วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ธุรกิจเถื่อนซีดีผี ดัชนีไทยไม่รักไทย

ที่มา ไทยรัฐ

ปี 2547 สหประชาชาติรายงานตัวเลขค้ายาเสพติดทั่วโลกมีมูลค่า 322 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ตัวเลขจากการค้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ที่ 512 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

การละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทย...พุ่งเป้าไปที่ภาพยนตร์ เกิดจากปัจจัยสำคัญอะไรบ้าง?

ปัญหาใหญ่ตอนนี้ ต้องยอมรับว่า...คนต้องการบริโภคหนังไทยมาก พอหนังเข้าโรงก็มีความต้องการ อยากได้ดูเร็วๆแบบชนโรง

จาฤก กัลย์จาฤก นายกสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ บอก

จะเห็นว่า...เวลาจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ กว่าร้อยละ 80 เป็นหนังไทย หนังฝรั่งมีไม่ถึงร้อยละ 20”

ระบบการฉายหนังในโรงภาพยนตร์ ไล่เรียงกันไป...ชั้น 1...ชั้น 2...ชั้น 3 ไปตามลำดับ แต่ถ้าอยากได้ดูเร็ว ในราคาถูก ก็ต้องใช้บริการแผ่นผี...ซีดีเถื่อน

ธุรกิจซีดีเถื่อนมีเม็ดเงินหมุนเวียนมากก็ยิ่งเบ่งบาน ผนวกกับดีมานด์ ที่ส่งเสริมมีมาก ก็ยิ่งทำให้วงจรธุรกิจเถื่อนไม่มีวันจบสิ้น

ในภาพรวมวันนี้ อุตสาหกรรมภาพยนตร์มูลค่า 33,000 ล้านบาท มีผี ตั้งแต่วันแรกที่หนังฉาย คิดดูธุรกิจซีดีเถื่อนทั้งระบบจะเป็นเงินเท่าไหร่?

สัปดาห์แรก หนังเข้าฉาย ควรจะได้เงิน 20 ล้านบาท หรือ 30 ล้านบาท แต่พอมีแผ่นผีออกมา รายได้จะหายไปทันที 90 เปอร์เซ็นต์

เหลือรายได้ 2-3 ล้านบาท กระทบโดยตรงกับผู้ทำหนัง

ปณิธาน เศรษฐบุตร เจ้าของธุรกิจโรงภาพยนตร์ MAJOR CINEPLEX เสริมว่า นั่นเป็นเพราะกำลังซื้อมีไม่สูง ซีดีเถื่อนละเมิดลิขสิทธิ์เลยบูม

เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ สมมติว่า เรามีร้านรองเท้าแบรนด์เนม ผลิตขายอยู่คู่ละ 2,000 บาท วันดีคืนดี มีคนมาขโมยจากโรงงานมาขายหน้าร้าน คู่ละ 500 บาท

ของขโมย...ไม่มีต้นทุนการผลิต

การผลิตหนังแต่ละเรื่องใช้ต้นทุนมหาศาล ต้องยอมรับว่า น่าเห็นใจผู้ผลิตภาพยนตร์มาก...การละเมิดลิขสิทธิ์ ทำให้กำลังใจที่จะทำผลงานดีๆหมดไป

หนังไทยเรื่องหนึ่ง สมมติว่าสร้างเรื่องแรกด้วยงบ 20 ล้านบาท โดนแผ่นผีขาดทุนเจ๊ง เรื่องต่อมาจะสร้างอีกก็ต้องลดต้นทุนลงมาเหลือ 15 ล้านบาท... 10 ล้านบาท

มุมกลับ สมมติว่าสร้างเรื่องแรก 30 ล้านบาท ฉายแล้วได้เงินกลับมาเต็มที่ เรื่องต่อมาจะต้องสร้าง 50 ล้านบาท...100 ล้านบาท คุณภาพงานจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว แข่งขันในเวทีภาพยนตร์ระดับโลกได้

โดนฆ่าตั้งแต่ต้นน้ำ จะสินค้าอะไรก็ตาม เมื่อถูกก๊อบปี้ เลียนแบบก็อยู่ในสภาพเดียวกัน

ที่สุดแล้ว...เราจะไม่เหลืออะไรเลย ประเทศชาติจะขาดนักคิด คนเก่งๆ ก็จะหนีไปอยู่ต่างประเทศที่มีการคุ้มครองลิขสิทธิ์ ภูมิปัญญาของเขาได้เต็มที่

คำว่าผี ปัจจุบันมี 2 ประเภท ถ้าเป็นแผ่นผีโรงใหญ่จะใช้วิธีแอบถ่าย ภาพออกมาจะไม่ค่อยชัด แผ่นผีประเภทนี้จะออกมาชนโรง

หนังเข้าวันพฤหัสบดี วันศุกร์ หรือวันเสาร์ก็ออกมาขายทันที

ประเภทที่สอง เมื่อหนังฉายแล้ว ครบ 3-6 เดือน เจ้าของลิขสิทธิ์ทำแผ่นออกมาขาย ก็มีผีอีกที แบบว่าความคมชัดแน่นอน ตรงตามต้นฉบับแบบเป๊ะ...เป๊ะ

ปณิธาน บอกว่า ประการสำคัญที่พูดกันคือการเข้าไปแอบถ่ายในโรง ภาพยนตร์โดยตรง วันนี้ต้องยอมรับว่าเป็นขบวนการที่ใหญ่

เวลาที่หนังออก ทั้งประเทศมีโรงหนังฉาย 600-700 โรง สามารถจะเจาะแอบถ่ายที่ไหนก็ได้...สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง ถ่ายไปได้ครึ่งเรื่อง...ตอนท้ายของเรื่อง ก็เอามาต่อกันได้เป็นเรื่องทั้งหมดครบสมบูรณ์

ยุคนี้ระบบดิจิตอลสะดวกมาก จะเห็นว่าแผ่นผีอาจจะมีภาพกระตุกบ้าง คนเดินผ่านไปมาบ้าง แต่ตลาดระดับล่างไม่สนใจ ขอให้ได้ดูหนังเร็ว ในราคาที่ถูก ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว

ธุรกิจโรงภาพยนตร์วันวานอาจจะมองว่าไม่เกี่ยวกับปัญหาแผ่นผีซีดี เถื่อน โรงภาพยนตร์ก็แค่...ทำหน้าที่รับภาพยนตร์จากเจ้าของหนังมาฉาย แล้วก็แบ่งผลประโยชน์กัน แต่วันนี้...เห็นผลกระทบแล้ว ที่ทำจริงจังคือ ควบคุมการแอบถ่าย

ธุรกิจบันเทิง...จะไปค้นตัวผู้ชม 100 เปอร์เซ็นต์ เหมือนสนามบินคงทำไม่ได้ แม้ว่าจะมีเครื่องจับวัตถุที่เป็นโลหะ ก็ทำได้แค่ 70-80 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นปณิธาน ว่า

ระบบกล้องในโทรศัพท์มือถือ วันนี้เทคโนโลยีสูงมาก ไม่มีใครถือกล้องวีดิโอเข้าไปแอบถ่ายอย่างแน่นอน

กล้องที่ถ่ายวีดิโอได้ในมือถือ คุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆ ในแง่ความคมชัด ขนาดก็เล็กและโรงหนังก็คงไม่สามารถยึด หรือรับฝากมือถือผู้เข้าชมได้

ปัจจุบันการควบคุมดูแลการแอบถ่ายในโรงภาพยนตร์ จึงทำได้ ระดับหนึ่งเท่านั้น

ที่ทำกันเป็นขบวนการ...อาจซื้อตั๋วหนัง แบบกลุ่ม 10 คน คนถ่ายนั่งอยู่ ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยผู้ร่วมขบวนการ ก็ทำให้สังเกตไม่ได้ ว่าใครแอบถ่าย

กรณีเจ้าหน้าที่โรงหนังแอบถ่ายเอง ณ วันนี้ บอกตรงๆว่า ค่อนข้างทำได้ ยาก เพราะเจ้าของหนังมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบในโรง เพื่อความมั่นใจว่าไม่มีขบวนการแอบถ่ายเกิดขึ้นในระบบ

ที่จับได้ทั้งหมด ยังไม่เคยเห็นว่ามีภาพที่ออกมาชัดมากๆ เหมือนกับมีการแอบถ่ายในห้องฉาย...มุมที่ถ่าย ถ้ามาจากห้องฉายจะเห็นชัดเจนว่าองศาการถ่ายอยู่ตรงไหน

ความเป็นจริงจะแอบถ่ายอยู่มุมไหนก็ได้ ซ้ายก็ได้ ขวาก็ได้ จะสูงจะต่ำก็ไม่ใช่ปัญหา คนที่รับซื้อไปก็จะเลือกส่วนที่ดีที่สุด เอามาตัดต่อกันจนเต็มเรื่อง

พูดกันเสมอ เรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ มีการปราบปรามอยู่เนืองๆ ทำไม? ธุรกิจละเมิดลิขสิทธิ์ยังมีอยู่และยิ่งเบ่งบานมากขึ้นๆเรื่อยๆ

จาฤก บอกว่า กฎหมายใช้ได้ระดับหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีจำนวนไม่มากนัก ปัญหาในแต่ละโรงพัก วันนึงอาจจะมีพันกรณี แต่เรื่องละเมิดลิขสิทธิ์มีหนึ่งในพัน กำลังอาจจะไม่พอที่จะปราบปราม

ประเด็นสำคัญ ยังไม่มีนโยบายจากรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง เหมือนรัฐบาลนี้ ที่จี้ลงไปให้ปราบปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ให้หมดไป

นโยบาย...เป็นวาระแห่งชาติ เชื่อว่าตำรวจต้องทำ ถ้าตำรวจเอาจริง...จบแน่

ทรรศนะของปณิธาน ภาครัฐจะเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ได้ ก็ต่อเมื่อเห็นความรุนแรงของผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมของชาติ

การที่เราสนับสนุนให้คนทำผิด แล้วยังลอยนวลอยู่ได้ เป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงความอ่อนแอในการบังคับใช้กฎหมาย ไม่เฉพาะแค่เรื่องนี้ แต่จะลามไปทุกเรื่อง

มองสภาพเศรษฐกิจ ยิ่งจะเห็นชัดเจนว่า ผลกระทบจากการละเมิดลิขสิทธิ์ทำให้เงินภาษีอากรที่รัฐควรจะได้หายไป

ประเทศญี่ปุ่น...เกือบจะเป็นวัฒนธรรมที่จะไม่ใช้ของปลอม ญี่ปุ่นไม่มีของปลอมขาย นี่คือสิ่งที่ประเทศไทยจะต้องสร้างให้ได้ในสังคมบ้านเรา

การจับปรับเป็นเรื่องปลายเหตุ แต่ตราบใดก็ตามที่ไม่มีคนซื้อก็จะไม่มีคนขาย

ปณิธาน บอกว่า ต้องแก้ค่านิยมที่ผิดๆของคนไทยที่ว่า ซื้อของแพงกลายเป็นโง่ ซื้อของปลอมของถูกเป็นคนฉลาด

ถ้าไม่มีปัญญาซื้อของจริงที่ราคาแพง ก็เลือกซื้อของถูกที่ไม่ใช่ของปลอม เราจะต้องสร้างความรู้สึกสำนึกให้ลูกหลานเราว่า จะต้องไม่สนับสนุนในสิ่งที่ผิด

เหมือนสมัยก่อนที่เห็นกระบวนการในการรณรงค์สร้างกระแสไม่สูบบุหรี่ ในที่สาธารณะ ถึงวันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ

จิตสำนึกที่เป็นความเจริญของอารยธรรม เริ่มต้นจากคน แม้ว่าประเทศไทยยังไม่พัฒนาเทียบเคียงประเทศมหาอำนาจได้ แต่จิตสำนึกประชาชน สามารถพัฒนาได้เร็วกว่าการพัฒนาชาติ

ประเทศที่เจริญไม่ได้มีอะไรที่ดีกว่าบ้านเราเลย ไม่ใช่หมายความว่ามีทรัพยากรธรรมชาติมากกว่าเรา ภูมิอากาศที่ดีกว่า แต่เกี่ยวกับเรื่องคนเท่านั้น

ปณิธานย้ำว่า คนเขามีวินัย เคารพกฎหมาย มีจิตใจที่ดีงาม ไม่ ประพฤติชั่ว ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องรวย ก็เป็นประเทศที่พัฒนาได้

ระยะเวลาอาจจะยาวนาน เป็นสิบ ยี่สิบปี แต่วันนี้เราต้องเริ่ม ถ้าไม่เริ่มรอให้ถึงวันนั้นก็จะไม่มีใครแก้ไข

ของปลอม ของเลียนแบบเป็นสิ่งที่ทำลายความรู้สึกภูมิใจในชนชาติ ปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์มีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสะท้อนว่าคนไทยไม่รักชาติมากขึ้นเท่านั้น.