เลขาธิการ ปปง.  เตรียมแถลงข่าวกรณีคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับ การฟอกเงิน (FATF)  ขึ้นบัญชีดำประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่ไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานระหว่าง ประเทศว่าด้วยการสกัดการฟอกเงิน วันจันทร์ที่ 20 ก.พ.นี้
 17 ก.พ. 55 - สำนักข่าวไทยรายงาน ว่าหลังจากคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอก เงิน (Financial Action Task Force on Money Laundering – FATF)   ขึ้นบัญชีดำไทย รวมทั้งประเทศอื่น คือ ปากีสถาน, อินโดนีเซีย, กานา  และแทนซาเนีย  ในรายชื่อประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยการสกัดการฟอก เงิน และการให้ทุนสนับสนุนการก่อการร้าย 
 รายงานข่าวจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แจ้งว่า  ขณะนี้ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาราชการแทนเลขาธิการ  ปปง.อยู่ระหว่างการร่วมประชุม คณะทำงา FATF ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส  ระหว่างวันที่ 13-20 ก.พ.นี้  และจะกลับมาแถลงข่าวกรณีดังกล่าวในวันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา  13.00 น.โดยจะแถลงข่าวใน 3 ประเด็น คือ  1.การดำเนินงานในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน  และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายของไทย   2.ปัญหาข้อบกพร่องของประเทศไทยที่สำคัญๆ ประเด็นเหล่านี้เป็นข้อสังเกตจาก  FATF  ว่าฝ่ายไทยไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจังในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย  3.  ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศไทย  ที่ถูกขึ้นบัญชีดำเรื่องการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและต่อต้านการสนับ สนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (Anti-Money Laundering and Combating the  Financing of Terrorism - AML/CFT)  
 ทั้งนี้ เนื้อข่าวตามเว็บไซต์ของ FATF ระบุว่า  แม้ว่าประเทศไทยจะมีการรับรองจากฝ่ายการเมืองที่จะดำเนินความร่วมมือกับ  FATF และ กลุ่มความร่วมมือต่อด้านในการฟอกเงินเอเชีย-แปซิฟิก (The  Asia-Pacific Group on Money Laundering-APG)  ในการปรับปรุงข้อบกพร่องเชิงยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน  และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (AML/CFT)  แต่ไม่มีความคืบหน้าอย่างเพียงพอในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ  และยังคงมีข้อบกพร่องทางยุทธศาสตร์  แม้ว่าประเทศไทยจะประสบปัญหาภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อขั้นตอนการตรากฎหมายที่ จำเป็นตั้งแต่ พ.ศ. 2552 - 2554 ประเทศไทยมีการดำเนินการปรับปรุงระบบ  AML/CFT และมีการประเมินความเสี่ยงในภาคการเงินแล้วเสร็จ  ประเทศไทยควรดำเนินการตามแผนปฏิบัติการในการปรับปรุงข้อบกพร่องทาง ยุทธศาสตร์ที่เหลือ รวมถึง (1)  การกำหนดให้การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายเป็นความผิดอาญาอย่าง เหมาะสม (ข้อแนะนำพิเศษที่ II) (2)  กำหนดและดำเนินมาตรการที่เหมาะสมในการระบุและยึด/อายัดทรัพย์สินของผู้ก่อ การร้าย (ข้อแนะนำพิเศษที่ III) และ (3) มีการกำกับดูแลด้าน AML/CFT  ที่เข้มข้นขึ้น (ข้อแนะนำที่ 23) FATF  กระตุ้นเตือนให้ประเทศไทยดำเนินการกับข้อบกพร่องที่เหลืออยู่  และดำเนินการตามแผนปฏิบัติการต่อไป