ที่มา ประชาไท
Tue, 2012-07-24 17:23
ว่าด้วยหนัง
The Dark Knight Rises เป็นภาคสุดท้ายของไตรภาค Batman
ของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan)
หนังภาคนี้จับความหลังจากแบทแมนปราบศัตรูสำคัญคือโจ๊กเกอร์ (Joker) สำเร็จ
และยอมรับผิดแทนอัยการฮาร์วี่ย์ เด้นท์ (Harvey Dent)
ที่กลายเป็นตัวร้ายทูเฟซ โดยเชื่อว่า
ชื่อเสียงที่สั่งสมมาก่อนของเด้นท์น่าจะช่วยธำรงสันติในกอทแธม (Gotham)
ได้มากกว่าการเปิดเผยความจริง
จากนั้นแบทแมนก็หายจากเมืองนี้ไปในฐานะอาชญากร ทว่าสันติภาพที่มี
เป็นเพียงภาพลวงตา ลึกลงไป กอทแธมยังมีปัญหา เมื่อความขัดแย้งปะทุหนัก
แบทแมนจึงต้องกลับมา
ปมความขัดแย้งของหนังในภาคนี้ลึกซึ้งรุนแรงกว่าภาคก่อน
เพราะนอกจากความขัดแย้งระหว่างพระเอก-ผู้ร้ายแล้ว
สถานการณ์ทั้งหมดตั้งอยู่บนความขัดแย้งระหว่างคนในสังคมเดียวกันด้วย
แม้ว่าในหนังจะไม่ได้เน้นที่ประเด็นนี้ก็ตาม
แต่การมีอยู่ของความขัดแย้งนี้ทำให้แบทแมนทำงานยากขึ้นจนถึงขั้นเกือบเอา
ชีวิตไม่รอด นอกจากนี้คู่ปรับคนสำคัญของแบทแมนในภาคนี้คือ “เบน” (Bane)
นั้นน่ากลัวกว่าโจ๊กเกอร์ เพราะเบนมีทั้งพละกำลัง สติปัญญา
เงินทุนและอุดมการณ์ (แถมยังมีการจัดองค์กรอย่างดี) ในแง่ของเป้าหมาย
โจ๊กเกอร์แค่กวนเมือง แต่เป้าหมายของเบน
คือการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างถอนรากถอนโคนโดยทันที
โนแลนเป็นที่จับตาหลังจาก Memento ออกฉายด้วยมุมมองแบบสำรวจจิตมนุษย์
วิธีการเล่าเรื่องถอยหลังทีละช่วงและการหักมุมที่เน้นผลสะเทือนทางความคิด
มากกว่าความประหลาดใจ จากนั้นไม่กี่ปี The Dark Knight
ก็สถาปนาโนแลนเป็นผู้กำกับวิสัยทัศน์ไกล ผู้เจนจัดศาสตร์และศิลป์ภาพยนตร์
ผลงานต่อจากนั้นก็รักษาคุณภาพระดับสูง The Dark Knight Rises
ก็เป็นหนังคุณภาพในระดับดีเด่นเช่นเคย
แต่นอกจากอรรถรสของการชมหนังชั้นดีแล้ว ปูมหลังตัวละคร เป้าหมายการต่อสู้
บริบทสภาพแวดล้อมของกอทแธม หลายฉากหลายตอนใน The Dark Knight Rises
ทำให้นึกถึงประเด็นทางการเมือง
โดยเฉพาะประเด็นว่าด้วยรูปแบบรัฐที่เป็นกรอบใหญ่ควบคุมจำกัดการเคลื่อนไหว
ของตัวละครต่าง ๆ และเป็นเป้าหมายที่ตัวละครต่าง ๆ
ต้องการรักษาไว้หรือเปลี่ยนแปลงในระดับต่าง ๆ กัน
ว่าด้วยรัฐ
พิจารณาจากฉากตอน บริบทและเป้าประสงค์ของตัวละครต่างๆ
แล้ว รูปแบบรัฐในหนังเรื่องนี้อาจแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ หนึ่ง
รัฐวีรชน สอง รัฐธนกิจ และสาม เสนารัฐ
รัฐวีรชน
กอทแธมหลังแบทแมนใช้แรงส่งจากการเสียชีวิตของเด้นท์ผู้
ที่มีชื่อเสียงด้านการปราบปรามอาชญากรออกกฎหมายมอบอำนาจให้ตำรวจจัดการ
อาชญากรรมอย่างเด็ดขาด (รัฐบัญญัติเด้นท์-Dent Act)
ข้อเท็จจริงด้านลบเกี่ยวกับเด้นท์ถูกปิดบัง
คนจำนวนหนึ่งต้องรับเคราะห์จากความเท็จนี้ แบทแมนกลายเป็นผู้ต้องหา
ผู้การกอร์ดอนต้องฝืนจรรยาชีพตำรวจโกหกสังคมเรื่องเด้นท์
นักโทษจำนวนมากถูกจับไปไว้ในเรือนจำโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอน
ปกติเนื่องมาจากรัฐบัญญัติดังกล่าว
กอทแธมวางความสงบสุขของสังคมบนธงศีลธรรมเป็นหลักและมุ่งไปสู่เป้าหมายทาง
ศีลธรรมนั้นโดยไม่สนวิธีการ
รัฐผลิตมายาคติหล่อหลอมประชาชนให้สนับสนุนนโยบายรัฐ
สร้างสถาบันพิเศษเป้าหมายเฉพาะเพื่อกวาดล้างสร้างสังคมสะอาด
กฎระเบียบบังคับใช้อย่างเข้มงวด ตำรวจทำงานภายใต้ตรรกะความมั่นคง
(คุณผิดจนกว่าคุณจะพิสูจน์ตัวเองได้ว่าไม่ผิด)
สังคมมีแนวโน้มอิงหลักการของปรัชญาอรรถประโยชน์นิยม(Utilitarianism)
ว่าด้วยการเสียสละส่วนน้อยเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่
ผลที่ได้คือ เบื้องหน้าสังคมที่ดูเหมือนสงบสุข มีระเบียบเรียบร้อย
แต่เบื้องลึกกอทแธมยังมีปัญหาอาชญากรรม
เพิ่มเติมด้วยปัญหาการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในนามของความดี
ประชาชนถูกทำให้สูญเสียศักยภาพในการคิดและแก้ปัญหาด้วยตนเอง
ยึดติดตำนานวีรชน
เมื่อเผชิญวิกฤตทางออกของประชาชนในรัฐเช่นนี้คือเรียกหาอัศวิน
สังคมในรัฐเช่นนี้ มีแนวโน้มรักษาสถานะอำนาจเดิมไว้เหนียวแน่น
ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ปรับตัวยาก เมื่อเผชิญปัญหาหนักมักช็อก
ประชาชนและเจ้าหน้าที่มักสยบต่ออำนาจ
กองกำลังติดอาวุธจำนวนหนึ่งและระเบิดไม่กี่ลูกของเบนจึงทำให้เบนควบคุมกอทแธมได้เบ็ดเสร็จ
เมื่อสังคมมีภูมิต้านทานต่ำ รัฐธนกิจก็สามารถสวมทับเข้ามาอย่างแนบเนียน
เพราะหนึ่ง กลไกควบคุมรักษาระเบียบเข้มข้น สอง ประชาชนหมดสมรรถภาพในการคิด
(รัฐเข้มแข็ง-ประชาสังคมอ่อนแอ) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ
รัฐธนกิจฝังตัวเติบโตได้ดีในรัฐที่อำนาจรวมศูนย์ในกลุ่มคนจำนวนน้อยและประชา
สังคมอ่อนแอ
รัฐธนกิจ
อุตสาหกรรมขนาดใหญ่และตลาดหุ้นเป็นกลไกทางเศรษฐกิจ
สำคัญของกอทแธม เศรษฐกิจเติบโตก้าวหน้า
แต่ก็มีปัญหาการกระจายรายได้จนกลายเป็นความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ในขณะที่ทุนใหญ่กอทแธมมุ่งขยายกิจการ นายหน้าค้าเงิน-หุ้นร่ำรวย
ปรากฏว่ามีเด็กกำพร้าขาดแคลนปัจจัยดำรงชีพที่เหมาะสม
มีหญิงสาวขายบริการทางเพศเพื่อเลี้ยงชีพ เซลิน่า ไคล์ (Selina Kyle)
สาวผู้มากความสามารถยังไม่อาจมีที่ยืนในสังคมปกติต้องผันตัวเป็นนางโจร
ผลประโยชน์ทางธุรกิจมีบทบาทนำหน้าปัญหาสังคมโดยรวม เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม
ในกอทแธมมีทั้งกลุ่มทุนเก่าแก่อย่างตระกูลเวนย์
และนักธุรกิจเศรษฐินีใหม่ใจถึงอย่างมิแรนด้า เทต (Miranda Tate)
ที่สร้างตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่า รุ่งเรืองด้วยการทำธุรกิจ
ในขณะที่เศรษฐีเก่าอย่างบรูซ เวนย์ (Bruce Wanye)
มุ่งมั่นพัฒนาพลังงานทางเลือกที่สะอาดจน Wayne Enterprises
ผลประกอบการตกต่ำ ทุนหายกำไรหด
บ้านเด็กกำพร้าที่เคยได้รับการอุปถัมภ์จากมูลนิธิของเขาจึงพลอยถูกตัดความ
ช่วยเหลือทางการเงินลง
หรือกระทั่งล้มละลายในพริบตาเมื่อตกเป็นเหยื่อของเกมตลาดหุ้น
(อาจเป็นครั้งแรกในจักรวาลที่ซูเปอร์ฮีโร่ล้มละลาย)
กลไกตลาดเสรีในกอทแธมทำงานล้มเหลว
เพราะไม่สามารถทำให้ทุกคนสามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดได้อย่างเสรีจริง
กลไกการกระจายความมั่งคั่งกลับคืนสู่สังคมบิดเบี้ยวกระจายไปไม่ถึงผู้ที่จำ
เป็นต้องได้รับ นอกจากนี้สังคมยังตั้งอยู่บนความเสี่ยงผันผวน
มหาเศรษฐีอย่างบรูซ เวนย์ ยังสามารถกลายเป็นยาจกชั่วข้ามคืน
ปัญหาการเติบโตทางเศรษฐกิจมีความสำคัญกว่าปัญหาสังคม-สิ่งแวดล้อม
สังคมรัฐธนกิจเป็นสังคมแข่งขันแบบแพ้คัดออก พัฒนาทางวัตถุรวดเร็ว
ความมั่งคั่งกระจุกตัว
ผู้คนจำนวนมากถูกละเลยทอดทิ้งตราหน้าว่าไร้ความสามารถ
ยิ่งความเหลื่อมล้ำยิ่งห่างและเห็นได้ชัด
ความตึงเครียดระหว่างผู้มั่งมีและผู้ยากไร้ยิ่งสูง ข้อเสนอของเบน
(ผู้ที่เสียงระคายหู)ให้ยึดทรัพย์สินจากคนรวยจึงได้รับการตอบรับอย่างดีจาก
มหาชนที่ถูกกดขี่ในรูปแบบต่าง ๆ มายาวนาน
เสนารัฐ
เบนมีพร้อมทั้งพละกำลัง สติปัญญา เงินทุนและอุดมการณ์
เขาร่วมมือกับนายทุนยึดกอทแธมได้โดยสะดวกก่อนสังหารนายทุนบางเจ้าทิ้งเมื่อ
หมดประโยชน์
ช่องความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ถ่างกว้างช่วยให้อุดมการณ์สุดโต่งและความ
รุนแรงที่เบนใช้สาแก่ใจประชาชนผู้เสียเปรียบ ในการปกครองประชาชน
เบนระเบิดสนามฟุตบอล วางระเบิด
ติดตั้งระเบิดนิวเคลียร์ข่มขู่ประชาชนให้อยู่ในอำนาจ
ประชาชนชาวกอทแธมสามารถเคลื่อนไหวอิสระได้ตราบเท่าที่ไม่ขวางแผนการ
ผู้ที่เป็นปฏิปักษ์จะถูกพิพากษาด้วยศาลเตี้ย (ยิงทิ้ง ณ ที่เกิดเหตุ)
หากรอดศาลเตี้ยมาขึ้นศาลยุติธรรมก็เป็นศาลยุติธรรมที่ขาดกระบวนการอันเป็น
ที่ยอมรับ (รีบร้อนจับกุม ฟ้องศาลไม่ผ่านอัยการ ตัดสินโดยไม่ฟังความจำเลย
พิพากษาโทษล่วงหน้า)
ความมั่นคงของสังคมที่เบนปฏิวัติตั้งบนปากกระบอกปืน ปกครองด้วยความกลัว
ปั่นหัวประชาชนให้หวาดหวั่นโยนความหวังให้เล็กๆ น้อยๆ
ป้องกันการลุกฮือครั้งใหญ่ ประชาชนหวาดระแวงกันและกัน
ศาลยุติธรรมตัดสินคดีตามใจผู้มีอำนาจ
อย่างไรก็ตามอุดมการณ์ของเบนนั้นแน่วแน่
ทำให้เขามีสาวกที่ยอมสละชีพเพื่อแผนการใหญ่
อำนาจเบ็ดเสร็จช่วยให้เขาเปลี่ยนแปลงสังคมในชั่วพริบตาเดียว
ประชาชนกอทแธมบางส่วนอาจหวังว่า
เหล่าทหารจรยุทธ์เหล่านี้จะมาช่วยเปลี่ยนชะตาเมือง
แต่สิ่งที่ได้อาจจะเป็นแค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ
เพราะเสนาเบนกระทำการเพื่อตอบสนองความต้องการตนเองมากกว่าเพื่อพลเมืองทั้ง
หลาย
เสนารัฐเช่นนี้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ปรับเปลี่ยนนโยบายรวดเร็วทันใจ
ทุ่มทรัพยากรทั้งหมดเพื่อเป้าหมายเฉพาะได้ไม่ต้องฟังเสียประชาชนหรือต่อรอง
กับกลุ่มผลประโยชน์
แต่ก็ไม่มีหลักประกันว่าปากกระบอกปืนของรัฐจะหันไปหาใครบ้างเพราะอำนาจไม่
ถูกถ่วงดุล
รัฐ 3 แบบ กับเป้าหมายที่ไปไม่ถึง
เมื่อเปรียบเทียบรัฐทั้ง 3 แบบแล้ว
อาจจะเป็นที่ถกเถียงได้ว่า รัฐแบบใดดีกว่ากัน แต่ผลสรุปที่แน่นอนคือ
รัฐแต่ละแบบนั้นต่างมีปัญหาในการบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ทั้งสิ้น
รัฐวีรชนไม่สามารถสร้างสังคมสะอาดบริสุทธิ์
รัฐธนกิจไม่สามารถสร้างสังคมที่มั่งคั่งทั่วถึง
เสนารัฐไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชุมชนไปสู่อุดมคติที่ตั้งไว้ได้
รัฐวีรชนมุ่งสร้างสังคมคนดีบริสุทธิ์ด้วยการให้อำนาจพิเศษกับบุคคล
บางกลุ่มดำเนินโครงการสร้างสังคมอุดมคติบนฐานศีลธรรม ผลของการกระทำเช่นนี้
คือสังคมที่ขาดความเท่าเทียมทางการเมือง
เพราะอำนาจกระจุกตัวไม่กระจายทั่วสังคมเท่าเทียม “คนดี”
มีอำนาจมากกว่าคนทั่วไป วิธีการเน้นไปที่การตัด “เนื้อร้าย” ของสังคมทิ้ง
ซึ่งมีปัญหาหลายประการที่ต้องคำนึงโดยเฉพาะประเด็นการนำศีลธรรมที่อาจเป็น
เครื่องมือที่ดีในการกำกับพฤติกรรมมนุษย์ของแต่ละบุคคล
แต่เป็นเครื่องมือที่อันตรายในการใช้เป็นเกณฑ์วัด/ตัดสินคน
เพราะว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่สมบูรณ์
หมายความว่ามนุษย์นั้นเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง
การจะแยกดีเลวเด็ดขาดถาวรเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
รัฐธนกิจส่งเสริมการสร้างประสิทธิภาพเฉพาะด้านเพื่อการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจ
โดยคาดหวังว่าเมื่อเศรษฐกิจเติบโตแล้วจะกระจายให้สังคมอย่างทั่วถึง
แต่ในทางปฏิบัติ
บริษัทและภาคเอกชนที่รัฐธนกิจสนับสนุนอุ้มชูอยู่นั้นแย่งกันโต
เมื่อแย่งกันโตก็มีการแข่งขันอย่างเข้มข้น นำไปสู่สภาวะแพ้คัดออก
เหลือผู้อยู่รอดน้อยรายปริมาณทรัพย์สินไหลไปรวมกับผู้ชนะ
การเติบโตทางเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างกระจุกตัว
ในขณะที่กลไกการกระจายความมั่งคั่งกลับคืนสู่สังคม เช่น ระบบภาษี
ก็ทำงานไม่เต็มที่เพราะขัดกับตรรกะการสะสมทุนไปแข่งขันต่อของภาคเอกชน
ผลอย่างเป็นรูปธรรมคือ
นอกจากจะไม่สามารถกระจายความมั่งคั่งไปทั่วสังคมแล้ว
ยังถ่างช่องความเหลื่อมล้ำกว้างขึ้น มีผู้พ่ายแพ้แข่งขันไม่ได้มากขึ้น
ผู้พ่ายแพ้เหล่านี้จะหันหน้าไปประกอบอาชีพอื่นก็ลำบากเพราะถูกฝึกมาให้ทำงาน
เฉพาะด้าน
จะมีความสงบสุขทางจิตใจกับตนเองก็ยากเพราะไม่ได้มีชีวิตในสภาพที่เอื้ออำนวย
ต่อการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์อย่างรอบด้าน
ส่วนผู้ชนะที่อยู่ในกระบวนการเดียวกันก็ง่ายที่จะเพิกเฉยละเลยต่อเพื่อน
มนุษย์ร่วมสังคม
มองความยากลำบากของผู้พ่ายแพ้เป็นเรื่องปกติธรรมดาในนามของประสิทธิภาพและ
การแข่งขัน
เสนารัฐนั้นต้องการถอนรากถอนโคนสังคมเดิมทันที
เพื่อเปลี่ยนแปลงสร้างสังคมใหม่ที่คาดว่าจะดีกว่าสังคมเก่า
วิธีการที่จะทำเช่นนี้ได้ต้องมีความคิดสุดโต่งและสร้างความคิดสุดโต่งให้
แพร่กระจายไปในสังคมจนผู้คนพร้อมจะกระทำความรุนแรงเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม
มองเห็นผู้ที่คิดต่างเป็นศัตรู เป็นผู้ล้าหลัง
โดยมีทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมากเป็นต้นทุนของการเปลี่ยนแปลงสังคม
ตัดโอกาสของการเรียนรู้ประสบการณ์เพื่อพัฒนาหาทางออกของประชาชนในสังคม
ในด้านผลลัพธ์ก็ไม่มีหลักประกันได้ว่าเมื่อเปลี่ยนแปลงสังคมในทันทีแล้ว
สังคมใหม่จะดีขึ้นกว่าสังคมเก่า
กอทแธมหลังการจากไปของแบทแมน การล่มสลายของตลาดหุ้นและความพ่ายแพ้ของเบน
ได้เพิกถอนมายาคติบางประการออกไปจากสังคม ประชาชนได้เรียนรู้ว่า
ความเพิกเฉยต่อผู้อื่นและความสุดโต่งในท้ายที่สุดล้วนกลายเป็นความรุนแรงใน
สังคมได้ ซึ่งแลกมาด้วยต้นทุนที่แสนแพง
แน่นอนว่ายังไม่มีบทสรุปอนาคตของกอทแธม ไม่มีหลักประกันว่า
กอทแธมจะเป็นเมืองที่ดีขึ้น แต่ดูเหมือนว่า
สังคมที่ยอมรับความจริงของกันและกันมากขึ้น ใส่ใจกันและกันมากขึ้น
ปรองดองกันมากขึ้น จะทำให้ใครบางคนสามารถปลดภาระบนไหล่ให้ผู้อื่นช่วยแบกรับ
ใครบางคนได้มีโอกาสแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีตเริ่มชีวิตใหม่
และทำให้ใครอีกหลายคนได้มีหลักประกันในสิทธิเสรีภาพในชีวิตของตนเองมากขึ้น