วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

"ทักษิณ"เลิกปาฐกถาที่ฮ่องกง บอกรบ.ไทยตื่นเต้นจนน่ารำคาญ "นพดล"ยันไม่ได้กลัวถูกจับ ปชป.ปัดส่งคนตามรวบ

ที่มา มติชนออนไลน์

"ทักษิณ" เลิกปาฐกถาที่ฮ่องกงอ้งรบ.ไทยตื่นเต้นจนน่ารำคาญไม่อยากให้กระทบสัมพันธ์ไทย-จีน "นพดล"ยันไม่ใช่กลัวถูกจับชี้"แม้ว"เหนือกว่า"อภิสิทธิ์" มาก เห็นใจนายกฯแค่ต่อสู้กับ พท.ก็ลำบากแล้ว "เฉลิม"ซัดรัฐบาลอาฆาต"แม้ว" ปชป. ปัด รบ.ขึงขังส่ง"ตร.-อัยการ"ตามรวบอดีตนายกฯ

"ทักษิณ" เลิกปาฐกถาที่ฮ่องกง


สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษนายนพพร วงศ์อนันต์ ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ทางโทรศัพท์จากสถานที่ซึ่งไม่เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจยกเลิกการกล่าวปาฐกถาระหว่างงานเลี้ยงอาหารกลางวัน ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งฮ่องกงในวันที่ 2 มีนาคมนี้ ในหัวข้อ "วิกฤตการเงิน, ความไม่แน่นอนทางการเมือง : บทเรียนจากประเทศไทย" แล้ว โดยอ้างว่า รัฐบาลไทยตื่นเต้นเรื่องนี้จนน่ารำคาญ และไม่อยากให้เกิดผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน


"ผมไม่ไปแล้ว ผมไม่อยากให้กระทบความสัมพันธ์ดีๆ รัฐบาลไทยตื่นเต้นจนน่ารำคาญ ผมเลยคิดว่าไม่ไปดีกว่า" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวสั้นๆ กับรอยเตอร์ โดยเสริมด้วยว่ารัฐบาลไม่น่าจะตื่นเต้นมากจนเกินไปกับปาฐกถาของตน ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดการแก้ปัญหาวิกฤตทางการเงินของโลกเท่านั้น

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. นายทอม มิทเชล รองประธานคนที่หนึ่งของสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศฮ่องกง (เอชเคเอฟซีซี) เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ได้รับแจ้งจากตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องที่อดีตนายกรัฐมนตรีไทยตัดสินใจไม่เดินทางมาฮ่องกงแล้ว อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณยังเต็มใจที่จะปาฐกถาผ่านวิดีโอลิงก์มายังเอชเคเอฟซีซี โดยทั้งสองฝ่ายกำลังดำเนินการเพื่อให้การเชื่อมสัญญาณวิดีโอดังกล่าวเป็นไปได้อยู่ในเวลานี้

"นพดล"ยันไม่ใช่กลัวถูกจับ


ด้านนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ล่าสุดได้รับการประสานจากทีมงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าการยกเลิกไม่ได้มีสาเหตุมาจากรัฐบาลไทยประสานรัฐบาลฮ่องกงให้จับตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีที่เมืองไทย และไม่ใช่เรื่องการกลัวถูกจับตัวแน่นอน เพราะปกติแล้วไทยกับรัฐบาลฮ่องกง ไม่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน


นายนพดลกล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการที่นายอภิสิทธิ์รีบประสานงานเพื่อขอให้รัฐบาลฮ่องกงส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีนั้น เป็นการเร่งรัดเกินความจำเป็น แม้เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่การดำเนินการดังกล่าวต้องทำอยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่ใช่มองว่าต้องรีบกำจัด พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นคู่แข่งทางการเมืองที่มีความรู้ ความสามารถเหนือกว่านายอภิสิทธิ์มาก ลำพังแค่นายอภิสิทธิ์ต่อสู้กับพรรคเพื่อไทยเพียงอย่างเดียว ก็ลำบากอยู่แล้ว หาก พ.ต.ท.ทักษิณยังอยู่จะยิ่งลำบากมากขึ้น จึงคิดว่าต้องรีบกำจัด พ.ต.ท.ทักษิณให้ได้ ขอให้นายอภิสิทธิ์ใช้ความกระตือรือร้นไปเร่งรัดดำเนินคดีกับกลุ่มที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิจะดีกว่า


"เฉลิม"ซัดรัฐบาลอาฆาต"แม้ว"


ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลจะประสานให้รัฐบาลฮ่องกงจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น เป็นการกระทำที่อาฆาตมาดร้ายที่ก่อให้เกิดผลเสียและผลกระทบต่อหลายภาคส่วน จากการที่รัฐบาลใช้โมหจริตเป็นที่ตั้ง ไม่ยอมศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจนว่าฮ่องกงไม่มีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย และความผิดที่ พ.ต.ท.ทักษิณถูกกล่าวหาในคดีที่ดินรัชดาฯที่ศาลตัดสินให้จำคุก 2 ปีนั้น ในเกาะฮ่องกงก็ไม่มีกฎหมายที่กำหนดว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิด


ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการเมืองอย่างชัดเจน และคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการตัดสินคดีของศาลเดียว ซึ่งสหประชาชาติเคยแจ้งมติต่อบรรดาสมาชิกที่มี 100 กว่าประเทศ ในบันทึกข้อ 14 (5) กรณีความผิดอย่างนี้ผู้กระทำความผิดไปอยู่ประเทศใดก็ตามและประเทศนั้นมีสนธิสัญญาส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน หากความผิดตัดสินเพียงศาลเดียว ประเทศที่คนกระทำผิดอาศัยอยู่เจ้าของประเทศอาจไม่ส่งตัวก็ได้ ซึ่งฮ่องกงก็ได้ลงบันทึกข้อตกลงในเรื่องนี้ด้วย


"การกระทำของรัฐบาลถือเป็นเพียงการหวังดิสเครดิต พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น แหล่งข่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม ได้ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปฮ่องกง เพื่อแสดงปาฐกถาเรื่องเศรษฐกิจโลกตามกำหนดการเดิมอย่างแน่นอน" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว


"มาร์ค" เมิน-เร่งช่วยชาวบ้าน


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการตอบคำถามสื่อมวลชนต่างประเทศ ภายหลังพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนอย่างเป็นทางการ ว่าไม่รู้สึกกังวลกับการที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมเดินทางไปปาฐกถาที่เกาะฮ่องกง เพราะสิ่งที่กังวลคือ การแก้ไขปัญหาของประชาชน ที่สำคัญได้รับรายงานว่าการปาฐกถาดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วจะยังส่งคนไปจับกุมตัวกลับมาอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อยกเลิกไปแล้วก็เลยไม่รู้อยู่ที่ไหน ส่วนการดำเนินการส่งตัวกลับไทย ไม่ควรพุ่งเป้าให้ความสำคัญกับด้านใดด้านหนึ่ง ควรจะมีการพูดคุยเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อออกมาเป็นนโยบายกับเรื่องนี้ เมื่อถามว่า คิดอย่างไรกับการที่ พ.ต.ท.ทักษิณชอบใช้สื่อเป็นเครื่องมือ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ถามย้ำทำไมถึงไม่แสดงความเห็น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เพราะตนกับ พ.ต.ท.ทักษิณมักจะคิดไม่ตรงกัน


รบ.ขึงขังส่ง"ตร.-อัยการ"ตามรวบ


นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวที่โรงแรมเชอราตันหัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา จ.เพชรบุรี ว่าได้ประสานสถานกงสุลใหญ่ไทยในฮ่องกง เพื่อขอให้หาที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้ยังได้ส่งเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและอัยการไปประสานกับทางการของเกาะฮ่องกงอย่างไม่เป็นทางการแล้ว เพื่อจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ หากไปปรากฏตัวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เกาะฮ่องกงเพื่อกล่าวปาฐกถา ในวันที่ 2 มีนาคมนี้จริง


"เรื่องนี้ไม่ได้มีวาระแอบแฝง หรือตั้งเป้าเพื่อดำเนินการกับอดีตนายกฯเท่านั้น เพราะเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติต้องทำในการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาลงโทษตามกระบวนการ" นายพุทธิพงษ์กล่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้ข้อกฎหมายใดเพื่อจับกุมตัว เพราะฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า จะใช้เวลาประสานกับทางการฮ่องกงว่าจะสามารถใช้กฎหมายใดเพื่อนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาได้บ้าง น่าจะใช้เวลา 1-2 วันถึงจะรู้ผล เบื้องต้นหวังว่าจะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณส่งไปที่จีนแผ่นดินใหญ่ ที่มีกฎหมายผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย ก่อนส่งตัวกลับประเทศ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่


ยันมีช่องนำตัวกลับเมืองไทย


ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงที่พรรคประชาธิปัตย์ ถึงการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการทำความร่วมมือระหว่างไทยกับฮ่องกง ยืนยันว่าข้อมูลครบถ้วนทุกด้าน เหลือเพียงการประสานงานระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับอัยการในการประสานกับฮ่องกง ส่วนกรณีที่ไทยกับฮ่องกงไม่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันนั้น ถือว่าไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะเรื่องนี้สามารถดำเนินการได้ตามมาตรา 96 ของธรรมนูญการปกครองของเกาะฮ่องกง ที่เปิดช่องให้ฮ่องกงดำเนินการได้ โดยการขอความสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ในเรื่องของคำสั่งหรือนโยบายให้สนับสนุนด้านกระบวนการยุติธรรมแก่ประเทศหรือรัฐอื่นได้ตามความเหมาะสม เพราะระหว่างไทยกับจีน มีการลงนามเกี่ยวกับความร่วมมือหรือสนธิสัญญาด้านกระบวนการยุติธรรม เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2542


"เชื่อว่าในวันที่ 2 มีนาคม พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้เวทีที่ฮ่องกง พูดถึงกระบวนการยุติธรรมของไทยให้ต่างชาติไม่เชื่อมั่น และให้เชื่อว่าตัวเองเป็นนักโทษการเมืองไม่ใช่นักโทษคดีอาญา แต่ขณะนี้พื้นที่ในการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณเริ่มน้อยลง เพราะประเทศต่างๆ เริ่มระวังในการให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้พื้นที่เคลื่อนไหว"นพ.บุรณัชย์กล่าว


จี้"เฉลิม"แจ้งที่อยู่อดีตนายกฯ


เมื่อถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณปรากฏตัวที่ฮ่องกงจริง จะสามารถจับกุมตัวได้เลยหรือไม่ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ต้องเคารพในการดำเนินการของฮ่องกง สำหรับกลไกของไทยเป็นการประสานระหว่างอัยการและกระทรวงการต่างประเทศผู้ทำสำนวนขอส่งตัว ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิมระบุ พ.ต.ท.ทักษิณอาจไม่ไปกล่าวปาฐกถาที่ฮ่องกงแล้วนั้น ร.ต.อ.เฉลิมคงจะเพิ่งตื่น ความจริง ร.ต.อ.เฉลิมน่าจะรู้ดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ไหน มีแผนการในการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างไร ดังนั้นจึงน่าจะออกมาให้ข้อมูลกับรัฐบาลเพื่อติดตามตัวกลับประเทศ รวมถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่น่าจะรู้ที่พำนักของ พ.ต.ท.ทักษิณ


เมื่อถามว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะเดินทางไปฮ่องกงเพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณเมื่อใด นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า พรรคไม่เคยมีนโยบายส่ง ส.ส.ไปติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ จุดยืนชัดเจนคือ จะสนับสนุนรัฐบาลให้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่ข่าวที่ออกมาคงเป็นความเห็นส่วนตัวของนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอความเห็นต่อที่ประชุมคณะทำงานปฏิบัติการเพื่อการเมือง หรือวอร์รูม ว่า หากทางการไม่สามารถเอาตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาได้ ก็ต้องไปหาว่าอยู่ที่ไหน


ปัดส่งส.ส.ตามล่าถึงฮ่องกง


ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ยังไม่ได้ตกลงว่า ส.ส.พรรคจะเดินทางไปฮ่องกงเมื่อใด เป็นเพียงแต่ข้อหารือกันว่าควรจะมีการติดตามหาข้อมูลของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการดำเนินการในนามส่วนตัว เพื่อหาข้อมูลว่า พ.ต.ท.ทักษิณพักที่โรงแรมไหนเป็นประจำ หรือมีบ้านพักส่วนตัวที่ซื้อไว้หรือไม่ เพื่อให้ทราบที่อยู่หลักแหล่ง ดังนั้นหาก ส.ส.จะเดินทางไปก็จะเป็นการไปหาข้อมูลเฉยๆ ไม่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงกระบวนการที่รัฐดำเนินการ อีกทั้ง ส.ส.ไม่มีอำนาจไปตามจับตัวใครข้ามประเทศได้ แต่สิ่งที่จะได้คือ ข้อมูลการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ


นายชุมพล กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะไม่มีการส่ง ส.ส.หรือทีมงานของพรรค เพื่อไปนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดี เพราะมองว่าท้ายที่สุดไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องเดินทางกลับประเทศอยู่แล้ว ส่วนจะกลับมาแบบยังมีชีวิตหรือเสียชีวิตแล้ว ยังไกลเกินไปที่จะวิเคราะห์


จับ21พธม.-ปชป.ตกที่นั่งลำบาก


นายชุมพลยังกล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลว่า ทุกคนหนักใจ เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงสร้างความเดือดร้อนให้ทั้งรัฐบาลและคนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ด้วย ยอมรับว่าพรรคตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก จากกรณีที่ทางตำรวจออกหมายจับ 21 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วแกนนำกลุ่มพันธมิตรแสดงความไม่พอใจ รัฐบาลคงไม่สามารถไปเปลี่ยนตัว พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ผู้ที่รับผิดชอบคดีนี้ตามความต้องการของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรได้


"คดีนี้ต้องมีการตรวจสอบการแจ้งข้อกล่าวหา การทำสำนวนด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าผู้ที่รับผิดชอบคดีนี้ได้รับมอบนโยบายจากรัฐบาลชุดที่แล้วมาอย่างไรบ้าง แต่ยืนยันว่าเราไม่ถึงกับไม่ไว้ใจตำรวจ เพียงแต่ต้องการให้ทุกอย่างทำด้วยความโปร่งใส และเป็นธรรม" นายชุมพลกล่าว


ปลัดกห.ชี้ทหารฝ่ายประชาชน


พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิร์ตซ์ กรณีที่การ์ดกลุ่มเสื้อแดงทำร้าย ส.อ.อำนวย ทองรินทร์ ทหารกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (พันร.มทบ.11) ขณะปฏิบัติหน้าที่ ว่า คงให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการและสอบสวนไปตามข้อมูลข้อเท็จจริง เพราะฝ่ายเสื้อแดงก็ไปแจ้งความว่าทหารเข้าไปทำร้ายการ์ดเสื้อแดง แต่หน้าที่ของตำรวจต้องสืบสวนข้อเท็จจริง ทหารจะไม่เข้าไปยุ่งหรือกดดันตำรวจ


เมื่อถามว่า กลุ่มเสื้อแดงมองว่าทหารเป็นศัตรู พล.อ.อภิชาตกล่าวว่า "เราไม่ได้เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เราพยายามทำตามหน้าที่ของเรา เมื่อรัฐบาลมอบหมายให้เราเข้าไปดูแลสถานที่สำคัญของรัฐบาล เราก็จำเป็นต้องจัดกำลังเข้าไปดูแล เราเพียงแต่ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น เรายืนยันว่า เราเป็นกลางและอยู่บนฝ่ายของความถูกต้องมากกว่า"


พล.อ.อภิชาตกล่าวว่า ทหารเข้าไปช่วยตำรวจในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ขณะที่การแก้ปัญหาเป็นเรื่องของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องดูแลต่อไป ยืนยันว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกคนมีความพร้อมที่จะทำงานเพื่อชาติและประชาชนเป็นหลัก โดยที่ไม่ได้คิดว่าเป็นฝ่ายไหนหรือพวกของใคร แต่เป็นพวกของประชาชน และส่วนรวมเป็นหลัก