ที่มา thaifreenews
บทความ โดย ปูนนก
พักก็เพื่อรบตีนตบสยบหมู่มาร....เพื่อนออกจากบ้านรวมพลังเสื้อแดง.....
พักก็เพื่อรุกเตรียมบุกไปทุกระแหง......เพื่อการเปลี่ยนแปลงแรงก็แรงไม่กลัว.....
เสียงเพลง “มาร์ชเสื้อแดง” ดังกระหึ่มขึ้น กระแสของมวลชนเสื้อแดงนับหลาย ๆ หมื่นได้เคลื่อนตัวไปเหมือนกระแสธารสีแดงฉานที่หลั่งไหลท่วมท้นไปตามถนนราชดำเนิน ท่ามกลางอากาศร้อนยามใกล้เที่ยงบนท้องถนน เปลวแดดเต้นระยิบแต่ก็ไม่ได้ทำให้ขบวนผู้คนสวมเสื้อสีแดงที่กำลังเคลื่อนที่ไปพร้อมกันด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ “เรียกร้องประชาธิปไตยที่สมบูรณ์” นั้นหยุดหรือท้อถอยไปได้....ขบวนเสื้อแดงผู้ถือธงสีแดง, ขบวนเสื้อแดงผู้ที่ขับรถมอเตอร์ไซด์, และถัดมาก็เป็นกองทัพประชาชนเสื้อแดงนับไม่ถ้วนต่างก็กำลังเดินไปอย่างมุ่งมั่นและมีแต่รอยยิ้มให้แก่กันและกัน ท่ามกลางกระบวนที่เดินอยู่นั้นมีรถบรรทุกคันใหญ่ติดเครื่องขยายเสียงโดยมีแกนนำเป็นผู้กำกับกระบวนการเคลื่อนที่ของผู้คนที่กำลังเคลื่อนไป.....
“แดงทั่วแผนดิน” กลายเป็นคำขวัญของคนไทยทั่วทั้งประเทศไทยไปแล้ว ข้อเรียกร้อง 4 ข้อของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ได้ยื่นไว้กับรัฐบาลและปิดประกาศเอาไว้ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลโดยมีเนื้อความโดยสรุปกว่า
1. ให้รัฐบาลดำเนินตามกฎหมายกับผู้เหล่าพันธมิตรผู้ืทำการยึดทำเนียบและสนามบิน
2. ให้ปลด นายกษิต ภิรมย์ รมต. กระทรวงการต่างประเทศและผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการของพันธมิตรทั้งหมดที่มีตำแหน่งอยู่ในรัฐบาล
3. ทำการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ คพปร. ในสภา
4. หลังจากได้ข้อสรุึปเรื่องการแก้ไขรัฐมนูญแล้วให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่
เวลานี้กองทัพเสื้อแดงไม่ได้มีเพียงแค่จำนวนผู้คนที่รวมตัวกันอยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น แต่กองทัพเสื้อแดงได้แพร่ขยายไปเหมือนไฟลามทุ่งไปทุกหัวระแหงของแผ่นดินนี้ การต่อสู้ของคนเสื้อแดงวันนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การต่อสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น แต่เป้าหมายได้ขยายเป็นสเกลที่ใหญ่กว่านั้นในระดับโลกแล้วนั่นคือ “เรียกร้องการปกครองที่เป็นประชาธิปไตย” ด้วยเหตุผลนี้แนวร่วมของคนเสื้อแดงจึงไม่ได้อยู่เพียงแค่ในระดับประเทศไทยเท่านั้น แต่ได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติทั่วทั้่งโลก
การลดระดับความสัมพันธ์ลงของ สหรัฐอเมริกา (เห็นได้จากการให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ไม่มาเยือนไทยของ รมต. ต่างประเทศสหรัฐในการเยือนเอเซีย) เป็นสิ่งบอกเหตุแรกที่แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลเผด็จการและผู้ที่อยู่เบื้องหลัง จะไม่ได้รับการร่วมมือจากคนทั้งโลก.....รัฐบาลญี่ปุ่นเคยตกลงว่าจะอนุมัติิเงินกู้เพื่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง 2,000 ล้านบาท แต่เอาเข้าจริงเขาก็ยังไม่ให้ เพราะนายกอภิสิทธิ์ ไม่สามารถลงนามได้ ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศของท่านนายกทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มปรากฏผลเป็นรูปธรรมมากขึ้นทุกที ภาวะเศรษฐกิจที่รุมเร้าไปทั่วทั้งโลกส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมาสู่ประเทศไทย...โรงงานอุตสาหกรรมใหญ่น้อยพากันปิดตัวลง คนตกงานนับหลายแสนคนในทุกภาคส่วนของประเทศ รัฐบาลไม่มีนโยบายใด ๆ ที่เด่นชัดในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนอกจากตระเวนไปกู้เงินตามประเทศต่าง ๆ และแก้ปัญหาทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลไปวัน ๆ.....
ดังนั้นปัญหาเศรษฐกิจของชาติซึ่งเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนและเกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรงจึงเป็น “จุดตาย” ของรัฐบาลนี้ อีกทั้งเรื่องความไม่ชอบธรรมของการได้มาซึ่งอำนาจรัฐ และการไม่้ดำเนินการใด ๆ กับกลุ่ม พันธมิตรผู้กระทำผิดกฎหมายในการยึดทำเนียบ และสนามบิน....กระแสเสื้ือแดงแพร่ขยายไปยังกลุ่มคนระดับล่างในทุกกลุ่มของประเทศ แม้แต่ทหาร, ตำรวจ, และข้าราชการ ก็มีคนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยอยู่ในนั้น...เวลาของเผด็จการอมาตย์กำลังจะหมดลงในอีกไม่นานนี้แล้ว.....
การต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. นี้ เป็นเสมือนกับวันประกาศการต่อสู้ของ พคท. ในอดีตที่ อ. ภูพาน จ. สกลนคร เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว แต่ที่แตกต่างกันก็คือ วันประกาศการต่อสู้ของคนเสื้อแดงครั้งนี้มิใ่ช่การต่อสู้ด้วยอาวุธ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ตามสิทธิือันพึงมีของประชาชน....ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่เคยมีประเทศใดที่รัฐบาลเผด็จการต่อสู้กับประชาชนแล้ว เผด็จการจะได้รับชัยชนะ แม้ว่าพวกเขาจะมีอำนาจมากเพียงใดก็ตาม....
เคยมีคำกล่าวที่พวกพันธมิตรพูดเอาไว้อย่างอหังการ์ และเป็นคำพูดที่ปิดกันให้แซดว่า “พวกเสื้อแดงรู้หรือเปล่าว่ากำลังสู้กับใคร??” ในครั้งนั้นใครก็ตามที่ได้ยินคำพูดนี้ต่างก็รู้สึกหวั่นไหวและเกรงกลัวว่า ภัยจะมาถึงตัวเพราะประชาชนกำลังต่อสู้กับ “มือที่มองไม่เห็น” และเป็นอำนาจที่ “ปฏิเสธไม่ได้”....... แต่เวลานี้เมื่อพลังของประชาชนที่แท้จริงที่ได้ถูกปิดซ่อนเอาไว้ ได้หลอมรวมกันกลายเป็นกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากที่พร้อมจะกวาดเอาสิ่งเลวร้ายออกไปจากประเทศนี้ ประชาชนไทยทุก ๆ คนต่างก็พร้อมใจกันลุกขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน และพวกเขากำลังตะโกนถามไปยังเผด็จการอมาตย์และผู้ที่อยู่เบื้องหลังว่า “พวกท่านรู้หรือเปล่าว่าท่านกำัลังสู้อยู่กับใคร ??”
พี่น้องชาวสีแดงที่รัก พวกเราทุกคนมิใช่เพียงมีเสื้อสีแดงที่เหมือนกันเท่านั้น แต่พวกเราทุกคนต่างก็มี “เลือดสีแดง” เหมือน ๆ กันอีกด้วย มิได้มีเลือด “สีน้ำเงิน” หรือ สีอื่นใด และด้วยเลือดสีเดียวกันนี่เอง ทำให้พวกเราทุกคนจึง “เหมือนกันและเป็นพี่น้องกัน” แม้ว่าเราจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย.....
เราจะก้าวไปด้วยกัน....เราจะสู้ไปด้วยกัน...เราจะไม่หยุดจนกว่าเราจะได้ชัยชนะ...หรือไม่ก็เอาชีวิตของเราไป.....แต่เราจะ “ไม่ยอม” ให้ใครมาแย่งเอา สิทธิ์และเสรีภาพในความเป็นมนุษย์ของเราไป.....
เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฎร์
สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์
แม้นชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน
จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน
จิตร ภูมิศักดิ์