ที่มา thaifreenews
บทความ โดย  ปูนนก
ไม่เหนือความคาดหวังสักเท่าไรนักที่แกนนำความจริงวันนี้ประกาศยกเลิกการชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลหลังจากชุมนุมใหญ่กันมาได้เพียง  3 วันเท่านั้น  มีการวิเคราะห์กันมาจากหลากหลายมุมมองว่า “การประกาศยกเลิกการชุมนุม”  ในครั้งนี้ (จากที่ตั้่งท่ากันมานาน)  มีความเหมาะสม หรือสมเหตุสมผลเพียงใด  ขณะที่ผู้คนที่สวมเสื้อสีแดงที่มีความรักความต้องการประชาธิปไตยอย่างเต็มล้นอยู่ในหัวใจเรือนหมื่น  หรือหลาย ๆ หมื่น  ต่างก็หลอมรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเรียกร้องและทวงสัญญาตามที่ได้ประกาศเอาไว้
ผมเชื่อว่าคงจะมีไม่น้อยที่ผู้ที่มีใจรักประชาธิปไตยและคอยเอาใจช่วยอย่างเต็มที่กับการต่อสู้ครั้งนี้  คงจะรู้สึกไม่เข้าใจและมีคำถามมากมายกับทิศทางและการต่อสู้ที่ผ่านมาในการชุมนุมครั้งนี้  หลายคนอาจจะผิดหวัง, หลายคนอาจจะสับสน,  หลายคนอาจจะหงุดหงิด, ฯลฯ  ผมเองทันที่ที่ได้ยินคำประกาศจากเวทีคนเสื้อแดงที่ประกาศยกเลิกการชุมนุม  ก็รู้สึกสับสนในช่วงแรกเหมือนกัน...แต่หลัีงจากได้สงบจิตใจลงแระค่อย ๆ  คิดใคร่ครวญอย่างรอบคอบ ทั้งผลดีผลเสีย  ทั้งจุดอ่อนจุดแข็ง  ของฝ่ายคนเสื้อแดงแล้วก็ต้องกลับมาพิจารณาความรู้สึกของตนเองเสียใหม่
การนัดชุมนุมในครั้งนี้เป็นการชุมนุมใหญ่โดยมีเป้าหมายหลักคือการ  “ทวงถามข้อเรียกร้อง”  ที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นให้กับรัฐบาลเอาไว้ัตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม  ด้วยเหตุนี้พี่น้องชาวเสื้อแดงจึงมารวมพลังกันเพื่อ  “กดดันรัฐบาล”  ให้ดำเนินตามข้อเรียกร้องเหล่านั้น  ซึ่งก็เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินงานเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยนั่นเอง  เพียงแต่ไม่ได้เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น  ถ้าเป็นมวยก็เรียกว่า “เป็นมัดฮุ๊ค  ยังไม่ใช่หมัดยิงตรง ๆ”  
จากการชุมนุม 3 วันที่ผ่านมาผลที่ได้รับนอกจากจะเป็นการแสดงพลังคนเสื้อแดงทวงถามข้อเสนอดังกล่าวแล้ว  ยังเป็นการแสดงให้ชาวต่างประเทศทั้งหลายได้เห็นถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลที่ได้มาจากการใช้อำนาจ  (ที่่มองไม่เห็น) เป็นผู้้ตั้งขึ้นมา  ซึ่งอำนาจนี้มิใช่อำนาจที่มาจากประชาชนที่แท้จริง  และเมื่ออำนาจรัฐบาลมิได้มาจากประชาขนที่แท้จริงของประเทศก็จึงพูดไม่ได้เลยว่า  “รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตย”  ด้วยเหตุันี้บรรดาชาติต่าง ๆ  ที่มีแนวทางการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจึงพากันรังเกียจ  และไม่ต้องการคบหาด้วย
การประชุมอาเซียนซัมมิตที่มีขึ้นนี้ อาจจะมีใครต่อใครที่พยายามสร้างภาพให้เห็นว่า บรรดาชาติอาเซียนทั้งหลายต่างก็ยังคงให้ความสนับสนุนรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยการมาเข้าร่วมประชุมตามกำหนดการที่จัดไว้ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำอาเซียน, รัฐมนตรีต่างประเทศ, รัฐมนตรีกลาโหม ฯลฯ ที่ได้เข้ามาร่วมการชุมนุมในครั้งนี้....แต่ถึงอย่างไรความจริงก็ไม่อาจจะหนีพ้นไปได้ว่า การประชุมอาเซียนซัมมิตในครั้งนี้ก็เป็นเพียง “กระดาษห่อของขวัญที่สวยงามแต่ห่อหุ้มกล่องกระดาษอันว่างเปล่าเอาไว้ภายใน” และก็เป็นมารยาทที่แต่ละประเทศในประชาคมอาเซียนจะต้องแสดงความร่วมมือกัน เพื่อธำรงค์ไว้ซึ่งความเป็นปึกแผ่นของประชาคม หาใช่การเห็นด้วยกับรัฐบาลที่มีที่มาจากเผด็จการแต่อย่างใดไม่
อาจจะมองดูดี  แต่ในความเป็นจริงก็เป็นเีพียงการ “เชิญคณะผู้นำอาเซียน”  มาทัวร์ประเทศไทย และมารับประทานอาหารไทย  ก็เท่านั้น จะไม่สามารถมีการตกลงใด ๆ  ที่จะนำไปสู่การพัฒนาร่วมให้เป็นรูปธรรมได้มากกว่าเดิมอย่างแน่นอน  และที่แน่ ๆ  ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศจะไม่ได้รับประโยชน์อันใดจากการประชุมอาเซียนซัมมิตนี้เช่นกัน  
การยกระดับการชุมของคนเสื้อแดง  และการบอกเลิกการชุมนุมในครั้งนี้ “ถ้ามองในมุมแคบ”  ก็จะเห็นได้ว่าเป็นการเสียเปล่าของมวลชนอย่ีางสิ้นเชิงที่  เมื่อมาร่วมชุมนุมกันจากทั่วสารทิศแล้วไ่ม่สามารถกดดันรัฐบาลให้ทำตามได้อย่างที่ต้องการดูเหมือนผู้ชุมนุมจะพ่ายแพ้  “แต่ถ้ามองในมุมกว้าง” แล้ว  สิ่งที่คนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยต้องการคือ “การได้มาซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข” อย่างแท้จริง  และการยกระดับการเรียกร้องในครั้งต่อไปนี้ มิใช่การขอให้  “รัฐบาลยุบสภา,  ขอให้ดำเินินคดีกับ พันธมิตร, ขอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ  ฯลฯ” เพียงเท่านั้น  แต่การเรียกร้องในครั้งนี้จะเป็นการเรียกร้องเพื่อ  “เปลี่ยนแปลงการปกครอง”  ของประเทศไทย ซึ่งมันเป็น สเกล  ที่ใหญ่มาก และเมื่อเป็น สเกล  ที่ใหญ่มาก  จึงต้องมีการทำความเข้ัาใจกับมวลชนคนไทยผู้เป็นชาวรากหญ้าอีกมาก
ด้วยเหตุนี้ 1 เดือนที่จะมาถึงนี้ จึงเป็นห้วงเวลาที่แกนนำคนเสื้อแดง  จะต้องไปทำความเข้าใจกับประชาชนชาวรากหญ้าตามภูมิภาคต่าง ๆ  เพื่อให้พวกเขาเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “ประชาธิปไตยที่เป็นของปวงชนชาวไทยนั้นคืออะไร” เป็นการให้คิดแก่พี่น้องคนไทยทั้งมวลที่จะได้เข้าใจว่า  สิ่งที่พวกเขาได้รับจากการปกครองในระบอบเผด็จการนั้นแท้ที่จริงแล้วมันก็เป็นเพียงแค่  “หัวปลา  และหางปลา”  ที่สุนัขจิ้งจอกมันแบ่งมาให้เท่านั้น  ส่วนตัวปลาตรงกลางที่ควรจะเป็นของประชาชนนั้น  สุนัขจิ้งจอกกับพรรคพวกเอาไปแบ่งกันเสวยสุขมานานนับหลายสิบปี  
“สุนัขจิ้งจอกมันไม่ยอมให้ปลาส่วนที่ดีที่สุดแก่ นาก 2 ตัวฉันใด  ประชาธิปไตยไม่มีทางได้มาโดยความเมตตาของเผด็จการฉันนั้น”  ดังนั้นเวลานี้การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจึงไม่ใช่การต่อสู้ในเชิงบุคคลอีกต่อไป  แต่เป็นการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์แล้ว  นับแต่นี้ไปอะไรก็ตามที่ไม่ได้มาโดยประชาธิปไตย  พี่น้องคนเสื้อแดงจะต้องต่อสู้  และไม่ยอมรับในสิ่งนั้นโดยเด็ดขาด
และหลักการประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นมีด้วยกัน  5 ประการคือ
2. เสรีภาพบริบูรณ์ ( Full Freedom ) 
3. ความเสมอภาค ( Equality ) ทั้งความเสมอภาคทางกฎหมาย และความเสมอภาคทางโอกาส  
4. ยึดหลักกฎหมาย ( Rule of Law ) 
5. รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง  (Elected Government  ) 
หนทางไปสู่ประชาธิปไตยยังอีกยาวไกลครับ  การต่อสู้ครั้งนี้ได้ยกระดับการต่อสู้จากแค่การไม่พอใจรัฐบาล,  เรียกร้องบางสิ่งบางอย่างจากรัฐบาล,  มาเป็นการต่อสู้เพื่อ “การปฏิวัติประชาธิปไตย”  ในประเทศนี้่แล้วครับ และพี่น้องคนเสื้อแดงทุก ๆ ท่าน  จะเป็นเหมือนนักต่อสู้ในอดีตเช่น “เชกูวาร่า, มหาตะมะ  คานธี, จอห์น อดัมส์, นางเบนนาซี  บุตโต, ฯลฯ”  
ไม่ว่าท่านจะทราบหรือไม่ก็ตาม  แต่นับแต่นี้ไปขอให้พี่น้องเสื้อแดงทุกท่านได้รับทราบว่า  ท่านคือนักปฏิวัติประชาธิปไตยเพื่ออนาคตของลูกหลานของท่านในประเทศนี้แล้วครับ
ปูนนก