วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

พท.นัดประชุม 16 ก.พ. ถกอภิปราย

ที่มา ไทยรัฐ

วันที่ 14 ก.พ.ทางด้านความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 15 ก.พ. พรรคเพื่อไทยจะเปิดแถลงข่าวเปิดโปงการทุจริตเลือกตั้งที่ภาคใต้ที่มีประชาชนในพื้นที่ส่งข้อมูลมาให้ พร้อมเอกสาร หลักฐาน พร้อมกันนี้จะสรุปข้อร้องเรียนของประชาชน ที่ทางพรรคได้รวบรวมมาจากเว็บไซต์ของพรรค ตู้ ปณ.222 คอล เซ็นเตอร์ 0-2653-4000 รวมทั้งข้อมูลที่ประชาชนมาร้องเรียนกับพรรคโดยตรง อาทิ กรณีคนตกงาน ว่างงาน สินค้าราคาแพงสืบเนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ยาเสพติดระบาดหนัก การทุจริตต่างๆ รวมทั้งความแตกแยกในสังคม ซึ่งในบางเรื่อง ส.ส.ของพรรคจะนำไปตั้งกระทู้ถามรัฐบาลต่อไป สำหรับการประชุมพรรคเพื่อไทยประจำสัปดาห์ จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 16 ก.พ. เวลา 14.30 น. ประเด็นหลักที่จะพูดคุยกันคือ การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส่วน พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาตินั้น เรื่องนี้ยังไม่เคยคุยกันในที่ประชุมพรรค ในการประชุมพรรคอาจมีสมาชิกบางคนหยิบยกมาหารือ

ไชยาซัดพรรคไร้ผู้นำ-ไร้พลัง

ด้านนายไชยา พรหมมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความอึดอัดของ ส.ส.น่าจะมาจากความไม่ชัดเจนในหลายๆเรื่องของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการหาบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯ รวมทั้งผู้นำพรรคที่จะเอาชัยชนะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งในอนาคต ในด้านยุทธศาสตร์แม้ว่าจะมีการสัมมนาพรรคที่เขาใหญ่ มาแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการขับเคลื่อนอะไรต่อไป ส.ส.หลายคนมองเห็นปัญหาตรงนี้อยู่ แม้จะมีสมาชิกใน ครอบครัวชินวัตรมาคอยดูแลพรรค ดูเหมือนยึดโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯอยู่ก็ตาม แต่การขับเคลื่อนกลับไม่มีพลังเหมือนครั้งที่เป็นพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนทำ ศูนย์ ประสานงานพรรคทั่วประเทศ จะขับเคลื่อนเป็นองคาพยพพร้อมๆกัน แต่ตอนนี้ไม่มีความเคลื่อนไหว การดูแลภายในพรรควันนี้มันยังไม่พอ ไม่สามารถทำให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งได้ ต้องพยายามให้ ส.ส.ลงพื้นที่ขยายฐานเสียง ปลุกกระแสของพรรคกลับมาให้ได้รับความนิยมอีกครั้ง พรรคไม่ควรจะยึดเอาแต่เฉพาะคนเสื้อแดง ควรทำให้พรรคเป็นรูปแบบมหาชนจริงๆ ต้องสลัดให้หลุดภาพของคนเสื้อแดง

ขาดปัจจัยความอบอุ่นความสามัคคี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัจจัยการเงินของ ส.ส.เป็นเรื่องสำคัญหรือไม่ที่ทำให้เกิดปัญหาในพรรค นายไชยาตอบว่า มันไม่ใช่เรื่องเงินอย่างเดียว การดูแล ส.ส.ในเรื่องปัจจัย น้ำเลี้ยงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็ต้องมีอย่างอื่นด้วย เช่น การมีงบประมาณของพรรคให้ ส.ส.เข้าไปรณรงค์สร้างกระแสความนิยม และขยายฐานสมาชิกให้กับพรรค นอกจากนี้ พรรคต้องมีความอบอุ่น มีความสามัคคี เมื่อถามว่า ส.ส.ได้รับเงินลดลงจาก 1 แสนบาท เหลือเพียง 5 หมื่นบาท ใช่หรือไม่ นายไชยาตอบว่า ขอไม่พูดรายละเอียด แต่ขอย้ำว่าไม่ใช่เรื่องเงินอย่างเดียว อย่าไปคิดว่ากระแสยังดีอยู่แล้วนิ่งนอนใจ โดยเฉพาะในภาคอีสาน มิฉะนั้นแล้วคนจะลืม กระแสของ พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทยจะหายไปจากความทรงจำ อย่าลืมว่าคนไทยมีนิสัยลืมง่าย

แฉ ส.ส.รับเงินเดือน 2 ฝั่งอู้ฟู้

ทางด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ส.หลายคนบ่นน้อยใจที่พรรคเพื่อไทยสนับสนุนเงินให้ ส.ส.เป็นรายเดือนน้อยกว่าพรรคภูมิใจไทยอย่างไร ว่าเรื่องนี้คุยในที่ประชุมพรรคคงไม่จบ ทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในพรรคเกิดจากมีการพูดเกทับกันไปมาว่าเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้น้อย ถ้าไปอยู่พรรคภูมิใจไทยได้เยอะ และรัฐมนตรียังจัดงบประมาณลงไปในพื้นที่ให้อีก ทำให้ตอนนี้มี ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยประมาณ 20-30 คน กิน 2 ฝั่งรับเงิน 2 พรรค จะได้คนละประมาณ 2.5 แสนบาทต่อเดือน ทำให้รัฐมนตรีต้องไปหากิน เพื่อหาเงินดูแล ส.ส. ทำแบบนี้บ้านเมืองฉิบหาย เนื่องจากมีบางพรรคการเมืองใช้วิธีแบบนี้มาโดยตลอด เพื่อดึง ส.ส.เข้าพรรค ทั้งนี้เมื่อ ส.ส.ถูกแซะข้ามพรรค เพื่อแลกกับการโหวตยกมือ อยากให้ ส.ส.ต้องหนักแน่น ไม่ใช่ไปตามกระแส ส่วนวิธีแก้ไขนั้น ส.ส.คนไหนไม่อยากอยู่ก็ต้องออกไปเลย และในพรรคเพื่อไทยต้องพูดคุยกัน แม้ขณะนี้พรรคเราบริการ ส.ส.ไม่มีพรรคไหนดีไปกว่าพรรคเพื่อไทย แต่คนเราต้องรู้จักพอด้วย

พร้อมฟันทุจริตองค์การค้าฯ

อีกเรื่องวันเดียวกัน นายองค์กร อมรสิรินันท์ เลขาธิการคุรุสภา ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อ เท็จจริงปัญหาการทุจริตคอรัปชันขององค์การค้าของคุรุสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สหภาพแรงงานองค์การของคุรุสภา และพนักงานองค์การค้าประท้วงเรียกร้องพร้อมยื่นหนังสือถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ ให้มีการตรวจสอบการทุจริตในองค์การค้าว่า เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งได้กำหนดหัวข้อการตรวจสอบไว้แล้ว ยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้ขององค์การค้าของคุรุสภาไม่ได้เกิดจากการบริหารที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมาหลายยุคสมัย และส่งผลภาพลบต่อองค์การค้าของคุรุสภามาเป็นเวลานาน ซึ่งต้องฟังข้อเรียกร้องจากทุกฝ่ายและคำชี้แจงก่อน และต้องมองภาพรวมขององค์กรทั้งหมด โดยเฉพาะเอกสารข้อเท็จจริงของประเด็นที่จะให้ตรวจสอบการทุจริตว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าไม่ยาก

ย้ำการเมืองแทรกแซงจนธุรกิจเซ

นายองค์กรกล่าวต่อว่า ส่วนการปฏิรูปองค์การค้าที่มีหนี้ขาดทุนสะสมมีอยู่กว่า 2,000 กว่าล้านนั้น ทางบอร์ดบริหารได้มีนโยบายล้างหนี้ตั้งแต่เมื่อเข้ามารับตำแหน่งใหม่แล้ว โดยการบริหารที่ผ่านมาได้ทำหลายเรื่องทั้งการจ้างสถาบันวิจัยมาศึกษาเพื่อหาวิธีการฟื้นฟู จนขณะนี้มีกรรมการฟื้นฟูและมีกระบวนการแก้ปัญหาแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจปัญหาที่แท้จริง นอกจากเป็นการบริหารที่มีบุคลากรจำนวนมากแล้ว ที่สำคัญคือมีการเมืองเข้าไปแทรกแซง โดยเฉพาะนโยบายการจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้นคงต้องไปดูข้อมูลในเชิงลึก แต่ยืนยันว่าปัญหานี้ต้องเร่งแก้ไข เพราะต่อไปบทบาทขององค์การค้าจะทวีความสำคัญมากขึ้น ทั้งจากนโยบายเรียนฟรีของรัฐบาล จะมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับธุรกิจมหาศาลที่ทางเอกชนเองให้ความสนใจ ซึ่งการปฏิรูปองค์การค้าและการยุติปัญหาจึงต้องทำอย่างเร่งด่วนไปพร้อมๆกับการตรวจสอบการทุจริตที่เกิดขึ้นเพื่อให้เกิดอย่างชัดเจนและความเป็นธรรม