม่น้ำท่าจีน (ปตร.พลเทพ)
ประจำเดือน กันยายน 2554


วันที่ ระดับน้ำเหนือ (ม.รทก.) ระดับน้ำท้าย (ม.รทก.) ปริมาณน้ำ(ม.3/วิ)
1 16.77 14.58 120.17
2 16.81 14.65 120.52
3 16.77 14.80 180.77
4 16.87 15.19 200.76
5 17.17 15.40 200.15
6 17.47 15.51 200.16
7 17.51 16.05 250.66
8 17.53 16.47 280.52
9 17.53 16.71 280.00
10 16.75 16.80 280.94
11 17.61 16.89 280.08
12 17.73 16.95 280.24
13 17.91 16.45 280.32
14 18.19 16.60 280.47
15 18.53 16.65 280.76
16 18.79 15.69 150.31
17 19.06 15.59 100.15
18 19.26 15.08 100.67
19 19.31 15.79 150.47
20 19.49 16.03 170.50
21 19.56 16.18 170.11
22 19.56 16.13 170.82
23 19.58 16.15 170.85
24 19.62 16.15 170.18
25 19.59 16.34 197.49
26 19.56 16.34 210.28
27 19.51 16.22 210.57
28 19.46 16.37 225.73
29 19.44 16.36 225.64
30 19.41 16.33 225.94

ดูกันซิว่า มีวันไหนในเดือนกันยายน 2554 ที่เขาปิดประตูระบายน้ำมั่ง คำตอบคือ ไม่ได้ปิดประตูเลย

แต่เขารายงานกรมชลฯ รายงานจังหวัด องค์การต่างๆ สถาบันหลักที่สำคัญต่างๆ และ ครม.ว่าเปิดประตูตลอด แต่ ผอ.ชป.บอก ว่าปิดประตูน้ำหลายๆครั้ง

ใครรับผิดชอบ.การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

"ไม่มีวันใดปิดประตูระบาย ประตูน้ำพลเทพ"
แสดงว่า รายงานการระบายน้ำที่รายงานว่า ระบายไปจังหวัดสุพรรณบุรีทุกวันนี้ เป็นรายงานที่ไม่เป็นความจริง(เป็นเท็จ)


นี่หรือเปล่า ที่เป็นต้นเหตุให้แผนป้องกันน้ำท่วมประเทศขณะนี้ล้มเหลว เกิดความเสียหายหลายแสนล้าน
"เป็น เพราะว่า รายงานการระบายน้ำไปทางตะวันตก เป็นรายงานที่เป็นเท็จ รายงานไม่จริงไปให้คณะรัฐมนตรี ไปให้หน่วยงานต่างๆ ไปให้สถาบันสำคัญๆ หลักของชาตินั้นเป็นรายงานที่เป็นเท็จ"

ความเสียหายที่รายงานที่ไม่เป็นความจริงนี้ ก่อความเสียหายมหาศาล เนื่องจาก ช่วงปิดประตูระบาย ก็ยังรายงานว่าเป็นระบายไปทางแม่น้ำท่าจีน

แล้วประตูระบายตัวอื่นรายงานไม่จริงด้วยหรือไม่ ??

ผู้ใช้ชื่อ"คนกรมนี้"แสดงความเห็นว่า ตัวเลขเปิดปิดประตูจะต้องออนไลน์ ไปที่หน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงทรัพยฯ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรฯ ครม.ฯลฯ ส่วนราชการอื่นๆ ถ้าตัวเลขเป็นเท็จ หน่วยงานอื่นก็จะได้ตัวเลขเท็จไป สำหรับเจ้าหน้าที่ อาจมีความผิด ข้อหากรอกข้อมูลอันเป็นเท็จ แถมอาจโดนฟ้องแพ่งด้วยนะ

ขณะที่มีผู้ใช้ชื่อว่า "ชาวบ้านเฝ้ามอง"ตอบว่า อยากรู้จริงๆใช่ไหมครับ ว่าเป็นเพราะอะไร และกรมชลประทานต้องรับผิดชอบด้วยไหม??
ก็ลองไล่ดูดังนี้ครับ

ปลายเดือนมิถุนายน 2554 พายุไหหม่า ก่อตัวเป็นดีเปรสชั่นทำให้ฝนตกทั่วไปทางภาคเหนือ น้ำเริ่มท่วมจังหวัดน่าน อุดรดิตถ์

ปลายเดือนมิถุนายน 2554 เป็นช่วงฉลองวันเกิดกรมชลประทาน

ต้นเดือนกรกฎาคม 2554 ชาวบ้านนครสวรรค์และชุมแสงพยุหคีรี เดินขบวนปิดเขื่อนเจ้าพระยา เรียกร้องใหเขื่อนเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนเพื่อเร่งระบายน้ำที่ขังบริเวณ จังหวัดนครสวรรค์

กลางเดือนกรกฎาคม 2554 กรมชลประทานได้ประชุมการบริหารน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา โดยให้เร่งรัดระบายนำออกทางด้านตะวันตกและตกวันออก

30 กรกฎาคม 2554 พายุนกเต็นเข้าไทย ทำให้น้ำท่วมไปทั่วภาคเหนือและลามและสะสมมาที่จังหวัดนครสวรรค์ พยุหคีรีและชัยนาท ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2554-กรกฎาคม 2554 ไม่มีการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์

สิงหาคม 2554 ข้าราชการระดับปฏิบัติงานควบคุมการส่งน้ำในพื้นที่ เดือนท่างไปท่องเที่ยวยุโรปและอเมริกา หลายชุดหลายระลอก กรมชลประทานอนุมัติให้ ผอ.สำนัก ผอ.โครงการไปเที่ยวเมืองนอกยกสำนักฯ

กันยายน 2554 น้ำเริ่มท่วมชัยนาท สรรพยา สิงห์บุรี อ่างทอง ราษฎรวัดสิงห์ขอให้เปิดน้ำไปทางตะวันตกมากขึ้น แต่ได้รับการปฏิเสธ

13-14 กันยายน 2554 ประตูระบายบางโฉมศรีพังเสียหาย

13-15 กันยายน 2554 ข้าราชการกรมชลประทานเลี้ยงส่งเกษียณอายุ

ชูวิทย์อภิปรายสับ"คนตัวสั้นๆ"ทำน้ำท่วมเว้นวรรค บอกอย่าเพิ่งตาย



นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.พรรครักประเทศไทย กล่าวอภิปรายในสภาว่า อุทกภัยไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ เกิดจาก"มนุษย์คนๆหนึ่ง ต้องโทษคนสั้นๆ เพราะความเห็นแก่ตัว เพราะความโหดเหี้ยมหรือเปล่า น้ำทำไมมันท่วมเว้นวรรคบางจังหวัดได้ คนสั้นๆนี้อย่าเพิ่งตาย เพราะน้ำท่วมคราวนี้มีคนตาย500คน"

รัฐมนตรีเกษตรฯยอมรับกลางสภากักน้ำให้ชาวนาเกี่ยวข้าว

สุดท้ายความจริงก็ปรากฏออกมาเมื่อ "ธีระ วงศ์สมุทร " รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ยอมรับกลางสภาหลังจากถูกไล่บี้จากฝ่ายค้านว่า

"ผมยอมรับว่าพูดจริงที่สั่งชะลอน้ำเพื่อให้พี่น้องชาวนาได้เกี่ยวข้าว ก่อนปล่อยน้ำเข้าทุ่ง"

นายธีระกล่าว ส่วนที่ฝ่ายค้านบอกว่า ผมให้สัมภาษณ์สั่งให้ชะลอการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพลนั้นจริง เพราะตอนนั้นเราชะลอการโหลดน้ำลงเจ้าพระยา เพราะไม่ว่าที่ไหนหรือทุ่งไหนจะเกี่ยวข้าว เราก็ต้องทำแบบนี้ อยู่รัฐบาลที่แล้วผมก็ทำ เพราะประชาชนกำลังจะเกี่ยวข้าว(ที่มา:มติชนออนไลน์)

บรรหาร ตอบโจทย์น้ำก็ท่วมสุพรรณฯ



เพื่อความเป็นธรรมและรอบด้าน ลองฟังนายบรรหารตอบโจทย์เรื่องนี้ด้วย

........
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน นายสหรัฐ กุลศรี ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ชาว อ.เดิมบางนางบวช และหลายอำเภอใน จ.สุพรรณบุรี ไม่มีน้ำทำนา และมีพรรคการเมืองบางพรรคใส่ร้ายว่าพรรคเพื่อไทยไม่ยอมเปิดประตูน้ำให้คน สุพรรณบุรีทำนา ซึ่งไม่เป็นความจริง

นายพรม บุญมาช่วย ประธานสหกรณ์การเกษตรเมืองสุพรรณบุรี แฉว่า ขณะนี้ ชาวนา ในพื้นที่ อ.เดิมบางนางบวช, อ.สามชุก, อ.ดอนเจดีย์, อ.อู่ทอง และ อ.สองพี่น้อง ที่ใช้น้ำจาก คลองมะขามเฒ่า ในการทำนา กำลังได้รับความเดือดร้อน เนื่องจาก ชลประทาน ไม่ยอมปล่อยน้ำเข้าคลอง

ชาวนาต่างตั้งข้อสงสัยกันว่า ที่ผ่านมา และ ในขณะนี้น้ำยังมีปริมาณอยู่จำนวนมาก เหตุใด ชลประทาน จะต้องจัดเวรการปล่อยน้ำด้วย ที่ผ่านมา การทำหน้าที่ของ ชลประทาน มีข้อบกพร่องอยู่มากมาย มีส่วนที่ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ แล้วนี่ จู่ๆ น้ำยังมีอยู่มาก กลับไม่ปล่อยมาให้ ชาวนา ได้ทำนา น่าแปลกจริงๆ

นี่เป็นการตอกย้ำหลักฐานมัดแน่นขึ้นไปอีกว่า การป้องกันบรรหารบุรีให้เว้นวรรคไม่โดนน้ำท่วมจังหวัดเดียว จนแห้งขอดไม่พอทำนา แล้วปล่อยไปท่วมจังหวัดอื่น รวมทั้ง 12 จังหวัดภาคกลางและกรุงเทพฯนั้น ใคร?ต้องรับผิดชอบ

กระบวนการสืบสวนสอบสวนโดยคณะกรรมการที่เชื่อถือได้และเป็นอิสระต้องเกิดขึ้น โดยไว ในเมื่อพรรคฝ่ายค้านไม่ยอมตรวจสอบ เพราะยังยั้งดาบไว้ไมตรี เลือกไปตีที่พล.ต.อ.ประชาอย่างชนิดที่ไม่รู้สี่รู้แปดอะไรเลย

และกล่าวสำหรับรัฐบาลนี้

คำถามตัวโตๆต่อรัฐบาลนี้และฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีอยู่ว่า

ไหนหละความรับผิดชอบทางการเมือง พรรคชาติไทยพัฒนาของนายบรรหาร ยังสมควรได้รัีบความวางใจให้คุมกระทรวงเ้กษตรฯและการชลประทานต่อไปอีกหรือ?

ไหนหละความรับผิดชอบทางอาญา ในเมื่อหลักฐานโยงไปถึง นายธีระก็สารภาพกลา่งสภาแล้ว งานนี้ไม่ต้องมีใครติดคุกหรือ?

ไหนหละความรับผิดชอบทางแพ่ง เกิดความเสียหา่ยนับล้านล้านบาท GDPของประเทศหดวูบจากที่คาดว่าจะโต4%เหลือ1.5%ในปีนี้ นักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่น ไม่รู้จะลงทุนในไทยต่อไปหรือไม่หรือจะเผ่นหนี แล้วไม่ต้องมีใครจ่ายชดใช้ชดเชยความเสียหายมหาศาลนับล้านล้านบาทเหล่านี้ หรือ?

คำตอบต้องปรากฎโดยไว ก่อนจะเลือนหายไปกับสายน้ำ
*********