วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2551

มาร์คย้ำสมานฉันท์-ปชป.โต้ปม 300 ล้าน

ที่มา ไทยรัฐ

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมหน้ารัฐสภาจำเป็นต้องเลื่อนการแถลงนโยบายในวันที่ 29 ธ.ค. หรือไม่ ว่า ต้องประเมินสถานการณ์ แต่คิดว่าขณะนี้ ยังน่าจะสามารถดำเนินการตามแผนได้ เมื่อถามว่าได้คุยกับนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา หรือยัง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ยังไม่ได้คุย แต่ที่ชัดเจนคือจะไม่มีความรุนแรงจากภาครัฐ ส่วนเรื่องสถานการณ์จะต้องประเมินอีกที เมื่อถามว่าหากไม่สามารถแถลงนโยบายได้จะย้ายสถานที่ประชุมหรือไม่ นายกฯตอบว่า ค่อยมาปรับแผนกันอีกที แต่ในชั้นนี้น่าจะดำเนินการได้อยู่ เมื่อถามว่าการที่นายเนวิน ชิดชอบ อยู่ฝ่ายรัฐบาล จะทำให้ควบคุมสถานการณ์คนเสื้อแดงได้ง่ายขึ้นใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า แต่ละกลุ่มมีความหลากหลาย แกนนำที่ยังยืนยันจะเคลื่อนไหวต้องดูว่าจะใช้เวลาในการทำความเข้าใจกันได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราเป็นประชาธิปไตย แต่ละคนเดินหน้าทำหน้าที่และบทบาทของตัวเองไป

ลั่นไม่หนักใจฝ่ายค้านจองกฐิน

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับการอภิปรายของฝ่ายค้านนั้น ถ้าอยู่ในกรอบข้อบังคับ รัฐบาลต้องยอมรับการตรวจสอบ ถ้าฝ่ายค้านหยิบยกประเด็นอะไรขึ้นมา ก็เป็นหน้าที่ของตนกับรัฐมนตรีที่จะชี้แจง ไม่มีอะไรหนักใจ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่ฝ่ายค้านจองกฐินอภิปรายนายกรัฐมนตรีกับ รมว.ต่างประเทศเป็นพิเศษ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ถ้าติดใจอะไรเป็นพิเศษก็สอบถามได้ และตนได้ กำชับรัฐมนตรีทุกคนว่าจะต้องพร้อมชี้แจง เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะแฉพรรคประชาธิปัตย์เรื่องเงิน 300 ล้านบาท นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เคยพูดเรื่องนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งในสภา ก็ต้องดูว่าหลักฐานคืออะไร

ยอมรับเลียนแบบนโยบายทักษิณ

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายว่าลอกการบ้านรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า นโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์ใครทำไว้ก็ทำต่อ และจะปรับปรุงให้ดีขึ้น หลายเรื่องไม่เห็นมีในนโยบายของรัฐบาลชุดก่อนๆ เช่นการเรียนฟรี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและ อสม. มาตรการรองรับการว่างงาน ถูกต้องครับ อะไรที่ดีก็สานต่อ อย่าถือเขาถือเรา อะไรที่ประชาชนพึงพอใจ และเป็นเรื่องที่ดีต่อบ้านเมือง แต่เรามายกเลิกเพียงเพราะคนอื่นเขาทำไว้ ผมว่าไม่เป็นธรรมต่อประชาชน ถ้าเราเลิกวัฒนธรรมแบบนี้ได้ถือว่าเป็นการดี อย่างปัญหาภาคใต้เปลี่ยนแปลงนโยบายรุนแรงเมื่อปี 2544 ผมไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ การเมือง หรือความมั่นคง

ระบุไม่ช่วย สมเกียรติถ้าผิดกฎหมาย

เมื่อถามถึงกรณีที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ จะขึ้นเวทีพันธมิตรฯเพื่อเปิดใจในงานปีใหม่ที่เมืองทองธานี นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ใครก็ตามที่เคลื่อนไหวขณะนี้ ขอให้อยู่ภายใต้ กรอบของกฎหมาย อย่างที่ย้ำมาตลอดว่าถ้าละเมิดกฎหมาย ตนไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลืออะไรได้ เมื่อถามว่าได้คุยกับนายสมเกียรติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า มีโอกาสพบนายสมเกียรติในที่ประชุม ส.ส. แต่ไม่ทราบว่าจะเคลื่อนไหวอะไร ที่ผ่านมาได้กำชับให้ ส.ส.เคลื่อนไหวในนามส่วนตัว และห้ามใช้เอกสิทธิ์ เมื่อถามว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาล การที่นายสมเกียรติยังเคลื่อนไหวอยู่ สังคมจะเคลือบแคลงในการดำเนินคดีกับผู้ทำผิดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ยืนยันว่าจะเดินหน้าดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เมื่อถามว่าการที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไปแจ้งความเอาผิดกับพันธมิตรฯ ได้ให้นโยบายอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ทุกคนต้องทำหน้าที่และรักษาสิทธิของตัวเอง เวลาที่มีอะไรเสียหายต่อราชการ ผู้ดูแลหน่วยงานต้องดำเนินการ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการละเว้น ขณะเดียวกัน ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินส่วนตัว ทุกคนมีสิทธิแจ้งความดำเนินคดีเช่นกัน

เตรียมเข้าพบอวยพรปีใหม่ เปรม

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ช่วงปีใหม่นี้กำลังดูอยู่ ว่าจะไปพักผ่อนกับครอบครัว หรือทำงานในส่วนที่คั่งค้างอยู่ โดยจะหาเวลาเดินทางไปอวยพรปีใหม่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่จะเปิดบ้านให้เข้าเยี่ยมอวยพรในวันที่ 29 ธ.ค.นี้

ขอความร่วมมือ อปท.เร่งกระจายเงิน

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่จะใช้เงิน 3 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะนำมาจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 1 แสนล้านบาทว่า ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะไปดึงเงินจาก อปท.มา แต่ต้องการให้ อปท.ใช้เงินตามแผนที่วางไว้และยังไม่ได้ ดำเนินการ เป็นการขอความร่วมมือว่าทำอย่างไรให้เงินจาก อปท.ไปสู่การใช้จ่ายของประชาชนให้เร็วที่สุด เชื่อว่ารัฐบาลกับท้องถิ่นคงไม่อยากเห็นคนไทยตกงาน อะไรที่ช่วยให้เศรษฐกิจเดินได้อยากให้รีบทำ ถ้า อปท.ติดขัดอะไรในส่วนของรัฐที่ทำให้เงินออกมาไม่ได้ ขอให้บอกมา จะได้รีบแก้ไข จะเข้าไปดูแลการเร่งรัดใช้จ่ายงบที่ยังค้างของ อปท.ด้วยตัวเอง เมื่อถามถึงส่วนที่จะมีการกู้เงินจากธนาคารของรัฐที่อาจผิดวินัยทางการคลัง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ต้องอยู่ในกรอบของหนี้สาธารณะที่วางไว้แล้ว เพราะการเข้าไปค้ำประกันรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารของรัฐมีหลักเกณฑ์นับเป็นหนี้สาธารณะ มีกรอบว่าในแต่ละปีสามารถทำได้เท่าไหร่ ยืนยันว่าจะไม่ทำเกินกรอบ

ชี้จีดีพีครึ่งหลังปี 52 ออกมาดี

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการประเมินอัตราการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2552 ซึ่งนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ประเมินว่าจะสูงถึง 2% ว่า จะพยายามให้อยู่ในแดนบวก เพราะหลายหน่วยงานทำนายว่าจะอยู่ในแดนลบ คิดว่าถ้าสามารถเร่งรัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาให้ได้ ภายใน 1-2 เดือนแรก น่าจะทำให้จีดีพีโต ครึ่งปีแรกอาจจะได้ผลกระทบต่อเนื่องจากสภาพหลายๆอย่างในปีนี้ แต่ครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น ไตรมาสแรกและไตรมาสสองยังน่าเป็นห่วงอยู่ เราจะเห็นตัวเลขการส่งออกเดือน พ.ย. และตัวเลขการขยายตัวของไตรมาสสุดท้ายปีนี้ก็น่าเป็นห่วง และผลกระทบน่าจะมีต่อเนื่อง

สุพัชรีนัดชี้แจงกรณีเงิน 300 ล้าน

น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยขู่แฉเอกสารเพิ่มเติมในวันแถลงนโยบาย กรณีที่นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เคยอภิปรายว่ามีการโอนเงิน 200-300 ล้านบาทจากบริษัทแห่งหนึ่งไปยังบริษัทรับทำโฆษณาประชาสัมพันธ์แห่งหนึ่ง แล้วมีการกระจายเงินส่วนหนึ่งไปยังกลุ่มพันธมิตรฯกับอีกส่วนหนึ่งไปที่พรรคประชาธิปัตย์ว่า ได้โทรศัพท์หารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีแล้ว นายอภิสิทธิ์แสดงความเป็นห่วงตนในเรื่องดังกล่าว แต่มั่นใจว่าตนสามารถชี้แจงได้ ที่ผ่านมาก็เคยชี้แจงไปแล้วว่าไม่เป็นความจริง และรายละเอียดที่มีการกล่าวหานั้นคือช่วงเวลาประมาณปี 2547-2549 แต่ตอนนั้นไม่เกี่ยวข้องบริษัทดังกล่าว ทั้งนี้ได้เตรียมเอกสารหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้ว โดยวันที่ 28 ธ.ค.ได้นัดหารือกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ และจะแถลงข่าวในวันเดียวกัน

พท.เก็บตัว ส.ส.ซ้อมชำแหละนโยบาย

ด้านความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้าน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ ถึงการเตรียมพร้อมอภิปรายนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 29 ธ.ค.ว่า ขณะนี้มี ส.ส.แสดงความจำนงจะอภิปราย 80 คน พรรคได้แบ่งทีมอภิปรายเป็น 2 ชุดประกอบด้วย ชุดเศรษฐกิจ มีนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง และทีมงาน ช่วยให้ข้อมูลแก่ ส.ส.ที่จะอภิปราย และชุดการเมือง มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน ช่วยให้ข้อมูล โดย ร.ต.อ.เฉลิมจะคุมทั้งหมด ทั้งนี้ในวันที่ 27-28 ธ.ค.นี้ ส.ส.ที่จะอภิปรายจะเก็บตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เพื่อซักซ้อมการอภิปรายให้ประเด็นเฉียบคม เนื้อหาครบพอดีกับเวลาที่พูด รับรองเนื้อหาที่เตรียมไว้จะเหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งประเด็นการซื้อ ส.ส.เพื่อโหวตเลือกนายกฯ การให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม และให้น้องชายคือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ กลับไปเป็น ผบ.ตร. เป็นพี่น้องคุมทั้งกองทัพและตำรวจ ถือเป็นการปฏิวัติเงียบอีกรูปแบบหนึ่งที่จะต้องชี้ให้สังคมเห็น


40 ส.ส.บอยคอตไม่ร่วมสังฆกรรม

นายสุรพงษ์กล่าวว่า นอกจากนี้จะชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่พรรคประธิปัตย์เคยพูดมาตลอดถึงนโยบายประชานิยมว่าเป็นสิ่งที่เลวร้าย แต่วันนี้กลับลอกมาทั้งดุ้นและอ้างว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ ตนเคยไปดูดวงของรัฐบาลจากนักโหราศาสตร์ชื่อดังคนหนึ่ง ฟันธงว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ จะหลุดจากตำแหน่งไม่เกินวันที่ 15 ก.พ. 2552 แน่นอน อย่างไรก็ตาม ส.ส.ของพรรคมีความเห็นแตกเป็น 2 แนวทาง เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะอภิปรายนโยบายรัฐบาล ขณะที่ ส.ส.อีกประมาณ 40 คนเห็นว่าไม่ควรเข้าร่วมประชุมรัฐสภาเพื่อรับฟังการแถลงนโยบาย

นายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า เป็นหนึ่งใน ส.ส.ของพรรคที่ลาประชุมรัฐสภาในวันที่มีการอภิปรายนโยบายรัฐบาล เพื่อแสดงความจำนงไม่ร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาล เพราะรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ได้อำนาจมาโดยไม่ชอบธรรม โดยไปปล้นและซื้อเสียง ส.ส. มีภาพเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ และทหาร นอกจากที่ประชาชนในพื้นที่ก็ไม่ยอมรับในพฤติกรรมดังกล่าว

เล่นงาน มท.1 แบ่งงานผิดกฎหมาย

พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ได้ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล พบว่ากรณีที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ลงนามในคำสั่งกระทรวงมหาดไทย เลขที่ 59/2551 เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. แบ่งงานให้นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ และนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ถือว่าผิดกฎหมายอาญามาตรา 145 เพราะรัฐบาลยังไม่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา จึงไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ การกระทำของนายชวรัตน์ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ตัวแทนพรรคเพื่อไทยจะเดินทางไปที่ สน.สำราญราษฎร์ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายชวรัตน์กระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 175, 176 และเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 145 ว่าด้วยการแสดงตนของเจ้าพนักงานและการกระทำเป็นเจ้าพนักงานโดยไม่มีอำนาจทางกฎหมาย

ฟัด บุญจงสั่งสกัดม็อบโดยมิชอบ

พ.ต.ท.สมชายกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบว่าพฤติกรรมของนายบุญจงที่ประชุมผ่านวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ สั่งการไปถึง ผวจ.ทั่วประเทศให้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเดินทางมาชุมนุมที่ กทม. ทั้งที่อำนาจการสั่งการยังไม่สมบูรณ์ ถือว่ามีความผิดชัดเจน เป็นการออกคำสั่งโดยไม่ชอบ เข่าข่ายความผิดเดียวกับนายชวรัตน์ ที่สำคัญพฤติกรรมดังกล่าวยังลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ ดังนั้น จะไปร้องทุกข์กล่าวโทษข้อหาเดียวกัน

พ.ต.ท.สมชายกล่าวว่า ส่วนกรณีที่ประชาชนถูกสกัดกั้นไม่ให้เดินทางเข้ามาชุมนุมกับคนเสื้อแดงใน กทม. นั้น ทราบจากตำรวจชั้นผู้ใหญ่ใน จ.นครราชสีมา ว่ามีการสั่งการให้สกัดกั้นการเดินทางเข้ามาชุมนุมจริง โดยตำรวจคนดังกล่าวระบุว่ารู้สึกอึดอัดใจ พร้อมกับระบายให้ฟังว่ามีผู้ใหญ่ในภาคอีสานขอให้ช่วยสกัดกั้นกลุ่มคนเสื้อแดง การกระทำดังกล่าวถือเป็นเผด็จการ และย้อนรอย คมช. จึงขอเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝากไปถึงพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ให้หยุดการกระทำดังกล่าว อย่าเอาตำรวจทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าไปเกี่ยวข้องทางการเมืองเพื่อหวังผลเรื่องตำแหน่ง

พัลลภอ้างดวง ปชป.ไม่ถูกกับทหาร

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.รมน. ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุ ลับ ลวง พรางถึงการตัดสินใจกลับมาช่วยพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งซ่อมว่า ไม่มีอะไรมาก แค่กลับมาบ้านที่เคยอยู่ เพราะมีส่วนในการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ช่วงนี้พรรคเพื่อไทยมีปัญหานิดหน่อย คนที่พรรคเคยสร้างให้มีเกียรติยศชื่อเสียงพากันหนีออกจากพรรคไปแสวงหาโชคลาภ ตนจึงต้องกลับบ้านเก่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จะรับผิดชอบ จ.ลพบุรี และสิงห์บุรี เพราะรู้จักคนในพื้นที่จำนวนมาก

ผู้ดำเนินรายการถามว่า มองการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์อย่างไร พล.อ.พัลลภกล่าวว่า พรรคนี้เป็นพรรคเก่าแก่ที่แปลก ตั้งมา 63 ปี แต่เป็นรัฐบาลแค่ 6 ปี เป็นฝ่ายค้านถึง 57 ปี แต่ละครั้งที่เป็นรัฐบาลเข้ามาในลักษณะที่เป็นงูเห่าทั้งนั้น และดวงของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถูกกับทหาร ทหารคนไหนก็ไปอยู่ไม่ได้ เช่น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ และ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร รวมทั้งตนด้วย ดังนั้น หากทหารเข้าไปช่วยจริง คิดว่าจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสื่อมเร็ว ดวงทหารกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นอาถรรพณ์กัน ดวงไม่ถูกกัน

รับอาจดึง ประชาเป็นหัวหน้าพรรค

นายศักดา นพสิทธิ์ หนึ่งในคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ส.ส.ในพรรคบางส่วนต้องการให้นายยงยุทธ ติยะไพรัช และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ลดบทบาทในพรรค อย่าออกมาอยู่แนวหน้า เพราะกลัวจะยุบพรรคจากข้อหาเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทยว่า ส.ส.บางส่วนที่มองอย่างนี้คงเห็นว่า ส.ส.ไม่มีบทบาทในการทำงานให้พรรค แต่คณะทำงานด้านยุทธศาสตร์เห็นว่าการทำงานการเมืองในภาวะที่ไม่ปกติต้องเดินหน้าทางการเมืองแบบนี้ คงไม่สามารถบอกทุกเรื่องให้ ส.ส.ทราบได้ เพราะถ้าบอกหมดก็ไม่ใช่ ยุทธศาสตร์ หาก ส.ส.คนไหนไม่เห็นด้วยก็ต้องไปอยู่พรรคอื่น

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระแสข่าว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน จะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายศักดาตอบว่า เป็นการแสดงความเห็นของ ส.ส.ที่ต้องการให้เป็นแบบนั้น พรรคจึงเอา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายค้านชั่วคราวไปก่อน เพราะขณะนี้กำลังจัดทัพใหม่

ประชานำทีม 7 ส.ส.พผ.ซักฟอก

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่บ้านซอยวิภาวดี 60 พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงภายหลังประชุมร่วมกับ ส.ส.12 คน ของกลุ่มว่า ได้พูดคุยถึงการเตรียมอภิปรายนโยบายของรัฐบาล หลักการคือนโยบายใดที่ดีเราพร้อมสนับสนุน ส่วนใดบกพร่องก็จะอภิปรายชี้แนะ ทางกลุ่มจะส่งผู้อภิราย 7 คน ประกอบด้วยตน นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ นายสมเกียรติ ศรลัมภ์ นางจิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ และนายนัจมุดดีน อูมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.ประชาและ ส.ส.ในกลุ่มจะทำตัวเป็นฝ่ายค้าน เพื่อให้พรรคเพื่อแผ่นดินขับออก จะได้ไปเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พล.ต.อ.ประชาตอบว่า ต้องไปถามคนให้ข่าว เมื่อถามว่า คิดจะย้ายพรรคหรือไม่ พล.ต.อ.ประชาตอบว่า ขณะนี้ยังอยู่ในพรรคเพื่อแผ่นดิน แต่เป็นกลุ่มอิสระ อะไรดีก็สนับสนุน ถ้าไม่ดีก็ต้องตรวจสอบ เมื่อถามย้ำว่าสรุปยังไม่คิดจะย้ายพรรคใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ประชาตอบว่า อย่าถามเกินเลย เพราะมันไม่ใช่

ย้อนศรเคยด่าประชานิยม

ด้านนายสมเกียรติ ศรลัมภ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ทางกลุ่มได้โควตาอภิปรายจากฝ่ายค้าน 2 ชั่วโมง จึงจะแบ่งให้ พล.ต.อ.ประชาอภิปราย 30 นาที เพื่อพูดถึงภาพรวมนโยบายรัฐบาล จากนั้นอีก 6 คนจะให้เวลาอภิปรายคนละ 15 นาที

นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีการวิจารณ์ว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ลอกนโยบายของรัฐบาลชุดก่อนว่า ต้องเข้าใจว่าเวลากระชั้นชิด แต่อยากถามว่าที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เคยวิจารณ์นโยบายประชานิยม วันนี้เหตุใดจึงกลับมาทำเสียเอง