เพราะเกิดผิดพลาดคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับรายงานประจำปีของมูดี้ส์ ที่ชี้ว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะติดลบหนักสุดในกลุ่มเอเชียทุกประเทศ
ทำให้พี่น้องชาวไทยเกิดวิตกจริตไปทั่วหน้า
ทำให้ภาพของประเทศไทย ซึ่งไม่ค่อยสวยอยู่แล้วดูขี้ริ้วมากขึ้น
ล่าสุด รัฐบาลได้แถลงชี้แจงว่าบทวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจของมูดี้ส์ไม่ได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยจะแย่ที่สุดในเอเชีย
แต่วิเคราะห์ว่าการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบ เนื่องจากไทยต้องพึ่งการส่งออกเป็นรายได้หลักของประเทศ
“แม่ลูกจันทร์” ก็หวังว่าข้อมูลใหม่จะทำให้คนไทยสบายใจขึ้น
อนึ่ง บทวิเคราะห์ของมูดี้ส์ชี้ว่าเศรษฐกิจ ไทยปีนี้จะติดลบ 2.4 เปอร์เซ็นต์ จัดเป็นอันดับที่ 6 ของกลุ่มเอเชีย 11 ประเทศ
ประเทศที่เศรษฐกิจติดลบมากกว่าไทย ได้แก่ 1, ไต้หวันติดลบ 5.3 เปอร์เซ็นต์ 2, ญี่ปุ่นติดลบ 4.8 เปอร์เซ็นต์ 3, สิงคโปร์ติดลบ 4.3 เปอร์เซ็นต์ 4, ฮ่องกงติดลบ 4.0 เปอร์เซ็นต์ และ 5, เกาหลีใต้ติดลบ 3.9 เปอร์เซ็นต์
ประเทศที่เศรษฐกิจติดลบมากกว่าไทย ล้วนแต่เป็นเสือเศรษฐกิจตัวใหญ่ๆทั้งสิ้น!!
ถ้ามองแง่ดี การที่เศรษฐกิจไทยติดลบแค่นี้ยังไม่ถือว่าเสียหายมาก
แต่ถ้ามองแง่ร้าย การที่เศรษฐกิจไทยติดลบ 2.4 ในขณะที่ประเทศคู่แข่งอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจยังเป็นบวก เช่น มาเลเซียบวก 1.5 ฟิลิปปินส์บวก 3.3 อินโดนีเซียบวก 3.9 อินเดียบวก 5.6 และจีนบวก 7.0
ก็แสดงว่าเราถูกคู่แข่งทิ้งห่างมากขึ้น
ข้อสำคัญ ถึงแม้ไต้หวัน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลีใต้ เศรษฐกิจจะติดลบมากกว่าไทย แต่เมื่อถึงจุดที่เศรษฐกิจฟื้นตัว กลุ่มประเทศเหล่านี้จะฟื้นตัวเร็วมาก!!
ก็ห่วงแต่ประเทศไทยจะฟื้นช้ากว่าเพื่อน??
อย่างไรก็ตาม ในสภาวะเศรษฐกิจเป็นโรคชํ้ารั่ว รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น
ล่าสุด “นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ออกมายอมรับว่ารัฐบาลจำเป็นต้องกู้เงินต่างประเทศอัดฉีดเศรษฐกิจก๊อก 2 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากการอัดฉีดเศรษฐกิจก๊อกแรก (หนึ่งแสนล้านบาท) เป็นการกระตุ้นระยะสั้น!!
ถ้ารัฐบาลไม่อัดฉีดเงินก้อนใหม่เพิ่มเข้าไป เศรษฐกิจไทยจะขัดลำกล้อง
ปัญหาน่าวิตกคือ ยอดหนี้สาธารณะที่พุ่งกระฉูดไปถึง 1.4 ล้านล้านบาท สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ
สูงปรี๊ดเกือบทะลุเพดานแล้วนะท่าน
แต่เมื่อรัฐบาลไม่มีเงิน ก็จำเป็นต้องกู้เงินต่างประเทศ
รัฐธรรมนูญมาตรา 190 บังคับว่าถ้ารัฐบาลจะกู้เงินต่างประเทศจะต้องเสนอที่ประชุมรัฐสภาลงมติให้ความเห็นชอบเสียก่อน จึงทำสัญญาได้
แต่ในการประชุม ครม.นัดล่าสุด รัฐบาลได้อนุมัติร่างกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งเปิดช่องให้ สัญญากู้เงินต่างประเทศของรัฐบาลได้รับการ “ยกเว้น” ไม่ต้องเสนอให้รัฐสภาเห็นชอบ
แน่ะ...อ้าปากเห็นลิ้นไก่ซะแล้วมั้ยล่ะ
“แม่ลูกจันทร์” เห็นว่าร่าง ก.ม.ฉบับนี้มีเจตนาหลีกเลี่ยงรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่บังคับว่า หนังสือสัญญาที่มีผลผูกพันการค้า การลงทุน และงบประมาณประเทศ ต้องผ่านที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบ
สัญญากู้เงินต่างประเทศจึงไม่มีอภิสิทธิ์ได้รับการยกเว้นแต่อย่างใดทั้งสิ้น!!
ตอนพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านก็ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 190 เป็นอาวุธเล่นงานคู่ต่อสู้
แต่ครั้นตัวเองเป็นรัฐบาลบ้างกลับจะออกกฎหมาย “ยกเว้น” รัฐธรรมนูญมาตรา 190 กันดื้อๆ
ถ้าไม่มีอะไรปิดบังซ่อนเร้น ทำไมต้อง “ยกเว้น” ให้เมื่อยตุ้ม??
“แม่ลูกจันทร์”