วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คำถามที่มีเพียงหนึ่งคำตอบ..!

ที่มา ประชาไท

การที่พวกนิยมเจ้าไทย ชอบตั้ง "คำถาม" ที่มีกฎหมาย และความรุนแรง จ่อหัวบังคับให้ คนอื่น "ตอบไม่ได้-จนในคำตอบ" หรือ "ตอบ" อย่างอื่นไม่ได้ นอกจาก แบบที่ตัวเองพอใจ

แล้วก็มา ดีอกดีใจกับตัวเองว่า คำถามของตัวเอง "เจ๋ง" เต็มที ทำให้คนอื่น "จนในคำตอบ" ..... สะท้อนอาการทางจิต ที่รู้สึก ขาดความมันใจในตัวเอง (insecure) อย่างหนัก

....................

เมื่อคราวที่ ภิญโญ ทำ "เท่ห์" ยิงคำถามใส่ ดร.วรเจตน์ ว่า "ตกลง นิติราษฎร์ เอาเจ้า หรือไม่" ผมเสียดายอยู่ว่า อ.วรเจตน์ เป็นสุภาพบุรุษไปหน่อย ถ้าเป็นผม ผมจะตอกภิญโญกลับว่า

"ทำไมคุณชอบถามคำถามปัญญาอ่อนแบบนี้ แล้วดัดจริต ทำขึงขัง ราวกับเป็นคำถามที่น่าสนใจเสียเต็มประดา? คือ ถ้าคุณมีปัญญาสักนิดเดียว ก็ทราบว่า คำถามแบบนี้ ในปริบทประเทศไทย ทั้ง รธน. และ 112 ไม่มีใครตอบเป็นอย่างอื่นได้ อันนี้ ไม่เกียวกับว่า คนนั้น เขาจะ "เอา" หรือ "ไม่เอา" เจ้า คือ ถ้าจริงๆ ต่อให้ผม "เอา" เจ้า ผมก็ไม่ตอบให้เสียเวลา เพราะเป็นการตอบภายใต้กรอบที่ "ตอบเป็นอย่างอื่นไม่ได้" อยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่มีความหมายอะไร ในทางกลับกัน ยิ่งถ้าผม "ไม่เอา" เจ้า ผมก็ยิ่งตอบไม่ได้ใหญ่เลย ....

ทีสำคัญ คนทำงานสื่อ แล้วชอบทำมาดจริงๆจังๆแบบคุณ ควรตระหนักว่า ลำพัง ภาวะที่ คำถามแบบนี้ ไม่มีความหมายอะไร สะท้อนให้เห็นลักษณะ วิปริต ไม่เป็นประชาธิปไตย ของประเทศไทยขนาดไหน ในทุกประเทศที่เป็นประชาธิปไตยจริงๆนั้น เขาถือว่า แต่ละคน เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เท่าๆกัน ทุกคน มีสิทธิ ทีจะมีความเห็นว่า ต้องการรูปแบบรัฐแบบไหน มีสิทธิ ที่จะนำเสนอ รูปแบบรัฐทีตัวเองเห็นว่าเหมาะสม ต่อสาธารณะ ให้อภิปรายกัน (เช่น กษัตริย์เป็นประมุข, ประธานาธิบดี, ฯลฯ) ..."

(ว่าแต่ว่า, เมื่อไหร่ที่ ภิญโญ หรือ TPBS จะกล้าเชิญผมไป "ตอบโจ่ทย์" เรื่อง สถาบันฯ บ้างครับ? อย่างถ้าเทียบกับ อ.สุลักษณ์ ที่ภิญโญว่า "พูดถึงเรื่องเจ้า ต้องถาม อ.สุลักษณ์" - ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกรณีอานันท์ - ผมว่า ผมพูดเรื่องสถาบันฯ มากกว่า สุลักษณ์ ในสิบกว่าปีทีผ่านมาเยอะ - ไมใช่อยากออกทีวี จริงๆ ไม่ชอบเลย ทีวี น่ะ แต่รำคาญฉิบหาย ที่ ภิญโญ กับ TPBS ชอบดัดจริต ราวกับว่า รายการตัวเอง "รอบด้าน" "หลายแง่มุม" จริงๆ)

...........................

เมื่อวานนี้ จินตนาถ ลิ้มทองกุล ทำ "เท่ห์" อีกคน เขียนบทความ ตั้งชื่อขึงขัง "พระองค์ท่านไปทำอะไรให้พวกมึง?"

ผมเห็นเข้า หัวเราะก๊าก ไปหลายสิบนาที

แน่นอน ใครที่อ่านพวก fb หรือออนไลน์ต่างๆ คงรู้ว่า นี่ไมใช่ "คำถาม" ที่จิตตนาถ คิดเอง ความจริง เป็นหนึง ใน "คำถาม" ยอดนิยม ของบรรดาคนนิยมเจ้าบ้านเรา ทีเวลา เจอการวิจารณ์เรื่องสถานะของสถาบันฯ หรือ เรื่อง 112 แล้ว ไมมีปัญญาจะตอบ ก็ใช้วิธี "ยิง" "คำถาม" แบบนี้

แล้วก็ รู้สึก "อิ่มอกอิ่มใจ" กับตัวเองว่า "ไอ้พวกล้มเจ้า แม่งตอบคำถามไม่ได้"

55555555 (อันนี้ ผมหัวเราะพวกนิยมเจ้า)

คือ จะไม่ให้หัวเราะ ได้ไง

มันเหมือนกับว่า เราสมมุติว่ามีมาเฟียใหญ่คนหนึ่ง ที่บังเอิญมีลักษณะอย่างหนึง คือ "หลงตัวเอง" จัด นึกว่า ตัวเอง หล่อเสียเต็มประดา วันดีคืนดี ก็ชอบ บีบคอลูกน้อง หรือชาวบ้าน สักคน เอาปืนจ่อหัว แล้วถามว่า "มึงคิดว่า กูหล่อ มั้ยวะ?" แล้วถ้าใครขืน ตอบ ไม่ถูกใจ ("ผมว่า หน้าตาลูกพี่ ก็งั้นๆนะ ไม่ถึงกับหล่ออะไร")

แน่นอน ลูกน้อง หรือชาวบ้าน ที่ยังสติดีอยู่ ก็ย่อมตอบว่า "โหย หล่อมากลูกพี่ ไม่เคยเห็นเจ้าพ่อที่ไหน หล่อเท่าลูกพี่เลย" อะไรแบบนั้น

แล้วมาเฟียทีว่านี้ ก็มาอิ่มอกอิ่มใจกับตัวเองว่า กูนี้ ช่างหล่อจริงๆ ถามใครๆ ทุกคน ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันหมด ....

ตัวอย่าง สมมุติ ทีว่านี้ ความจริง สะท้อนลักษณะอาการทางจิตอย่างหนึงด้วย ที่ภาษาทางจิตวิทยา เขาเรียกว่า insecure คือ ภาวะความรู้สึก ที่ไม่มั่นใจตัวเอง ... ดังนัี้น เวลา "ถาม" อะไร จะต้อง ถาม เฉพาะในสภาพที่ "บังคับ" หรือ "ควบคุม" คำตอบได้ ให้ "คำตอบ" ต้องออกมาอย่างที่ตัวเองพอใจเท่านั้น

คือไม่กล้า (ไม่รู้สึก secure พอ) ที่จะ "เผชิญหน้า" กับการที่ใครอาจจะตอบ แบบอื่น

สิ่งที่ผมว่า น่าสนใจ กับการที่คำถามประเภท "พระองค์ท่านไปทำอะไรให้พวกมึง?" เป็นทีนิยมของพวกนิยมเจ้า ซึงความจริง ส่วนใหญ่ที่ถามแบบนี้ เป็นพวกมีการศึกษาทั้งนั้น (ระดับปริญญาตรี ขึ้นไปด้วยซ้ำ แน่นอน พวก มัธยมนิยมเจ้า "เกรียนๆ" ก็ชอบ "ถาม" แบบนี้กัน)

ก็คือ การที่ จริงๆแล้ว ถ้าใช้สติคิดหน่อย ก็ย่อมรู้ว่า นี่ไมใช่ "คำถาม" จริงๆ แต่เป็นเพียง การ "ถาม" เพื่อ "สร้างความอิ่มอกอิ่มใจกับตัวเอง" ว่า คนถูกถาม "จนในคำตอบ" "ตอบไม่ได้" ...

คือเป็น "คำถาม" ประเภท เพื่อชดเชยกับภาวะทางจิตที่ insecure ของตัวเอง มากกว่า

พวกนิยมเจ้าไทย อย่างจินตนาถ ก็เหมือนกับมาเฟียในตัวอย่างสมมุติข้างต้น คือ จริงๆแล้ว รู้สึก insecure กับความเชื่อนิยมเจ้าของพวกตน ที่ล้วนแต่วางอยู่ฐานของการที่ "ข้อมูล" เกียวกับสถาบันกษัตริย์ เป็น "ข้อมูล" ที่ได้มาจากการโปรแกรมยัดเยียดใส่สมองตั้งแต่อนุบาล โดยไม่อนุญาตให้มีการตั้งคำถาม ประเมิน โต้แย้ง หรือวิพากษ์วิจารณ์ได้

ความเชื่อที่เกิดขึ้นจากฐานที่ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่มั่นคงเช่นนี้ ลึกๆ ก็ทำให้เกิดภาวะไม่มั่นคงทางจิตใจขึ้น

พอมีใครมาตั้งคำถาม หรือท้าทาย ความเชื่่อแบบนี้ขึ้นมา ก็เลยต้อง "สร้างความมั่นใจ" ให้กับตัวเอง ด้วยวิธีการ "ตั้งคำถาม" แบบนี้บ่อยๆ

..................

จริงๆแล้ว คำถามประเภท สถาบันกษัตริย์ ได้ "ทำอะไร" มาบ้าง ในอดีต ที่ทำให้คนจำนวนมากขึ้นๆ ทั้งในประเทศและทั่วโลก รู้สึก "มีปัญหา" หรือ ไม่เห็นด้วย นั้น

ไมใช่คำถามที่ยากในการตอบเลย ถ้าเปิดให้สังคมมีเสรีภาพในการตอบโดยแท้จริง

แต่พวกนิยมเจ้าของไทยนั้น รู้สึก insecure เกินกว่า จะยอมให้มีเสรีภาพ ที่จะตอบ หรือมีเสรีภาพที่จะตั้งคำถามกลับ กับ "ข้อมูล" ที่บังคับ โปรแกรมยัดเยียดใส่หัวตั้งแต่อนุบาล

ก็เลยต้องรักษาภาวะที่ ห้ามตั้งคำถาม, ห้ามประเมิน, ห้ามตรวจสอบ, ห้ามวิพากษ์ "ข้อมูล" นิยมเจ้า

อย่างที่บอกว่า พวกนิยมเจ้า อย่างจิตตนาถ นั้น เหมือนกับพวกมาเฟีย ที่ไม่กล้า ไม่มั่นคงทางจิตใจพอ จะปล่อยให้ลูกน้อง หรือชาวบ้าน ประเมินอย่างเสรีจริงๆว่า ตัวเอง "หล่อ" จริง ตามที่ตัวเองเชื่อหรือไม่

ก็เลยต้องคอยใช้วิธีเอาปืนมาจี้หัว แล้วบังคับให้คน "ตอบ" อย่างที่ตัวเองต้องการ หรือ บังคับให้เกิดภาวะที่เหมือนว่า คนอื่น "ตอบไม่ได้" "จนในคำตอบ" แบบนี้ แล้วก็ "อิ่มอกอิ่มใจ" จากสภาวะที่คนอืน "ตอบไม่ได้" แบบนี้

คนที่ insecure ขนาดนี้ ความจริง ต้องนับว่า น่าสงสาร น่าสมเพช มากๆ

[เมื่อตอนต้นปี ผมเขียนบทความหนึ่ง ซึ่งความจริง มีเนื้อหา ที่เป็นการตอบ บทความของจินตนาภ ล่วงหน้า ใครสนใจ ดู "ท้าให้ คน "รักในหลวง" ทุกคน ตอบประเด็นเรื่อง "สถาบันกษัตริย์ดีเยี่ยม - นักการเมืองเลวสุด" นี้ครับ พนันได้เลยว่าตอบไม่ได้"
ที่นี่ (อาจจะต้องใช้ proxy ในการเข้า) http://prachatai.com/journal/2011/04/33847 ]

.......................

ปล. มีประเด็นเชิง "ทฤษฎีสังคม" หนึ่ง ที่ผมคิดมานาน คือ ทำไม อุดมการณ์กษัตริย์นิยม ของไทย จึงได้ขึ้นสู่ภาวะ "สุดยอด" พร้อมๆไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจสังคมของชนชั้นกระฏุมพีไทย นับแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา?

คือ ถ้าเราคิดแบบ "โมเดล" ประวัติศาสตร์ตะวันตก การเติบโตของกระฎุมพี ควรจะมาควบคู่กับการเติบโตของอุดมการณ์ (ideology) อย่าง enlightenment หรือ liberalism ... แต่ทำไม ในกรณีของไทย การเติบโตทางเศรษฐกิจสังคมของกระฎุมพี ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา จึงกลับมาพร้อมกับการเติบโตอย่างล้นเกินของอุมการณ์ (ideology) แบบกษัตริย์นิยม?

คำตอบแบบคร่าวๆของผม (ที่ยังพยายามเรียบเรียงให้เป็นระบบอยู่) คือ กระฎุมพีไทย มีภาวะ "ไม่มั่นคงรวมหมู่" (collective insecurity) เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นนี้กับชนชั้นอื่นๆในสังคม โดยเฉพาะทีอยู่ล่างๆลงไป ......

..............................................................

หมายเหตุ: บทความข้างต้นเผยแพร่ใน สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ทางกองบรรณาธิการเห็นว่าเป็นประเด็นโต้เถียงที่อยู่ในกระแสความสนใจของประชาชนจึงนำมาเผยแร่ใน"ประชาไท"อีกครั้ง