ที่มา ประชาไท
 Fri, 2012-09-28 17:25
  
  
    
การขุดดิน 
และการถมดินที่มีกฎหมายกำหนดหลักการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 
เป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติการขุดดินและถมดิน พ.ศ.2543 
ซึ่งสามารถออกกฎกระทรวงกำหนดกิจการต่างๆ 
ในการขุดดินและถมดินเพื่อรักษาประโยชน์ของการผังเมือง การอนุรักษ์โบราณสถาน
 โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม 
รวมตลอดถึงการป้องกันการพังทลายของดิน และสิ่งปลูกสร้าง เป็นต้น
       
กฎหมาย
นี้ได้มีการบังคับใช้มากว่าสิบปีแล้ว แต่ความร่วมมือของประชาชน 
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมตลอดถึงรัฐบาลหลายรัฐบาลที่ผ่านมา 
ยังเห็นความสำคัญของกฎหมายฉบับนี้น้อยมาก ทั้งๆที่เป็นเรื่องสำคัญ 
เห็นได้จากการออกกฎกระทรวง 
และการออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อกำหนดให้การขุดดินและการถมดินต้องแจ้งขอ
อนุญาตต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก่อนที่จะมีการขุดดิน 
และการถมดินตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ตรวจสอบได้เลยว่า 
มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสักกี่แห่งที่ได้ออกข้อบัญญัติท้องถิ่นตามกฎหมาย
นี้
       
ปัญหาการพบโบราณวัตถุในหลายท้องที่ 
กฎหมายฉบับนี้กำหนดไว้ชัดเจนว่า ในการขุดดินนั้น ถ้ามีการพบโบราณวัตถุ 
ศิลปวัตถุ ซากดึกดำบรรพ์ 
หรือพบแร่ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจหรือทางการศึกษาในด้านธรณีวิทยา 
ให้ผู้ขุดดินหยุดการขุดดินไว้ก่อนแล้วรายงานให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบภาย
ในเจ็ดวัน นับแต่วันที่พบ และให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นแจ้งให้กรมศิลปากร 
หรือกรมทรัพยากรธรณีแล้วแต่กรณีทราบโดยด่วน 
และให้ผู้ที่ขุดดินนั้นปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายโบราณสถาน โบราณวัตถุ 
ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 
หรือกฎหมายที่เกี่ยวอื่นอื่นแล้วแต่กรณี
       
ทั้งนี้ 
เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์ และจัดทำทะเบียนโบราณวัตถุ 
หรือศิลปวัตถุที่มีอายุตั้งแต่สมัยอยุธยาขึ้นไป 
กฎหมายได้กำหนดให้อธิบดีกรมศิลปากรมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดเขต
ท้องที่ใดเป็นเขตสำรวจโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุนั้น โดยให้เจ้าของแจ้งปริมาณ
 รูปพรรณ และสถานที่เก็บรักษาโบราณวัตถุ 
หรือศิลปวัตถุนั้นต่ออธิบดีกรมศิลปากรตามหลักเกณฑ์ วิธีการ 
และเงื่อนไขที่กำหนดได้
       
การพบโบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุนั้น 
หากพิจารณาข้อความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1328 ความว่า 
สังหาริมทรัพย์มีค่าซึ่งซ่อนหรือฝังไว้นั้น 
ถ้ามีผู้เก็บได้โดยพฤติการณ์ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถอ้างว่าเป็นเจ้าของได้ให้
กรรมสิทธิ์ตกเป็นของแผ่นดิน 
ผู้เก็บได้ต้องส่งมอบทรัพย์นั้นแก่เจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานเจ้าหน้าที่
อื่น แล้วมีสิทธิจะได้รับรางวัลหนึ่งในสามแห่งค่าทรัพย์นั้น
       
การ
ให้ความร่วมมือของประชาชน 
และความตั้งใจบังคับใช้กฎหมายที่กล่าวมาข้างต้นนี้อย่างเป็นธรรม 
มีค่าเป็นอย่างยิ่งในการรักษาทรัพยากรของชาติให้เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ 
อย่างยั่งยืน..